หนึ่งไอเท็มสำคัญที่จะขาดไม่ได้สำหรับทุกทริป ไม่ว่าจะทริประยะสั้นหรือยาว ใกล้หรือไกล ก็คือ กระเป๋าเดินทางคู่ใจดี ๆ สักหนึ่งใบ แน่นอนว่าการเดินทางไปไหนสักที่ สิ่งที่จะทำให้อุ่นใจได้ว่าเรามีการเตรียมความมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เสบียง อาหารกิน เสื้อผ้า หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ นั่นก็คือ สัมภาระที่เราได้นำติดใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วยนั่นเอง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมกระเป๋าเดินทางถึงมีความสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว และคงไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวอยากจะนำกระเป๋าลากขึ้นเครื่องติดตัวไปกับเราด้วยอย่างแน่นอน ดังนั้นการเตรียมความพร้อมด้วยการเลือกรุ่นกระเป๋าให้ดี จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะจะเป็นเกณฑ์ตัดสินอันดับแรกว่าจะได้นำกระเป๋าลากขึ้นเครื่องติดไปด้วยได้หรือไม่นั่นเอง
โดยปกติแล้วน้ำหนักกระเป๋าและขนาดของกระเป๋าลากขึ้นเครื่องนั้น แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบิน ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักของสัมภาระติดตัว หรือน้ำหนักของกระเป๋าที่ต้องโหลดใต้ท้องเครื่อง รวมทั้งวัตถุต้องห้ามและข้อมูลอื่น ๆ ดังนั้นไม่ว่าจะท่องเที่ยวหรือมีทริปเดินทางไปไหน ก็ควรศึกษารายละเอียดของแต่ละสายการบินที่เราใช้บริการก่อน เพื่อจะได้วางแผนการจัดกระเป๋า ว่าจะนำกระเป๋าลากขึ้นเครื่องหรือโหลดใต้เครื่องดี ซึ่งกระเป๋าลากขึ้นเครื่อง หรือที่เรียกว่า Carry-On Baggage โดยส่วนใหญ่แล้ว จะมีกำหนดอยู่ที่ 56 ซม. x 36 ซม. x 23 ซม. หรือประมาณกระเป๋าลาก 20-22 นิ้ว ซึ่งหากใหญ่กว่านี้จะใส่ในที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะไม่ได้นั่นเอง ส่วนน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางที่นำขึ้นเครื่องได้จะถูกกำหนดอยู่ที่ 7 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังสามารถหิ้วกระเป๋าถือใบเล็กติดตัวได้อีกหนึ่งใบ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน)
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อกระเป๋าลากขึ้นเครื่อง
1. ขนาดของกระเป๋า : ถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งเลย หากกระเป๋าลากขึ้นเครื่อง ของเราใหญ่เกินขนาดที่สายการบินกำหนด เราอาจจะต้องโหลดกระเป๋าใบนั้นแทน ดังนั้น อย่าลืมศึกษารายละเอียดของกระเป๋าลากขึ้นเครื่องให้ชัดเจน ซึ่งขนาดของกระเป๋าลากขึ้นเครื่องที่แต่ละสายการบินกำหนดนั้นจะรวมในส่วนของล้อกและที่จับกระเป๋าด้วยนั้นเอง
2. น้ำหนักของกระเป๋า : หากยิ่งเบาก็จะยิ่งดี เนื่องจากจะสามารถจุของได้เยอะขึ้นนั่นเอง อย่างที่เราได้กล่าวไว้แล้วในข้างต้น ว่าสายการบินส่วนใหญ่อนุญาตให้ถือสัมภาระขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 กิโลกรัม ดังนั้นหากยิ่งเราเลือกกระเป๋าที่มีน้ำหนักเบา เราก็จะยิ่งสามารถใส่สัมภาระในกระเป๋าลากขึ้นเครื่องได้มากขึ้นนั่นเอง
3. ล้อลาก : กระเป๋าล้อลากแบบ 2 ล้อ เหมาะแก่การลากแบบเฉียง แต่อาจลากลำบากหน่อย เมื่อต้องเดินในที่คับแคบ และกระเป๋าล้อลากแบบ 4 ล้อ หมุนได้รอบทิศทาง สะดวกต่อการเข็นในที่แคบอย่างทางเดินบนเครื่องบิน (ควรศึกษาข้อดี-ข้อเสียของล้อแต่ละประเภทอีกครั้งก่อนตัดสินใจ)
4. ช่องเก็บของภายใน : เป็นอีกเรื่องที่หลายๆคนมักจะมองข้าม แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น มีความสำคัญเพราะจะช่วยให้การจัดของเป็นระเบียบและสามารถหยิบของได้สะดวกขึ้นนั่นเอง
5. วัสดุของกระเป๋าเดินทาง : โดยเลือกให้เหมาะกับสภาพการใช้งาน ปกติแล้ว วัสดุของกระเป๋าแยกได้เป็น 2 ประเภท แบบกว้างๆ คือ แบบซอฟต์เคส (Soft Case) ส่วนใหญ่มักใช้ผ้าไนล่อน และแบบฮาร์ดเคส (Hard Case) มักใช้วัสดุจำพวกโพลีพลาสติก
รวมรุ่นกระเป๋าลากขึ้นเครื่องจาก Baggage-luggage ที่นำติดตัวขึ้นเครื่องได้แน่นอน
- TOKYO COLLECTION : ที่สุดของความหวานละมุน แต่ยังคงความเรียบง่ายน่ารัก ด้วยกระเป๋าเดินทางสีพาสเทล เนื้อ Matte Premium ดีไซน์สวย ฟังก์ชั่นจัดเต็ม ซึ่งสามารถเลือกได้ทั้งรุ่น 14 นิ้ว // 30*20*15 เซนติเมตร และรุ่น 16 นิ้ว // 33*48*20.5 เซนติเมตร
- WANDER SERIES : กระเป๋าเดินทางเฟรมซิป ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นทรงพลังอันสมบูรณ์แบบ ด้วยนวัตกรรมใหม่ ความสามารถรอบด้านสูงสุด ปรับใช้ได้ทุกสถานการณ์ ช่องด้านหน้าของ WANDER ได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย ตัวกระเป๋าขยายได้ทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้น ล้อHINOMOTOลากลื่นดีเยี่ยม พร้อมออกเดินทางไปรอบโลกกับคุณแล้ววันนี้ ซึ่งมาในขนาด 20 นิ้ว // 36*54*25 เซนติเมตร
- BERLIN COLLECTION : ที่สุดแห่งความแข็งแกร่ง ด้วยนวัตกรรมวัสดุ PP 100%เกรดพรีเมียม มาพร้อมฟังก์ชั่นซิปขยายข้าง ระบบล็อกTSA แข็งแรงสูงสุด พร้อมบินไปได้ทั่วโลก ล้อคู่หมุนลื่น 360 องศา ซิปขยายข้าง เพิ่มความจุได้มากถึง 30% มีน้ำหนักเพียง 3.2 กิโลกรัม ในรุ่นขนาด 20 นิ้ว // 40*56*23 เซนติเมตร
- SKYE COLLECTION (รุ่น 20 นิ้ว) : เอาใจสายแฟชั่นด้วยกระเป๋าเดินทางเฟรมชิปสุดคิ้วท์ ดีไซน์เรียบหรู สีละมุน รุ่นขายดีของ Baggage-luggage ในรุ่นขนาด 20 นิ้ว // 34*53*22 ด้วยน้ำหนักเพียง 2.4 กิโลกรัมเท่านั้น
- JELLY COLLECTION : มาในฝั่งเฟรมอลูมิเนียมกันบ้าง กับรุ่น JELLY COLLECTION น่ารักละมุน สะกดทุกสายตา ด้วยสีที่โดดเด่นแต่ยังคงความแข็งแรงของกระเป๋า ด้วยโครงสร้างอลูมิเนียม สามารถนั่งทับได้ พร้อมเดินทางไปกับคุณได้ทั่วโลก ด้วยน้ำหนักเพียง 3.4 กิโลกรัม กับรุ่นขนาด 20 นิ้ว // 36*55*22 เซนติเมตร
- LONDON COLLECTION : กระเป๋าเดินทางเฟรมอลูมิเนียม หรูเหนือระดับสไตล์อังกฤษ ด้วยนวัตกรรมฟังก์ชั่นอันสมบูรณ์แบบ แถมสีสันพาสเทลสวยสะดุดสะกดทุกสายตา TSA LOCK ขนาดใหญ่ ด้วยน้ำหนักเพียง 3.5 กิโลกรัม กับรุ่นขนาด 20 นิ้ว // 36*55*22 เซนติเมตร
- WESTERN SERIES : เรียบหรู มีสไตล์ กระเป๋าเดินทางดีไซน์คาดหนังแบบเวสเทิร์น พร้อมผิวกันรอย แข็งแรงด้วยโครงสร้างอลูมิเนียม ฟังก์ชั่นครบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง ล็อกตั้งรหัส 3 หลัก ระบบ TSA Lock มาตรฐานสากล ด้วยน้ำหนัก 4 กิโลกรัม ในขนาด 20 นิ้ว // 39*58*24 เซนติเมตร
- BRICK ALUMINIUM : ที่สุดแห่งความพรีเมี่ยมเรียบหรู กระเป๋าเดินทางอลูมิเนียมแท้ 100% ทั้งใบ ถือได้ว่า เป็นอีกหนึ่งรุ่นขายดีของ Baggage-luggage มาในดีไซน์ลายอิฐ เรียบหรู สวยงาม ในขนาดรุ่น 20 นิ้ว // 36*54*20 เซนติเมตร น้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม
- HIROTO ALUMINIUM : ที่สุดแห่งดีไซน์ เอกลักษณ์แห่งความภาคภูมิใขของ BAGGAGE LUGGAGE แข็งแกร่งด้วยอลูมิเนียมแท้ทั้งใบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทางระดับพรีเมียม ในรุ่นขนาด 20 นิ้ว // 36*55*22 เซนติเมตร น้ำหนัก 4.10 กิโลกรัม
แน่นอนว่าในแต่ละสายการบินย่อมมีนโยบายเกี่ยวกับกระเป๋าลากขึ้นเครื่องรวมถึงสัมภาระอื่น ๆ ติดตัวที่ต่างกัน สำหรับ 9 รุ่นที่เราแนะนำในวันนี้ เป็นรุ่นที่สามารถเดินลากขึ้นเครื่องบิน เกือบทุกสายการบินได้อย่างสบายใจแน่นอน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าลืมตรวจเช็คสิ่งของที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบินกันให้ดีก่อนจัดกระเป๋ากันด้วย เพื่อให้สามารถสบายใจได้ว่า เราจะสามารถนำกระเป๋าลากขึ้นเครื่องได้อย่างไม่ต้องกังวลสิ่งใด และเมื่อพร้อมแล้ว ก็ออกเดินทางไปพร้อมๆกับน้องๆกระเป๋าลากขึ้นเครื่องกันเลย