ความเกรงใจเป นสมบ ต ของผ ด ม อะไรบ าง

แตเ่ ราโชคดที เี่ รามพี ระพทุ ธเจา้ ผทู้ ไี่ ดท้ รงคน้ พบวธิ ี ทเี่ ราจะสามารถเผชญิ กับเหตกุ ารณ์เหล่านไ้ี ด้ อยา่ งไมม่ ี ความทกุ ขเ์ กดิ ขนึ้ เราสามารถดบั ความทกุ ขต์ า่ งๆ ทจี่ ะเกดิ จากการท่เี ราต้องพบกบั ความแก่ ความเจบ็ ความตาย พบกบั การพลัดพรากจากกัน พบกับการพบกบั ส่งิ ท่เี รา ไมป่ รารถนา เราจะสามารถพบไดอ้ ยา่ งสบาย ไมเ่ ดอื ดรอ้ น ไม่มีความรู้สึกทุกข์ใจแต่อย่างใด ไม่เศร้าโศกเสียใจ ไมห่ วาดกลัว ไม่วนุ่ วาย ไมว่ ติ กไม่กงั วล นค่ี อื ประโยชนจ์ ากการทเี่ รามาศกึ ษาและมาปฏบิ ตั ิ ตามคำ� สง่ั คำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ อยา่ งสมำ่� เสมอ เราตอ้ ง ทำ� แบบจรงิ จงั ทำ� แบบมอื อาชพี ทำ� เตม็ ๑๐๐ ทา่ นเรยี กวา่ “สุปฏิปนั โน” ผทู้ ท่ี ำ� เต็ม ๑๐๐ นี้ ก็จะกลายเปน็ พระ สุปฏิปนั โน เป็นผู้ปฏบิ ตั ิดปี ฏิบัตชิ อบ เป็นผทู้ ี่อยู่เหนอื ความทกุ ข์ทีจ่ ะเกดิ ขนึ้ ตอ่ จติ ใจ คือทุกขท์ ีเ่ กิดจากความ แก่ ความเจ็บ ความตาย ทุกขท์ ่ีเกดิ จากการพลัดพราก จากกัน ทุกข์ท่ีเกิดจากการต้องประสบกับส่ิงท่ีไม่พึง ปรารถนา และทุกข์สุดท้ายก็คือทุกข์ท่ีจะเกิดจากการ เวยี นวา่ ยตายเกดิ ตอ่ ไป จะไมม่ ที กุ ขอ์ กี ตอ่ ไป จะไมต่ อ้ ง กลบั มาเกดิ มาแก่มาเจบ็ มาตายอีกตอ่ ไป

นักบวช ï ผูแ้ สวงหาทางพน้ ทกุ ขจ์ ากการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย 50

ใจเราเปน็ เหมอื นคนไข้ท่ีเข้าห้องฉกุ เฉนิ ต้องการ รบั การรกั ษาจากแพทยอ์ ยา่ งทนั ทอี ยา่ งเตม็ ที่ แตเ่ ราตอ้ ง เปน็ หมอของเราเอง เพราะการรกั ษาโรคใจนคี้ นอนื่ รกั ษา ให้ไม่ได้ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พวกเรารู้จักวิธีรักษา โรคของใจ ถา้ เราไมศ่ กึ ษาวธิ รี กั ษาไวก้ อ่ น ไมซ่ อ้ มไวก้ อ่ น ไมล่ องทำ� ดกู อ่ น พอจติ ใจเขา้ หอ้ งฉกุ เฉนิ แลว้ นี้ จะไมร่ วู้ า่ จะทำ� อยา่ งไร มแี ตป่ ลอ่ ยใหเ้ ศรา้ โศกเสยี ใจ ปลอ่ ยใหว้ ติ ก กงั วล ปลอ่ ยใหห้ วาดกลัวไปต่างๆ นานา จนบางทถี งึ กับข้ันเสียสติไปก็มี นี่เพราะว่าไม่ได้เตรียมตัวรับกับ เหตกุ ารณท์ ่จี ะเกดิ ข้ึน คอื ความทุกขต์ ่างๆ ทจ่ี ะเกิดขึ้น ตามมา บางทไี มไ่ ดเ้ กดิ กบั รา่ งกายของตนเอง แตไ่ ปเกดิ กบั รา่ งกายของคนทร่ี ัก กแ็ ทบจะทำ� ใหช้ อ็ คได้ บางคน ถึงกับตายตามไปก็ได้เวลาท่ีเสียคนท่ีรักไป พอคนรัก ตายไป จิตใจเลยไม่อยากจะอยู่ต่อไป เพราะไมร่ จู้ ะอยู่ กบั ใคร นเ่ี พราะวา่ ไมไ่ ดม้ กี ารศกึ ษาธรรมะคำ� สง่ั คำ� สอน สว่ นหนง่ึ ทไี่ มศ่ กึ ษากนั กเ็ พราะไปกลวั ศาสนา ไปคดิ วา่ ศาสนานเ้ี ปน็ ของงมงาย เปน็ ของทที่ ำ� ใหค้ นโง่ จงึ ไมก่ ลา้ เขา้ หาศาสนากนั กลวั จะถกู ลา้ งสมอง คนในยคุ ปจั จบุ นั น้ี ทม่ี กี ารศกึ ษาสงู ๆ แทนทจ่ี ะเหน็ คณุ คา่ เหน็ ประโยชนข์ อง

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต) 51

ศาสนา กลบั ไปเหน็ วา่ ศาสนาเปน็ ภยั กลวั จะถกู มอมเมา เพราะศาสนาส่ังสอนในเร่ืองที่เขาไม่สามารถพิสูจน์ เหน็ ได้ สง่ั สอนเรอื่ งสวรรค์ เรอ่ื งนรก เรอื่ งบญุ เรอื่ งบาป เร่ืองการเวียนว่ายตายเกิด อะไรเหล่าน้ี เป็นสิ่งท่ีเขา ไม่สามารถมองเห็นได้ เขาก็เลยกลัวว่าจะถูกหลอก เลยไม่อยากทจี่ ะเข้าหาคำ� ส่งั ค�ำสอน แตศ่ าสนาพทุ ธนีม้ ี จดุ เดน่ อยจู่ ดุ หนงึ่ คอื ถงึ แมจ้ ะไมเ่ ชอ่ื เรอ่ื งบญุ เรอ่ื งบาป ไมเ่ ชอ่ื เรอ่ื งนรก เรอ่ื งสวรรค์ ไมเ่ ชอ่ื เรอ่ื งเวยี นวา่ ยตายเกดิ เพราะไม่สามารถเห็นได้กับตา แต่มีสิง่ ทีศ่ าสนาสอนวา่ เหน็ ได้ กค็ อื ความทกุ ขใ์ จทเี่ กดิ จากการมาเจอกบั สง่ิ ตา่ งๆ ในโลกน้ี เจอความแก่ เจอความเจ็บ เจอความตาย เจอการพลดั พรากจากกนั เจอกบั เหตกุ ารณต์ า่ งๆ ทไ่ี มน่ า่ ปรารถนาที่ไมอ่ ยากจะพบ ถา้ ลองเอามาปฏบิ ตั ดิ ู จะสามารถกำ� จดั ความทกุ ข์ ตา่ งๆ เหลา่ นไ้ี ด้ แตต่ อ้ งทมุ่ เทชวี ติ จติ ใจ ซง่ึ คนสว่ นใหญ่ อาจจะไมย่ นิ ดที จี่ ะทำ� เพราะยงั คดิ วา่ การหาความสขุ ทต่ี น ก�ำลังหาอยู่น้ี เป็นวิธที จ่ี ะดบั ความทกุ ข์ตา่ งๆ ได้ กเ็ ลย ไมย่ อมเขา้ มาศกึ ษา ไมย่ อมเขา้ หาศาสนา ถา้ เราไดศ้ กึ ษา ได้ปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงส่ังสอน เราจะไม่

นกั บวช ï ผู้แสวงหาทางพ้นทุกข์จากการเกิด แก่ เจบ็ ตาย 52

เดือดรอ้ น จะไมท่ ุกขก์ บั เหตุการณ์ต่างๆ เลย แต่เปน็ สง่ิ ทต่ี อ้ งใชเ้ วลา ตอ้ งเปลย่ี นวถิ กี ารดำ� เนนิ ชวี ติ เพราะวา่ วถิ ีการด�ำเนินชีวติ ของคนทว่ั ไปน้ี ด�ำเนินไปในทางท่จี ะ ทำ� ใหเ้ กดิ ความทกุ ข์ต่างๆ ขนึ้ มาตอ่ ไป ไม่ใช่เปน็ วธิ ีทจี่ ะ ดับความทุกข์ ความทุกข์ท่ีดับก็เป็นแบบที่ดับชั่วคราว แต่จะต้องไปเจอกบั ความทุกข์ทด่ี บั ไมไ่ ด้ตอ่ ไป นเ่ี ลยเปน็ ปญั หาของคนสว่ นใหญใ่ นโลกนท้ี เ่ี หมอื น กับประมาท เพราะว่ามีวิธีที่จะก�ำจัดความทุกข์ต่างๆ ให้หมดสิ้นไปจากใจได้ แต่ก็ไม่พร้อมท่ีจะปฏิบัติตาม ไม่พร้อมระดับหนึ่ง ก็คือกลัวจะถูกหลอก กลัวจะถูก มอมเมาให้เช่ืองมงาย หรือพวกท่ีได้ศึกษาด้วยเหตุ ดว้ ยผล กร็ วู้ า่ เปน็ วธิ ที ถ่ี กู ทจ่ี ะดบั ความทกุ ขต์ า่ งๆ ได้ แตก่ ็ อา้ งวา่ มนั ยากหรอื ยงั ไมพ่ รอ้ ม ยงั มภี าระอะไรตา่ งๆ หรอื ยังติดกับการหาความสุขแบบเดิมอยู่ คือติดกับการหา ความสุขทางตา หู จมูก ลิน้ กาย ติดกบั ความสขุ จาก ลาภ ยศ สรรเสรญิ อยู่ กท็ ำ� ใหไ้ มส่ ามารถเขา้ หาพระธรรม คำ� สอน และปฏบิ ตั ติ ามพระธรรมคำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ ได้อยา่ งเต็มท่ี

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต) 53

นค่ี อื อปุ สรรคตา่ งๆ ทท่ี ำ� ใหค้ นแทนทจี่ ะเขา้ หาของ วเิ ศษ กลบั ไมเ่ ขา้ หากนั กลบั ไปเหน็ ของทไี่ มว่ เิ ศษวา่ เปน็ ของวเิ ศษ ทา่ นเปรยี บเทียบว่าเหมอื นกับ “ไก่ไดพ้ ลอย” ใครที่ได้มาพบกับพระพุทธศาสนาแล้วไม่สนใจเข้าหา ไมส่ นใจทจ่ี ะศกึ ษาพระธรรมคำ� สอน ไมส่ นใจทจี่ ะปฏบิ ตั ิ ตามพระธรรมค�ำสอน ก็เป็นเหมือนพวกไก่ท่ีได้พลอย นเ่ี อง เกดิ มาในครอบครวั ทเ่ี ปน็ พทุ ธ แตไ่ มไ่ ดป้ ฏบิ ตั แิ บบ สปุ ฏปิ นั โนกนั ปฏบิ ตั แิ บบงมงายกนั ปฏบิ ตั ไิ มต่ รงกบั หลกั ค�ำส่ังค�ำสอน หรือปฏิบัติแบบเพียงบางส่วนเท่าน้ันเอง ส่วนที่ง่ายกป็ ฏบิ ตั ิ ส่วนที่ยากก็ไมย่ อมปฏบิ ัติ ส่วนท่ีง่ายท่ีพระพุทธเจ้าทรงสอน คือการท�ำบุญ ท�ำทาน เมืองไทยน้ีเป็นเมืองบุญ คนไทยชอบท�ำบุญ เหน็ พระเดนิ มานี่ เดยี๋ วตอ้ งรบี หาอะไรมาขอใสบ่ าตรกนั เรอ่ื งทำ� บญุ นพี้ รอ้ ม แตพ่ อเรอ่ื งรกั ษาศลี นถ้ี อยกนั พอให้ รกั ษาศลี ๕ นถี่ อยกนั เปน็ เหมอื นกบั มดเจอไฟ ถอยกนั ไปหมด พอใหร้ กั ษาศลี ๕ อยา่ ไปพดู ถงึ รกั ษาศลี ๘ อยา่ ไป พดู ถงึ การไปอยู่วดั ปฏบิ ัตธิ รรม ไปถืออโุ บสถศลี ไปนั่ง สมาธิ ไปฟงั เทศนฟ์ งั ธรรมในวดั หรอื อยา่ ไปพดู ถงึ เรอื่ ง บวชเลย

นกั บวช ï ผู้แสวงหาทางพ้นทกุ ขจ์ ากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย 54

การบวชกเ็ ป็นบวชอกี แบบหนง่ึ บวชแบบเอาบุญ ไม่ได้บวชเพ่ือศึกษาปฏิบัติ บวชแค่ตามธรรมเนียม ประเพณี เพราะมคี วามเชอื่ วา่ การบวชนไ้ี ดบ้ ญุ ทจี่ ะสง่ ให้ พ่อแม่ได้ไปสวรรค์ ก็เลยอยากจะทดแทนบุญคุณของ พ่อแม่ ก็เลยบวชกัน แต่บวชแลว้ ไมไ่ ด้เข้าหาพระธรรม ค�ำส่ังค�ำสอน เข้าก็ไม่เข้าใจ ไม่สนใจที่จะปฏิบัติตาม มีครูบาอาจารย์สง่ั สอน มีหนังสอื ให้อา่ น บางทกี ็ไม่อ่าน ถา้ ฟงั บางทกี ฟ็ งั แบบใจลอย ฟงั แลว้ กไ็ มเ่ ขา้ ใจ ไมน่ ำ� เอา ไปปฏบิ ตั ิ บางคนบวชเชา้ สกึ เยน็ พอ่ แมต่ ายกเ็ ลยบวชวนั เผานแี่ หละ มคี วามเชอื่ วา่ การบวชของลกู ๆ น้ี เปน็ การเกาะ ชายผา้ เหลอื งของพอ่ แม่ การบวชนผี้ บู้ วชจะไดไ้ ปสวรรค์ เพราะจะรักษาศีล ศีลนี่แหละเป็นตัวท่ีจะป้องกันไม่ให้ ไปนรก แลว้ ถา้ ไดท้ ำ� บญุ รกั ษาศลี กจ็ ะไดไ้ ปสวรรค์ กเ็ ลย คดิ วา่ การบวชนเ้ี ปน็ การใหพ้ อ่ แมไ่ ดไ้ ปสวรรค์ บวชแบบน้ี เขาเรยี กวา่ บวชแบบไมไ่ ดอ้ ะไร บวชไดแ้ ตก่ ริ ยิ า หรอื เปน็ การจดั ฉาก เหมือนกับภาพยนตรท์ ี่เขาฉาย การบวชใน สมัยน้ีส�ำหรับคนไทยส่วนใหญ่ก็บวชแบบจัดฉากกัน บวชแลว้ กม็ กี ารถา่ ยรปู รว่ มกบั พอ่ แม่ ไมใ่ ชเ่ ปน็ การบวช ตามหลกั ทพี่ ระพุทธเจา้ ทรงสอนใหบ้ วชกนั

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต) 55

การบวชนี้พระพทุ ธเจา้ ทรงบอกว่า บวชเพื่อให้มา หยดุ ความทกุ ขต์ า่ งๆ ทยี่ งั ไมเ่ กดิ ไมใ่ หเ้ กดิ หรอื ทเ่ี กดิ แลว้ กใ็ หม้ นั ดบั ไปใหม้ นั หายไป นคี่ อื การบวชทแ่ี ทจ้ รงิ บวชเพอ่ื ดบั ความทกุ ข์ บวชเพอื่ ไปพระนพิ พาน เพราะพระนพิ พาน น่แี หละเป็นท่สี ิ้นสุดของความทุกขแ์ บบเต็ม ๑๐๐ ถ้ายังไปไมถ่ ึงพระนพิ พาน ยงั ดบั ความทกุ ข์ไมไ่ ด้ ครบถ้วนบริบูรณ์ ยังต้องกลับมาเกิดอีกในระดับต่างๆ ถา้ ไดร้ ะดบั พระโสดาบนั กย็ งั ตอ้ งกลบั มาเกดิ อกี ไมม่ าก กวา่ ๗ ชาติ ถา้ ไดร้ ะดบั ที่ ๒ พระสกทิ าคามี กจ็ ะกลบั มา อกี ๑ ชาตเิ ปน็ อยา่ งมาก ถา้ เปน็ พระอนาคามี จะไมก่ ลบั มาเกดิ ในโลกของมนุษยห์ รือเทวดา แต่ยงั จะไปเกดิ ใน โลกของพรหม พอไดข้ น้ั ที่ ๔ ถงึ จะหลดุ ออกจากไตรภพได้ หลุดออกจากภพของเทวดา หลุดออกจากภพของ พรหมได้ ไมต่ อ้ งกลบั มาเกดิ แกเ่ จบ็ ตายอกี ตอ่ ไป นแ่ี หละ คือเป้าหมายท่ีแท้จริงของการบวช บวชเพ่ือการสิ้นสุด แห่งการเวียนวา่ ยตายเกิด พระพทุ ธเจา้ เลยตงั้ ชอื่ ผบู้ วชวา่ “ภกิ ษ”ุ ภกิ ษุ แปลวา่ ผเู้ หน็ ภยั ในการเวยี นวา่ ยตายเกดิ ผเู้ หน็ ภยั ในวฏั สงสาร

นักบวช ï ผแู้ สวงหาทางพ้นทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย 56

ผู้ใดท่ียังไม่ได้บวชไม่ได้ศึกษาไม่ได้ปฏิบัติตามค�ำส่ัง ค�ำสอนของพระพุทธเจ้า จะต้องติดอยู่ในวัฏสงสารไป อย่างไม่มีวันสิ้นสุด จะต้องเกิดแก่เจ็บตายอยู่เรื่อยๆ เวยี นวา่ ยตายเกดิ อยเู่ รอื่ ยๆ ตายแลว้ กไ็ ปเกดิ ทสี่ วรรคบ์ า้ ง ไปอบายบา้ ง ไปนรกบา้ ง พอพน้ จากอบาย พน้ จากสวรรค์ ก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ มาแก่มาเจ็บมาตายใหม่ มาท�ำบุญทำ� บาปใหม่ มาหาลาภ ยศ สรรเสริญ หาอะไร ตา่ งๆ กนั ใหม่ หาไดม้ ากนอ้ ยเทา่ ไร เดยี๋ วพอเวลาตายไป ก็ต้องพลัดพรากจากกันไป ก็ร้องห่มร้องไห้เศร้าโศก เสยี ใจกนั ไป นค่ี อื คำ� วา่ “ภยั ในวฏั สงสาร” ทไ่ี มม่ อี ะไรจะ มากำ� จัดได้ นอกจากการบวชเป็นพระภิกษุ และปฏบิ ัติ ตามคำ� ส่งั ค�ำสอนของพระพทุ ธเจ้าเทา่ นัน้ ผทู้ หี่ ลดุ พน้ จากการเวยี นวา่ ยตายเกดิ ผทู้ บี่ รรลถุ งึ พระนิพพาน ส่วนใหญ่จึงเป็นพระภิกษุหรือภิกษุณี ในสมยั พทุ ธกาล ตอ้ งบวชถงึ จะสามารถปฏบิ ตั ไิ ดเ้ ตม็ ๑๐๐ ถา้ ไมบ่ วช มนั มภี ารกจิ การงาน มกี ารเกยี่ วขอ้ งกบั คนนน้ั คนนี้ ไมส่ ามารถทจี่ ะปฏบิ ตั ไิ ดเ้ ตม็ ๑๐๐ แตก่ ไ็ ดป้ ฏบิ ตั บิ า้ ง ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนขับรถในช่องเลนซ้าย รถวิ่งช้า รถบรรทุก รถโดยสาร ท่ีต้องคอยจอดรับสง่ ผูโ้ ดยสาร

พระจุลนายก (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) 57

หรือจอดส่งสินค้ารับสินค้า ก็จะไม่สามารถเดินทางได้ อย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนกับรถทอ่ี ยใู่ นชอ่ งขวาที่วิ่งแบบ ไมห่ ยดุ เพราะไมม่ ผี โู้ ดยสาร ไมร่ บั สนิ คา้ ไมส่ ง่ สนิ คา้ มงุ่ ไป ท่ีเป้าหมายท่ีจุดหมายปลายทางเลย พวกที่อยู่เลนซ้าย บางทไี ปไมถ่ งึ จดุ หมายปลายทาง รถพงั ซะกอ่ น สว่ นใหญ่ ตายกันซะก่อนท่ีจะไปถึงพระนิพพาน มีน้อยคนท่ีเป็น ข้อยกเว้นที่สามารถไปถึงพระนิพพานได้โดยไม่บวช แตส่ ว่ นใหญแ่ ลว้ ๙๙.๙ % นี้ เปน็ นกั บวชทง้ั นน้ั ทจี่ ะไปถงึ พระนิพพานได้ ในภพนี้ชาตินี้ตามเวลาท่ีพระพุทธเจ้าได้ทรง กำ� หนดเอาไวว้ า่ ถา้ ใครมาบวชแลว้ มาปฏบิ ตั ติ ามหลกั ของ สตปิ ฏั ฐานสูตรได้ ทรงรบั ประกนั ว่าจะสามารถบรรลถุ งึ พระนิพพานไดภ้ ายใน ๗ วัน ถ้าไม่ ๗ วนั ก็ ๗ เดือน ถา้ ไม่ ๗ เดอื นก็ ๗ ปี เปน็ อยา่ งมาก จะต้องไดอ้ ยา่ ง แนน่ อน เพราะน่ีคอื เหตุผลนน่ั เอง เหตุกค็ ือการปฏิบัติ เตม็ ๑๐๐ ผทู้ จี่ ะปฏิบตั ไิ ดเ้ ตม็ ๑๐๐ กค็ ือพระภกิ ษุ ในสมัยพุทธกาลน้ี เมื่อบวชแล้วจะไม่มีภารกิจ อยา่ งอนื่ ใหภ้ กิ ษมุ าปฏบิ ตั เิ หมอื นสมยั นี้ สมยั นภ้ี ารกจิ ที่

นักบวช ï ผแู้ สวงหาทางพน้ ทกุ ข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย 58

พระภิกษุไม่ควรปฏิบัติก็เตม็ ไปหมด สว่ นภารกิจทพ่ี ระ ภกิ ษคุ วรปฏบิ ตั กิ ห็ ายไปเลย ภารกจิ ทภ่ี กิ ษผุ ทู้ ป่ี รารถนา การหลุดพน้ จากการเวียนวา่ ยตายเกิด คือ คนั ถะธรุ ะ วิปัสสนาธุระ มีธุระอยู่ ๒ ธรุ ะด้วยกัน “คนั ถะธรุ ะ” กค็ อื การศกึ ษาพระธรรมคำ� สงั่ คำ� สอน ของพระพุทธเจ้า “วิปัสสนาธุระ” ก็คือการปฏิบัติตาม ค�ำส่ังค�ำสอนเพ่ือให้รู้แจ้งเห็นจริงในเร่ืองของความทุกข์ และเหตุของความทุกข์ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะดับ ความทุกข์ได้อย่างไร ตอนตน้ ศกึ ษาใหร้ วู้ ธิ ปี ฏบิ ัติ พอรู้ แลว้ กเ็ อาไปปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั แิ ลว้ กจ็ ะหลดุ พน้ จากความทกุ ข์ ตา่ งๆ ได้ หลงั จากหลดุ พน้ แลว้ กม็ าทำ� ธรุ ะทไ่ี มบ่ งั คบั ใหท้ ำ� แต่ถา้ มีความสามารถมีความถนัดจะท�ำกท็ �ำได้ คอื การ เผยแผ่ส่ังสอนธรรมะให้แก่ผู้อื่นต่อไป นี่คือธุระของ พระภิกษุ แต่สมัยนี้ธุระเหล่านี้แทบจะหายไปหมดแล้ว ธรุ ะอน่ื นเี้ ขา้ มา คอื ธรุ ะเกยี่ วกบั เรอื่ ง “บญุ บงั สงั สวด” เปน็ สว่ นใหญ่ เพราะนี่คอื สิง่ ที่ศรัทธาญาตโิ ยมผู้ครองเรือน ถนัดทจี่ ะทำ� ก็เร่ืองของงาน “บุญ” กง็ านบุญต่างๆ บญุ

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) 59

ฉลองเจดยี ์ บญุ วนั เกดิ เรยี กวา่ “งานบญุ ” ถวายสงั ฆทาน ให้แก่พระภิกษุ ก็เรียกว่า “สัง” “บัง” ก็คือบังสุกุล เวลามงี านศพกน็ มิ นตพ์ ระไปชกั ผา้ บงั สกุ ลุ “สวด” บางทกี ็ อยากนมิ นตพ์ ระมาสวดขน้ึ บา้ นใหมเ่ พอ่ื ปดั ภยั อนั ตราย ต่างๆ มีแต่กิจเหล่านี้ทั้งนั้นเลย เลยท�ำให้เข้าไม่ถึง ตวั ธรรมะคำ� สงั่ คำ� สอน มแี ตง่ านบวช งานอะไร การบวช ก็เป็นงานบวชแบบบวชเป็นพิธี บวชเป็นการจัดฉาก บวชเชา้ สกึ เยน็ บวช ๗ วนั บ้าง บวช ๑๕ วันบา้ ง ก็มา ยุ่งกับเวลามาบวช ก็ต้องนิมนต์พระ เวลาสึกก็ต้อง นิมนต์พระ พระเลยไม่ต้องท�ำอะไร คอยท�ำแต่เร่ือง กิจกรรมเหล่าน้ี เลยไม่รู้เร่ืองของค�ำสั่งค�ำสอนของ พระพุทธเจ้าว่ามีไว้เพื่ออะไร และเมื่อได้ศึกษาแล้ว ต้องเอาไปท�ำอะไรตอ่ บางทมี กี ารสงั่ การสอนแต่กส็ อน อยา่ งเดียว สอนแล้วก็ไมเ่ อาไปปฏบิ ัติ เพราะคนสอนก็ ไมไ่ ดป้ ฏบิ ตั ิ คนเรยี นกเ็ ลยไมไ่ ดป้ ฏบิ ตั ิ คดิ วา่ พอเรยี นจบ กถ็ อื วา่ ใชไ้ ดแ้ ลว้ ไมต่ อ้ งไปปฏบิ ตั ิ พอเรยี นจบกไ็ ปไดร้ บั รางวลั ได้ตำ� แหนง่ ต่างๆ ถา้ เรยี นจบขั้น ๓ ขนึ้ ไปกจ็ ะ เรยี กวา่ “มหา” กค็ อื มหาบณั ฑติ ผรู้ มู้ าก “มหา” แปลวา่ มากหรอื ใหญ่ กไ็ ปตดิ กบั ลาภ ยศ สรรเสรญิ ตอ่ ไป แทนท่ี

นักบวช ï ผ้แู สวงหาทางพน้ ทกุ ขจ์ ากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย 60

จะมาบวชเพ่ือมาตัดส่ิงเหล่านี้ ก็ไม่ต่างจากพวกท่ีเป็น ฆราวาสญาตโิ ยม กก็ ลายเปน็ เรอื่ งของทางโลก พอมาบวช ก็เอานสิ ัยทางโลกมาใช้กนั จะมีพวกท่ีบวชจริงๆ ตามแนวของพระพุทธเจ้า กจ็ ะหนีไปอยตู่ ามป่าตามเขากัน จะออกจากวงการของ การแสวงหาลาภสักการะต่างๆ ไม่สนใจเร่ืองการเป็น ต�ำแหน่งอะไรต่างๆ ไม่สนใจยศต่างๆ เป็นพระครู เป็นเจ้าฟ้าเจ้าคุณเป็นสมเด็จน้ีไม่สนใจ ท�ำตามแบบท่ี พระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติทุกอย่าง พระพุทธเจ้าไม่ได้ เปน็ สมเด็จ ไม่ได้เป็นสงั ฆราช ไมม่ ีใครต้ังพระพุทธเจา้ ให้เป็นสังฆราช ไม่มีใครต้ังพระพุทธเจ้าให้เป็นสมเด็จ ไมม่ ีใครตง้ั พระพุทธเจ้าใหเ้ ปน็ เจ้าอาวาส สมัยพุทธกาลน้ีเขาเคารพกันตามล�ำดับพรรษา ถ้าอยู่ในวัดน้ีใครมีพรรษามากกว่าก็เป็นผู้ปกครองไป ใครมีอายแุ ก่กวา่ บวชก่อนกน็ ับถอื เป็นพไี่ ป เปน็ ครูเปน็ อาจารย์ไป ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีกันในต�ำแหน่งการ ปกครอง เคารพกันด้วยธรรมด้วยเหตุด้วยผล น่ีคือ แนวเดิมท่ีถกู โลกเขา้ มาครอบงำ�

พระจุลนายก (พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต) 61

สมยั นอี้ งคก์ รของสงฆน์ เี้ หมอื นกบั องคก์ รของทาง โลกทุกอย่าง มลี าภสกั การะเหมือนกนั มยี ศมีตำ� แหนง่ เหมอื นกนั แทนทจ่ี ะมาศกึ ษามาปฏบิ ตั เิ พอื่ ทจ่ี ะมากำ� จดั ภัยต่างๆ ให้หมดไปจากใจ ก็กลับไปไขว่คว้าหาลาภ สกั การะ หาลาภ ยศ สรรเสรญิ หาความสขุ ทางตา หู จมกู ลนิ้ กาย กเ็ ลยไมม่ ใี ครบรรลธุ รรมกนั สมยั นม้ี กี น็ อ้ ยมาก แม้แต่พระภิกษุท่ีจะเป็นผู้ที่จะบรรลุธรรมได้มากท่ีสุด ก็หาได้ยาก ก็ต้องไปหาพระท่ีบรรลุธรรมเท่านั้นเป็น ครูเป็นอาจารย์ ถึงจะสามารถมีคนส่ังคนสอนได้อย่าง ถกู ตอ้ ง และเปน็ ตวั อยา่ งทด่ี ขี องการปฏบิ ตั ิ ทจี่ ะใหก้ ำ� ลงั จติ กำ� ลงั ใจ ทจ่ี ะใหค้ วามรทู้ จี่ ะนำ� ไปสกู่ ารบรรลถุ งึ ธรรม ขน้ั ตา่ งๆ ได้ พระแบบยคุ พทุ ธกาลนมี้ อี ยู่ แตม่ จี ำ� นวนนอ้ ย มาก ตอ้ งไปค้นหาเอา และไมไ่ ดอ้ ยตู่ ามบ้านตามเมอื ง ส่วนใหญ่จะไปอยู่ตามป่าตามเขา เพราะสถานที่เหล่านี้ เป็นที่สรา้ งพระอริยบคุ คลข้นึ มา ลองไปศึกษาประวัติของพระอริยบุคคลต้ังแต่ พระพทุ ธเจา้ ลงมาเลยวา่ มอี งคไ์ หนบา้ งทไี่ ปบรรลใุ นบา้ น ในเมอื ง สว่ นใหญ่ ๙๙. ๙๙ % น้ี ไปบรรลใุ นปา่ ในเขาทง้ั นนั้ เพราะเป็นสถานที่ท่ีจะท�ำให้เกิดพระอริยบุคคลขึ้นมา

นกั บวช ï ผแู้ สวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย 62

นน่ั เอง ตอ้ งอยหู่ า่ งไกลจากแสงสเี สยี ง หา่ งไกลจากความ เจริญทางด้านวัตถุ ห่างไกลจากความเจริญทางด้าน ลาภ ยศ สรรเสรญิ สุขกัน ต้องไปอยู่ในที่ไมม่ ลี าภ ยศ สรรเสรญิ ไมม่ ีความสขุ ทางตา หู จมกู ล้นิ กาย ถึงจะ สามารถสรา้ งธรรมอนั ประเสรฐิ ขน้ึ มาในใจได้ เพราะถา้ ไป อยใู่ นทท่ี มี่ ลี าภ ยศ สรรเสรญิ มคี วามสขุ ทางตา หู จมกู ล้ิน กายนี้ จะเป็นอุปสรรคน่ันเอง ท่านเรียกว่าเป็น “นวิ รณ”์ คอื เปน็ อปุ สรรคตอ่ การเจรญิ ธรรม ตอ่ การบรรลุ ธรรม ผู้ท่ีต้องการบรรลุธรรมเลยต้องหนีจากอุปสรรค เหลา่ นไ้ี ป หนจี ากลาภ ยศ สรรเสรญิ หนจี ากความสขุ ทาง ตา หู จมูก ล้นิ กาย แลว้ ก็ไปอยทู่ ่ไี ม่มสี ิ่งเหล่าน้ี คือ ไปอยตู่ ามปา่ ตามเขา อยแู่ บบอดอยาก อยแู่ บบทกุ ขย์ าก ล�ำบากทางกาย แต่กลับสุขทางใจ เพราะว่าสถานที่ เหล่าน้ันจะท�ำให้มีการเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติได้ อยา่ งรวดเรว็ ไปอยไู่ มก่ วี่ นั กเี่ ดอื นกพ็ บกบั ความสงบแลว้ พอจิตสงบแล้ว จะกินอย่างไรจะอยู่อย่างไรนี้ไม่เป็น ปญั หา รา่ งกายอยไู่ ปไดว้ นั ๆ หนง่ึ กพ็ อแลว้ แตค่ วามสขุ ทางใจนไี้ ดจ้ ากการบำ� เพญ็ ไดจ้ ากการปฏบิ ตั จิ ติ ตภาวนา

พระจุลนายก (พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต) 63

ที่สามารถจะปฏิบัติได้อย่างต่อเน่ืองต้ังแต่ต่ืนจนหลับ ถา้ ไปอยตู่ ามสถานทที่ สี่ งบแลว้ ไมม่ ภี ารกจิ การงานตา่ งๆ ให้ต้องท�ำ นอกจากภารกิจท่ีจ�ำเป็นเก่ียวกับการดูแล สถานท่หี รอื ดูแลร่างกายเท่านน้ั เอง ภารกจิ ทต่ี อ้ งเลยี้ งดรู า่ งกายกค็ อื บณิ ฑบาต ภารกจิ ท่ีดูแลความสะอาดของสถานที่ก็คือคอยกวาดคอยถู คอยเช็ด คอยรกั ษาให้ทส่ี ะอาด ไม่สกปรก ซึ่งไมต่ อ้ ง ใช้เวลามาก และการท�ำภารกิจเหล่าน้ีก็สามารถปฏิบัติ ควบคู่ไปได้ด้วย การปฏิบัติไม่ขาดตอน ถึงแม้จะไป บณิ ฑบาตกย็ งั ถอื วา่ เปน็ การปฏบิ ตั อิ ยู่ เพราะถา้ บณิ ฑบาต ดว้ ยสตกิ ็เรยี กวา่ เป็นการเจริญสติ “สตปิ ฏั ฐาน ๔” น้ี เจรญิ สตดิ ว้ ยการใชร้ า่ งกายเปน็ ทตี่ ง้ั ของการเจรญิ สติ รา่ งกายกำ� ลงั เดนิ บณิ ฑบาต กำ� ลงั เปดิ ฝาบาตร ปดิ ฝาบาตร กใ็ หม้ สี ตอิ ยกู่ บั การกระทำ� ตา่ งๆ ของร่างกาย ไมป่ ล่อยให้ใจไปคิดถึงอาหารในบาตรวา่ มี อะไรบา้ ง นา่ กนิ หรอื ไมน่ า่ กนิ คนใสบ่ าตรมรี ปู รา่ งหนา้ ตา อย่างไร อันนี้จะไม่มีความคิดปรุงแต่งเหล่าน้ี ส�ำหรับ ผปู้ ฏบิ ตั ทิ เ่ี จรญิ สตนิ ี้ จะรเู้ ฉยๆ ไมม่ กี ารปรงุ แตง่ เกย่ี วกบั

นักบวช ï ผแู้ สวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย 64

อาหารทไี่ ดร้ บั มา ไมไ่ ดป้ รงุ แตง่ ถงึ คนทใี่ สบ่ าตรวา่ เปน็ คน ระดบั ไหนชนั้ ไหน เปน็ คนมรี ปู รา่ งหนา้ ตาดหี รอื ไมด่ อี ะไร ส่ิงเหล่าน้จี ะไมม่ ีในใจของผปู้ ฏิบตั ิ มเี พียงแต่รู้ว่าก�ำลัง ทำ� อะไร รวู้ า่ ตอ้ งเปดิ ฝาบาตรกเ็ ปดิ ฝาบาตร รวู้ า่ ตอ้ งปดิ ฝาบาตรกป็ ดิ ฝาบาตร รวู้ า่ ตอ้ งเดนิ ไปกเ็ ดนิ ไปเทา่ นน้ั เอง การปฏบิ ตั จิ งึ ไมข่ าดตอน ถงึ แมว้ า่ จะตอ้ งทำ� ภารกจิ ตา่ งๆ ไม่เหมือนกับชีวิตของฆราวาส เวลาไปท�ำภารกิจ ตา่ งๆ นี้ ต้องใช้ความคดิ ปรุงแต่ง จึงไมถ่ อื ว่าเป็นการ ปฏิบัติ แต่การปฏิบัติของนักบวชของพระนี้ เป็นการ ปฏบิ ัตทิ กุ ขนั้ ทกุ เวลา แมแ้ ต่การทำ� ความสะอาด แม้แต่ การรบั ประทานอาหาร การช�ำระภาชนะบาตรอะไรต่างๆ เป็นการปฏิบัติได้หมด เพราะเป็นการเจริญสติอยู่ ตลอดเวลา หรือเป็นการเจรญิ ปัญญา บางทกี พ็ จิ ารณากอ่ นจะฉนั อาหาร กพ็ จิ ารณาความ เป็นปฏิกลู ของอาหารข้นึ มา ใหเ้ หน็ วา่ อาหารน้ีมันไมไ่ ด้ นา่ กนิ อยา่ งเดยี ว มนั ไมน่ า่ รบั ประทาน ตอ่ ไปเวลามนั เนา่ มันบูด เวลามันเข้าไปในปากเขา้ ไปในทอ้ ง เวลามนั ถา่ ย ออกมานม้ี นั ไมน่ า่ กนิ แลว้ พจิ ารณาใหเ้ กดิ ปญั ญา เพอื่ ที่

พระจุลนายก (พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต) 65

เวลาเกดิ กเิ ลสความหวิ อยากจะกนิ อาหาร จะไดม้ าระงบั มนั ได้ เพราะนกั บวชนฉี้ นั มอ้ื เดยี ว รบั ประทานครง้ั เดยี ว เดยี๋ วเวลารบั ประทานไปไม่ก่ชี ัว่ โมง ความอยากกนิ มัน อาจจะโผลข่ ึ้นมาได้ ถ้าไมม่ ปี ญั ญามาหยุด มนั ก็อาจจะ ทนไมไ่ หว แลว้ อยากจะคดิ สกึ ไปกม็ ี แตถ่ า้ มปี ญั ญาเหน็ ปฏกิ ลู ของอาหาร ทกุ ครง้ั อยากจะกนิ อาหารกใ็ หร้ ะลกึ ถงึ อาหารทม่ี นั อยใู่ นปากในทอ้ ง หรอื เวลาทมี่ นั ถา่ ยออกมา พอเห็นอาหารอยู่ในรูปแบบน้ันก็กินไม่ลง ไม่อยากกิน ความหิวความอยากกนิ อาหารมนั ก็เลยหายไป นี่ท�ำไมนักบวชจึงเป็นผู้ที่จะบรรลุถึงพระนิพพาน ได้มากกว่าฆราวาสผู้ครองเรือน แต่ต้องเป็นนักบวชที่ เปน็ สปุ ฏปิ นั โนจรงิ ๆ คอื ตอ้ งเปน็ ผทู้ ต่ี ง้ั ใจแนว่ แนต่ อ่ การ ศกึ ษาต่อการปฏบิ ัติ ไม่ไดบ้ วชเพ่ือทจ่ี ะมาทำ� ภารกจิ ให้ แกฆ่ ราวาสญาติโยม สมัยน้ีส่วนใหญ่พระคิดว่ามาบวชน้ีเพื่อมาท�ำ ภารกิจใหก้ ับญาตโิ ยม มาคอยรับกจิ นมิ นตต์ ่างๆ พระ เกรงใจ กลวั เดย๋ี วจะไมม่ โี ยมเขา้ วดั ไปใสบ่ าตร ไปทำ� บญุ ท่ี วดั กเ็ ลยตอ้ งทำ� ตามใจญาตโิ ยม นค่ี อื กจิ ของพระในสมยั

นกั บวช ï ผูแ้ สวงหาทางพ้นทุกข์จากการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย 66

ปจั จุบันนี้ จงึ ไมม่ พี ระอรยิ บคุ คลปรากฏขน้ึ มา ก็เพราะ วา่ พระไมท่ �ำกิจของพระนัน่ เอง ไมท่ ำ� คนั ถะธรุ ะ ไมท่ �ำ วปิ สั สนาธรุ ะ แตไ่ ปทำ� กจิ ของญาตโิ ยมคอื “บญุ บงั สงั สวด” ก็เลยไม่มีพระอริยบคุ คลปรากฏขนึ้ มา น่ีคือเร่ืองค�ำส่ังค�ำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีไว้เพื่อ ใหเ้ รามาศกึ ษาและเอาไปปฏบิ ตั ิ เพราะจะเปน็ การเตรยี ม เครอ่ื งมอื เตรยี มอาวธุ ไว้รบั กบั ภัยตา่ งๆ ที่จะตามมาต่อ ไปนน่ั เอง ภยั ก็คอื ความแก่ ความเจ็บ ความตาย การ พลดั พรากจากสิ่งทีเ่ รารกั บคุ คลท่ีเรารกั การทตี่ ้องพบ กับสิ่งที่เราไม่ปรารถนา หรือบุคคลท่ีเราไม่ปรารถนา ถา้ เรามธี รรมะอยใู่ นใจเราแลว้ ทนี ้ี ไมว่ า่ จะเจออะไร ใจจะ ไมเ่ ดือดรอ้ น ใจจะไมท่ ุกข์กับเหตุการณต์ า่ งๆ ใจจะยม้ิ ได้อย่างสบาย เพราะน่ีแหละคืออ�ำนาจธรรมของ พระพุทธเจ้าท่ีจะท�ำให้ผู้ปฏิบัติธรรมน้ีแคล้วคลาด ปลอดภัยจากความทุกขท์ ัง้ ปวงนนั่ เอง ïïï

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต) 67

เปน็ พระนไ่ี มใ่ หอ้ อกไปทญี่ าตโิ ยมไปกนั ไมใ่ หไ้ ปบารไ์ ปผบั ไมใ่ ห้ไปโรงเหลา้ โรงละคร โรงหนัง ไม่ใหไ้ ปดคู อนเสริ ต์ ไม่ให้ไปเตน้ แร้งเต้นกาเหมอื นญาติโยมไปกนั ถา้ ถอื เนกขมั มะมาบวชนี้ อาจจะบวชชว่ั คราวอยู่ บวช ๓ วนั แลว้ เดย๋ี วออกไปกก็ ลบั ไปเสพกามใหม่ ไปเตน้ แรง้ เตน้ กา กันใหม่ ไปช้อปปงิ้ ไปร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไปกนิ ไปดมื่ ไปถ่ายรูป แล้วก็ส่งไปอวดใหเ้ พื่อนฝูงเห็นวา่ ฉันกำ� ลังมา กินท่นี ่ี มคี วามสขุ มาก แตม่ ันเปน็ ความสุขระดับต�่ำ ผทู้ ถี่ อื เนกขมั มะนตี้ อ้ งการความสขุ ทรี่ ะดบั สงู กวา่ คอื ระดบั ทจี่ ะไดจ้ ากการไปเจรญิ บารมอี กี ขอ้ หนงึ่ คอื อเุ บกขาบารมี ถา้ ไดอ้ เุ บกขานี้ จติ จะสงบ จติ จะเยน็ จะสบาย จะไดค้ วามสขุ ทเ่ี หนอื กวา่ ความสขุ ทไ่ี ดจ้ ากรปู เสยี ง กลนิ่ รส โผฏฐพั พะ

พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต

นกั บวช ï ผ้แู สวงหาทางพน้ ทุกข์จากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย 68

ทางแหง่ ธรรม พระธรรมเทศนา พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต) 69

ลองไดม้ าทางธรรมแลว้ ก็จะเริ่มมีศรัทธามากขนึ้ มฉี ันทะ วริ ิยะ มคี วามยินดี มีความขยันหมน่ั เพยี ร ที่จะพยายามมาทางธรรมให้มากขึ้น กจ็ ะหาเวลา หาโอกาสเข้าวัดให้บ่อยข้ึน ทำ� บุญทำ� ทานใหม้ ากข้นึ

รกั ษาศลี ใหม้ ากข้นึ ภาวนาให้มากขึ้นไป แลว้ เด๋ยี วต่อไปกจ็ ะอยากจะออกบวชเอง

นักบวช ï ผแู้ สวงหาทางพน้ ทกุ ข์จากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย 70

ทางธรรมจะมอี ยู่ ๒ ขน้ั ดว้ ยกนั ขนั้ ตน้ กบั ขนั้ ปลาย ทกุ คนตอ้ งเรมิ่ ตน้ จากขนั้ ตน้ กอ่ น เพราะทกุ คนไมไ่ ดเ้ กดิ มาเปน็ นกั บวชเลย ยกเวน้ พวกทเี่ ปน็ นกั บวชทตี่ ายไปแลว้ กลบั มาเกดิ เปน็ มนษุ ย์ พวกนอ้ี าจจะไมต่ อ้ งเปน็ ฆราวาส ตั้งแต่เด็ก โตข้ึนมาก็อาจจะขอพ่อขอแม่บวชเณรเลย ถา้ มพี ระพทุ ธศาสนา อยา่ งหลวงปมู่ น่ั ทเ่ี ปน็ ครบู าอาจารย์ ที่พวกเราเคารพนับถือ ที่กระดูกของท่านได้กลายเป็น พระธาตไุ ปแลว้ น้ี ชวี ติ ของหลวงปมู่ นั่ นร่ี สู้ กึ เปน็ ฆราวาส ไมก่ ่ปี ี ตอ่ มากไ็ ดม้ าบวช เพราะนสิ ัยท่านเปน็ นักบวชมา แต่ดงั้ เดมิ สว่ นพวกเรานเี้ ปน็ ฆราวาสมาไมร่ กู้ ส่ี บิ ปแี ลว้ แสดง ว่าชาตกิ ่อนนไี้ ม่เคยเปน็ นักบวชเลย ดังน้ันกเ็ ลยตอ้ งมา เคี่ยวเขญ็ บังคับ ให้มาฝกึ หัดมาเป็นนกั บวชกัน ให้เขา้ วดั กัน วนั พระไปฟังเทศนฟ์ งั ธรรม ข้ันต้นให้ไปศกึ ษา ธรรมะค�ำส่ังค�ำสอนก่อน ก็จะได้รู้ว่าทางธรรมน้ีดีกว่า ทางโลกอยา่ งไร เมอื่ ไดร้ แู้ ลว้ วา่ ทางธรรมนเ้ี ปน็ ทางสกู่ าร หลดุ พน้ จากความทกุ ขท์ ง้ั ปวง ทางสคู่ วามสขุ ทจี่ รี งั ถาวร ทางทไ่ี มม่ กี ารเวยี นวา่ ยตายเกดิ อกี ตอ่ ไป ถา้ ฟงั แลว้ เกดิ ศรทั ธากอ็ าจจะเรม่ิ ฝกึ หดั เปน็ มอื ใหมห่ ดั ขบั กอ่ น แทนที่

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต) 71

จะเอาเงนิ ไปเที่ยวไปกินไปด่มื ไปเลน่ กเ็ อาเงนิ ไปทำ� บญุ ทำ� ทาน แทนที่จะไมเ่ คยรักษาศีลเลย ก็หดั รักษาศลี กัน รกั ษาศลี ๕ กอ่ น รกั ษาศลี ๕ ไดแ้ ลว้ วนั พระกล็ องรกั ษา ศีล ๘ ดู ยอมอดข้าวเยน็ สักวันหนึ่ง จะตายให้มันรไู้ ป ยอมเลกิ นอนกบั แฟนสกั คนื หนง่ึ ดวู า่ มนั จะตายหรอื เปลา่ ยอมเลิกเท่ียว ยอมเลิกดูละครสักคืนหนึ่ง มันจะเป็น อยา่ งไร เอาเวลามาไหวพ้ ระสวดมนต์ มาฝกึ จติ ใจทำ� สมาธิ มาฟังเทศนฟ์ งั ธรรม ดูวา่ มนั เป็นอย่างไร อยา่ งไหนจะดี กว่ากนั ถา้ ลองไดท้ ดลองทำ� แลว้ รบั รองไดว้ า่ จะตอ้ งเหน็ วา่ ทางธรรมนดี้ กี วา่ ทางโลกแนน่ อน เพราะรสแหง่ ธรรมชนะ รสทง้ั ปวง พระพทุ ธเจา้ ทรงตรสั วา่ ไมม่ รี สอนั ใดในโลกน้ี จะดเี ท่ากับรสแห่งธรรม รสของลาภ ยศ สรรเสริญ สขุ ทางตา หู จมกู ลน้ิ กาย น้ี สรู้ สแหง่ ธรรมไมไ่ ด้ รสแหง่ ธรรมทเี่ กดิ จากการท�ำบุญท�ำทาน เกิดจากการรักษาศีล เกดิ จากการไหวพ้ ระสวดมนต์ ฟงั เทศนฟ์ งั ธรรม นงั่ สมาธิ อนั นแ้ี หละเปน็ ความสขุ ทด่ี กี วา่ ความสขุ ทไ่ี ดจ้ ากลาภ ยศ สรรเสรญิ จากรปู เสยี ง กลิน่ รส โผฏฐัพพะ พอลอง ได้สัมผัสแล้วรับรองได้ว่าจะเห็นความแตกต่างระหว่าง

นักบวช ï ผู้แสวงหาทางพ้นทุกข์จากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย 72

ทางสองทางเลย จะเห็นว่าทางของธรรมน้ี น�ำไปสู่ ความร่มเย็นเป็นสุขเพียงอย่างเดียว ทางของโลกน้ีน�ำ ไปสคู่ วามสขุ ทคี่ ลกุ เคลา้ ไปดว้ ยความวนุ่ วาย ความวติ ก ความกงั วล ความเศรา้ โศกเสยี ใจตา่ งๆ นานา จะเหน็ วา่ ตา่ งกันเหมือนฟ้ากับดินเลย พอลองได้สัมผัสกับรสแห่งธรรม ลองได้มาทาง ธรรมแลว้ กจ็ ะเรม่ิ มศี รทั ธามากขน้ึ มฉี นั ทะ วริ ยิ ะ มคี วาม ยนิ ดี มคี วามขยันหมัน่ เพยี ร ทจี่ ะพยายามมาทางธรรม ใหม้ ากขนึ้ กจ็ ะหาเวลาหาโอกาสเขา้ วดั ใหบ้ อ่ ยขนึ้ ทำ� บญุ ทำ� ทานใหม้ ากขน้ึ รกั ษาศลี ใหม้ ากขน้ึ ภาวนาใหม้ ากขนึ้ ไป แลว้ เดย๋ี วตอ่ ไปกจ็ ะอยากจะออกบวชเอง เพราะรวู้ า่ การ เปน็ ฆราวาสนี้มันมขี ดี จ�ำกดั เวลามนั ไม่มากเท่ากับการ เป็นนกั บวช เอาจิตใจทเ่ี ปน็ ฆราวาสน้ไี ปเป็นพระไปเป็น นกั บวช เพอ่ื ท่จี ะได้มเี วลาปฏบิ ตั อิ ยา่ งเตม็ ที่ นอกจากมี เวลาปฏบิ ตั แิ ลว้ ยงั มสี งั คมทเ่ี ออ้ื ตอ่ การปฏบิ ตั ิ ไดอ้ ยกู่ บั พวกนักบวชดว้ ยกัน ได้อยกู่ ับพวกปฏิบัตดิ ว้ ยกัน ก็จะ ไม่มีใครมาคอยชวนเราไปเที่ยวที่น่ันท่ีน่ี ไม่มีใครชวน เราไปกนิ ขา้ วเยน็ ทนี่ น่ั ทน่ี ่ี ทกุ คนปฏบิ ตั เิ หมอื นกนั มแี ต่ ชวนใหไ้ ปเดินจงกรม ชวนใหไ้ ปนัง่ สมาธิ ชวนใหไ้ ปฟงั

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต) 73

เทศนฟ์ ังธรรม ชวนให้รักษาศลี ให้สะอาดบริสทุ ธิ์ แล้ว นอกจากนนั้ ยงั มคี รบู าอาจารยผ์ บู้ รรลธุ รรมแลว้ มาคอย ใหก้ �ำลงั ใจ มาคอยดงึ คอยกำ� ราบเวลาทเ่ี ถลไถล เวลาที่ ไมป่ ฏบิ ตั ิ ถา้ ไปบวชแลว้ จะอยใู่ นสงั คมทเ่ี ออ้ื ตอ่ การบรรลุ มรรคผลนิพพาน ถ้าอยู่ในสังคมของฆราวาสก็จะไม่มีใครมาช่วย สนบั สนนุ ไมม่ ใี ครมาชว่ ยดงึ ชว่ ยผลกั มแี ตช่ ว่ ยคอยลาก ใหเ้ ราถอยหลงั ไมไ่ ดส้ นบั สนนุ ใหไ้ ปขา้ งหนา้ ผทู้ ป่ี ฏบิ ตั ิ ทเี่ ปน็ ฆราวาสนี้ ตอ่ ไปจะรเู้ องวา่ อยไู่ มไ่ ด้แลว้ เพศของ ฆราวาสนว้ี นุ่ วายหนอ ถา้ อยากตอ้ งการความสงบ ตอ้ งการ มรรคผลนพิ พาน ตอ้ งไปอยแู่ บบนกั บวช ไปอยกู่ บั พวก ทเ่ี ขาเปน็ พวกปฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบ ไปอยกู่ บั ครบู าอาจารย์ ทเ่ี ปน็ ผปู้ ฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบ แลว้ จะมผี คู้ อยฉดุ คอยลาก คอยดึงคอยก�ำราบเวลาท่ีเถลไถล เวลาท่ีออกนอกลู่ นอกทาง จะมีคนคอยเฝ้าคอยดูแลคอยกั้นไว้ไม่ให้ ออกนอกลู่นอกทาง จะท�ำให้การปฏิบัติคืบหน้าไป อย่างเดียว และในไม่ช้าก็เร็วก็จะบรรลุถึงมรรคผล นพิ พานข้นั ตา่ งๆ ïïï

นักบวช ï ผู้แสวงหาทางพน้ ทกุ ขจ์ ากการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย 74

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต) 75

นกั บวช ï ผ้แู สวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย 76

สรา้ งสรณะทพี่ ึง่ ทางใจ พระธรรมเทศนา พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) 77

เวลาเราออกบวชน้ี เราจะไมส่ ามารถเลือกอาหารทีเ่ ราเคยกนิ เลอื กบ้านที่เราเคยอยไู่ ด้ ตอ้ งอยู่แบบตามมีตามเกิด ไม่ยดึ ไมต่ ิดกบั ส่งิ เหล่านั้น เพยี งแต่อาศยั เป็นเคร่ือง

สนบั สนนุ ในการประพฤติปฏบิ ตั ิ สร้างสรณะภายในให้เกิดข้ึนมาเทา่ นัน้

นักบวช ï ผู้แสวงหาทางพ้นทกุ ขจ์ ากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย 78

ทุกวันน้ีท่ีวุ่นวายกันก็เพราะยังขาดท่ีพ่ึง ไม่ได้ท่ี พึ่งท่ีแท้จริง ยังหลงยังยึดติดอยู่กับส่ิงท่ีไม่ใช่เป็นที่พ่ึง ทแ่ี ท้จรงิ ยงั หลงยึดตดิ อยู่กับเรื่องราวต่างๆ ภายนอก ยงั หวงั ความสขุ จากสงิ่ ตา่ งๆ ภายนอกอยู่ ถา้ ไมห่ วงั ปา่ นนี้ ก็คงจะออกบวชกันหมดแล้ว คงจะตัดกันได้หมดแล้ว แต่ท่ียังไม่บวชกันก็เพราะยังยึดยังติดอยู่กับสิ่งต่างๆ ยงั ยดึ ตดิ อยกู่ บั วถิ ชี วี ติ ทอ่ี ยกู่ นั ทกุ วนั นอี้ ยู่ มบี า้ นกย็ ดึ ตดิ กบั บา้ น มอี าหารการกนิ อยา่ งไร กย็ งั ยดึ ตดิ อยกู่ บั อาหาร การกินอยา่ งน้นั อยู่ เวลาเราออกบวชนี้ เราจะไมส่ ามารถเลอื กอาหารท่ี เราเคยกนิ เลือกบ้านท่ีเราเคยอยู่ได้ ตอ้ งอยแู่ บบตามมี ตามเกดิ ไมย่ ดึ ไม่ตดิ กับสงิ่ เหลา่ นัน้ เพยี งแตอ่ าศัยเป็น เคร่ืองสนับสนุนในการประพฤติปฏิบัติ สร้างสรณะ ภายในใหเ้ กดิ ขน้ึ มาเทา่ นนั้ อาศยั ปจั จยั ๔ คอื ทอี่ ยอู่ าศยั ยารกั ษาโรค เครอ่ื งนงุ่ หม่ อาหาร มาเลย้ี งดอู ตั ภาพรา่ งกาย เพื่อให้เราได้ปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์ฟังธรรม นั่งสมาธิ เดนิ จงกรม พิจารณาอนจิ จัง ทกุ ขัง อนัตตา เพ่อื ตดั ความหลง ตดั ความยดึ มนั่ ถอื มน่ั ในสง่ิ ตา่ งๆ ทเ่ี ปน็ ทกุ ข์ เปน็ อนจิ จงั เปน็ อนตั ตา ไมใ่ หไ้ ปยดึ ไปตดิ กบั มนั มนั มอี ยู่

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) 79

ก็รู้ว่ามีอยู่แต่ไม่ได้ไปหวังอะไรจากมัน หวังอย่างเดียว ก็คือความไม่วุ่นวายใจ ถ้าจิตใจอยู่ในความสงบแล้ว แมร้ า่ งกายนจี้ ะเปน็ อะไรไปกไ็ มเ่ กย่ี วขอ้ งกนั ถา้ รา่ งกาย จะตายไปในขณะทจ่ี ิตสงบ จิตก็ไม่รู้สึกอะไร แต่ถา้ จิต ไม่อยู่ในความสงบ มัวเกาะติดอยู่กับร่างกาย คิดว่า รา่ งกายเปน็ ตวั เปน็ ตน เวลารา่ งกายเปน็ อะไรไป จติ ใจจะมี ความระสำ�่ ระสาย มีความวา้ วนุ่ ขนุ่ มวั มีความทุกขเ์ ปน็ อนั มาก แตใ่ นขณะใดเวลาใดถา้ เกดิ มปี ญั ญาขนึ้ มาแลว้ ปลงได้ ในขณะนน้ั จติ จะเยน็ ลงทนั ที จะสงบตวั ลง จะนงิ่ จากความวุ่นวายสับสนอลหม่านหาที่ยึดหาท่ีเกาะไม่ได้ วา่ จะทำ� อยา่ งไรกบั ความตายทก่ี ำ� ลงั มารออยู่ พอทำ� ความ เข้าใจว่าเป็นธรรมดาของร่างกายท่ีจะต้องแตกจะต้อง ดบั ไป เปน็ เรอื่ งปกติ ยอมรบั ความจรงิ น้ี แลว้ กป็ ลอ่ ยให้ เป็นไปตามความจริง ไม่ฝนื ไมว่ นุ่ วายกับการไปหาหยกู หายาหาหมอมาแก้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เท่าน้นั แหละ ถา้ ปลอ่ ยไดจ้ รงิ ๆ แลว้ จติ จะดง่ิ ลงสคู่ วามสงบแลว้ จะรสู้ กึ สบาย เหมอื นกบั ยกภเู ขาออกจากอก เมอื่ สกั ครนู่ ี้ ความอยากจะอยู่ท�ำให้ทุกข์ทรมานแทบเป็นแทบตาย

นกั บวช ï ผแู้ สวงหาทางพ้นทกุ ขจ์ ากการเกิด แก่ เจบ็ ตาย 80

พอตัดความอยากอยู่ได้เท่าน้ันเอง ยอมตายเท่านั้นเอง จิตกป็ ล่อย พอปลอ่ ยแลว้ มันก็สงบ ก็เหมือนกับเวลาเรานั่งสมาธิ ตอนต้นก็ไม่สงบ เพราะจติ ยงั ยดึ ยงั ตดิ อยกู่ บั รปู เสยี ง กลนิ่ รส โผฏฐพั พะ กับเร่ืองราวต่างๆ เวลานั่งพุทโธๆ ไป ก็จะแวบไปหา เรอ่ื งนน้ั หาเรอื่ งน้ี นน่ั แสดงวา่ มนั ยงั ไมป่ ลอ่ ย แตถ่ า้ มสี ติ ควบคุมบังคับให้อยู่กับพุทโธๆ ไปได้อย่างต่อเน่ือง จนไมม่ ีโอกาสที่จะไปคดิ ถงึ เรื่องราวตา่ งๆ ได้ มันก็ต้อง ปล่อยช่ัวคราว ไม่ได้ปล่อยด้วยปัญญา แต่ปล่อยด้วย ก�ำลงั ของพุทธานสุ ติ การบรกิ รรมพทุ โธๆ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง เปน็ อบุ ายของ สมาธิที่จะดึงจิตดึงใจให้ออกจากรูป เสียง กล่ิน รส โผฏฐพั พะ ออกจากเรื่องราวตา่ งๆ ถา้ แรงที่จะดึงเขา้ มี มากกวา่ แรงทจ่ี ะดงึ ออกไป กจ็ ะทำ� ใหจ้ ติ สงบ จติ จะรวม ตวั ลง ขณะนนั้ มนั กส็ งบนงิ่ เยน็ สบาย แตจ่ ะสงบไดไ้ มน่ าน อาจจะนานสำ� หรบั บางคน อาจจะไมน่ านสำ� หรบั บางคน แลว้ กจ็ ะออกมา พอออกมากเ็ หมอื นกบั ออกจากหอ้ งแอร์ ท่ีเย็นเฉียบไปสัมผัสกับความร้อนท่ีอยู่ข้างนอก เราจะ

พระจุลนายก (พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต) 81

เหน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ จติ ใจดวงนส้ี ามารถพลกิ จากรอ้ น มาเยน็ ได้ จากเย็นไปรอ้ นได้ อยู่ท่ีเราจะควบคมุ บงั คบั ให้อยู่ส่วนไหนเท่านั้นเอง เมื่อเรารู้แล้วว่าวิธีการที่จะท�ำให้จิตของเราสงบ กค็ อื การทำ� สมาธิ การปลกี วเิ วก การหาทส่ี งบทส่ี งดั การหนี จากรปู เสยี ง กลนิ่ รส โผฏฐพั พะตา่ งๆ เรากต็ อ้ งมคี วาม บากบั่น มีความอุตสาหะ มีความขวนขวาย มีความ พากเพยี รทจ่ี ะแสวงหาความสขุ อยา่ งนี้ ถา้ ลองไดส้ มั ผสั เพยี งครัง้ เดยี วแลว้ เราจะมีกำ� ลงั จิตกำ� ลังใจ เรารู้แล้วว่า ผลท่ีเราจะไดร้ ับจากการเสียสละนัน้ มนั คุ้มคา่ กัน เหมอื นกับคนท่ีซ้ือลอตเตอรี่ แมจ้ ะไม่เคยถกู เลย แตก่ ็ยังซื้ออยู่เร่ือยๆ เพราะรู้วา่ ถา้ ถูกข้นึ มาสักครั้งหนึง่ มนั คมุ้ คา่ เสยี แค่ ๕๐ บาท ๑๐๐ บาท ไดม้ าเปน็ ลา้ นอยา่ งนี้ ท�ำไมจะไมค่ ุ้มค่า ฉนั ใด พวกเรากเ็ หมือนกัน เราเพยี ง เสียสละด้วยการไม่ได้ไปเที่ยว ไม่ได้ไปดูหนังฟังเพลง ไมไ่ ดไ้ ปงานปารต์ กี้ บั เพอื่ นฝงู แตไ่ ปอยวู่ ดั สกั ๒ - ๓ วนั แลว้ ทำ� จติ ใจใหส้ งบได ้ ทำ� ไมจะไมค่ มุ้ คา่ ถา้ สงบไดจ้ รงิ ๆ แล้วรับรองได้ว่าจะไปวัดอยู่เร่ือยๆ จะไปปฏิบัติธรรม

นกั บวช ï ผูแ้ สวงหาทางพน้ ทกุ ข์จากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย 82

อยเู่ รือ่ ยๆ ท่ไี ปแลว้ ไมไ่ ดผ้ ล จงึ ไม่คอ่ ยอยากจะกลบั ไป ไปแล้วทรมาน เพราะตอ้ งฝนื จิตฝืนใจมาก ฝืนกเิ ลสที่ ชอบดูหนังฟังเพลง ชอบกินอาหารอย่างโน้นอย่างน้ี ชอบนอนทสี่ ขุ ทสี่ บาย จงึ เปน็ การทรมานจติ ใจ แตถ่ า้ ทำ� จนไดผ้ ลแลว้ เรอ่ื งเหลา่ นจี้ ะเปน็ เรอ่ื งเลก็ นอ้ ยไป เพราะวา่ ผลที่ได้รับจากการท�ำจิตใจให้สงบน้ีมันเหนือสิ่งอ่ืนๆ เหนอื ความสุขอนื่ ๆ ท่ีเราไดส้ ัมผสั มา ความสุขท่ีได้ไปเที่ยว ไปดูหนังฟังเพลง ไปรับ ประทานอาหาร ไปดื่ม เม่ือเทียบกับความสุขท่ีได้จาก ความสงบของจิตใจแล้ว มันห่างกันเหมือนฟ้ากับดิน ความเหน็ดเหน่ือยเม่ือยล้า ความทุกข์ทรมาน ความ ลำ� บาก อดทนอดกลน้ั ต่างๆ จะไม่เป็นเรอื่ งใหญโ่ ตเลย มนั คมุ้ คา่ กเ็ หมอื นกบั คนทซี่ อื้ ลอตเตอรอ่ี ยทู่ กุ งวด ซอื้ มา กปี่ ไี มเ่ คยถกู กย็ งั มกี ำ� ลงั จติ กำ� ลงั ใจทจี่ ะซอื้ ตอ่ ไป ฉนั ใด การปฏบิ ตั ธิ รรมกค็ วรจะเปน็ อยา่ งนนั้ ขอใหม้ องวา่ มนั ก็ เหมอื นกบั การถกู ลอตเตอรร่ี างวลั ที่ ๑ เพยี งแตย่ งั ไมถ่ กู แต่เราก็ไม่ท้อแท้ ยังมีก�ำลังจิตก�ำลังใจท่ีจะบากบ่ันไป ปฏบิ ตั ิ

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต) 83

ถา้ ไมไ่ ดไ้ ปทว่ี ดั กป็ ฏบิ ตั ทิ บี่ า้ นไปกอ่ นกย็ งั ด ี อยา่ ไป รอโอกาสรอจังหวะเพราะมันอาจจะไม่มี ชีวิตของเรามี เรอื่ งวนุ่ วายมาก มธี รุ ะภารกจิ ตา่ งๆ มาก ถา้ เราไมใ่ หเ้ วลา กบั การปฏิบัติธรรม เราก็จะไม่มีเวลาปฏิบัติ แตถ่ ้าเรา มองมนั เปน็ เรอื่ งทสี่ ำ� คญั ทสี่ ดุ เปน็ สรณะเปน็ ทพี่ งึ่ ของเรา เป็นเพื่อนในยามยากจริงๆ เวลาท่ีเราตกทุกข์ได้ยาก เปล่าเปล่ียวใจ เราก็จะมีเวลาให้กับการปฏิบัติธรรม ถ้ามีธรรมะแล้วจะไม่มีความรู้สึกว้าเหว่ ไม่รู้สึกว่าไม่มี เพอ่ื น ไมม่ สี รณะ เวลาเจบ็ ไข้ไดป้ ว่ ย เวลาตาย ไม่เคย คดิ ถงึ ใคร ไมเ่ คยคดิ วา่ ทำ� ไมคนนนั้ ไมม่ าเยยี่ มเรา คนน้ี ไมม่ าหาเรา ไมเ่ คยคดิ เพราะมที พี่ งึ่ อยภู่ ายในใจแลว้ คอื ความสงบ พอสงบแล้วกไ็ มไ่ ดค้ ิดอะไรทงั้ สิ้น มนั นง่ิ อยู่ จะไปคิดอะไรได้ ที่คิดก็เพราะมันไม่สงบ ย่ิงคิดก็ยิ่ง ฟงุ้ ซา่ นใหญ่ ยง่ิ คดิ กย็ ง่ิ ทกุ ข์ ยงิ่ วนุ่ วายใจไปใหญ่ ยง่ิ ทำ� ให้ อาการเจ็บไข้ได้ป่วยทรุดลงไปใหญ่ แต่ถ้าจิตสงบแล้ว ปล่อยให้ร่างกายได้พกั ผ่อน บางทมี ันก็หายของมันเอง โรคบางอยา่ งเกดิ จากการทไี่ มไ่ ดร้ บั การพกั ผอ่ นพอเพยี ง เทา่ นนั้ เอง ถา้ ไดร้ บั การพกั ผอ่ นพอเพยี งแลว้ ถงึ เวลามนั กฟ็ ้ืนข้นึ มาได้ ïïï

นักบวช ï ผ้แู สวงหาทางพ้นทุกขจ์ ากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย 84

วธิ ีสรา้ งความสุขทีแ่ ทจ้ รงิ พระธรรมเทศนา พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต) 85

ความสุขท่ีเกิดจากความดับของความทุกข์ ดับของตณั หา ดบั ของสมุทัย

น่ีแหละคือวธิ สี ร้างความสุขท่ีแทจ้ รงิ

นักบวช ï ผู้แสวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกดิ แก่ เจ็บ ตาย 86

ถ้าเป็นพระก็จะไม่ค่อยมีเรื่องที่จะต้องคิด จงึ ควบคมุ จติ ใหอ้ ยกู่ บั พทุ โธๆ ไดต้ ลอดเวลา ถึงแม้ใน ขณะทท่ี ำ� กจิ กรรมตา่ งๆ ไมว่ า่ จะกวาดถศู าลา ออกบณิ ฑบาต ขบฉนั กพ็ ทุ โธๆ ไปเรอ่ื ยๆ ไมไ่ ปคดิ เรอ่ื งอนื่ ใหม้ สี ตอิ ยู่ กบั พทุ โธๆ ไป ถา้ มสี ตอิ ยกู่ บั พทุ โธๆ ไปเรอื่ ยๆ ตอ่ ไปจติ ก็จะเป็นสมาธิขึ้นมา จิตจะต้งั มั่น จะไมล่ อยไปลอยมา ทลี่ อยไปลอยมาเพราะเปน็ เหมอื นนนุ่ มลี มพดั มานดิ เดยี ว กจ็ ะปลวิ ไปทนั ที จติ ทไี่ มม่ สี มาธจิ ะเบาเหมอื นนนุ่ ไมไ่ ดเ้ บา เพราะปราศจากกเิ ลสตณั หา เบาเพราะขาดความหนกั แนน่ เวลามีอารมณ์อะไรมากระทบมาสัมผัสก็ลอยไปแล้ว พอคดิ เร่ืองอะไรขึน้ มาปบ๊ั กจ็ ะไหลตามไปทันที ถา้ จติ หนกั แนน่ ดว้ ยสมาธจิ ะไมไ่ ปงา่ ยๆ เพราะมสี ติ คอยดึงเอาไว้ไม่ให้ไป ยกเว้นเป็นเรื่องจ�ำเป็นท่ีต้องคิด เพราะชีวิตของคนเรายังมีภารกิจการงาน ต้องท�ำงาน ทำ� การ ตอ้ งออกบณิ ฑบาต ตอ้ งรบั ประทานอาหาร ตอ้ งทำ� ภารกิจตา่ งๆ ก็ตอ้ งคิดในเรอื่ งท่จี �ำเป็น อยา่ งน้ีก็ไมเ่ ป็น ปญั หาอะไร แตถ่ า้ ไมม่ สี ติ ไมม่ สี มาธิ จติ กจ็ ะไหลไปตาม อารมณต์ า่ งๆ ทม่ี ากระทบ ทำ� ใหว้ า้ วนุ่ ขนุ่ มวั อยตู่ ลอดเวลา เพราะไปแบกเอาเรอ่ื งราวตา่ งๆ เขา้ มาในจติ ในใจนนั่ เอง

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต) 87

แทนทจ่ี ะปลอ่ ยใหผ้ า่ นไป กลบั ไปดงึ กลบั มา เชน่ เวลาได้ ยินค�ำพูดทไ่ี ม่ถกู อกถูกใจ ท้ังๆ ท่ีพูดไปตง้ั แต่เมื่อเชา้ นแี้ ลว้ หลายชว่ั โมงผา่ นไปแลว้ กย็ งั เอามาคดิ อยภู่ ายในใจ ทุกคร้ังทคี่ ิดกเ็ กดิ ความหงดุ หงิดใจ เกิดความไมพ่ อใจ ข้นึ มา แล้วกไ็ ม่ร้จู ักวิธีท�ำใหค้ วามคดิ น้ันหายไป ซงึ่ งา่ ย นดิ เดยี วกค็ อื ไมไ่ ปคดิ ถงึ เรอื่ งนนั้ เทา่ นน้ั เอง แตก่ อ็ ดคดิ ไมไ่ ด้ เพราะไมเ่ คยฝกึ จติ นน่ั เอง ไมเ่ คยควบคมุ จติ ใหอ้ ยู่ ตามค�ำสัง่ จติ จะไปตามคำ� ส่งั ของเขา อยากจะคดิ อะไร กจ็ ะคดิ สว่ นใหญก่ ช็ อบคดิ ในเรอื่ งทที่ ำ� ใหเ้ กดิ ความทกุ ข์ นน่ั แหละ เรอ่ื งทไี่ มค่ วรคดิ แตก่ อ็ ดคดิ ไมไ่ ด้ ถา้ ไดฝ้ กึ ทำ� สมาธอิ ยเู่ รอื่ ยๆ ใหม้ สี ตอิ ยตู่ ลอดเวลา เวลาคดิ ถงึ เรอ่ื งท่ี สรา้ งความทกุ ขข์ น้ึ มา ถา้ เคยบรกิ รรมพทุ โธๆ กบ็ รกิ รรม พทุ โธๆ ไป ความคดิ อนื่ กไ็ มส่ ามารถแทรกเขา้ มาได้ เมอื่ เขา้ มาไมไ่ ด้กจ็ ะไมร่ บกวนใจ การปฏิบัติของสายปฏิบัติจึงเน้นไปที่สติเป็นหลัก ไมว่ า่ จะทำ� อะไรกต็ ามควรจะมสี ติ มคี วามรสู้ กึ ตวั รอู้ ยเู่ สมอ วา่ กำ� ลังทำ� อะไรอยู่ กาย วาจาใจ กำ� ลงั เคลอ่ื นไหวไปใน ทิศทางใด ถ้ามีสติแล้วจะท�ำอะไรก็ไม่พลาด พระทาง สายปฏิบัติ เวลาทำ� งานกันจะท�ำกันอยา่ งรวดเร็ว แต่จะ

นกั บวช ï ผู้แสวงหาทางพ้นทกุ ข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย 88

ไม่ค่อยพลาดพลัง้ เผลอกันเทา่ ไร เชน่ จะไมม่ เี สียงดัง ทำ� อะไรจะเงยี บ แตถ่ า้ เปน็ ฆราวาสแลว้ ทำ� อะไรกจ็ ะอกึ ทกึ ครกึ โครมไปหมด เพราะทำ� โดยปราศจากสตนิ น่ั เอง มสี ติ เหมือนกันแต่ไม่เข้มข้นพอทจ่ี ะเฝา้ ดทู กุ ขณะจิตวา่ ก�ำลงั เคลอื่ นไหวไปทางไหน เชน่ เวลาเชด็ ชอ้ นเชด็ จาน ไมร่ วู้ า่ ตอนทวี่ างจานวางชอ้ นนนั้ วางอยา่ งไร แรงหรอื คอ่ ย เพราะ สตไิ ม่ละเอียดถึงขนาดน้นั แต่ผปู้ ฏิบตั ิจะมีสติละเอียด เขา้ ไปทกุ ขณะเลย ขณะหยบิ ชอ้ นขนึ้ มาเชด็ ขณะทจ่ี ะวาง ช้อนลงไป จะมีเสียงไมม่ เี สยี ง จะมสี ตริ ู้อย่ตู ลอดเวลา การทำ� งานของพระปฏบิ ตั จิ งึ ทำ� ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และเงยี บ สงบ ไม่มีเสียง เวลาคนไม่มีสติเข้ามาในสังคมนั้นจะ เปดิ เผยตวั เองทนั ทเี ลย ทำ� อะไรกด็ งั โครมครามๆ ไปหมด เปดิ ปดิ ประตู เปดิ ปดิ หนา้ ตา่ ง กเ็ ปน็ เสยี งดงั ไปหมด เพราะ ไมเ่ คยฝกึ สตใิ หม้ คี วามละเอยี ดถงึ ขนาดนนั้ แตถ่ า้ ไดเ้ คย อยใู่ นสำ� นกั ปฏบิ ตั แิ ลว้ จะระมดั ระวงั มากเรอ่ื งเสยี ง เพราะ ถอื วา่ การกระทำ� ตา่ งๆ ตอ้ งเงยี บ ตอ้ งสงบ เปน็ การฝกึ สติ ไปในตวั หลกั ของการปฏบิ ตั ไิ มไ่ ดต้ อ้ งการความเงยี บเปน็ ผล แตต่ อ้ งการสติ ตอ้ งการสมาธเิ ปน็ หลกั การทำ� งานตา่ งๆ

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต) 89

กเ็ พอ่ื ฝกึ สติ ฝกึ จติ เปน็ หลกั เพราะเมอ่ื สามารถควบคมุ จติ ใจให้เป็นไปตามคำ� ส่ังไดแ้ ลว้ กจ็ ะสามารถระงบั การ กระทำ� ของจติ ในทางทไ่ี มด่ ไี ด้ เชน่ เวลาเกดิ ตณั หาขนึ้ มา ก็สามารถระงับดับมันได้ การดับตณั หากม็ ีอยู่ ๒ วิธดี ว้ ยกนั คือ ๑. สมาธิ ซ่ึงดับได้ในช่วงระยะส้ันๆ พอเบรกให้หยุดได้ช่ัวคราว เวลาอยากไดส้ ง่ิ นนั้ อยากไดส้ ง่ิ นี้ กจ็ ะรวู้ า่ เกดิ ความอยาก ขน้ึ มา เพราะเกดิ ความรมุ่ รอ้ นขนึ้ มา โดยปกตจิ ติ ทม่ี สี มาธิ จะมคี วามเยอื กเยน็ เปน็ พน้ื พอเกดิ ความอยากขนึ้ มากจ็ ะ ร้อนวบู ขึน้ มา เหมอื นกบั จุดไม้ขีดขึ้นมา ก็จะร้อนขึน้ มา ทนั ที สมาธจิ ะดบั ไดเ้ พยี งชว่ั คราว เดยี๋ วความอยากกโ็ ผล่ ขน้ึ มาอกี จงึ ตอ้ งใชว้ ธิ ที ่ี ๒. คอื ปญั ญา ทจี่ ะดบั ไดอ้ ยา่ งถาวร เชน่ อยากมคี คู่ รอง ถา้ บวชเปน็ พระ สงิ่ แรกทพ่ี ระอปุ ชั ฌาย์ จะสอนใหพ้ ระผบู้ วชใหมท่ กุ ๆ รปู ศกึ ษาหรอื พจิ ารณากค็ อื กรรมฐาน ๕ ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนงั โดยอนุโลม และปฏโิ ลม คอื ทงั้ ลงและขน้ึ พจิ ารณาผม ขน เลบ็ ฟนั หนงั แลว้ กพ็ จิ ารณาหนงั ฟนั เลบ็ ขน ผม ยอ้ นกลบั มา ให้พิจารณาอยา่ งต่อเนอ่ื งจนเกดิ ความชำ� นาญ ไมใ่ หอ้ ยู่ ห่างจากใจ

นักบวช ï ผู้แสวงหาทางพ้นทกุ ข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย 90

เม่ือพิจารณาแล้วจะเห็นความไม่สวยไม่งามของ รา่ งกาย ทก่ี เิ ลสตณั หามกั จะเหน็ วา่ เปน็ ของสวยของงาม ทา่ นสอนใหพ้ จิ ารณาถงึ ความไมส่ วยไมง่ ามของสง่ิ ตา่ งๆ เหล่านี้ เวลาผมกลายเป็นสีขาวก็เป็นท่ีรังเกียจ หนังก็ เชน่ เดยี วกัน หนงั ท่ีเต่งตงึ ในวนั นี้ ในวนั ขา้ งหนา้ ก็ตอ้ ง เหย่ี วยน่ ใหพ้ จิ ารณาไปเรอื่ ยๆ จนถงึ อาการสว่ นอนื่ ๆ ของ รา่ งกายทซ่ี อ่ นอยใู่ ตผ้ วิ หนงั กจ็ ะเหน็ ความไมส่ วยไมง่ าม ของร่างกายมากขึ้นไปๆ เม่ือได้พิจารณาอย่างต่อเน่ือง กจ็ ะรวู้ า่ สงิ่ ทเ่ี ราชอบ สงิ่ ทเ่ี ราวา่ สวยงามนน้ั ความจรงิ แลว้ ก็มีสิ่งท่ีไม่สวยงามซ่อนอยู่ภายใต้ผิวหนัง เพียงแต่เรา ไมไ่ ดใ้ ชป้ ญั ญาพนิ จิ พจิ ารณาจงึ มองไมเ่ หน็ ถา้ ใชป้ ญั ญา พจิ ารณาอยเู่ รอื่ ยๆ แลว้ ตอ่ ไปความรนู้ ก้ี จ็ ะตดิ อยกู่ บั ใจ พอเกิดความอยากข้ึนมา ความรู้ที่ได้พิจารณาก็จะผุด ขนึ้ มาทนั ทวี า่ ไมส่ วยอยา่ งทเ่ี ราคดิ หรอก ความอยากกจ็ ะ ดับไป ทกุ ครง้ั ทคี่ ิดอยาก ความรู้ทีไ่ ด้พิจารณากจ็ ะผุด ข้ึนมาๆ ในที่สุดความอยากก็จะไม่มีก�ำลังโผล่ข้ึนมา อย่างนี้เรยี กว่าปัญญาหรอื วปิ ัสสนา การพิจารณาอสุภกรรมฐานก็เพื่อแก้กามตัณหา แก้กามราคะ ความยินดีในรูปท่ีสวยท่ีงามที่เราหลงว่า

พระจลุ นายก (พระอาจารย์สชุ าติ อภชิ าโต) 91

สวยวา่ งาม แต่ความจริงแลว้ ร่างกายไม่ได้สวยงามเลย เราไปหลงเขาเองว่าสวยวา่ งาม พระพุทธเจ้าจึงทรงสอน ใหม้ องในสว่ นทไ่ี มส่ วยไมง่ ามดว้ ยเพอื่ ใหเ้ หน็ ตามความ เปน็ จรงิ เรามกั จะมองดา้ นเดยี วเทา่ นนั้ คอื ดา้ นทเ่ี ราชอบ แต่ดา้ นทเี่ ราไมช่ อบ เราจะไม่มองกนั ท้ังๆ ที่ก็มีอยใู่ น คนๆ เดยี วกนั ทนี ปี้ ญั หาของพวกเราเวลาพจิ ารณาความ ไม่สวยไม่งามน้ี โดยมากจะพิจารณาไดไ้ ม่นาน เพราะ กิเลสชอบมาขัดมาขวางอยู่เสมอ เราจึงต้องฝืนต้อง บงั คับให้พิจารณา ถา้ ไม่ฝืนไมบ่ ังคบั แลว้ จะไมค่ อ่ ยได้ พิจารณากันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ฝืนได้บังคับไปเร่ือยๆ พจิ ารณาไปเรอื่ ยๆ ตอ่ ไปจะกลายเปน็ นสิ ยั ขนึ้ มา เหมอื น กบั หดั ใช้มือซา้ ย ถา้ ถนดั ขวาจะไม่ชอบใชม้ อื ซา้ ยเพราะ อดึ อดั ไม่สะดวก ไม่คล่องแคลว่ วอ่ งไว เพราะไมถ่ นดั แตถ่ า้ พยายามฝนื ใชไ้ ปเรอื่ ยๆ หดั ใชไ้ ปเรอ่ื ยๆ ตอ่ ไปกจ็ ะ เกดิ ความชำ� นาญ เกดิ ความถนดั จนกลายเปน็ นสิ ัยไป การเจริญปญั ญาก็เปน็ อย่างน้ี จิตของพวกเราส่วนใหญ่มักจะชอบมองสิ่งต่างๆ วา่ สวยวา่ งาม วา่ จรี งั ถาวร เหน็ อะไรกค็ ดิ วา่ เปน็ อยา่ งนนั้ เสมอ เห็นรปู รา่ งหน้าตาท่ถี ูกใจกค็ ดิ ว่าจะเป็นอย่างนน้ั

นกั บวช ï ผแู้ สวงหาทางพน้ ทกุ ขจ์ ากการเกิด แก่ เจบ็ ตาย 92

ไปตลอด ไม่เคยคดิ วา่ สักวนั หนงึ่ จะตอ้ งแก่ตอ้ งตายไป ผมจะกลายเปน็ สีขาว หนังจะเหี่ยว แล้วกต็ ายไปแตก สลายไป จติ ทม่ี กี เิ ลสครอบงำ� อยจู่ ะไมช่ อบคดิ อยา่ งนก้ี นั แตถ่ า้ ตอ้ งการแกป้ ญั หาคอื ความทกุ ขใ์ จ กต็ อ้ งบงั คบั ใจ ให้พยายามพจิ ารณาอยู่เรื่อยๆ การที่จะเจริญปัญญาได้อย่างต่อเนื่องจนได้ผล จติ ตอ้ งตง้ั มน่ั ถา้ ยงั ลอยไปลอยมาอยู่ จะพจิ ารณาอสภุ ะ ไดไ้ มน่ าน พอมอี ารมณ์อื่นมากระทบก็จะฉดุ ลากจิตให้ ไปคิดเรื่องโน้นเร่ืองนี้แทน ถ้าจิตมีสมาธิตั้งม่ันอยู่แล้ว จะไม่ไหวไปตามอารมณ์ต่างๆ จะไม่มีอารมณต์ า่ งๆ มา รบกวน ก�ำหนดให้พจิ ารณาอะไร ก็จะอยกู่ ับเร่ืองท่ไี ด้ กำ� หนดไว้ การปฏบิ ตั จิ งึ ไมค่ วรมองขา้ มสมาธไิ ป บางคน คดิ วา่ สามารถปฏิบตั ิโดยไม่ตอ้ งมีสมาธเิ ลย คือใหเ้ ข้าสู่ วปิ สั สนา ใหเ้ ขา้ สปู่ ญั ญาเลย สว่ นใหญเ่ วลาเขา้ ไปแลว้ จะ ไม่ได้ผลเท่าน้ันเอง จะกลายเป็นความฟุ้งซ่านไปเสีย มากกวา่ กลายเป็นจินตนาการไป ไม่ไดเ้ ปน็ ความจริง เวลาเกิดกิเลสขึ้นมาก็จะสู้ไม่ได้ แต่ถ้ามีสมาธิอยู่แล้ว เวลาพจิ ารณาอะไร จติ กจ็ ะเกาะตดิ อยกู่ บั สง่ิ ทใ่ี หพ้ จิ ารณา จนเข้าใจ จนอยู่ติดกับใจ ทีน้ีไม่ต้องพิจารณาอีกแล้ว

พระจุลนายก (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) 93

พอกเิ ลสโผลข่ นึ้ มา ความรทู้ ไ่ี ดพ้ จิ ารณาแลว้ อยา่ งชำ่� ชอง ก็จะผุดขึ้นมารับทันทีโดยอัตโนมัติเลย เป็นธรรมชาติ ของจติ ไป แลว้ กจ็ ะรวู้ า่ กเิ ลสแบบนไ้ี มเ่ ปน็ ปญั หาอกี ตอ่ ไป เพราะไมห่ ลงแลว้ รูเ้ ทา่ ทนั แลว้ เวลากิเลสบอกวา่ สวย ปญั ญาจะบอกวา่ ไมส่ วย กจ็ ะทำ� ลายลา้ งกนั ไปจนหมดสนิ้ ไปจากใจ กิเลสก็จะไม่สามารถมาหลอกใจได้อีกต่อไป เพราะมีปัญญารทู้ ันกิเลสแลว้ น่ันเอง นีค่ ือการปฏิบตั ิทเ่ี รยี กวา่ มรรค ต้องเจริญให้มาก พระพุทธเจ้าทรงตรสั ไวว้ า่ มรรคตอ้ งเจรญิ ใหม้ าก ทกุ ข์ ตอ้ งกำ� หนดรู้ สมทุ ยั ตอ้ งละ นโิ รธตอ้ งทำ� ใหแ้ จง้ วธิ ที จ่ี ะ ทำ� ใหน้ โิ รธแจง้ ทจี่ ะละสมทุ ยั ทจี่ ะกำ� หนดรทู้ กุ ข์ กอ็ ยทู่ กี่ าร เจรญิ มรรคนนั่ เอง การเจรญิ มรรคจะทำ� ใหเ้ หน็ ความแก่ ความเจบ็ ความตาย อยตู่ ลอดเวลา เปน็ อรยิ สจั ขอ้ ที่ ๑ คอื ทกุ ขสจั จะ พวกเราสว่ นใหญม่ กั จะมองขา้ มทกุ ขสจั จะไป เมื่อลืมทุกขสัจจะก็จะเกิดตัณหา เกิดความอยากจะ สร้างโน่นสร้างนี่ ทำ� โน่นทำ� นี่ เปน็ โน่นเปน็ น่ี แลว้ กต็ อ้ ง ไปทุกขก์ ับเรอ่ื งโนน้ ทุกขก์ ับเร่อื งนี้ แตถ่ า้ ไดเ้ จรญิ มรรค คอื สมั มาทฏิ ฐิ กจ็ ะรวู้ า่ คนเราเกดิ มาแลว้ ตอ้ งแก่ ตอ้ งเจบ็ ตอ้ งตายเปน็ ธรรมดา ตอ้ งพลดั พรากจากของรกั ทง้ั หลาย

นักบวช ï ผู้แสวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย 94

ไปเปน็ ธรรมดา ตอ้ งประสบกบั สงิ่ ทงั้ หลายทไี่ มป่ รารถนา เป็นธรรมดา เมอ่ื พจิ ารณาอยา่ งนอ้ี ยเู่ รอ่ื ยๆ กจ็ ะไมถ่ กู อำ� นาจของ ตัณหามาหลอกให้ไปสร้างโน่นสร้างนี่ สร้างครอบครัว สรา้ งสวรรคว์ มิ านในโลกน้ี ซง่ึ เปน็ ไปไมไ่ ด้ เพราะในทสี่ ดุ แลว้ กต็ อ้ งแก่ ตอ้ งเจบ็ ตอ้ งตายไป เมอ่ื รอู้ ยา่ งนแี้ ลว้ กจ็ ะ ถอยออกจากการสร้างการหาความสุขกับสิ่งต่างๆ ใน โลกนี้ เกิดปญั ญาข้นึ มา เม่อื เกดิ ปญั ญาข้ึนมากจ็ ะระงบั ดับตณั หาต่างๆ ท่หี ลอกใหไ้ ปสรา้ งโน่นสรา้ งน่ี เป็นโน่น เป็นนีไ่ ด้ เมอ่ื ไมม่ ตี ณั หา อยเู่ฉยๆ กม็ คี วามสขุ แลว้ เปน็ ความสขุ ทแ่ี ท้จริง คอื การอยู่เปน็ สุขน่นั เอง เมื่ออยเู่ ฉยๆ ไดแ้ ล้ว มีเพียงร่างกายกับใจเป็นสมบัติก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้อง มสี มบตั อิ นื่ อกี กม็ คี วามสขุ อยา่ งมากมายกา่ ยกองยง่ิ กวา่ คนทม่ี ีเงินทองกองเท่าภูเขาเสยี อีก เพราะเปน็ ความสุข ท่ีไม่ได้เกิดจากตัณหาความอยากท่ีเป็นต้นเหตุของ ความทกุ ข์ ถา้ มตี ณั หาแลว้ ตอ่ ใหม้ เี งนิ ทองกองเทา่ ภเู ขา กย็ ังจะอยากอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่มีความพอนน่ั เอง

พระจุลนายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต) 95

มีร้อยก็อยากจะไดเ้ ปน็ พัน มพี ันกอ็ ยากจะไดเ้ ปน็ หมน่ื กอ็ ยากไปเรอื่ ยๆ น่คี อื ธรรมชาตขิ องตัณหา แตถ่ า้ ไม่มี ตัณหาแลว้ ความอม่ิ ก็จะเกดิ ข้นึ มาทนั ที ตณั หากบั ความอม่ิ จงึ เปน็ เหมอื นดา้ นทง้ั ๒ ดา้ นของ เหรียญอันเดียวกัน ด้านหน่ึงเป็นตัณหา อีกด้านเป็น ความอิ่ม ถ้าด้านตัณหาหงายขึ้นมาก็จะมีแต่ความหิว ถ้าพลิกกลบั มาอีกดา้ นหนงึ่ ก็จะมแี ต่ความอิ่ม จติ ของเรากเ็ หมอื นกนั มอี ยู่ ๒ ดา้ น หวิ กับอิ่ม ถ้าปล่อยให้ความหิวคือตัณหาท�ำงาน ก็จะหิวไปตลอด ถา้ ทำ� ใหอ้ มิ่ กจ็ ะไมห่ วิ กบั อะไร ไมอ่ ยากกบั อะไร มคี วามพอ กม็ คี วามสขุ ไมต่ อ้ งมอี ะไรกอ็ ยไู่ ด้ เพราะไมม่ อี ะไรทำ� ให้ จติ อิ่มหรือพอได้ นอกจากตัวจติ เองจะตอ้ งพอ จะตอ้ ง พลิกจิตให้เข้าสู่ด้านอ่ิมให้ได้ ส่วนใหญ่มักจะถูกกิเลส ตัณหาหลอกให้ไปในด้านหิว เม่ือหิวแล้วได้เท่าไรก็ไม่ รจู้ กั อมิ่ ไมร่ จู้ กั พอ แตถ่ า้ ใชธ้ รรมะมาดบั ตณั หาความอยาก ก็จะท�ำให้จิตอิ่มได้ เราจึงต้องต่อสู้กับตัณหาความหิว ด้วยศีล ดว้ ยสมาธิ ดว้ ยปญั ญา ดว้ ยมรรค ๘ บ�ำเพ็ญ ไปเรอ่ื ยๆ ศลี กร็ กั ษาไป สมาธกิ พ็ ยายามทำ� ไป ปญั ญาก็

นักบวช ï ผแู้ สวงหาทางพ้นทุกข์จากการเกิด แก่ เจบ็ ตาย 96

พยายามพจิ ารณาไปเร่อื ยๆ พิจารณาเรอื่ งเกิด แก่ เจ็บ ตาย เร่ืองอสุภะ อสุภัง ความไม่สวยไม่งาม ไม่ช้าก็ เรว็ ก็จะคอ่ ยๆ ซมึ ซาบเขา้ ไปในจติ ในใจ จนกลายเปน็ เครอื่ งมือตอ่ สู้กับตณั หาความอยากได้ เวลาเกิดความอยากขึ้นมาก็จะถามตัวเองว่า จะอยากไปถงึ ไหน เดี๋ยวกต็ ายแล้ว มเี งนิ เท่าไรกเ็ อาไป ไมไ่ ด้ ตอนนอ้ี ายเุ ทา่ ไรแลว้ จะอยากไปหาอะไร ความสขุ ต่างๆ ในโลกนี้ก็ได้ผ่านมามากต่อมากแล้ว ถ้าเป็น ความสขุ ทแี่ ทจ้ รงิ กน็ า่ จะใหค้ วามอมิ่ ความพอกบั เราแลว้ ถ้ายังไม่ให้ เวลากลับไปหาความสุขเหล่านี้อีกก็จะเป็น เหมอื นเดมิ ยงั อยากไปเรอ่ื ยๆ อกี ๑๐ ปี ๒๐ ปขี า้ งหนา้ ก็ยังจะเป็นอย่างน้ี ยังหวิ แบบน้ีไปเรื่อยๆ ลองหันมาหา ความสขุ แบบทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ไดท้ รงคน้ พบจะไมด่ กี วา่ หรอื ความสขุ ทเี่ กดิ จากความดบั ของความทกุ ข์ ดบั ของตณั หา ดบั ของสมทุ ยั นแี่ หละคอื วธิ สี รา้ งความสขุ ทแ่ี ทจ้ รงิ วธิ ที ี่ จะท�ำให้จิตใจอยู่เหนือความทุกข์ท้ังหลายได้ ก็คือการ เจรญิ มรรคนีเ่ อง ïïï

พระจุลนายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต) 97

นกั บวช ï ผ้แู สวงหาทางพน้ ทุกขจ์ ากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย 98

แนวทางพาดำ� เนิน พระธรรมเทศนา พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต

พระจลุ นายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต) 99

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv แปลภาษาอาหรับ-ไทย lmyour แปลภาษา ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค Google Translate การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 หยน อาจารย์ ตจต เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 บบบย ศัพท์ทหารบก แปลภาษาจีน การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ขุนแผนหลวงปู่ทิม มีกี่รุ่น ชขภใ ตม.เชียงใหม่ เซ็นทรัลเฟสติวัล พจนานุกรมศัพท์ทหาร รหัสจังหวัด อําเภอ ตําบล รหัสประจำจังหวัด 77 จังหวัด สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม หนังสือราชการ ตัวอย่าง ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด อเวนเจอร์ส ทั้งหมด แปลภาษา มาเลเซีย ไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค ่้แปลภาษา Egp G no Reconguista Google map ขุนแผนหลวงปู่ทิมรุ่นแรก ข้อสอบภาษาไทยพร้อมเฉลย ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ค้นหา ประวัติ นามสกุล จองคิว ตม เชียงใหม่ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ดีแม็กมือสองราคาไม่เกิน350000 ตัวอย่างรายงานการประชุมสั้นๆ