การใช ช ว ตของคนท ม ไตข างเด ยว

ดูแลตัวเองอย่างไร ถ้า “ไต” เหลือแค่ข้างเดียว

เผยแพร่: 26 ก.ย. 2558 19:43 ปรับปรุง: 27 ก.ย. 2558 14:24 โดย: MGR Online

โดย...นพ.สุรวัฒน์ อดิเรกเกียรติ อายุรแพทย์โรคไต โรงพยาบาลปิยะเวท

ถือเป็นเรื่องราวอันน่าประทับใจมาก ๆ สำหรับข่าวของนักแสดงลูกกตัญญูท่านหนึ่งที่ตัดสินใจสละไตของตนเอง เพื่อมอบไตให้กับคุณแม่ของตน ที่ป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังและต้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อฟอกเลือดอยู่เป็นประจำ วันนี้เราเลยมีข้อมูลดี ๆ จากอายุรแพทย์โรคไต ว่าถ้าหากเราได้ทำการบริจาคไตให้แก่ผู้อื่นแล้ว เราจะมีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร และการบริจาคไตแก่ผู้อื่นนั้นเป็นอันตรายหรือไม่

การปลูกถ่ายไต หรือการเปลี่ยนไต (kidney transplant) คือ วิธีการรักษาผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย โดยการนำไตของผู้อื่นที่ยังดีอยู่ อาจจะมาจากไตของคนที่มีชีวิต (living donor) หรือจากผู้ที่เสียชีวิต (deceased donor) แล้วก็ได้ แต่ต้องผ่านการตรวจสอบแล้วว่าเข้ากันได้กับผู้ป่วย มาทำหน้าที่ทดแทนไตเดิมที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว

ปัจจุบันการปลูกถ่ายไตนับว่าเป็นวิธีการรักษาที่ประสบความสำเร็จสูง ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายไม่ต้องฟอกเลือดไปตลอดชีวิต และสามารถมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงคนปกติ อีกทั้งยังสามารถมีชีวิตยืนยาวมากกว่าการรักษาด้วยวิธีการอื่น ดังนั้น ผู้ป่วยโรคไตที่โรคดำเนินเข้าสู่ไตวายระยะสุดท้ายทุกรายที่ไม่มีข้อห้ามในการปลูกถ่ายไต แพทย์มักจะแนะนำให้ทำการรักษาด้วยวิธีนี้

สำหรับข้อควรทราบและการเตรียมตัวของผู้ที่จะทำการบริจาคไตนั้น ผู้บริจาคต้องมีความเต็มใจที่จะบริจาคด้วยความบริสุทธิ์ใจ และต้องเข้ารับการตรวจร่างกาย ตรวจทางห้องปฏิบัติการ และตรวจสภาพจิตใจให้พร้อม ก่อนที่จะทำการผ่าตัด

คำถามต่อมา คือ ผู้บริจาคไตจะมีอันตรายหรือไม่ และหลังจากผ่าตัดแล้วจะมีภาวะแทรกซ้อนอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง กล่าวคือ การผ่าตัดไตก็คือการผ่าตัดชนิดหนึ่งซึ่งย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เพราะการผ่าตัดปลูกถ่ายไตต้องมีการวางยาสลบเหมือนการผ่าตัดอื่น ๆ แต่ความเสี่ยงที่เกิดจากการผ่าตัดนั้นพบว่ามีน้อยมาก ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากการผ่าตัดไส้ติ่งหรือการผ่าตัดคลอดเลย หลังผ่าตัดต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลโดยเฉลี่ยประมาณ 3 - 4 วัน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลติดเชื้อ ก็สามารถกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ และสามารถกลับมาทำงานตามปกติได้ประมาณ 4 - 6 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละราย

โดยปกติหากเรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง การบริจาคไต 1 ข้าง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานในชีวิตประจำวัน สามารถทำงานและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ การมีไตข้างเดียวสามารถที่จะรับภาระในการกำจัดของเสียและน้ำส่วนเกิน ตลอดจนทำหน้าที่อื่น ๆ ของไตได้มีประสิทธิภาพและเพียงพออยู่แล้ว และพบว่าหลังจากที่เหลือไตข้างเดียวแล้วก็ไม่ได้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคไตอื่น ๆ ตามมาในภายหลัง เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้บริจาคไต

มีข้อมูลจากวารสารในต่างประเทศได้ทำการศึกษา พบว่า ผู้ที่บริจาคไตสามารถมีอายุยืนยาวไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไปเลย ดังนั้นไม่ว่าจะมีไต 2 ข้าง หรือเหลือไตข้างเดียว หากเราดูแลตัวเองโดยทานน้ำให้เพียงพอ ลดอาหารเค็ม หลีกเลี่ยงยาสมุนไพรหรือยาที่มีผลกระทบต่อไต ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ โอกาสที่จะเกิดโรคไตก็น้อยมาก แต่ในผู้ที่เหลือไตข้างเดียวควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับไตที่เหลืออยู่ด้วย

นอกจากการบริจาคไตจะไม่ส่งผลต่อสุขภาพแล้ว ผู้ที่ให้จะรู้สึกมีความภาคภูมิใจและยังได้บุญกุศลที่ได้ให้ชีวิตใหม่กับผู้ป่วยและครอบครัวของผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายอีกด้วย

สำหรับในประเทศไทยนั้นกฎหมายแพทยสภา ระบุแหล่งที่มาของไตบริจาคที่ผู้ป่วยจะได้รับมาจาก 2 แหล่ง คือ ผู้บริจาคที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยตามกฎหมายระบุว่าต้องเป็น ญาติทางสายเลือด คือ พ่อแม่พี่น้องร่วมสายเลือด บุตรหลานที่เป็นสายเลือดเดียวกันอย่างแท้จริง และรวมถึงสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยการบริจาคไตจากคนที่มีชีวิตจะต้องยินยอมด้วยความเต็มใจ ไม่เป็นการซื้อขายไต

ส่วนผู้ประสงค์ที่จะบริจาคไตหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากปัจจุบันยังมีผู้บริจาคไตตรงส่วนนี้ค่อนข้างน้อย ถือโอกาสนี้ขอเชิญชวนและฝากข้อมูลเบื้องต้นหากมีผู้สนใจที่ต้องการบริจาคไต โดยสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย นอกจากผู้บริจาคจะได้บุญกุศลใหญ่หลวงแล้ว ยังสามารถช่วยให้ชีวิตใหม่กับคนไข้โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายอีกด้วย

ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะก่อนรับการรักษาด้วยการบำบัดทดแทนไต ควรได้รับพลังงานประมาณ 30 - 35 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวต่อวัน แต่จะต้องจำกัดปริมาณสารอาหารบางชนิด ได้แก่

1. โปรตีน

ควรได้รับโปรตีนในปริมาณ 0.6 กรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวต่อวัน ซึ่งอย่างน้อยร้อยละ 50 ของปริมาณโปรตีนที่บริโภคควรเป็นโปรตีนคุณภาพสูง

ควรได้รับการแก้ไขภาวะเลือดเป็นกรดก่อนได้รับการจำกัดอาหารโปรตีน หรือถ้าผู้ป่วยรับประทานโปรตีนปริมาณต่ำมาก คือ 0.4 กรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวต่อวัน ควรรับประทานร่วมกับกรดอะมิโนจำเป็น 4.8 กรัมต่อวัน หรือกรดคีโตเสริมวันละประมาณ 0.1 กรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวต่อวัน

2. ไขมัน

ควรจำกัดไขมันอิ่มตัวในอาหาร บริโภคไขมันไม่อิ่มตัวได้ แต่ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม

3. เกลือแร่

โซเดียม ควรจำกัดการบริโภคเกลือ โดยให้ปริมาณเกลือแกงน้อยกว่า 2 กรัมต่อวัน และไม่ควรรับประทานผลไม้ตากแห้งหรือหมักดอง เนื่องจากมีปริมาณโซเดียมค่อนข้างสูง

ฟอสฟอรัส ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง เช่น ถั่ว เนื้อสัตว์ ไข่แดง นมสด เต้าหู้ งา เมล็ดพืช กาแฟ เป็นตัน

โพแทสเชียม มีมากในผลไม้ ไม่จำเป็นต้องจำกัดในระยะแรก เพราะไตยังสามารถขับออกทางปัสสาวะได้ดี ควรจำกัดเมื่อมีภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง หรือเมื่อเป็นไตวายระยะสุดท้าย ผู้ป่วยสามารถรับประทานผลไม้ที่มีโพแทสเซียมต่ำในปริมาณที่เหมาะสม เช่น องุ่น ชมพู่ แพร์ พีช แต่ควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีโพแทสเชียมสูง เช่น ทุรียน แคนตาลูป มะขาม กล้วย เป็นต้น

ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังก่อนระยะสุดท้ายที่ยังปัสสาวะได้ปกติ ไม่จำเป็นต้องจำกัดน้ำ แต่ควรจำกัดน้ำดื่มเมื่อมีอาการบวม หรือในผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย

อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 4-5

ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย เมื่อไตเสื่อมประสิทธิภาพจนไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป จึงจำเป็นต้องได้รับการบำบัดทดแทนการทำงานของไตด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) ซึ่งจะลดการคั่งของน้ำและของเสีย ช่วยให้ผู้ป่วยมีอายุยืนยาวขึ้น

แต่การรักษาทดแทนไตด้วยการฟอกเลือดนั้นจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียสารอาหารโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่หลายชนิด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายโดยเฉพาะโปรตีน หากรุนแรงอาจเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ ผู้ป่วยที่ได้รับการบำบัดทดแทนไตจึงควรเรียนรู้วิธีการเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง และลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยภาวะโภชนาการของผู้ป่วยจะดีขึ้นได้นั้น ผู้ป่วยต้องบริโภคอาหารประเภทต่างๆ ในปริมาณที่เหมาะสม ตามรายละเอียด ดังนี้

1. โปรตีน

เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายในการสร้างเสริมและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของกล้ามเนื้อต่างๆ ผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือดแล้วจำเป็นต้องได้รับปริมาณโปรตีนในอาหารที่สูงกว่าคนปกติทั่วไป เพื่อทดแทนการสลายของกล้ามเนื้อและปริมาณกรดอะมิโนที่สูญเสียไปในระหว่างการฟอกเลือด

ปริมาณโปรตีนที่ควรได้รับคือ 1.0 - 1.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน โดยร้อยละ 50 ควรเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง ได้แก่ เนื้อสัตว์ หรือเนื้อปลา เลือกชนิดไม่ติดมันและหนังรับประทานมื้อละ 3 - 4 ช้อนกินข้าว ร่วมกับไข่ขาววันละ 2 - 3 ฟอง ซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นที่ปริมาณมากเพียงพอ

หากรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์มากเกินไป จะทำให้มีของเสียคั่งในเลือดมาก เนื่องจากผู้ป่วยจะทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง แต่หากผู้ป่วยได้รับอาหารที่มีโปรตีนไม่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ สุขภาพทรุดโทรม ระดับโปรตีนในเลือดลดต่ำลง ซึ่งจะทำให้เกิดอาการบวมได้ง่าย ดังนั้น จึงควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม

อาหารที่ควรเลี่ยง ได้แก่ เนื้อสัตว์ที่มีไขมันมาก เช่น ขาหมู หนังหมูหัน หนังเป็ดปักกิ่ง หมูกรอบ (หมู 3 ชั้น) ไข่แดง เครื่องในสัตว์

2. ไขมัน

เป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อร่างกายเนื่องจากให้พลังงานสูง ไขมันจากอาหารมีทั้งชนิดที่ดี คือ ไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว และไขมันชนิดไม่ดี คือ ไขมันอิ่มตัว เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว กะทิ หมูสามชั้น เนย ชีส หากรับประทานไขมันชนิดไม่ดีมากเกินไปจะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจตามมาได้ ผู้ป่วยฟอกเลือดมักมีระดับไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์สูง บางรายมีระดับโคเลสเตอรอลสูงร่วมด้วย แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโคเลสเตอรอลหรือไขมันอิ่มตัวสูง

อาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูงและควรหลีกเลี่ยง ได้แก่

  • ไข่แดง ไข่ปลา ปลาหมึก หอยนางรม มันกุ้ง
  • หลีกเลี่ยงเครื่องในสัตว์ เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ไส้ กระเพาะ
  • อาหารที่มีส่วนผสมของครีม เนย เนยแข็ง เช่น ชีสเบอร์เกอร์
  • ขนมอบต่างๆ ครัวซอง เค้ก พัฟ พาย ขนมครก
  • อาหารฟาสฟู้ด เช่น แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า

3. พลังงาน

ความเพียงพอในด้านพลังงานนับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อร่างกาย การได้รับพลังงานที่พอเพียงจะช่วยป้องกันภาวะทุพโภชนาการ ร่างกายจะได้รับพลังงานจากอาหารที่รับประทานประเภทแป้งและไขมัน โดยทั่วไปปริมาณแคลอรีที่ผู้ป่วยต้องการคือ 30 - 35 กิโลแคลอรีต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน โดยร้อยละ 60 ของพลังงานควรมาจากอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล อีกร้อยละ 30 มาจากไขมัน หากบริโภคอาหารที่ให้พลังงานน้อยเกินไปจะทำให้น้ำหนักตัวลดลง และมีการสลายของกล้ามเนื้อมากขึ้น

4. เกลือแร่ เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย ประกอบด้วย

โซเดียม การรับประทานอาหารที่มีเกลือโซเดียมมากเกินไป มีผลเสียทำให้กระหายน้ำบ่อย และต้องดื่มน้ำมากขึ้น เมื่อร่างกายขับโซเดียมได้น้อยลงก็จะทำให้เกิดอาการบวม น้ำท่วมปอด ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้น ผู้ป่วยโรคไตควรจำกัดเกลือโซเดียมในอาหารไม่ให้เกิน 1-2 กรัมต่อวัน ซึ่งเท่ากับเกลือแกงประมาณ 1-2 ช้อนชาต่อวัน หรือเท่ากับน้ำปลา 2.5-5 ช้อนชาต่อวัน ควรงดการเติมเกลือ น้ำปลา ซอส เพิ่มเติมในอาหาร งดอาหารหมักดองทุกชนิด เช่น ไข่เค็ม ปลาเค็ม ปลาร้า ผักกาดดอง รวมถึงอาหารแปรรูป ได้แก่ ไส้กรอก หมูยอ กุนเชียง แฮม ปลากระป๋อง ของขบเคี้ยวประเภทซองทุกชนิด

ฟอสฟอรัส ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายมักมีระดับฟอสฟอรัสในเลือดสูง หากร่างกายมีฟอสฟอรัสสะสมมากเกินไปจะกระตุ้นให้ระดับพาราธัยรอยด์ฮอร์โมนในเลือดสูงขึ้น ซึ่งมีผลเสียกับอวัยวะต่างๆ เช่น กระดูกเปราะ หักง่าย ฟอสฟอรัสมีมากในเมล็ดพืช ถั่ว ผลิตภัณฑ์จากนมและเนื้อสัตว์ ไข่แดง กาแฟ งา ช็อกโกแลต มะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น ดังนั้น แพทย์จึงให้ยาจับฟอสฟอรัสในอาหาร ได้แก่ แคลเซียมคาร์บอเนต หรือแคลเซียมอะซิเตท ซึ่งต้องรับประทานพร้อมอาหารคำแรก เพื่อช่วยควบคุมให้ระดับฟอสฟอรัสในเลือดต่ำกว่า 5.5 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และระวังไม่ให้ระดับแคลเซียมในเลือดสูงเกิน 10.2 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

โพแทสเซียม เป็นเกลือแร่สำคัญที่มีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและหัวใจ ผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือดมักมีปัญหาโปแตสเซียมสูง จึงควรหลีกเลี่ยงผักผลไม้ที่มีโปแตสเซียมสูง และควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลการรักษาในการรับประทานผักผลไม้ที่มีปริมาณโปแตสเซียมที่เหมาะสมดังตารางด้านล่าง

5. วิตามิน

ผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือดมีความเสี่ยงต่อการขาดวิตามิน เนื่องจากการรับประทานอาหารได้ไม่เพียงพอ และวิตามินที่ละลายในน้ำได้จะสูญเสียไปในระหว่างการฟอกเลือดด้วย ผู้ป่วยจึงควรได้รับวิตามินเสริมต่างๆ ได้แก่ วิตามินบี 1 บี 2 บี 6 บี 12 ไบโอติน ไนอาซิน วิตามินซี และกรดโฟลิค ควรหลีกเลี่ยงวิตามินซีขนาดสูงและวิตามินเอ เพราะอาจทำให้เกิดการสะสมในร่างกายได้

6. น้ำดื่ม

โดยทั่วไปแนะนำให้ดื่มน้ำได้เท่ากับปริมาณปัสสาวะต่อวัน บวกกับอีกวันละ 500-700 มิลลิลิตร ดังนั้น หากผู้ป่วยไม่มีปัสสาวะเลยหรือมีน้อยมาก สามารถดื่มน้ำได้ไม่เกินวันละ 700 มิลลิลิตร โดยต้องรวมเครื่องดื่มชนิดอื่น และอาหารทุกอย่างที่เป็นของเหลวด้วย ในผู้ป่วยที่มีปัสสาวะน้อยมาก น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวันจะสอดคล้องกับปริมาณของเหลวต่างๆ ที่ดื่มเข้าไป โดยทั่วไปแนะนำให้น้ำหนักผู้ป่วยขึ้นได้ไม่เกินวันละ 1 กิโลกรัม หากผู้ป่วยดื่มน้ำมากเกินไปจะทำให้บวมมากขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวหรือน้ำท่วมปอดได้ นอกจากนี้ หากน้ำหนักตัวขึ้นมากเกินไป ในระหว่างการฟอกเลือดจะต้องพยายามดึงน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากขึ้น เช่น ตะคริว ความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น

การปฏิบัติตัวในการเลือกรับประทานอาหาร

ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ควรปฏิบัติตัวในการเลือกรับประทานอาหาร ดังนี้

  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
  • รับประทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เนื้อปลา ไข่ขาว เป็นประจำทุกมื้อ ไม่ต้องจำกัดเหมือนก่อนทำการฟอกเลือด
  • รับประทานอาหารจำพวกแป้ง เช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ให้เพียงพอทุกมื้อ
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มและของหมักดอง
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณฟอสฟอรัสสูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง เมล็ดถั่ว
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารใส่กะทิ เค้ก
  • เลือกใช้น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก ในการประกอบอาหาร
  • เลือกรับประทานผลไม้ที่มีปริมาณโปแตสเซียมต่ำ เช่น แอปเปิ้ล ชมพู่ องุ่น ตามปริมาณที่แนะนำ

ตัวอย่างรายการอาหารที่ให้พลังงาน 1800 กิโลแคลอรี

โปรตีน 69 กรัม โพแทสเซียม 1600 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 899 มิลลิกรัม และโซเดียม 1557 มิลลิกรัม

ในกรณีที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอโดยเฉพาะโปรตีน แพทย์อาจพิจารณาให้กรดอะมิโนทางหลอดเลือดดำเสริมในระหว่างที่ทำการฟอกเลือด

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv แปลภาษาอาหรับ-ไทย lmyour แปลภาษา ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค Google Translate การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 หยน อาจารย์ ตจต เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 บบบย ศัพท์ทหารบก แปลภาษาจีน การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ขุนแผนหลวงปู่ทิม มีกี่รุ่น ชขภใ ตม.เชียงใหม่ เซ็นทรัลเฟสติวัล พจนานุกรมศัพท์ทหาร รหัสจังหวัด อําเภอ ตําบล รหัสประจำจังหวัด 77 จังหวัด สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม หนังสือราชการ ตัวอย่าง ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด อเวนเจอร์ส ทั้งหมด แปลภาษา มาเลเซีย ไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค ่้แปลภาษา Egp G no Reconguista Google map ขุนแผนหลวงปู่ทิมรุ่นแรก ข้อสอบภาษาไทยพร้อมเฉลย ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ค้นหา ประวัติ นามสกุล จองคิว ตม เชียงใหม่ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ดีแม็กมือสองราคาไม่เกิน350000 ตัวอย่างรายงานการประชุมสั้นๆ