คอาการปวดข้อศอกหรือเจ็บข้อศอก คืออาการเจ็บบริเวณปุ่มกระดูกข้อศอกตรงเอ็นกล้ามเนื้อที่มีการอักเสบ พบได้บ่อยในผู้ที่ใช้ข้อมือและข้อศอกมาก ไม่ว่าจะเป็นจากการเล่นกีฬา เช่น กอล์ฟ เทนนิส หรือแม้แต่จากการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น ทำงานบ้าน ยกของ การทำผม เป็นต้น ซึ่งผุ้ที่เป็นมักจะมีอาการ
- ปวดบริเวณปุ่มกระดูกข้อศอกด้านนอก อาจมีอาการปวดร้าวไปทั้งแขนจนถึงข้อมือ
- ปวดมากขึ้นเวลายกของเกร็งแขน ขยับข้อศอกข้อมือหรือกำมือแน่น ๆ เพราะจะไปใช้งานบริเวณที่มีการอับเสบของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น จนถึงอาจมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย
- อาการปวดจะเป็นอยู่ประมาณ 6–12 สัปดาห์แต่ถ้าเป็นมานานมากอาจใช้เวลารักษาเป็นปี
อาการปวดข้อศอกมี 3 ประเภท
- ปวดข้อศอกด้านนอก (Tennis elbow) พบได้บ่อยกว่าประเภทอื่น ๆ
- ปวดข้อศอกด้านใน (Golfer's elbow)
- ปวดข้อศอกด้านหลัง (Bursitis)
สาเหตุของอาการปวดข้อศอก
- เกิดการฉีกขาดของเส้นเอ็นที่เสื่อมสภาพรอบ ๆ ข้อศอก เนื่องจากการขาดความยืดหยุ่นและใช้งานหนักซ้ำ ๆ จนร่างกายซ่อมแซมไม่ทันจึงทำให้เกิดการอับเสบ
- ลักษณะงานที่ต้องใช้แขนหรือข้อมือซ้ำ ๆ เช่น ช่างประเภทต่าง ๆ ที่ต้องทำงานโดยใช้ข้อมือทำงานซ้ำ ๆ ไม่ว่าจะเป็น การทาสี การตอกตะปูหรือหมุนไขควง ชาวไร่ ชาวนาที่ใช้จอบเสียมขุดดิน แม่บ้านที่ทำงานบ้านประเภทซัก บิด ขัดหรือถู เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
- นักกีฬาหรือผู้ที่เล่นเทนนิสนาน ๆ ครั้ง อุปกรณ์หรือทักษะการเล่นไม่ถูกต้องโดยเฉพาะท่าตีด้วยหลังมือ (Backhand)
การรักษาสำหรับผู้ที่มีอาการปวดข้อศอก
แพทย์จะให้ยาแก้ปวดลดอาการอับเสบ (NSIADS) ชนิดรับประทาน หรือฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะตรงบริเวณที่ปวด เพื่อบรรเทาอาการปวดและลดการอับเสบ ซึ่งบางครั้งก็ต้องฉีดยาซ้ำแต่ไม่ควรเกิน 2-3 ครั้ง / ปี ในจุดเดียวกัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะรักษาหายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ในกรณีที่ได้รับการรักษาเต็มที่แล้วอย่างน้อย 3-6 เดือน อาการยังไม่ดีขึ้นการผ่าตัดนำพยาธิสภาพของเส้นเอ็นออกช่วยลดอาการลงได้ ซึ่งแพทย์แนะนำการปฏิบัติตัว เพื่อลดอาการอับเสบและอาการปวดในระยะแรก ดังนี้
- พักหรือใช้งานให้น้อยลงโดยเฉพาะกิจกรรมที่ทำให้เกิดอาการหลีกเลี่ยงการใช้งานผิดท่า
- ประคบด้วยน้ำแข็ง ภายใน 2 วันแรกควรประคบครั้งละ 20 นาทีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อลดความปวดจากการอับเสบและลดการตึงตัวของกล้ามเนื้อ
- ถ้าจำเป็นแพทย์จะพิจารณาให้ใช้แถบรัดใต้ข้อศอก (Tennis elbow support) กรณียังต้องใช้งานแขนมาก
การป้องกันอาการปวดข้อศอก
- สำหรับนักกีฬา สิ่งที่ต้องทำคือ การจัดหาอุปกรณ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็น เช่น การใช้อุปกรณ์ในบ้าน เช่น ด้ามไม้กวาด ท่าหยิบจับหนังสือ เอกสาร ไม้เทนนิสต้องขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่เกินควร หัวไม้ควรมีขนาดประมาณ 95-110 ตารางนิ้ว ทำจากกราไฟด์จะช่วยลดแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่า เส้นเอ็นไม่ควรขึงดึงเกินไป ควรเช็คทุก 6 เดือน ด้ามจับต้องมีขนาดเหมาะมือ เป็นต้น รวมทั้งทักษะการเล่นที่ถูกต้องจะช่วยลดการบาดเจ็บได้มาก
- ส่วนผู้ที่ทำงานโดยต้องใช้กล้ามเนื้อแขน ข้อมือ ข้อศอกโดยลักษณะซ้ำๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานที่หนักเกินไป แต่ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้การบริหารกล้ามเนื้อในท่าต่าง ๆ ที่กล่าวมาจะเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ จะช่วยลดการบาดเจ็บของข้อศอกบริเวณด้านนอกได้
การบริหารข้อศอก
เพื่อพัฒนาความยืดหยุ่น และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังจากระยะอาการปวดในระยะแรกลดลง แบ่งเป็น
- การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (Stretching) โดยการกระดกข้อมือขึ้นลงและหมุนในขณะที่ทำข้อศอกควรเหยียดตรงในการทำแต่ละครั้งให้ค้างไว้ 20-30 วินาที ทำซ้ำ 5-10 ครั้งทำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แต่ควรระวังไม่ทำจะมีอาการปวดมาก
- การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเนื้อ (Strengthening) โดยใช้อุปกรณ์ช่วย
ท่าบริหาร
ในระยะต่อไป ใช้ท่าบริหารเช่นเดียวกัน แต่เพิ่มน้ำหนักของอุปกรณ์หรือเพิ่มจำนวนครั้งมากขึ้น เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เป็นการเตรียมความพร้อมในการใช้งานครั้งต่อไป
อาการปวดเข่า มีเสียงก๊อกแก๊กที่หัวเข่า ถือเป็นอาการแจ้งเตือนอย่างหนึ่งของร่างกายที่ควรต้องหันกลับมาดูแลเอาใจใส่ข้อเข่าก่อนที่จะ “ข้อเข่าเสื่อม”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร. 1772 ต่อ สถาบันกระดูกและข้อ
กระดูกสันหลังคดหายเองได้ไหม
Share: พ่อแม่ต้องสังเกตโครงสร้างร่างกายลูกตั้งแต่วัยเด็ก หากเดินตัวเอียง ระดับหน้าอก สะโพกและหัวไหล่ทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน อาจเสี่ยงเป็นโรคกระดูกสันหลังคด แต่ถ้าหาหมอเร็วสามารถรักษาได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
กระดูกหลังคดควรนอนท่าไหน
1. ท่านอน นอนตะแคงทับด้านซ้ายโดยวางแขนซ้ายขึ้นเหนือศีรษะ ใช้หมอนหรือผ้าขนหนูรองบริเวณสะโพกซ้ายส่วนที่กระดูกสันหลังโค้งนูนมากที่สุดเพื่อให้แนวกระดูกสันหลังใกล้เคียงแนวปกติมากที่สุด จากนั้นยกแขนขวาวางบนเก้าอี้เหนือศีรษะ คงท่าไว้ร่วมกับหายใจเข้าลึก 5 ครั้ง
ปวดเอวด้านขวา เป็นโรคอะไร
อาการปวดหลังด้านซ้ายหรือปวดหลังด้านขวา มักมีสาเหตุจากกล้ามเนื้อหลังผิดปกติ ข้อต่อกระดูกส่วนอก หรือกระดูกซี่โครงอ่อนอักเสบ อุบัติเหตุ การกระแทก การเกร็งหรือยกของหนัก และสาเหตุอื่น ๆ เช่น แน่นหน้าอกจากสาเหตุทางโรคหัวใจ หลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องอก กรดไหลย้อน เยื่อหุ้มปอดอักเสบ โรคไต นิ่วในไต หรือปัญหาระบบทางเดินปัสสาวะ จึง ...
โรคกระดูกเสื่อม รักษาหายไหม
หลายคนคงจะเคยได้ยินนะครับว่า โรคกระดูกสันหลังเสื่อมเกิดตอนอายุมากรักษายังไงก็ไม่หาย ให้ทำใจ แต่จริง ๆ โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุ 30 กว่า ๆ โดยที่อาการที่เกิดจากโรคนี้เราสามารถบรรเทาให้ลดลงได้และชะลอไม่ให้โรคนี้เป็นมากขึ้นได้นะครับ โดยไม่จำเป็นต้องทำการผ่าตัด