ห่างหายจากการเดินทางอย่างเต็มรูปแบบกันไปหลายปี และเมื่อวันนี้เราได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างเต็มรูปแบบกันอีกครั้ง หลายคนอาจจะยังงงๆ หรือหลงลืมกันไปบ้างแล้วละ ว่าจากสนามบินทั้งสองแห่งในกรุงเทพฯ น่ะ มีวิธีเดินทางไปยังพิกัดต่างๆ ได้ยังไงบ้าง เผื่อถ้าคุณกำลังจะมีแพลนเดินทางหรือจองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka Travel & Lifestyle app ช่วงปลายปีนี้ จะได้เตรียมตัวดีไซน์วิธีเดินทางที่คุณพอใจ หรือมองหาที่พักซึ่งเดินทางง่ายจากสนามบินนั่นเองจ้า เพื่อให้สะดวกต่อการวางแผนเที่ยวในสไตล์

lifeyourway ของคุณนะ ไปดูกันเลยดีกว่าว่าบรรดารถรับส่งสนามบินวิธีต่างๆ ที่เรารวบรวมมาน่ะ คุณสะดวกวิธีไหน?

รวมวิธีเดินทางและรถรับส่งสนามบินจากดอนเมืองและสุวรรณภูมิ

จองบริการรถเช่า เช่ารถกับ Traveloka Travel & Lifestyle App

จองรถรับ-ส่งสนามบิน ราคาพิเศษ

จองตั๋วเครื่องบินไปกรุงเทพฯ กับ Traveloka Travel & Lifestyle App

เช็คข้อมูลและข้อกำหนดในการเดินทางก่อนไปกรุงเทพฯ

สนามบินดอนเมือง

1. สะดวกที่สุด - รถรับส่งสนามบินส่วนตัว

เริ่มต้นกันด้วยวิธีการเดินทางที่สะดวกสบายที่สุดในบรรดาทุกวิธี และยังเป็นรถรับส่งสนามบินที่จ่ายด้วยบัตรเครดิตได้ด้วยนะ นั่นก็คือการใช้บริการรถรับส่งสนามบินกับ Traveloka Travel & Lifestyle app ซึ่งคุณสามารถจองล่วงหน้าได้ และยังมีรถให้เลือกหลายประเภท จะเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่หรือกลุ่มเล็กก็ใช้ได้หมดเลยละ ที่สำคัญคือเค้ามีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงตามที่เราสะดวกเลยด้วยนะ แถมในกรณีไฟล์ทเกิดความล่าช้าก็ไม่ต้องกังวล เพราะไม่ว่าจะกี่โมงคนขับก็จะรอจนกว่าคุณจะมาถึง เรื่องสำคัญของการใช้รถรับส่งสนามบินแบบนี้ก็คือเรื่องของความปลอดภัยที่เราไม่ต้องไปเสี่ยงกับมิจฉาชีพด้วยจ้า ที่เริ่ดสุดๆ ก็คือราคาถูกมาก อย่างเช่น รถตู้สำหรับ 8 คน ค่ารถจะอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาทนิดๆ เองนะ แถมยังเป็นราคาที่รวมค่าน้ำมัน ค่าจอดรถ และค่าทางด่วนไปหมดแล้วจ้ะ ยิ่งเดินทางหลายคนยิ่งคุ้มสุดๆ เลยละ ใครไม่ค่อยรู้จักเส้นทาง หรือมีทริปที่ต้องพาผู้อาวุโสและเด็กๆ ร่วมทางด้วยนะ อันนี้เหมาะมากจริงๆ

2. ประหยัดเวลา - รถไฟฟ้าสายสีแดง

สำหรับนักเดินทางที่ต้องการประหยัดเวลา การใช้รถรับส่งสนามบินประเภทนี้ถือว่าเหมาะมาก เพราะไม่ต้องพบเจอกับปัญหารถติดบนท้องถนน รถไฟฟ้าสายสีแดงมีเส้นทางวิ่งระหว่างรังสิต - บางซื่อ มีระยะทางรวม 26 กิโลเมตร และใช้เวลาวิ่งตลอดเส้นทางประมาณ 25 นาที โดยจะมีสถานีสำคัญๆ ยอดฮิตหลายจุดเลยละ ค่าโดยสารจะอยู่ที่ประมาณ 12 - 42 บาทจ้า ข้อดีก็คือเป็นรถรับส่งสนามบินที่ค่อนข้างประหยัดทั้งเวลาและราคา แต่ข้อเสียคือความแออัดในช่วงเร่งด่วนและเวลาให้บริการที่จำกัดตั้งแต่ 6.00 - 24.00 น. วิธีนี้อาจไม่เหมาะกับคนที่ไม่รู้จักเส้นทางในกรุงเทพฯ ผู้ที่มีสัมภาระขนาดใหญ่ รวมถึงมีผู้สูงอายุหรือเด็กๆ เดินทางร่วมทริปซักเท่าไหร่นัก เนื่องจากอาจจะต้องเดินทางหลายต่อกว่าจะถึงจุดหมาย

3. สะดวกปานกลาง - รถแท็กซี่สนามบิน

การใช้บริการแท็กซี่เป็นรถรับส่งสนามบิน ถือเป็นอีกวิธีที่หลายคนเลือกใช้ เพราะมีข้อดีคือสามารถเดินทางไปยังจุดหมายได้ในรวดเดียว แต่ข้อเสียของรถรับส่งสนามบินแบบนี้ก็คือการต้องรอคิวนานมากในช่วงเวลาเร่งด่วน และยังควบคุมมาตรฐานของการให้บริการและความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แถมคุณยังต้องรอลุ้นกับค่าโดยสารซึ่งไม่แน่นอนและไม่รู้ล่วงหน้า แล้วยังเป็นรถรับส่งสนามบินที่ใช้บัตรเครดิตไม่ได้ด้วยจ้ะ วิธีนี้อาจจะเหมาะกับการเดินทางไม่เกิน 2 คน และไม่ควรมีสัมภาระมากหรือขนาดใหญ่เกินไป

4. สะดวกปานกลาง - Airport Limo Bus Express

รถรับส่งสนามบินรูปแบบนี้ เป็นรถบัสขนาด 33 ที่นั่ง ซึ่งให้บริการในเส้นทางสนามบินดอนเมือง – ถนนข้าวสาร และสนามบินดอนเมือง – เพลินจิต – สวนลุมพินี โดยจะให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 - 01.00 น. และจะออกเดินทางทุกๆ 30 นาที โดยมีอัตราค่าโดยสาร 150 บาท/คน โดยรถรับส่งสนามบินรูปแบบนี้เหมาะกับนักเดินทางไม่เกิน 2 คน และไม่เหมาะกับผู้ที่มีสัมภาระขนาดใหญ่ ข้อดีก็คือเป็นรถรับส่งสนามบินที่ถือว่าค่อนข้างปลอดภัย แต่ข้อเสียคือมีราคาค่อนข้างสูงหากเดินทางหลายคน และไม่สะดวกกับผู้สูงอายุหรือเด็กๆ เท่าไหร่นัก อีกทั้งยังมีเส้นทางเดินรถที่ค่อนข้างจำกัดอีกด้วย

5. สะดวกพอประมาณ - รถโดยสารปรับอากาศ

เชื่อว่านี่อาจจะเป็นรถรับส่งสนามบินที่หลายคนมักจะใช้บริการค่อนข้างบ่อย เนื่องจากราคาค่อนข้างสบายกระเป๋า และมีเส้นทางที่ค่อนข้างครอบคลุมจุดสำคัญในกรุงเทพฯ พอสมควรเลยละ ปัจจุบันมีให้บริการทั้งหมด 4 เส้นทางคือ

สาย A1 สนามบินดอนเมือง - สวนจตุจักร - สถานีขนส่งหมอชิต 2 ค่าโดยสาร 30 บาทตลอดสาย

สาย A2 สนามบินดอนเมือง - สวนจตุจักร - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ค่าโดยสาร 30 บาทตลอดสาย

สาย A3 สนามบินดอนเมือง - ประตูน้ำ - ราชประสงค์ - สวนลุมพินี ค่าโดยสาร 50 บาทตลอดสาย

สาย A4 สนามบินดอนเมือง - ยมราช - ถนนข้าวสาร - สนามหลวง ค่าโดยสาร 50 บาทตลอดสาย

ข้อดีของรถรับส่งสนามบินวิธีนี้คือราคาประหยัดมากเมื่อเทียบกับระยะทาง แต่ข้อเสียคืออาจเป็นรถรับส่งสนามบินที่ไม่เหมาะนักหากมีสัมภาระขนาดใหญ่ เพราะผู้โดยสารในแต่ละรอบนั้นค่อนข้างเบียดเสียดพอสมควร รวมถึงยังมีที่นั่งจำกัด และยังอาจจะต้องเสียเวลาเดินทางค่อนข้างมากหากการจราจรติดขัด วิธีนี้จึงเป็นรถรับส่งสนามบินที่ไม่เหมาะกับการเดินทางหลายคน โดยเฉพาะหากมีผู้อาวุโสหรือมีเด็กร่วมทางด้วย หากต้องการใช้รถรับส่งสนามบินวิธีนี้ ควรเผื่อเวลาเดินทางไว้มากหน่อย เนื่องจากรถจะให้บริการทุก 30 นาที และจะแวะจอดไปเรื่อยๆ ตามจุดรับส่งตลอดเส้นทาง

6. สำหรับสายสโลว์ไลฟ์ - รถไฟ

การใช้รถรับส่งสนามบินวิธีนี้อาจไม่เป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากมีข้อเสียคือต้องเดินเท้าค่อนข้างไกลจากอาคารผู้โดยสาร และยังอาจจะต้องใช้เวลานานในการรอรถไฟแต่ละขบวนอีกด้วย ข้อดีก็คือค่าโดยสารที่ค่อนข้างถูกมาก รถรับส่งสนามบินวิธีนี้จึงเหมาะกับคนที่ไม่เร่งรีบหรืออยากนั่งรถไฟชมบรรยากาศ และมีสัมภาระขนาดเล็ก รวมถึงมีจุดหมายใกล้กับสถานีรถไฟซึ่งเป็นจุดจอดในเส้นทาง

สนามบินสุวรรณภูมิ

1. สะดวกที่สุด - รถรับส่งสนามบินส่วนตัว

แน่นอนว่าการใช้รถรับส่งสนามบินแบบส่วนตัวย่อมเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดในบรรดารถรับส่งสนามบินทั้งหมด เนื่องจากเป็นการเดินทางแบบไม่ต้องเสียเวลารอคิว และยังใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงยังไม่มีปัญหาไม่ว่าจุดหมายปลายทางจะอยู่ไกลขนาดไหน ที่สำคัญยังสามารถจองล่วงหน้าเอาไว้ก่อนได้ และยังเป็นรถรับส่งสนามบินที่จ่ายด้วยบัตรเครดิตได้ด้วย คุณจึงไม่ต้องกังวลกับปัญหารถขาดแคลนในช่วงเวลาเร่งด่วน หรือปัญหาค่าใช้จ่ายบานปลาย อีกทั้งยังเดินทางไปยังจุดหมายได้อย่างปลอดภัยสบายใจและเป็นส่วนตัว ยิ่งหากเดินทางหลายคนหรือมีผู้สูงอายุและเด็กๆ ไปด้วย รถรับส่งสนามบินวิธีนี้จะเหมาะมาก แถมยังมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับคุณภาพและบริการอีกด้วย ที่สำคัญคือในแอพพลิเคชั่น Traveloka Travel & Lifestyle app ยังมีโปรโมชั่นส่วนลดแจกอยู่บ่อยๆ ด้วยนะ ทั้งถูกและทั้งดี เป็นวิธีการใช้รถรับส่งสนามบินที่คุ้มค่าสุดๆ เลย

2. สะดวกปานกลาง - รถแท็กซี่สนามบิน

การใช้รถแท็กซี่สนามบิน เป็นอีกหนึ่งวิธีใช้รถรับส่งสนามบินที่มีข้อดีตรงให้ความเป็นส่วนตัวพอประมาณ และยังค่อนข้างสะดวกเนื่องจากสามารถเดินทางถึงจุดหมายได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนวิธีการเดินทาง แต่ข้อเสียก็คือราคาที่ควบคุมไม่ได้ และเนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมินั้นค่อนข้างไกลจากตัวเมืองกรุงเทพฯ จึงอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงในระดับหนึ่งเลยทีเดียว อีกทั้งยังต้องเสียค่าธรรมเนียมและเสียเวลารอคิวในช่วงที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่น โดยรถรับส่งสนามบินวิธีนี้อาจไม่เหมาะกับทริปเดินทางที่มีคนมากกว่า 2 คน หรือคนที่มีสัมภาระค่อนข้างมากเท่าไรนัก

3. ประหยัดเวลา - แอร์พอร์ตลิงก์

นับว่านี่คือรถรับส่งสนามบินที่มีผู้คนนิยมใช้มากที่สุดก็ว่าได้ เนื่องจากมีข้อดีคือค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างประหยัด รวมถึงยังไม่ต้องประสบกับปัญหาการจราจรที่ติดขัดอีกด้วย โดยแอร์พอร์ตลิงค์นั้นเปิดให้บริการตั้งแต่ประมาณ 05.30 - 24.00 น. มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 15 - 45 บาทเท่านั้น และยังใช้เวลาเดินทางจากสถานีสุวรรณภูมิถึงสถานีพญาไทแค่เพียง 25 นาที แต่ข้อเสียของรถรับส่งสนามบินวิธีนี้คือผู้โดยสารที่ค่อนข้างเบียดเสียดในช่วงเร่งด่วน และอาจไม่เหมาะนักหากมีสัมภาระขนาดใหญ่ รวมถึงบางสถานียังอาจไม่สะดวกสำหรับผู้สูงอายุหรือเด็กๆ อีกด้วย

4. สะดวกปานกลาง - Airport Limo Bus Express

เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของรถรับส่งสนามบินที่มีข้อดีคือความสะดวกสบายพอประมาณ โดยมีให้บริการใน 2 เส้นทาง คือ สุวรรณภูมิ - สีลม - สยาม และสุวรรณภูมิ - ถนนข้าวสาร มีค่าบริการอยู่ที่ 180 บาท/คน การใช้รถรับส่งสนามบินวิธีนี้เหมาะกับการเดินทาง 1 - 2 คน โดยไม่มีสัมภาระขนาดใหญ่ แต่ข้อเสียคือเนื่องจากรถรับส่งสนามบินจะออกเดินทางทุก 30 นาที และเส้นทางที่ให้บริการยังมีการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นตลอดเวลา การใช้รถรับส่งสนามบินวิธีนี้จึงอาจจะต้องมีการเผื่อเวลาเดินทางไว้พอสมควร

5. สำหรับสายสโลว์ไลฟ์ - รถประจำทาง

เป็นตัวเลือกรถรับส่งสนามบินสุวรรณภูมิที่อาจจะสะดวกสบายน้อยที่สุดจากทั้งหมดที่มี ในปัจจุบันมีให้บริการ 3 สาย คือสาย 554 (ถนนรามอินทรา) สาย 555 (ทางด่วนพระราม 9) และสาย 558 (เซ็นทรัล พระราม 2) โดยข้อดีคือทุกสายมีค่าบริการตลอดเส้นทาง 34 บาท/คน ซึ่งถือว่าราคาค่อนข้างสบายกระเป๋าเลยละ เพียงแต่มีข้อเสียตรงอาจจะต้องใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานเนื่องจากปัญหาการจราจร รวมถึงยังมีผู้โดยสารค่อนข้างหนาแน่นในบางช่วงเวลา การใช้รถรับส่งสนามบินวิธีนี้จึงเหมาะกับคนที่ไม่เร่งรีบรวมถึงไม่มีสัมภาระขนาดใหญ่นั่นเอง

รถรับส่งดอนเมืองและสุวรรณภูมิ

หากต้องการเดินทางระหว่างสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถใช้บริการรถรับส่งสนามบิน Airport Shuttle bus ซึ่งจะให้บริการเฉพาะผู้ที่จะต้องเดินทางต่อด้วยเครื่องบินเท่านั้น โดยจะให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00 – 24.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 55 นาที โดยไม่เสียค่าบริการ แต่ผู้โดยสารต้องแสดง Boarding Pass และพาสสปอร์ตต่อเจ้าหน้าที่ก่อนใช้บริการ

และทั้งหมดนี้คือวิธีเดินทางจากสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิที่เรารวบรวมมาให้จ้า บอกเลยว่ามีรถรับส่งสนามบินให้เลือกใช้กันหลายราคาและวิธี แต่ถ้าคุณเป็นนักเดินทางที่ต้องการความสะดวก ปลอดภัย หรืออยากให้เพื่อนร่วมทริปที่เป็นผู้สูงอายุหรือเจ้าตัวเล็กเดินทางได้อย่างสบายในราคาที่ถูกมากเมื่อเทียบกับคุณภาพและบริการ การเลือกใช้รถรับส่งสนามบินส่วนตัวกับ Traveloka Travel & Lifestyle app คือตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทริปของคุณราบรื่น และยังเลือกกำหนดจุดหมายปลายทางได้ตามอำเภอใจในสไตล์

lifeyourway อีกด้วยนะ ใครเป็นสายช้อปที่มีสัมภาระจำนวนมากยิ่งรับรองว่าต้องถูกใจเลยละ เดินทางครั้งหน้าลองใช้บริการดูจ้ะ รับรองว่าต้องถูกใจ