พิพิธภัณฑ์ทั้งหมดของศูนย์การทหารปืนใหญ่ ค่ายพหลโยธิน จ.ลพบุรี มีทั้งหมด 7 แห่ง ได้แก่ 1. อาคารอนุสรณ์สถานจอมพล ป.พิบูลสงคราม 2. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง 3. ตึกพิบูลสงคราม 4. บ้านพักพลเอกพระยาพระหลพลพยุหเสนา 5. อาคารอนุสรณ์สถาน 111 ปี พระยาพหลพลพยุหเสนา 6. พิพิธภัณฑ์อาวุธทหารปืนใหญ่ 7. ตึกกองบัญชาการเขาน้ำโจน (ชาโต้) ที่น่าสนใจคือรูปแบบสถาปัตยกรรมของอาคารต่างๆ และประวัติศาสตร์ของสถานที่อันเกี่ยวข้องกับนโยบายของผู้นำกองทัพและผู้นำประเทศที่สัมพันธ์กับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้น อาทิ ตึกกองบัญชาการเขาน้ำโจน (ชาโต้) เป็นอาคารรูปทรงแปลกตาสร้างด้วยรูปแบบอาคารในเมืองหนาว สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2487 โดยดำริของจอมพล ป.พิบูลสงคราม เพื่อให้เป็นจุดสังเกตการณ์ข้าศึก และสังเกตอาณัติสัญญาณจากตึกพิบูลสงคราม ภายในเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับจอมพล ป. และคงไว้ซึ่งเครื่องเรือนในยุคสมัยดังกล่าว
ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 บ้านหนองแล้ง ริมถนนในตัวอำเภอสำโรง ชาวบ้านมีอาชีพแกะสลักหินทรายเป็นรูปต่างๆ เลียนแบบของเก่า เช่น ศิวลึงค์ ธรรมจักร กวางหมอบ ศิลปะทวาราวดี เทวรูปสุริยเทพ ศิลปะทวาราวดี พระพุทธรูปศิลปลพบุรี รูปสัตว์ต่างๆ ฯลฯ นำส่งร้านขายของเก่าที่กรุงเทพฯ และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ เป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของประเทศไทยอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร 232 กิโลเมตร ห่างจากอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ 130 กิโลเมตร ภายใต้การดูแลของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งอยู่บนที่ราบห่างจากแม่น้ำป่าสัก ไปทางทิศตะวันออกราว 4 กิโลเมตร ในอำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 60 - 80 เมตรครอบคลุมโบราณสถานในเมืองเก่าศรีเทพ พื้นที่ราว 4.7 ตารางกิโลเมตร (ราว 2,900 ไร่) ประกอบด้วยชุมชนโบราณในลักษณะเมืองซ้อนเมืองขนาดใหญ่ และกลุ่มโบราณสถานสำคัญที่มีความโดดเด่นทั้งด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งสะท้อนถึงการเป็นศูนย์กลางทางการแลกเปลี่ยนสินค้าที่สามารถติดต่อกับภูมิภาคอื่น ๆ ได้สะดวก และความเจริญรุ่งเรืองต่อเนื่องกันถึง 3 ยุค ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ยุคทวารวดีจนถึงยุคขอมเรืองอำนาจ และในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2566 อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก ภายใต้ชื่อ เมืองโบราณศรีเทพ และโบราณสถานสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้อง
ด้วยเอกลักษณ์และความสำคัญของเมืองศรีเทพ จึงมีนักวิชาการบางท่านสันนิษฐานว่าเมืองศรีเทพเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรม ทวารวดี หรือเมืองศรีเทพนั้นคือ ทวารวดี ไม่ใช่เมืองนครปฐมโบราณ หรือเมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีตามที่เชื่อกันมา
ประวัติ[แก้]
เมืองโบราณศรีเทพมีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 8-18 เป็นเมืองที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งในสมัยทวารวดี มีการติดต่อรับคติความเชื่อทางศาสนาหลายศาสนาและนิกาย ทั้งพุทธศาสนาแบบเถรวาทและมหายาน รวมไปถึงศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ในเสาวระนิกาย (นับถือพระสุริยะ) ไวษณพนิกาย (นับถือพระวิษณุ) และไศวนิกาย (นับถือพระศิวะ) มีการติดต่อสัมพันธ์กับวัฒนธรรมใกล้เคียงตั้งแต่วัฒนธรรมอินเดีย ขอม และทวารวดีจากแหล่งอื่น ๆ โดยยังหลงเหลือหลักฐานทางโบราณคดีและงานศิลปกรรม สามารถแสดงความเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมและการค้า แสดงให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันของชุมชนที่ต่างศาสนาในระยะเวลาเดียวกัน
บริเวณเมืองฯ พบหลักฐานการพัฒนาการอย่างต่อเนื่องใน 3 สมัย ได้แก่ ชุมชนยุคก่อนประวัติศาสตร์ สมัยทวารวดี และสมัยวัฒนธรรมขอมแผ่ขยายเข้ามามีอิทธิพลในตอนปลาย ก่อนจะหมดความสำคัญกลายเป็นเมืองร้าง
ชุมชนยุคก่อนประวัติศาสตร์บริเวณศรีเทพเป็นชุมชนเกษตรกรรม ประกอบด้วยหมู่บ้านเล็ก ๆ หลายแห่ง แต่ละหมู่บ้านมีผู้นำ ผู้คนรู้จักการใช้ชีวิตและจัดการตนเองให้อยู่ร่วมกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเป็นอย่างดี มีการเพาะปลูกข้าวและเลี้ยงสัตว์ ตลอดจนการล่าสัตว์และรวบรวมทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังมีการทอผ้า การทำเครื่องปั้นดินเผา และการถลุงโลหะในชุมชนด้วย ผู้คนอาจเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายหรือโลกหน้าในขณะที่พวกเขาฝังศพผู้ตายด้วยสิ่งของที่ฝังศพหลากหลายชนิด การหาอายุของเรดิโอคาร์บอน AMS ของตัวอย่างฟันจากแหล่งขุดค้นดังกล่าวให้ผล 1,730 ± 30 ปีที่แล้ว
นอกจากวัฒนธรรมอินเดีย ขอมและทวารวดีแล้ว ยังปรากฏร่องรอยการเดินทางมาของชาวจีน โดยพบจารึกบนพระพิมพ์เป็นอักษรจีนมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 สลักชื่อภิกษุ "เหวินเซียง" อันแสดงถึงความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับจีนและความสำคัญของเมืองโบราณศรีเทพในยุคสมัยดังกล่าว ที่ทำให้คนจากต่างถิ่นต้องมาเยือน
สกุลช่างศรีเทพ[แก้]
cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)