หากหน้าจอ myAIS ไม่เหมือนในภาพด้านบน
1. เข้าสู่ระบบ หลังจากนั้น ไปที่เมนูโปรไฟล์ 2. เลือก อัปเดตข้อมูลผู้ใช้งาน (update profile) 3. กดปุ่ม อัปเดตข้อมูล (update profile) 4. ระบบอาจขออนุญาตเข้าถึงกล้องของคุณ เลือก ตกลง (OK) 5. จากนั้นเลือกปุ่ม เริ่ม เตรียมถ่ายรูปบัตรประชาชน (แนะนำถอดซองใส่บัตรออก เพื่อความชัดเจน) 6. วางบัตรให้เห็นข้อมูลครบถ้วน ตัวเลขจะนับถอยหลัง ถ่ายรูปให้อัตโนมัติ 7. ถ่ายภาพใบหน้าตนเองโดยปฎิบัติตามคำแนะนำ 8. กรอกหรือตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้งานตามช่องที่กำหนด จากนั้นเลือก อัปเดตข้อมูล
ใหม่! แอป myAIS เวอร์ชัน 11 ปรับเปลี่ยนหน้าจอใหม่ ดูข้อมูลได้ที่นี่ คลิก
.
.
ทุกวันนี้เบอร์มือถือของเราเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้เลขบัตรประจำตัวประชาชนเลยนะคะ การอัปเดตข้อมูลของเราให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก มาดูกันว่าการทำตามขั้นตอนด้านบน ⬆ จะทำให้เราได้ประโยชน์อะไรบ้าง - สบายใจได้เมื่อใช้เบอร์โทรของเราลงทะเบียนทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นลงทะเบียนโครงการรัฐบาล คนละครึ่ง เราชนะ หรือใช้ในการทำธุรกรรมกับธนาคาร เช่น Internet Banking แอปธนาคารต่าง ๆ - ป้องกันการแอบอ้างเอาเบอร์มือถือไปใช้งานโดยที่ไม่ใช่เจ้าของ เพราะเราได้อัปเดตข้อมูลเจ้าของตัวจริงไว้แล้ว หากนำไปใช้จะต้องเป็นเจ้าของตัวจริงเท่านั้น - ไม่พลาดข่าวสารกิจกรรมและสิทธิพิเศษต่าง ๆ จาก AIS เพราะการอัปเดตข้อมูล ทำให้ AIS ได้รับทราบข้อมูลที่เป็นปัจจุบันของคุณอีกด้วยค่ะ
❔หากอัปเดตแล้วไม่ผ่าน เรามีทริคดี ๆ มาฝากกันค่ะ ลองตรวจสอบตามนี้ดูนะคะ ✅ รูปบัตรประชาชนต้องชัดเจน แนะนำถ่ายภาพในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ ถือหรือวางบัตรประชาชนไว้นิ่ง ๆ เพื่อได้ภาพที่ไม่เบลอและชัดเจนค่ะ ✅ รูปเซลฟี่ต้องใกล้เคียงกับในบัตรประชาชน หากใส่แว่นตาอยู่ แต่ภาพในบัตรประชาชนไม่ได้ใส่แว่นตา ให้ถอดแว่นตาก่อนถ่ายรูปเซลฟี่ยืนยันตัวตน เพื่อที่ระบบจะได้ตรวจสอบว่าถูกต้องคล้ายกับในบัตรประชาชน และเป็นเจ้าของตัวจริงแน่นอนค่ะ
หากไม่สะดวกทำรายการด้วยตัวเอง สามารถติดต่อช่องทาง AIS Shop / AIS Buddy / ร้านมือถือ AIS / ร้านเทเลวิซ (ทั่วประเทศ) ดูรายละเอียดเอกสาร คลิก
หรือไปยังเมนู อัปเดตข้อมูลผู้ใช้งาน บน myAIS ทันที คลิก
ใช้งาน iPhone รุ่นตั้งแต่ 12 ขึ้นไปทั้งที อย่าพลาดประสบการณ์ AIS 5G กันนะคะ โดยวันนี้เรามีวิธีการตั้งค่า AIS 5G และทริคการตั้งค่าให้ไม่เปลืองแบตและไม่กินเน็ตมาฝากกันค่ะ
แต่ก่อนที่เราจะพาไปดูการตั้งค่า AIS 5G อยากให้ทุกคนลองตรวจสอบดูก่อนว่าพื้นที่ที่ใช้งานมี AIS 5G หรือเปล่า โดยเข้าไปตรวจสอบได้ที่นี่เลยค่ะ คลิก
บางคนอาจจะใช้งานในพื้นที่ที่มี 5G อยู่ตลอด บางคนอาจจะมีการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่มี 5G บ้าง ไม่ว่าจะใช้งานแบบไหนก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะเราสามารถตั้งค่า AIS 5G ให้เหมาะสมกับการใช้งานของเราได้ และที่สำคัญ หากตั้งค่าให้เหมาะสมแล้ว จะทำให้เครื่องไม่ต้องค้นหาสัญญาณอยู่ตลอดเวลาจนแบตหมดไวอีกด้วยค่ะ
วิธีการตั้งค่า AIS 5G บน iPhone 1. ไปยังการตั้งค่า (Settings) > เซลลูลาร์ (Cellular) > ตัวเลือกข้อมูลเซลลูลาร์ (Cellular Data Options) 2. ถ้ามีแพ็กเกจรองรับ 5G แล้วเรียบร้อย จะขึ้นหน้าตัวเลือกข้อมูลเซลลูลาร์ขึ้นมาค่ะ ตัวเลือกที่เราสามารถตั้งค่าได้ในหน้านี้ - ดาต้าโรมมิ่ง (Data Roaming) - เสียงและข้อมูล (Voice & Data) - โหมดข้อมูล (Data Mode)
3. ไปดูกันที่เมนู เสียงและข้อมูล (Voice & Data) กันก่อนเลยค่ะ ตรงนี้เป็นเมนูที่เราจะตั้งค่าว่าจะให้ iPhone ของเราใช้ 5G ยังไงบ้าง โดยมีตัวเลือกดังนี้
- 5G ตลอด (5G On) เมื่อเลือกตัวเลือกนี้ เครื่องจะใช้งานและค้นหา 5G อยู่ตลอดเวลา และอาจทำให้แบตหมดเร็วได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งานในพื้นที่ที่มีสัญญาณ 5G ตลอด แต่ถ้าต้องใช้งานนอกพื้นที่ด้วย ไปดูตัวเลือกต่อไปเลยค่ะ - 5G อัตโนมัติ (5G Auto) เมื่อเลือกตัวเลือกนี้ เครื่องจะกลับไปใช้สัญญาณ 4G หากอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ 5G หรือมีสัญญาณ 5G ไม่เพียงพอ โดยตัวเลือกนี้จะช่วยประหยัดแบตมากกว่าตัวเลือกแรก - 4G (LTE) เมื่อเลือกตัวเลือกนี้ เครื่องจะมีการใช้งาน 4G เท่านั้น (หรือ 3G เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ 4G) แนะนำให้เลือกตัวเลือกนี้เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ 5G หรือเลือกเมื่อต้องการประหยัดแบต ใช้งานได้ยาว ๆ ไม่พลาดทุกการสื่อสารค่ะ
4. เมนูถัดมา โหมดข้อมูล (Data Mode) จะเป็นที่ตั้งค่าเพื่อจำกัดการใช้งานดาต้ามือถือหรือว่าอินเทอร์เน็ตนั่นเองค่ะ ใครที่ใช้งานเน็ตแบบไม่จำกัดต้องไฮไลท์ตรงนี้ไว้เลยนะคะเพราะว่าสำคัญมาก ๆ ถ้าไม่อยากให้เน็ตหมดไว ต้องตั้งค่าให้เหมาะสมกับการใช้งานนะคะ โดยเมนูนี้มีตัวเลือกดังนี้
iPhone รุ่นที่รองรับสามารถจัดเก็บ eSIM ที่ได้รับจากผู้ให้บริการของคุณได้ในแบบดิจิทัล ถ้าผู้ให้บริการรองรับการเปิดใช้งานผู้ให้บริการ eSIM หรือการถ่ายโอน eSIM อย่างรวดเร็ว คุณจะสามารถเปิดเครื่อง iPhone ของคุณและทำตามคำแนะนำเพื่อเปิดใช้งาน eSIM ของคุณในระหว่างการตั้งค่าได้
ถ้าคุณตั้งค่าเสร็จแล้ว คุณสามารถปฏิบัติตามวิธีใดๆ ต่อไปนี้ได้:
- การเปิดใช้งานผู้ให้บริการ eSIM: ผู้ให้บริการบางรายสามารถกำหนด eSIM ใหม่ให้กับ iPhone ของคุณได้โดยตรง ให้ติดต่อผู้ให้บริการของคุณเพื่อเริ่มกระบวนการนี้ เมื่อคุณได้รับการแจ้งเตือน “ตั้งค่าเซลลูลาร์ต่อให้เสร็จ” ให้แตะที่การแจ้งเตือน หรือไปที่ การตั้งค่า \> เซลลูลาร์ แล้วแตะ ตั้งค่าเซลลูลาร์ หรือ เพิ่ม eSIM
- การถ่ายโอน eSIM อย่างรวดเร็ว: ผู้ให้บริการบางรายรองรับการถ่ายโอนเบอร์โทรศัพท์จาก iPhone เครื่องเก่าของคุณมายัง iPhone เครื่องใหม่โดยไม่ต้องติดต่อพวกเขา (ต้องใช้ iOS 16 ขึ้นไปบนอุปกรณ์ทั้งสองเครื่อง) บน iPhone เครื่องใหม่ของคุณ ให้ไปที่ การตั้งค่า > เซลลูลาร์ แล้วแตะ ตั้งค่าเซลลูลาร์ หรือ เพิ่ม eSIM จากนั้นแตะ ถ่ายโอนจาก iPhone ใกล้เคียง หรือเลือกเบอร์โทรศัพท์ บน iPhone เครื่องเก่าของคุณ ให้ทำตามคำแนะนำเพื่อยืนยันการถ่ายโอน หมายเหตุ: หลังจากที่เบอร์โทรศัพท์ของคุณถูกถ่ายโอนไปยัง iPhone เครื่องใหม่ ซิมจะหยุดทำงานบน iPhone เครื่องเก่า
- สแกนคิวอาร์โค้ดที่ได้รับจากผู้ให้บริการของคุณ: ไปที่ การตั้งค่า > เซลลูลาร์ แล้วแตะ ตั้งค่าเซลลูลาร์ หรือ เพิ่ม eSIM จากนั้นแตะ ใช้คิวอาร์โค้ด (คุณอาจต้องแตะตัวเลือกอื่นก่อน) จัดตำแหน่ง iPhone เพื่อให้คิวอาร์โค้ดแสดงขึ้นในกรอบหรือป้อนรายละเอียดด้วยตัวเอง ระบบอาจขอให้คุณป้อนรหัสยืนยันที่ได้รับจากผู้ให้บริการของคุณ
- ถ่ายโอนจากสมาร์ทโฟนอื่น: ถ้าโทรศัพท์เครื่องเก่าของคุณไม่ใช่ Apple iPhone ให้ติดต่อผู้ให้บริการของคุณเพื่อถ่ายโอนเบอร์โทรศัพท์
เปิดใช้งานบริการผ่านแอปของผู้ให้บริการที่เข้าร่วม: ไปที่ App Store แล้วดาวน์โหลดแอปของผู้ให้บริการ จากนั้นใช้แอปดังกล่าวเพื่อเปิดใช้งานแผนบริการเซลลูลาร์