เบื้องหลังหนังดัง ที่คอหนังรอชมภารกิจป่วนจักรวาลรอบใหม่ของแก๊งเกรียนพิทักษ์จักรวาล ใน Guardians of The Galaxy Vol. 2 กัน ก่อนจะไปผจญภัยกันในโรงภาพยนตร์ มาอุ่นเครื่องกับเบื้องหลังการถ่ายทำหนังเรื่องนี้กันก่อน ต้องขอบอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ สเปเชียล เอฟเฟคที่จัดแน่น จัดมาแบบเต็มๆจะเป็นยังไงต้องไปดูกันเลย
Guardians of the Galaxy Vol. 2 จะเป็นเรื่องราวที่อยู่ในห้วงอวกาศอันไกลโพ้น ยังไม่มีวี่แววว่าจะเกี่ยวพันกับโลกมนุษย์เลย ซึ่งอาจจะมีความเป็นไปได้ว่า คงจะมีการกล่าวถึงเฉียดๆไปทางแอสการ์ดกับโลกมนุษย์บ้าง นักแสดงก็ยังคงชุดเดิมไว้ไม่ว่าจะเป็น Chris Pratt รับบทเป็น Peter Quill/Star-Lord , Zoe Saldana รับบทเป็น Gamora, Dave Bautista รับบทเป็น Drax the Destroyer, Vin Diesel พากษ์เป็น Baby Groot, Bradley Cooper พากษ์เป็น Rocket Raccoon
ร่วมผจญภัยอวกาศครั้งยิ่งใหญ่กับพวกเขาเหล่า Guardian of the Galaxy Vol.2 เข้าฉายวันที่ 26 เมษายนนี้!
ภาพยนตร์ปิดไตรภาคของแก๊งฮีโร่สุดป่วน หลังจากที่พวกเขาได้ออกเดินทางมอบความบันเทิงให้แก่แฟนๆ มายาวนานร่วม 9 ปี
โดยครั้งนี้ยังคงได้ James Gunn มานั่งแท่นเขียนบทและกำกับเช่นเดิม พร้อมด้วยทัพนักแสดงที่กลับมาร่วมถ่ายทอดบทสรุปในครั้งนี้ นำโดย Chris Pratt, Zoe Saldaña, Dave Bautista, Bradley Cooper, Vin Diesel, Karen Gillan, Pom Klementieff, Sean Gunn, Sylvester Stallone และ Elizabeth Debicki เสริมทัพด้วยทีมนักแสดงชุดใหม่ที่จะมาร่วมแต่งแต้มสีสันอย่าง Will Poulter, Chukwudi Iwuji, Maria Bakalova และ Daniela Melchior
เนื้อหาในภาคนี้จะพาเราไปติดตามเรื่องราวของทีม Guardians ที่ต้องรับมือกับภัยร้ายครั้งใหม่ถึง 2 ด้านพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น Adam Warlock (Will Poulter) ชาวดาว Sovereign สุดแกร่ง ที่ได้รับคำสั่งจาก Ayesha (Elizabeth Debicki) แม่ผู้ให้กำเนิด ให้มาล้างแค้นทีม Guardians ซึ่งเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน และ The High Evolutionary (Chukwudi Iwuji) ที่กำลังออกตามล่า Rocket (Bradley Cooper) เพื่อทำเป้าหมายบางอย่างให้สำเร็จ ภารกิจพิทักษ์จักรวาลครั้งสุดท้ายของทีม Guardians ที่อันตรายกว่าครั้งไหนๆ จึงได้เริ่มต้นขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- สำรวจ 5 เกร็ดน่าสนใจจาก Guardians of the Galaxy Vol. 3 การโบยบิน ‘ครั้งสุดท้าย’ ของแก๊งฮีโร่สุดป่วน
- เพลย์ลิสต์ 12 เพลงประกอบจาก Guardians of the Galaxy Vol.1-2
ในบรรดาภาพยนตร์จากจักรวาล MCU ร่วม 30 เรื่อง ภาพยนตร์ชุด Guardians of the Galaxy เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ส่วนตัวผู้เขียนชื่นชอบมากที่สุด ด้วยการออกแบบคาแรกเตอร์อันจัดจ้านและโดดเด่นแตกต่างกันไป แต่ผู้กำกับก็สามารถนำจุดเด่นของทุกตัวละครมาผสมผสานให้เข้ากันได้อย่างลงตัว
รวมถึงปมปัญหาของทุกตัวละครที่ต่างก็มีแง่มุมที่น่าสนใจ จนทำให้เราอยากติดตามพัฒนาการของตัวละครกลุ่มนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ดังนั้นแล้วเราจึงแอบตั้งตารอและคาดหวังกับ Guardians of the Galaxy Vol. 3 ไว้สูงพอสมควร
กระทั่งเราได้ชม Guardians of the Galaxy Vol. 3 จบ ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า ตัวภาพยนตร์มีจุดที่เราชื่นชอบมากๆ และจุดที่เราแอบเสียดายอยู่เช่นกัน
เริ่มกันที่จุดเด่นประการแรกคือ กลวิธีนำเสนอที่ถูกตีบวกให้ยิ่งใหญ่จัดหนักจัดเต็มมากกว่า 2 ภาคที่ผ่านมา ไล่เรียงตั้งแต่การประชันฝีปากกันของตัวละครที่ดุเด็ดเผ็ดมัน ไม่มีใครยอมใคร ทุกมุกตลกขบขันที่เรียกเสียงหัวเราะให้เราได้ดีเช่นเดิม ไปจนถึงฉากแอ็กชันสุดเวอร์วัง โดยเฉพาะฉากการรวมตัวในช่วงสุดท้ายที่ถูกออกแบบมาได้อย่างยอดเยี่ยมสมการรอคอย ขณะที่แต่ละตัวละครต่างมีซีนที่น่าจดจำของตนเองเช่นเดียวกัน
ส่วนองค์ประกอบที่ถูกเพิ่มเข้ามาอย่างเห็นได้ชัดคือ บรรยากาศอันตรึงเครียดของเนื้อเรื่องที่ถูกดึงขึ้นมาให้เด่นชัดมากขึ้นกว่า 2 ภาคแรก เพื่อขับเน้นให้เราได้สัมผัสกับมวลความรู้สึกของตัวละครที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางระหว่าง ‘ความเป็นกับความตาย’ ได้อย่างแจ่มชัด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ‘ทุกตัวละคร’ ต่างมีโอกาสตายได้ตลอดเวลา ซึ่งชวนให้เราลุ้นระทึกไปกับเหตุการณ์ที่ตัวละครกำลังเผชิญ และเอาใจช่วยให้พวกเขาแคล้วคลาดปลอดภัยไปตลอดรอดฝั่ง
ไม่เพียงแค่นั้น การถ่ายทอดบรรยากาศและเหตุการณ์ให้มีความตรึงเครียดมากขึ้น ยังช่วยเสริมให้เรื่องราวความผูกพันของทีม Guardians ซึ่งมีตัวละครหลักอย่าง Rocket เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง มีความแข็งแรงและชัดเจนมากขึ้นกว่าหลายๆ ภาคที่ผ่านมา ทั้งความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกันที่มากขึ้น (แม้จะมีปากมีเสียงกันเป็นกิจวัตรก็ตาม) การทำภารกิจที่เข้าขากันมากขึ้น รวมไปถึงความรักความห่วงใยที่ทุกคนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องกันและกัน จนนำมาสู่บทสรุปของเรื่องราวที่สร้างความประทับใจให้เราได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งเรื่องราวของพวกเขายังเน้นย้ำให้เราเห็นถึงหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนเรื่องราวของ Guardians of the Galaxy มาโดยตลอด นั่นคือแม้ว่าเราอาจไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบนัก แต่เราทุกคนสามารถเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ที่ช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของกันและกันได้เช่นกัน
เช่นเดียวกับทีม Guardians ที่ต่างก็แบกรับอดีตอันขมขื่นไว้ ต่างเคยสูญเสียสิ่งสำคัญไป และต่างก็มีข้อเสียของตัวเอง แต่พวกเขาแต่ละคนก็ยังคงช่วยเหลือและปกป้องกันและกันในยามวิฤกต คอยเติมเต็มความรักและความห่วงใยให้กันในเวลาที่ใครบางคนกำลังอ่อนแอ
ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงเปรียบเสมือนเป็นจิ๊กซอว์แต่ละชิ้นที่ถูกประกอบรวมกัน ช่วยเติมเต็มส่วนที่แต่ละคนขาดหาย จนกลายเป็นภาพของทีม Guardians ที่สมบูรณ์แบบในที่สุด แม้ว่าพวกเขาแต่ละคนจะไม่ได้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบเลยก็ตาม
อีกหนึ่งจุดเด่นที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัวคือ Guardians of the Galaxy Vol. 3 มีความชัดเจนในตัวเองมากๆ ว่าต้องการจะเล่าเรื่องอะไร ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะต้องผูกโยงตัวเองเข้ากับเรื่องราวในภาพใหญ่ของจักรวาล MCU หรือพยายามวางปมปัญหาไว้เพื่อนำไปต่อยอดในอนาคต
จุดนี้ทำให้ตัวภาพยนตร์มีความเป็นเอกเทศและสามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่ผู้กำกับต้องการนำเสนอได้อย่างเต็มที่
ปมปัญหาทุกอย่างถูกคลี่คลายอย่างชัดเจน การเดินทางของพวกเขาสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์โดยที่ไม่จำเป็นต้องนำไปสานต่อให้ยืดยาว แต่ขณะเดียวกันผู้กำกับก็เปิดพื้นที่เล็กๆ ไว้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สร้างคนอื่นๆ สามารถหยิบนำตัวละครบางตัวกลับมามีบทบาทได้อีกครั้งในอนาคตเช่นกัน
เราจึงคิดว่า Guardians of the Galaxy Vol. 3 ค่อนข้างจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับ Marvel Studios ในการกลับมาให้ความสำคัญกับเรื่องราวของตัวละครหลักอีกครั้ง เพราะปัญหาใหญ่ข้อหนึ่งที่เกิดขึ้นในหลายๆ ผลงานที่ผ่านมา (โดยเฉพาะเฟสที่ 4) คือการที่ทีมสร้างพยายาม ‘ปูเรื่องราว’ เพื่อ ‘ขยาย’ จักรวาล MCU ในอนาคตมากเกินไป แต่กลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับ ‘เรื่องราวของตัวละครหลัก’ ที่ควรจะเป็นหัวใจสำคัญของภาพยนตร์หรือซีรีส์มากนัก จนไม่สามารถทำให้เรารู้สึกผูกพันกับตัวละครหลักเหล่านั้นได้อย่างที่ควรจะเป็น
ส่วนบทบาทของตัวละครใหม่อย่าง Adam Warlock เราคิดว่าผู้กำกับค่อนข้างหาพื้นที่ในการใส่ตัวละครนี้เข้ามาได้อย่างพอเหมาะ ไม่ได้มีบทบาทสำคัญจนไปเบียดเบียนประเด็นหลักของเรื่อง แต่ก็ไม่ได้น้อยเกินไปจนไม่มีฉากให้เราจดจำ ซึ่งเราคงต้องติดตามกันต่อว่า ตัวละครนี้จะถูกนำไปปรับใช้กับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของจักรวาล MCU ต่อไปอย่างไร
ตัดสลับมาที่ข้อสังเกตที่เรารู้สึกติดขัดกันบ้าง ประการแรกคือบทบาทของตัวร้ายประจำภาคนี้อย่าง The High Evolutionary ที่ดูไม่มีเสน่ห์เท่าไรนัก ทั้งความเจ้าอารมณ์ไร้เหตุผลที่ทำให้เขาดูเป็นตัวร้ายที่ไม่น่าเกรงขาม รวมถึงผู้กำกับไม่ได้ฉายภาพให้เราเห็นถึง ‘แรงผลักดัน’ ที่ทำให้เขาอยากจะทำเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จ ออกมาให้เราได้เห็นชัดเจนมากนัก จึงทำให้การกระทำหรือความคิดของตัวละครนี้ดูไม่มีน้ำหนักเท่าที่ควร
ในภาพรวมแล้ว แม้ว่า Guardians of the Galaxy Vol. 3 จะมีจุดที่เราแอบติดขัดอยู่บ้าง แต่นี่ถือเป็นการปิดไตรภาคของทีม Guardians ลงอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ ไม่มีจุดไหนที่ทำให้เรารู้สึกค้างคา อีกทั้งยังจัดหนักจัดเต็มด้วยอารมณ์ขันและความชุลมุนวุ่นวายตามสไตล์ของแก๊งฮีโร่สุดป่วน รวมไปถึงฉากแอ็กชันเท่ๆ ที่เราต้องปรบมือให้
ขณะเดียวกันภายใต้เสียงโหวกเหวกโวยวายเหล่านั้น Guardians of the Galaxy Vol. 3 ก็ยังถ่ายทอดสายสัมพันธ์ของทีม Guardians ออกมาได้อย่างครบถ้วนทุกแง่มุม
และเราเชื่อมั่นเหลือเกินว่า แม้การผจญภัยของทีม Guardians ทีมนี้จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่พวกเขาก็จะยังคงเป็นแก๊งฮีโร่สุดป่วนที่ผู้ชมหลงรักและคิดถึงไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน