เปลี่ยนช่องทางการขายของคุณ หากคุณขายสินค้าผ่านทางร้านค้าปลีกหรือช่องทางออฟไลน์ ถึงเวลาที่คุณต้องเริ่มพิจารณาการขายสินค้าแบบออนไลน์แล้ว เนื่องจากในอนาคตทุกอย่างจะเป็นแบบดิจทัล ดังนั้นคุณจึงต้องเริ่มศึกษาและเรียนรู้แล้วว่า อีคอมเมิร์ซทำงานอย่างไร
เห็นได้ชัดว่า ในปัจจุบันโลคอลแบรนด์ (Local Brand) มีการลงทุนจ่ายเงินสำหรับการตลาดเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะสู้กับการแข่งขันในตลาดนั้น ๆ ได้ รวมถึงการเจาะตลาดของพวกเขา โดยเฉพาะวิดีโอที่ถูกโพสต์ในช่องทางออนไลน์ หลายคอนเทนต์เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายและต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นในการเจาะตลาด แต่คุณจำเป็นต้องรู้จักคู่แข่งของคุณ เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนและถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์และเป็นประโยชน์ต่อตลาดของคุณ โดยเฉพาะคุณค่าที่ส่งมอบให้กับลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับคุณ
2. การพัฒนาตลาด (Market Development) การเติบโตแบบนี้ อีกมุมหนึ่งเป็นการขายสินค้าเดิมในตลาดใหม่ สิ่งที่คุณสามารถทำได้ถ้าเลือกใช้กลยุทธ์นี้ คือ
- การเปิดสาขาใหม่สำหรับธุรกิจของคุณ
- การปรับเปลี่ยนการตลาดแบบใหม่ ด้วยการกำหนดกลุ่มเป้าหมายกลุ่มหรือลูกค้าใหม่
- การพัฒนากลยุทธ์การกำหนดราคาที่ให้เหมาะกับตลาดใหม่หรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ
อย่างธุรกิจ Airbnb แม้ว่าในช่วงการเริ่มต้นธุรกิจจะพบกับความล้มเหลว แต่พวกเขาก็สามารถเข้าถึงตลาดได้ถึง 190 แห่ง เนื่องจากการยอมรับความจริงที่ว่า แต่ละตลาดต่างมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป พวกเขาจึงได้ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ของพวกเขาบางจุดและเพิ่มภาษาที่แตกต่างกัน เพื่อรองรับลูกค้าจากประเทศต่างๆ
สิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้จากความสำเร็จของ Airbnb นั้นคือ การที่นำกลยุทธ์นี้มาประยุกต์ใช้ในตลาดปัจจุบัน แต่ก็ต้องพึงคำนึงถึงว่าการนำวิธีเดียวกันมาใช้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกันเสมอไป คุณจำเป็นต้องเรียนรู้และเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าให้ได้มากที่สุด เพื่อที่คุณจะได้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
3. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (Product Development) กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น สำหรับตลาดกลุ่มเป้าหมายของคุณ ซึ่งถ้าคุณเลือกใช้กลยุทธ์นี้นี่คือ สิ่งที่คุณสามารถทำได้ :
- เพิ่มลูกเล่นใหม่ ๆ ให้กับสินค้าหรือบริการของคุณ
- พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์ตลาดกลุ่มเป้าหมาย
ทั้งหมดที่พูดถึงนี้ล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับนวัตกรรม หากคุณไม่ปรับตัวหรือติดตามความเคลื่อนไหวของมัน ธุรกิจของคุณอาจจะล้มเหลวได้ และนั่นคือ เหตุผลที่ทำไมโนเกีย (Nokia) ถึงต้องออกจากตลาดไป เนื่องจาก ณ ตอนนั้นโนเกีย (Nokia) อยู่ในจุดที่สามารถขายสินค้าได้และยังเหนือกว่าคู่แข่งหลาย ๆ คน แต่เมื่อแอปเปิ้ล(Apple) เปิดตัว ไอโฟน (iPhone) ในปี 2007 มา ทำให้โนเกีย(Nokia) ไม่สามารถตามการแข่งขันได้ทัน เพราะ แอปเปิ้ล(Apple) เปลี่ยนกลยุทธ์หรือเป็นผู้กำหนดกฎของเกมขึ้นมาใหม่ โดยนำเสนอลูกเล่นที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้ใช้งาน ซึ่งตอนนี้ แอปเปิ้ล(Apple) ก็ยังคงคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ที่จะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้สาวก แอปเปิ้ล(Apple) ทั้งหลายยอมต่อคิวยาว ๆ เมื่อมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ของแอปเปิ้ล(Apple) ในแต่ละครั้ง เพื่อเป็นคนแรกที่ซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด
กลยุทธ์นี้มีความสำคัญสำหรับ บริษัท ซอฟต์แวร์หรือบริการ เนื่องจากต้องมีการพัฒนาและติดตามอัปเดตนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของคุณให้ทันสมัยอยู่เสมอ นอกจากนี้การใส่ใจและให้ความสำคัญแก่ความต้องการของลูกค้า ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างแบรนด์กับลูกค้าในระยะยาวอีกด้วย
4. การกระจายการลงทุน (Diversification) ต้องยอมรับว่ากลยุทธ์การเติบโตแบบนี้มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากกลยุทธ์การกระจายการลงทุนของธุรกิจนั้นเป็นการเข้าสู่ตลาดใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด แต่นี่ก็เป็น วิธีที่นักธุรกิจเศรษฐีชาวฟิลิปปินส์อย่าง จอน โกคองไว (John Gokongwei Jr.) ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ไม่เพียงแต่เขาจะประสบความสำเร็จในธุรกิจการค้าเท่านั้น แต่เขายังประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอื่น ๆ เช่น เซบูแปซิฟิก(Cebu Pacific),โรบินสันแลนด์ (Robinsons Land) และ พีจี ซัมมิท เพทโทรเซมิคอล (JG Summit Petrochemicals) อย่างไรก็ตามการที่เขาประสบความสำเร็จขนาดนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า จอน โกคองไว (John Gokongwei Jr.) จะไม่เคยพบกับความล้มเหลว เพราะอย่างการทำธุรกิจ ซัน เซลลูล่าร์ (Sun Cellular), บริษัท โทรคมนาคม ต่อมาได้ถูกขายให้กับพีแอลดีที (PLDT) เพราะฉะนั้นหากคุณเลือกกลยุทธ์นี้ คุณจำเป็นต้องเตรียมใจให้พร้อมที่จะประสบกับความล้มเหลวและการสูญเสียเช่นกัน
นี่คือ กลยุทธ์ที่คุณสามารถนำมาประยุกต์ใช้สำหรับธุรกิจของคุณในปีนี้ได้ แต่อย่าลืมว่า การที่บริษัทนั้น ๆ ทำแล้วประสบความสำเร็จ ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำให้คุณประสบความสำเร็จด้วย คุณต้องทำการศึกษา, วางแผนและพัฒนากลยุทธ์การเติบโต เพื่อให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ อย่ากลัวที่จะลองใช้กลยุทธ์ดังกล่าว สำหรับการเติบโตของธุรกิจคุณ แต่เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดล้มเหลว คุณควรมีการวางแผนให้ละเอียดและรอบคอบ
ผมได้อ่านบทความหนึ่งเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เห็นว่าบทความดังกล่าวน่าสนใจ จึงขอนำบทความนี้มาส่งต่อความรู้ให้กับสมาชิกผู้อ่านทุกท่าน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดของกลุ่มโรงพิมพ์ของสมาชิก และสามารถประยุกต์นำไปใช่ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปครับ
กลยุทธ์ (Strategy) หมายถึง กลวิธีหรือแบบแผนสำคัญที่ถูกวางไว้สำหรับการดำเนินงานใด ๆ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความสำเร็จ และส่งผลให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาดที่ตั้งไว้ ซึ่งกลยุทธ์ไม่ใช่หมายถึงเพียงแค่การจัดวางแผนการทำงานเพื่อสร้างความสำเร็จเพียงเท่านั้น แต่ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการต่อสู้แข่งขันกันในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของบริษัทและตลาดคู่แข่ง โดยกลยุทธ์เบื้องต้นที่ผู้ผลิตจะต้องมีคือการดำเนินงานที่มีขั้นตอน การตัดสินใจในเกี่ยวกับงบประมาณค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เหมาะสม รวมทั้งจะต้องสามารถจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์และได้ผลงานที่มีคุณภาพสูงสุด
กลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy) หมายถึง แบบแผนพื้นฐานหรือแนวทางที่ถูกกำหนดขึ้นสำหรับสร้างผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและตลาดเป้าหมาย โดยผู้ประกอบการจะต้องจัดสรรทรัพยากรของประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อผลผลิต แบ่งใช้สัดส่วนต่าง ๆ ทางการตลาดให้เหมาะสมสำหรับการดำเนินงาน รวมทั้งดำเนินงานในขั้นตอนต่าง ๆ โดยประกอบไปด้วย การตัดสินใจ การกำหนดระดับค่าใช้จ่ายการตลาด การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ การกำหนดกลยุทธ์ส่วนผสม และการกำหนดตลาดเป้าหมายทางการตลาดอย่างชัดเจน จนสามารถบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ตั้งไว้ได้
องค์ประกอบของกลยุทธ์ทางการตลาด
1. ขอบเขต กลยุทธ์การทางการตลาดจะต้องมีขอบเขตของการดำเนินงานที่ครอบคลุม รวมทั้งจะต้องมีการกำหนดสัดส่วนสำหรับการปฏิบัติงานที่มีส่วนข้องเกี่ยวกับการใช้กลยุทธ์อย่างชัดเจน 2. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ กลยุทธ์ทางการตลาดจะต้องมีการกำหนดเป้าหมาย วัตถุประสงค์ รวมทั้งกำหนดระดับความสำเร็จของการดำเนินงานให้ชัดเจน ตัวอย่างเช่น การตั้งเป้าหมายกำไรที่เพิ่มขึ้น เป้าหมายผลตอบแทนจากการลงทุน หรือเป้าหมายการเติบโตของยอดขาย เป็นต้น 3. การจัดสรรทรัพยากร กลยุทธ์ทางการตลาดจะต้องมีการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรทางการเงิน ทรัพยากรสำหรับการลงทุน รวมทั้งทรัพยากรบุคคล 4. การได้เปรียบทางการแข่งขัน กลยุทธ์ทางการตลาดจะต้องมีการระบุการได้เปรียบทางการแข่งขัน เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการ ให้สามารถวางแผนการดำเนินงานในขั้นต่อๆ ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5. พลังเสริมแรง กลยุทธ์ทางการตลาดจะต้องสามารถส่งเสริม และสนับสนุนหน่วยธุรกิจของบริษัท ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทั้งทางด้านการตลาด การจัดสรรทรัพยากร และด้านขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัท
กลยุทธ์การตลาด 8P
กลยุทธ์การตลาด 8P คือ กลยุทธ์ที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพ สำหรับการดำเนินงานทางการตลาดจากนักธุรกิจทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นกระบวนการทำงานที่สามารถเห็นผลลัพธ์ความก้าวหน้าได้อย่างชัดเจน ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์ขั้นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาและต่อยอดเป็นกลยุทธ์อื่น ๆ ได้ในอนาคต ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรเรียนรู้และศึกษาให้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของกลยุทธ์ดังกล่าว เพื่อการประกอบธุรกิจที่มีคุณภาพและยั่งยืน
1. Product กลยุทธ์ทางการตลาดที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ เป็นกลยุทธ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องทำการพิจารณาออกแบบตัวผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ให้สามารถสร้างความพึงพอใจและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ได้ ทั้งการตั้งเป้าหมายคุณสมบัติสินค้า การเลือกใช้วัตถุดิบในกระบวนการผลิต รวมทั้งการนำสินค้าไปเปรียบเทียบจุดเด่นและจุดด้อยกับกับผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งทางการตลาด เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นต่อไป
2. Price กลยุทธ์ทางด้านราคา โดยการกำหนดราคาของสินค้านอกจากผู้ประกอบการ จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต้นของทุนการผลิตแล้ว ยังต้องคำนึงถึงสภาพการแข่งขันของสินค้าชนิดนั้นๆ ในตลาด ซึ่งสำหรับสินค้าที่มีคู่แข่งทางการตลาดมากผู้ประกอบการสามารถใช้วิธีการกำหนดราคาสินค้าให้น้อยกว่าเพื่อแย่งชิงฐานลูกค้า หรืออาจจะทำการกำหนดราคาให้สูงกว่าเพื่อจัดวางตำแหน่งสินค้าให้อยู่เหนือกว่าตลาดคู่แข่งได้เช่นเดียวกัน
3. Place กลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่าย เป็นกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการควรพิจารณาวางแผนให้ดี เนื่องจากช่องทางกระจายสินค้าที่เลือกใช้ สามารถส่งผลต่อกำไรโดยรวมที่ผู้ประกอบการจะได้รับ โดยช่องทางการจัดจำหน่ายทางการตลาดในปัจจุบันมีอยู่สองรูปแบบ ได้แก่ การขายผ่านพ่อค้าคนกลางและการขายสู่ผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งช่องทางการขายสู่ผู้บริโภคโดยตรงจะสามารถสร้างผลกำไรได้สูง ตรงข้ามกับการขายผ่านพ่อค้าคนกลางที่จะสามารถสร้างยอดการขายได้สูงกว่า
4. Promotion โปรโมชั่นหรือการส่งเสริมการตลาด เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการได้อย่างดี โดยกลยุทธ์ดังกล่าวที่ถูกนำมาใช้จะต้องมีความสอดคล้อง รวมทั้งสามารถส่งเสริมกลยุทธ์อื่นๆ ได้ในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น การลดราคาสินค้า การแถมสินค้า หรือการแจกสินค้า เป็นต้น ซึ่งหากโปรโมชั่นที่ผู้ประกอบการเลือกใช้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ ก็จะส่งผลให้สามารถเพิ่มยอดขายได้มากยิ่งขึ้น
5. Packaging บรรจุภัณฑ์เปรียบเสมือนเป็นหน้าตาของสินค้า ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับบรรจุภัณฑ์ โดยมีเป้าหมายในการสร้างความสวยงามโดดเด่น รวมทั้งความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ให้แก่ผลิตภัณฑ์ เพื่อที่จะสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้มากกว่าสินค้าในตลาดคู่แข่ง จนสามารถสร้างยอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้นได้
6. Personal พนักงานขาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ไม่สามารถทำการลอกเลียนแบบได้ง่าย โดยหากผู้ประกอบการมีพนักงานขายที่มีความรู้ มากประสบการณ์ รวมทั้งมีความสามารถในการจูงใจผู้บริโภค จะสามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจได้อีกทางหนึ่งโดยการใช้ประโยชน์จากความสามารถของบุคคล
7. Public Relation กลยุทธ์การใช้ข่าวสารในการชักจูงผู้บริโภค ถือว่าเป็นวิธีการทางการตลาดที่มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ที่สื่อต่างๆได้เข้ามามีอิทธิพลในสังคมมากขึ้น โดยกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มทัศนคติเชิงบวกต่อผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภค รวมทั้งสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่สินค้าได้เช่นกัน
8. Power กลยุทธ์ทางการตลาดเกี่ยวข้องกับอำนาจ เป็นกลยุทธ์ที่ใช้สำหรับการต่อรอง ควบคุม รวมทั้งแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการค้ากับคู่แข่งทางการตลาด ซึ่งอำนาจต่อรองที่ผู้ประกอบการมีจะสามารถสร้างข้อเสนอที่ดีที่สุดให้แก่ธุรกิจได้
กลยุทธ์การตลาด 8P ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือทางการตลาดพื้นฐานในการทำธุรกิจ สำหรับผู้ประกอบการทุกประเภท โดยธุรกิจต่าง ๆ ในปัจจุบันที่เกิดขึ้นมามากมายนั้น มีทั้งธุรกิจที่ล้มเหลว และธุรกิจที่สามารถดำเนินไปได้จนประสบความสำเร็จ ซึ่งมีเหตุผลเนื่องมาจากบริษัทที่ล้มเหลวทางธุรกิจไม่สามารถสร้างกลยุทธ์การตลาด 8P ขึ้นมาได้อย่างครบองค์ประกอบ ดังนั้นกลยุทธ์การตลาด 8P จึงควรถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความสำเร็จให้แก่ผู้ประกอบการ
STP Model เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลแบ่งส่วนตลาด
STP Model เป็นเครื่องมือทางการตลาดชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการแบ่งส่วนตลาด การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสม และการกำหนดกลุ่มเป้าหมายหลัก โดยข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์นี้ก็จะถูกนำมาใช้เพื่อประกอบการวางแผนกลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
Segmentation การแบ่งส่วนตลาด
การแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็นกลุ่มๆ ที่เป็นกลุ่มขนาดย่อยลงมา โดยใช้เกณฑ์ต่างๆ ที่กำหนดขึ้นในการแบ่ง โดยเกณฑ์ที่จะใช้ในการแบ่งส่วนตลาด ก็จะต้องเป็นเกณฑ์ที่มีความสร้างสรรค์และสามารถแบ่งกลุ่มได้อย่างเหมาะสมด้วย เช่น
- เกณฑ์ประชากรศาสตร์ เป็นการแบ่งกลุ่มตามอายุ เพศ การศึกษา รายได้ สถานภาพและอาชีพ เป็นต้น
- เกณฑ์ภูมิศาสตร์ เป็นการแบ่งกลุ่มตามทำเลที่อยู่ ภูมิภาค จังหวัดหรือภูมิประเทศ เป็นต้น
- เกณฑ์จิตลักษณะ เป็นการแบ่งกลุ่มตามวิถีชีวิตหรือบุคลิกและลักษณะนิสัยโดยทั่วไป
- เกณฑ์พฤติกรรม เป็นการแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรม เช่นพฤติกรรมการซื้อ พฤติกรรมการใช้ เป็นต้น
(นอกจากนี้ก็อาจจะมีการใช้เกณฑ์อื่นๆ ในการแบ่งได้เหมือนกัน)
Targeting การเลือกตลาดเป้าหมาย
การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการทำการตลาดโดยตรง ซึ่งอาจเลือกเพียงกลุ่มเดียว เพื่อมุ่งเน้นไปยังกลุ่มดังกล่าวโดยเฉพาะ หรืออาจเลือกหลายกลุ่มหรือเลือกทั้งหมดก็ได้
Positioning การวางตำแหน่ง
การวางตำแหน่งของตนเองเพื่อให้สินค้าและบริการเป็นที่จดจำ และโดนใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งจะต้องมีความแตกต่างจากคู่แข่ง และสามารถดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า โดยส่วนใหญ่จะนิยมวางตำแหน่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ
- Product Positioning เป็นการวางตำแหน่งสินค้าและบริการ ให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ว่ามีความแตกต่างจากที่อื่น
- Brand Positioning เป็นการวางตำแหน่งสินค้าและบริการ ให้กลุ่มเป้าหมายเห็นว่ามีความแตกต่างและโดดเด่น เป็นที่น่าสนใจมากกว่าผลิตภัณฑ์ของที่อื่น
จะเห็นได้ว่า STP Model เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ทราบถึงรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น สามารถนำรายละเอียดเหล่านี้มาใช้เพื่อวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ก็สามารถที่จะเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นพร้อมกับลดค่าใช้จ่ายในส่วนของต้นทุนได้โดยที่ยังคงคุณภาพของสินค้าได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สามารถวางทิศทางในการวางแผนจัดการด้านต่าง ๆ ได้อย่างตรงจุด
สิ่งใดบ้างที่เป็นกลยุทธ์ในการประกอบอาชีพให้ประสบความสำเร็จ
สร้างสรรค์งานของตนเองซะ การทำงานให้ประสบความสำเร็จ ต้องกล้าคิด กล้าแสดงออก ในด้านที่ดี ... .
สร้างกำลังใจในวันหมดแรง ทุกครั้งที่เราต้องทำงานหนัก ย่อมมีวันที่เราอ่อนล้าหมดแรงจากการทำงาน ... .
ไม่กลัวความผิดพลาด ความผิดพลาดเป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ หากเราลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง ... .
ให้เกียรติคนรอบตัว ... .
ไม่กล่าวโทษสิ่งรอบตัว.
ธุรกิจจะประสบความสําเร็จได้อย่างไร
9 เคล็ดลับในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ.
1. มุ่งไปที่กระแสเงินสด กำไรเป็นเรื่องรอง ... .
2. ประมาณการความต้องการและกำลังผลิตอย่างต่ำ ... .
3. วางแผนการทดสอบ ... .
4. ผลิตภัณฑ์สามารถพิสูจน์และยอมรับได้จริง ... .
5. เริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจบริการ ... .
6. มุ่งเน้นไปที่ประโยชน์การใช้งานไม่ใช่รูปแบบ ... .
7. จัดหาพนักงานให้เพียงพอ.
กลยุทธ์การทำธุรกิจมีอะไรบ้าง
กลยุทธ์ทางธุรกิจมีกี่แบบ ให้ผลลัพธ์อย่างไร.
1. กลยุทธ์การเติบโต ... .
2. กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพ ... .
3. กลยุทธ์การแข่งขันราคา ... .
4. กลยุทธ์สร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ... .
5. กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดใหม่ ... .
1. วิสัยทัศน์ เป้าหมาย และวัตถุประสงค์ ... .
2. การวิเคราะห์ตลาด ... .
3. สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน.
ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจล้มเหลว
เปิดสาเหตุที่ SME ไปไม่ถึงฝั่งฝัน.
ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ... .
เลือกกลุ่มเป้าหมายผิด ... .
ขาดความเชียวชาญในด้านการตลาด ... .
ปัญหาการขาดความรู้ ... .
ไม่มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลง ... .
ขาดทุนสะสม ... .
ขาดสภาพคล่อง ... .
ขาดการมอบหมายงาน.