Netflix แพ็คเกจมาตรฐาน (FHD) สามารถดูพร้อมกันได้ 2 จอ และแพ็คเกจพรีเมี่ยม (4K) สามารถดูพร้อมกันได้ 4 จอ ซึ่งก่อนหน้านี้เราจะใช้วิธีตั้งตี้หารกับเพื่อน 4 คน เพื่อซื้อแพ็คพรีเมี่ยมแล้วแยกไปดูบ้านใครบ้านมันบนสมาร์ททีวีหรืออุปกรณ์อื่น ๆ แต่หลังจากนี้จะทำไม่ได้แล้ว เพราะจะมีเฉพาะบัญชีหลักที่สามารถดูพร้อมกันบนทีวี 4 เครื่อง ภายในบ้านตัวเองเท่านั้น
ใครที่ต้องการเข้ามาแจมกับบัญชีหลักนี้ แต่จะเอาไปนั่งดูที่ทีวีบ้านตัวเอง จะมีค่าบริการเพิ่มเติมมาอีกคนละ 99 บาท / เดือน และจะเป็นบัญชี + Password ที่สร้างขึ้นใหม่หรือย้ายมาจากตี้เดิม โดยบัญชีดังกล่าวจะดู 4K ได้เหมือนเดิม และจะดูได้ครั้งละ 1 จอเท่านั้น ไม่สามารถสร้าง Profile เพิ่มได้
ส่วนการเก็บค่าบริการก็จะเก็บรวมกับบัญชีหลักเลย เพราะฉะนั้นบัญชีหลักก็ไปตามเก็บจากสมาชิกเสริมอีกที
นโยบายใหม่บังคับใช้กับทีวีเท่านั้น
นโยบายสมาชิกที่อยู่คนละบ้านต้องจ่ายเงินเพิ่มนี้ ทาง Netflix จะตรวจจับเฉพาะ “สมาร์ททีวี” รวมถึงพวก Chromecast หรือ Android TV Box แต่สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ ทั้ง มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค หรือแม้แต่ PC ตั้งโต๊ะ จะไม่ถูกนับรวมด้วย
นั่นหมายความว่า ตี้เดิมที่มีสมาชิก 4 คน หากดูอยู่คนละบ้านแต่ดูผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ตามที่บอกไปด้านบน จะสามารถดูได้เหมือนเดิมโดยที่ไม่ต้องแยกย้ายออกไปสมัครเป็นสมาชิกเสริม แต่หากว่ามีสมาชิกคนไหน Log-in เข้ากับสมาร์ททีวีปุ๊บ ทีวีเครื่องนั้นจะกลายเป็นบ้านของบัญชีหลักทันที
วิธียกเลิก Netflix ทำได้ทั้งบนมือถือ และบน PC ง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอน
Netflix เช็คยังไงว่าไม่ได้อยู่คนละบ้าน
Netflix จะตรวจบัญชี ผ่านข้อมูลเช่น ที่อยู่ IP address, รหัสของอุปกรณ์ที่รับชม, และประวัติการ Log-in ผ่านอุปกรณ์ ว่าเชื่อมต่อมาจากตำแหน่งเดิมกับที่สมัครเอาไว้ตอนต้นหรือไม่ ถ้ามีการล็อกอินจากที่ใหม่ อุปกรณ์ใหม่ ก็จะต้องยืนยันตัวตนด้วยรหัสผ่านที่ส่งมาในอีเมล
สมาชิกเสริม เพิ่มได้กี่คน?
แพ็คเกจที่จะมีสมาชิกเสริมได้ จะมีอยู่ 2 แพ็คเกจคือ
- มาตรฐาน (FHD) ดูพร้อมกันได้ 2 เครื่อง หากอยู่บ้านเดียวกัน ราคา 349 บาท / เดือน : เพิ่มสมาชิกเสริมที่อยู่คนละบ้านได้ 1 คน (คนละ 99 บาท / เดือน)
- พรีเมียม (4K) ดูพร้อมกันได้ 4 เครื่อง หากอยู่บ้านเดียวกัน ราคา 419 บาท / เดือน : เพิ่มสมาชิกเสริมที่อยู่คนละบ้านได้ 2 คน (คนละ 99 บาท / เดือน)
ค่าบริการ Netflix
เช็กราคา Netflix 4K หลังเพิ่มแพ็กใหม่กำจัดบ้านแชร์
- มือถือ : 99 บาท / เดือน
- พื้นฐาน : 169 บาท / เดือน
- มาตรฐาน : 349 บาท / เดือน (สามารถเพิ่มบริการสมาชิกเสริม ได้ในราคา 99 บาท / เดือน)
- พรีเมียม : 419 บาท / เดือน (สามารถเพิ่มบริการสมาชิกเสริม ได้ในราคา 99 บาท / เดือน)
สรุปแล้วก็คือถ้าตี้เดิมไม่มีใครดู Netflix บนทีวีอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องตกใจอะไร…ใช้ชีวิตตามปกติไปเลย แต่ถ้าตี้ไหนที่ดู Netflix บนทีวีกันหมด ทีนี้ต้องแยกตัวออกจากตี้เดิม แล้วไปสมัครเป็นสมาชิกเสริมแทนนั่นเองครับ
Netflix (Android TV) เป็นเวอร์ชันใหม่ของเน็ตฟลิกซ์สำหรับทีวีที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ นั่นหมายความว่าเวอร์ชันนี้จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสมบนอุปกรณ์พกพาหรือแท็บเล็ตอื่น ๆ ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องใช้เวอร์ชันอื่นที่มีอยู่บน Uptodown ถ้าคุณพบกับปัญหานี้
เหมือนกับแอปเน็ตฟลิกซ์อื่น ๆ เลย เพื่อที่จะใช้งานแอปนี้คุณจะต้องใช้บัญชีผู้ใช้เน็ตฟลิกซ์จริง เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณแล้ว คุณสามารถเริ่มดูรายการทีวี หนัง สารคดีที่คุณต้องการได้ คุณยังสามารถเลือกภาษาที่คุณต้องการดูและเลือกคำบรรยายหรือเสียงจากภาษาต่าง ๆ ที่มีบนเน็ตฟลิกซ์ได้ด้วย
Netflix (Android TV) เป็นแอปที่จำเป็นสำหรับผู้ใช้ที่มี Android TV ถ้าคุณอยากเพลิดเพลินกับการรับชมเน็ตฟลิกซ์ของคุณให้ถึงขีดสุด ขอบคุณแอปนี้ที่คุณจะได้สนุกกับซีรีส์เยี่ยม ๆ ได้นานหลายชั่วโมงรวมทั้งรายการทีวีล่าสุดและหนังชั้นเยี่ยมที่มีบนเน็ตฟลิกซ์เท่านั้น
หาก Netflix ค้างหรือหยุดโหลด แต่ส่วนอื่นๆ ของอุปกรณ์ทำงานได้ปกติ ส่วนใหญ่มักจะแก้ปัญหาได้โดยใช้ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาพื้นฐานเหล่านี้ โดยทั่วไปปัญหานี้จะเกิดขึ้นเมื่อต้องรีเฟรชข้อมูลที่เก็บไว้ในอุปกรณ์ หรือเครือข่ายมีปัญหาทำให้ Netflix หยุดโหลด
โปรดทำตามขั้นตอนสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้งาน เพื่อแก้ไขปัญหา
สมาร์ททีวี
ทีวีของ Samsung
การรีสตาร์ทอุปกรณ์
- ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก
- กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที
- เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป
- เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การออกจากระบบของ Netflix
- ไปที่หน้าจอหลักของ Netflix จากนั้นไปทางด้านซ้ายเพื่อเปิดเมนู
- ไปที่ด้านล่างของเมนู จากนั้นไปทางด้านขวา แล้วเลือกรับความช่วยเหลือ
- เลือก "ออกจากระบบ"
- ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
หากอุปกรณ์อยู่ในหน้าจอข้อผิดพลาด ให้ทำดังนี้
- เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"
- เลือก "ออกจากระบบ" หรือ "รีเซ็ต"
- ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
หาไม่พบตัวเลือก รับความช่วยเหลือ หรือ ออกจากระบบ ให้ทำดังนี้
- กดปุ่มต่อไปนี้บนรีโมทตามลำดับดังนี้ ขึ้น ขึ้น ลง ลง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ขึ้น ขึ้น ขึ้น ขึ้น
- เลือก ออกจากระบบ รีเซ็ต หรือ ปิดใช้งาน จากเมนูที่ปรากฏ
การติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
ปัญหานี้อาจเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ระบบชื่อโดเมน (DNS) ที่อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่ออยู่ หากต้องการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ DNS คุณต้องติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP)
ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อกับที่อยู่ Netflix ต่อไปนี้ได้
- secure.netflix.com
- appboot.netflix.com
- uiboot.netflix.com
- fast.com
- ตรวจสอบปัญหา DNS ในโมเด็มหรือเราเตอร์ อุปกรณ์ของคุณ หรือเซิร์ฟเวอร์ DNS
- ลองใช้เซิร์ฟเวอร์ DNS อื่นเพื่อตรวจสอบว่าแก้ปัญหาได้ไหม
ก่อนสิ้นสุดการพูดคุยกับ ISP เราขอแนะนำให้ลองใช้ Netflix อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าแก้ไขปัญหาได้แล้ว
ติดต่อ Samsung
อุปกรณ์ของคุณมีปัญหาเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ซึ่ง Samsumg เท่านั้นที่สามารถแก้ปัญหาได้
โปรดติดต่อ Samsung แล้วสอบถามข้อมูลต่อไปนี้
- ให้ความช่วยเหลือในการรีเซ็ต Smart Hub
- ช่วยอัปเกรดเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์
- ช่วยรีเซ็ตอุปกรณ์กลับไปเป็นค่าที่ตั้งจากโรงงาน
หากขั้นตอนเหล่านี้ไม่สามารถช่วยได้ Samsung อาจมีคำแนะนำอื่นๆ หรือลองรับชม Netflix ในอุปกรณ์เครื่องอื่น
ทีวีของ Sony
- จากเมนู "หลัก" ให้เลือก "แอป"
- เปิดแอป Play Store
- เลื่อนลงไปที่ My Apps (แอปของฉัน)
- เลือก Netflix จากแถวบนสุด จากนั้นเลือก "อัปเดต"
หากไม่พบแอป Play Store ในทีวีของ Sony อาจเป็นเพราะไม่ใช่ Android TV ให้ทำตามขั้นตอนสำหรับทีวีอื่นๆ ทั้งหมดแทน
ทีวีอื่นๆ ทั้งหมด
การออกจากระบบของ Netflix
- ไปที่หน้าจอหลักของ Netflix จากนั้นไปทางด้านซ้ายเพื่อเปิดเมนู
- ไปที่ด้านล่างของเมนู จากนั้นไปทางด้านขวา แล้วเลือกรับความช่วยเหลือ
- เลือก "ออกจากระบบ"
- ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
หากอุปกรณ์อยู่ในหน้าจอข้อผิดพลาด ให้ทำดังนี้
- เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"
- เลือก "ออกจากระบบ" หรือ "รีเซ็ต"
- ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
หาไม่พบตัวเลือก รับความช่วยเหลือ หรือ ออกจากระบบ ให้ทำดังนี้
- กดปุ่มต่อไปนี้บนรีโมทตามลำดับดังนี้ ขึ้น ขึ้น ลง ลง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ขึ้น ขึ้น ขึ้น ขึ้น
- เลือก ออกจากระบบ รีเซ็ต หรือ ปิดใช้งาน จากเมนูที่ปรากฏ
การรีสตาร์ทอุปกรณ์
- ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก
- กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที
- เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป
- เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การติดต่อบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์
การทำขั้นตอนเหล่านี้อาจลบแอป ข้อมูล หรือการตั้งค่าที่บันทึกไว้ในอุปกรณ์ ก่อนดำเนินการต่อ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่า ทราบชื่อและรหัสผ่านของ Wi-Fi รวมทั้งข้อมูลเข้าสู่ระบบ Netflix แล้ว
สำหรับวิธีแก้ไขปัญหานี้ คุณจะต้องติดต่อบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้งาน
เมื่อพูดคุยกับทางผู้ผลิต ให้ขอความช่วยเหลือสำหรับขั้นตอนต่อไปนี้ หลังจากทำแต่ละขั้นตอนแล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าแก้ไขปัญหาได้หรือยัง
- อัปเดตเฟิร์มแวร์หรือซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
- คืนค่าอุปกรณ์เป็นการตั้งค่าเริ่มต้น เหมือนตอนเปิดใช้ครั้งแรก
หากผู้ผลิตไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ หรือขั้นตอนเหล่านี้ไม่ได้ผล คุณจะต้องใช้อุปกรณ์อื่นในการรับชม Netflix
โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต
โทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
ปิดอุปกรณ์ แล้วเปิดใหม่
- ปิดโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นการปิดเครื่อง ไม่ใช่แค่ล็อกหน้าจอ
- เปิดเครื่องอีกครั้ง
- ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การรีสตาร์ทเครือข่ายภายในบ้าน
- ปิดอุปกรณ์ของคุณ แล้วถอดปลั๊กโมเด็มและเราเตอร์
- เมื่อผ่านไป 30 วินาที ให้เสียบปลั๊กโมเด็มและเราเตอร์
- รอ 1 นาที จากนั้นจึงเปิดอุปกรณ์
- ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
หมายเหตุ:
อุปกรณ์ โมเด็ม และเราเตอร์บางรุ่นอาจใช้เวลานานกว่าในการกลับมาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง
การปรับปรุงสัญญาณ Wi-Fi
วิธีปรับปรุงสัญญาณ Wi-Fi
- ย้ายเราเตอร์และอุปกรณ์ที่ใช้งานให้อยู่ใกล้กันมากขึ้น หากเป็นไปได้ ให้อยู่ในห้องเดียวกัน
- ย้ายเราเตอร์ให้อยู่ห่างจากอุปกรณ์ไร้สายและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
- วางเราเตอร์ให้อยู่สูงจากพื้นในพื้นที่เปิดโล่ง เราเตอร์จะรับสัญญาณได้ดีขึ้นเมื่ออยู่บนโต๊ะหรือชั้นหนังสือ
iPhone หรือ iPad
ปิดแอปล่าสุดทั้งหมด
- เปิด App Switcher (โปรแกรมสลับแอป) โดยกดที่ปุ่ม Home (หน้าหลัก) 2 ครั้ง หากอุปกรณ์ของคุณไม่มีปุ่ม Home (หน้าหลัก) ให้ปัดขึ้นจากด้านล่างของหน้าจอแล้วค้างไว้
- สำหรับทุกแอปในรายการ ให้ปัดแอปขึ้นเพื่อปิด
- เปิด Netflix แล้วลองอีกครั้ง
หมายเหตุ:
ขั้นตอนเหล่านี้อาจแตกต่างไปจากอุปกรณ์ที่คุณใช้งาน ไปที่เว็บไซต์สนับสนุนของ Apple สำหรับขั้นตอนในการปิดและเปิดแอปใหม่ใน iPhone หรือ iPad
การรีสตาร์ท iPhone หรือ iPad ที่ใช้งาน
- กดปุ่มด้านข้างและปุ่มปรับระดับเสียงปุ่มหนึ่งค้างไว้พร้อมกันจนกว่าแถบเลื่อนจะปรากฏขึ้น ลากแถบเลื่อนด้านบนเพื่อปิดอุปกรณ์อย่างสมบูรณ์
- หากแถบเลื่อนไม่ปรากฏ ให้กดปุ่ม Sleep/Wake ค้างไว้จนแถบเลื่อนสีแดงปรากฏขึ้น แล้วจึงลากแถบเลื่อนดังกล่าว
- หลังจาก 10 วินาที กดปุ่ม Sleep/Wake
- เมื่ออุปกรณ์เปิดทำงานเรียบร้อยแล้ว ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การรีเซ็ตแอป Netflix
การรีเซ็ตแอปจะลบเนื้อหาดาวน์โหลดทั้งหมดที่บันทึกไว้ในอุปกรณ์ และนำคุณออกจากระบบ Netflix
- ไปที่หน้าจอหลัก แล้วแตะ "การตั้งค่า"
- เลื่อนลงแล้วแตะ Netflix
- เลื่อนสวิตช์รีเซ็ตไปที่ตำแหน่งเปิดเพื่อรีเซ็ตแอป
- ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การติดตั้งแอป Netflix ใหม่อีกครั้ง
การถอนการติดตั้งแอปจะลบเนื้อหาดาวน์โหลดทั้งหมดที่บันทึกไว้ในอุปกรณ์ และนำคุณออกจากระบบ Netflix
- ไปที่หน้าจอหลัก แล้วแตะที่แอป Netflix ค้างไว้
- แตะ Remove App (ลบแอป) \> Delete App (ลบแอป) \> Delete (ลบ)
- เปิด App Store และ ค้นหา "Netflix"
- แตะที่ Netflix แล้วแตะไอคอนรูปคลาวด์เพื่อดาวน์โหลดแอป อาจต้องป้อนรหัสผ่าน Apple ID ของคุณ หากลืมรหัสผ่าน ให้ทำตามขั้นตอนรีเซ็ตรหัสผ่านของ Apple
- เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การรีสตาร์ทเครือข่ายภายในบ้าน
สำหรับขั้นตอนนี้ ให้ปิดแล้วถอดปลั๊กอุปกรณ์และอุปกรณ์เครือข่ายภายในบ้านของคุณทั้งหมดออกเป็นกลุ่มเป็นเวลา 30 วินาที ก่อนเสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไปใหม่ทีละอุปกรณ์
- ปิดอุปกรณ์มือถือ
- ถอดปลั๊กโมเด็ม (และเราเตอร์ไร้สาย หากเป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหาก) ออกจากช่องเสียบปลั๊กไฟเป็นเวลา 30 วินาที
- เสียบปลั๊กโมเด็มของคุณและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกระพริบ หากเราเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหากจากโมเด็ม ให้เสียบปลั๊กและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกระพริบ
- เปิดอุปกรณ์ขึ้นใหม่แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย
ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้
- ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ
- แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง
- รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ
ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้
- ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน
- อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง
ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้
- ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง
- ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่
คอมพิวเตอร์
Windows
รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์
- ปิดคอมพิวเตอร์โดยใช้เมนู:
- สำหรับ Mac: ที่ด้านซ้ายบน ให้คลิก Apple menu (เมนู Apple) \> Shutdown (ปิด)
- สำหรับ Windows: จากเมนูเริ่มต้น ให้คลิก Power (เปิด/ปิด) \> Shutdown (ปิด)
- สำหรับ Chromebook: จากด้านขวาล่าง ให้คลิกที่เวลา > Sign out (ออกจากระบบ) \> Shutdown (ปิด)
- ปิดคอมพิวเตอร์ไว้อย่างน้อย 10 วินาที
- เปิดเครื่องอีกครั้ง แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
ล้างคุกกี้ของ Netflix จากเว็บเบราว์เซอร์
- ไปที่ netflix.com/clearcookies ขั้นตอนนี้จะทำให้คุณออกจากระบบบัญชีของคุณ
- เลือก "เข้าสู่ระบบ" และป้อนอีเมลและรหัสผ่านของคุณที่ใช้กับ Netflix
- ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
รีสตาร์ทเครือข่ายภายในบ้าน
- ปิดอุปกรณ์ของคุณ แล้วถอดปลั๊กโมเด็มและเราเตอร์
- เมื่อผ่านไป 30 วินาที ให้เสียบปลั๊กโมเด็มและเราเตอร์
- รอ 1 นาที จากนั้นจึงเปิดอุปกรณ์
- ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
หมายเหตุ:
อุปกรณ์ โมเด็ม และเราเตอร์บางรุ่นอาจใช้เวลานานกว่าในการกลับมาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง
Mac
ปิดคอมพิวเตอร์
- ปิดคอมพิวเตอร์โดยใช้เมนู:
- สำหรับ Mac: ที่ด้านซ้ายบน ให้คลิก Apple menu (เมนู Apple) \> Shutdown (ปิด)
- สำหรับ Windows: จากเมนูเริ่มต้น ให้คลิก Power (เปิด/ปิด) \> Shutdown (ปิด)
- สำหรับ Chromebook: จากด้านขวาล่าง ให้คลิกที่เวลา > Sign out (ออกจากระบบ) \> Shutdown (ปิด)
- ปิดคอมพิวเตอร์ไว้อย่างน้อย 10 วินาที
- เปิดเครื่องอีกครั้ง แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
Chromebook
ปิดคอมพิวเตอร์
- ปิดคอมพิวเตอร์โดยใช้เมนู:
- สำหรับ Mac: ที่ด้านซ้ายบน ให้คลิก Apple menu (เมนู Apple) \> Shutdown (ปิด)
- สำหรับ Windows: จากเมนูเริ่มต้น ให้คลิก Power (เปิด/ปิด) \> Shutdown (ปิด)
- สำหรับ Chromebook: จากด้านขวาล่าง ให้คลิกที่เวลา > Sign out (ออกจากระบบ) \> Shutdown (ปิด)
- ปิดคอมพิวเตอร์ไว้อย่างน้อย 10 วินาที
- เปิดเครื่องอีกครั้ง แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
เครื่องเล่นมีเดียสตรีมมิง
Fire TV/Stick
การรีสตาร์ทอุปกรณ์
- ปิดอุปกรณ์ของคุณ ถอดปลั๊ก หากอุปกรณ์ที่ใช้มีสายไฟ
- ตรวจสอบว่าได้ปิดอุปกรณ์โดยสมบูรณ์แล้ว และไม่ได้อยู่ในโหมดสลีปหรือสแตนด์บาย
- ปิดอุปกรณ์ไว้ 15 วินาที
- เปิดอุปกรณ์ของคุณ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การรีสตาร์ทเครือข่ายภายในบ้าน
- ปิดอุปกรณ์ของคุณ แล้วถอดปลั๊กโมเด็มและเราเตอร์
- เมื่อผ่านไป 30 วินาที ให้เสียบปลั๊กโมเด็มและเราเตอร์
- รอ 1 นาที จากนั้นจึงเปิดอุปกรณ์
- ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
หมายเหตุ:
อุปกรณ์ โมเด็ม และเราเตอร์บางรุ่นอาจใช้เวลานานกว่าในการกลับมาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง
การคืนค่าการตั้งค่าเริ่มต้นในการเชื่อมต่อ
หากมีการเปลี่ยนการตั้งค่าการเชื่อมต่อในอุปกรณ์ คุณต้องเปลี่ยนกลับเป็นค่าเริ่มต้น
การตั้งค่าเหล่านี้ได้แก่
- การตั้งค่าโมเด็มที่กำหนดเอง
- การตั้งค่า Virtual Private Network (VPN - เครือข่ายเสมือนส่วนบุคคล) หรือบริการพร็อกซี
- การตั้งค่า DNS ที่กำหนดเอง
หากต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการแก้ไขการตั้งค่าเหล่านี้ โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์ของคุณ
เมื่อรีเซ็ตการตั้งค่าเหล่านี้แล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย
ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้
- ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ
- แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง
- รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ
ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้
- ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน
- อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง
ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้
- ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง
- ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่
Apple TV
การบังคับปิดแอป Netflix
- แตะปุ่ม "หน้าหลัก" สองครั้ง บนรีโมท
- ปัดไปทางขวาหรือซ้ายเพื่อให้ Netflix อยู่ในโฟกัส
- ปัดขึ้นเพื่อบังคับปิดแอป Netflix
- ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การรีสตาร์ทอุปกรณ์
- ปิดอุปกรณ์ของคุณ ถอดปลั๊ก หากอุปกรณ์ที่ใช้มีสายไฟ
- ตรวจสอบว่าได้ปิดอุปกรณ์โดยสมบูรณ์แล้ว และไม่ได้อยู่ในโหมดสลีปหรือสแตนด์บาย
- ปิดอุปกรณ์ไว้ 15 วินาที
- เปิดอุปกรณ์ของคุณ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การติดตั้งแอป Netflix ใหม่อีกครั้ง
การลบ Netflix
- จากหน้าหลักของ Apple TV ไฮไลท์แอป Netflix
- กดตรงกลางพื้นผิวสัมผัสของรีโมทหรือคลิกแพดค้างไว้จนกว่าไอคอน Netflix จะเริ่มสั่น
- กดปุ่ม "เล่น/หยุดชั่วคราว" เพื่อลบแอป
- เลือก "ลบ" เพื่อยืนยันอีกครั้ง
การติดตั้ง Netflix ใหม่อีกครั้ง
- เปิด App Store จากหน้าจอหลักของ Apple TV
- ค้นหา Netflix เพื่อหาแอป จากนั้นเลือก "ติดตั้ง"
- ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
Chromecast
Roku
การรีสตาร์ทอุปกรณ์
- ปิดอุปกรณ์ของคุณ ถอดปลั๊ก หากอุปกรณ์ที่ใช้มีสายไฟ
- ตรวจสอบว่าได้ปิดอุปกรณ์โดยสมบูรณ์แล้ว และไม่ได้อยู่ในโหมดสลีปหรือสแตนด์บาย
- ปิดอุปกรณ์ไว้ 15 วินาที
- เปิดอุปกรณ์ของคุณ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การปิดใช้งานและเปิดใช้งานแอป Netflix อีกครั้ง
Roku 1
- กดปุ่ม "หน้าหลัก" บนรีโมทของ Roku เพื่อไปยังหน้าหลักของ Roku
- เลือก "การตั้งค่า"
- เลือก "การตั้งค่า Netflix"
- เลือก "ปิดใช้งานเครื่องเล่นนี้จากบัญชี Netflix ของฉัน"
- เลือก "ใช่" ตอนนี้อุปกรณ์ปิดใช้งานแล้ว
- เลือก Netflix จากหน้าจอหลักและทำตามข้อความแจ้งเตือนเพื่อเปิดใช้งานแอปอีกครั้ง
- เข้าสู่ระบบบัญชีของคุณแล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
Roku รุ่นอื่นๆ ทั้งหมด
- กดปุ่ม "หน้าหลัก" บนรีโมทของ Roku เพื่อไปยังหน้าหลักของ Roku
- ไฮไลท์ที่แอป Netflix แล้วกดปุ่ม "ดาว" บนรีโมท
- เลือก "ลบช่องความบันเทิง"
- เลือก "ลบช่องความบันเทิง" อีกครั้งเพื่อยืนยัน
- จากหน้าจอหลัก เลือก "ช่องสำหรับสตรีมมิง"
- เลือก "ภาพยนตร์และทีวี"
- เลือก Netflix
- เลือก "เพิ่มช่องความบันเทิง"
- เลือก "ไปยังช่องความบันเทิง"
- เข้าสู่ระบบบัญชีของคุณแล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การรีสตาร์ทเครือข่ายภายในบ้าน
- ปิดหรือถอดปลั๊กเครื่องเล่นมีเดียสตรีมมิงของคุณ
- ถอดปลั๊กโมเด็ม (และเราเตอร์ไร้สาย หากเป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหาก) ออกจากช่องเสียบปลั๊กไฟเป็นเวลา 30 วินาที
- เสียบปลั๊กโมเด็มของคุณและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ หากเราเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหากจากโมเด็ม ให้เสียบปลั๊กและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ
- เปิดเครื่องเล่นมีเดียสตรีมมิงขึ้นใหม่แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การปรับปรุงสัญญาณ Wi-Fi
วิธีปรับปรุงสัญญาณ Wi-Fi
- ย้ายเราเตอร์และอุปกรณ์ที่ใช้งานให้อยู่ใกล้กันมากขึ้น หากเป็นไปได้ ให้อยู่ในห้องเดียวกัน
- ย้ายเราเตอร์ให้อยู่ห่างจากอุปกรณ์ไร้สายและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
- วางเราเตอร์ให้อยู่สูงจากพื้นในพื้นที่เปิดโล่ง เราเตอร์จะรับสัญญาณได้ดีขึ้นเมื่ออยู่บนโต๊ะหรือชั้นหนังสือ
การคืนค่าการตั้งค่าเริ่มต้นในการเชื่อมต่อ
หากมีการเปลี่ยนการตั้งค่าการเชื่อมต่อในอุปกรณ์ คุณต้องเปลี่ยนกลับเป็นค่าเริ่มต้น
การตั้งค่าเหล่านี้ได้แก่
- การตั้งค่าโมเด็มที่กำหนดเอง
- การตั้งค่า Virtual Private Network (VPN - เครือข่ายเสมือนส่วนบุคคล) หรือบริการพร็อกซี
- การตั้งค่า DNS ที่กำหนดเอง
หากต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการแก้ไขการตั้งค่าเหล่านี้ โปรดติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์ของคุณ
เมื่อรีเซ็ตการตั้งค่าเหล่านี้แล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย
ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้
- ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ
- แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง
- รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ
ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้
- ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน
- อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง
ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้
- ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง
- ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่
เครื่องเล่น Blu-ray
การออกจากระบบของ Netflix
- ไปที่หน้าจอหลักของ Netflix จากนั้นไปทางด้านซ้ายเพื่อเปิดเมนู
- ไปที่ด้านล่างของเมนู จากนั้นไปทางด้านขวา แล้วเลือกรับความช่วยเหลือ
- เลือก "ออกจากระบบ"
- ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
หากอุปกรณ์อยู่ในหน้าจอข้อผิดพลาด ให้ทำดังนี้
- เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"
- เลือก "ออกจากระบบ" หรือ "รีเซ็ต"
- ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
หาไม่พบตัวเลือก รับความช่วยเหลือ หรือ ออกจากระบบ ให้ทำดังนี้
- กดปุ่มต่อไปนี้บนรีโมทตามลำดับดังนี้ ขึ้น ขึ้น ลง ลง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ขึ้น ขึ้น ขึ้น ขึ้น
- เลือก ออกจากระบบ รีเซ็ต หรือ ปิดใช้งาน จากเมนูที่ปรากฏ
การรีสตาร์ทอุปกรณ์
- ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก
- กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที
- เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป
- เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การติดต่อบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์
การทำขั้นตอนเหล่านี้อาจลบแอป ข้อมูล หรือการตั้งค่าที่บันทึกไว้ในอุปกรณ์ ก่อนดำเนินการต่อ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่า ทราบชื่อและรหัสผ่านของ Wi-Fi รวมทั้งข้อมูลเข้าสู่ระบบ Netflix แล้ว
สำหรับวิธีแก้ไขปัญหานี้ คุณจะต้องติดต่อบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้งาน
เมื่อพูดคุยกับทางผู้ผลิต ให้ขอความช่วยเหลือสำหรับขั้นตอนต่อไปนี้ หลังจากทำแต่ละขั้นตอนแล้ว ให้ลองใช้ Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าแก้ไขปัญหาได้หรือยัง
- อัปเดตเฟิร์มแวร์หรือซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
- คืนค่าอุปกรณ์เป็นการตั้งค่าเริ่มต้น เหมือนตอนเปิดใช้ครั้งแรก
หากผู้ผลิตไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ หรือขั้นตอนเหล่านี้ไม่ได้ผล คุณจะต้องใช้อุปกรณ์อื่นในการรับชม Netflix
เครื่องเล่นมีเดียสตรีมมิงอื่นๆ ทั้งหมด
การรีสตาร์ทอุปกรณ์
- ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก
- กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที
- เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป
- เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การรีสตาร์ทเครือข่ายภายในบ้าน
- ปิดอุปกรณ์ของคุณ แล้วถอดปลั๊กโมเด็มและเราเตอร์
- เมื่อผ่านไป 30 วินาที ให้เสียบปลั๊กโมเด็มและเราเตอร์
- รอ 1 นาที จากนั้นจึงเปิดอุปกรณ์
- ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
หมายเหตุ:
อุปกรณ์ โมเด็ม และเราเตอร์บางรุ่นอาจใช้เวลานานกว่าในการกลับมาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง
คอนโซลเกม
PlayStation 5
ตรวจสอบเครือข่ายว่าสามารถเล่น Netflix ได้หรือไม่
เครือข่ายสาธารณะ:
สำหรับ Wi-Fi ในสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านกาแฟ โรงแรม หรือโรงเรียน ให้สอบถามว่ามีการบล็อกบริการวิดีโออย่างเช่น Netflix หรือไม่
เครือข่ายส่วนตัว:
ตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อช้ากว่าความเร็วที่แนะนำของเราหรือไม่ แล้วติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณหากต้องการความช่วยเหลือ
การเชื่อมต่ออื่นๆ เช่น ฮอตสปอตของมือถือ เครือข่ายมือถือ หรือเครือข่ายดาวเทียม อาจช้าเกินไปสำหรับการใช้งาน Netflix
PlayStation 4
ตรวจสอบเครือข่ายว่าสามารถเล่น Netflix ได้หรือไม่
เครือข่ายสาธารณะ:
สำหรับ Wi-Fi ในสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านกาแฟ โรงแรม หรือโรงเรียน ให้สอบถามว่ามีการบล็อกบริการวิดีโออย่างเช่น Netflix หรือไม่
เครือข่ายส่วนตัว:
ตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อช้ากว่าความเร็วที่แนะนำของเราหรือไม่ แล้วติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณหากต้องการความช่วยเหลือ
การเชื่อมต่ออื่นๆ เช่น ฮอตสปอตของมือถือ เครือข่ายมือถือ หรือเครือข่ายดาวเทียม อาจช้าเกินไปสำหรับการใช้งาน Netflix
การตรวจสอบการตั้งค่าวันที่และเวลา
หากวันที่และเวลาในอุปกรณ์แตกต่างจากวันที่และเวลาในปัจจุบันอย่างมาก อาจทำให้วิดีโอไม่เล่นอย่างถูกต้อง วิธีตั้งค่าเวลา
- จากเมนูหลัก ให้ไปที่ "การตั้งค่า"
- หากไม่ได้อยู่ในหน้าจอหลัก ให้กดปุ่ม PS ตรงกลางอุปกรณ์ควบคุมค้างไว้ เลือก "ออก" จากนั้นเลือก "ใช่" เพื่อกลับสู่หน้าจอหลัก
- เลือก "วันที่และเวลา"
- เลือก "การตั้งค่าวันที่และเวลา"
- เลือก Set Using Internet (ตั้งค่าผ่านอินเทอร์เน็ต)
- เลือก Set Automatically (ตั้งค่าอัตโนมัติ) หากยังไม่ได้ทำเครื่องหมายในช่อง
- เลือก Set Now (ตั้งค่าตอนนี้)
- ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การรีสตาร์ทอุปกรณ์
- ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก
- กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที
- เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป
- เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การถอนการติดตั้งและการติดตั้งแอป Netflix ใหม่อีกครั้ง
- เริ่มต้นจากหน้าจอหลักของ PS4
- หากไม่ได้อยู่ที่หน้าจอหลัก ให้กดปุ่ม PS ตรงกลางของอุปกรณ์ควบคุมค้างไว้ แล้วเลือก "ปิดแอปพลิเคชัน" จากนั้นเลือก "ตกลง"
- เข้าไปที่หัวข้อ "ทีวีและวิดีโอ" และไฮไลท์ที่ Netflix
- กดปุ่ม "ตัวเลือก" บนอุปกรณ์ควบคุม
- เลือก "ลบ"
- เลือก"ตกลง" หมายเหตุ: การลบแอป Netflix ไม่ได้เป็นการลบไอคอน Netflix ออกจากหน้าจอหลักของ PS4
- เลือกไอคอน "Netflix" ร้านค้าของ PlayStation จะแสดงขึ้นมา
- เลือกไอคอน "ดาวน์โหลด"
- เมื่อดาวน์โหลด Netflix เรียบร้อยแล้ว ให้เลือก "เริ่มต้น"
- ลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Netflix ของคุณ แล้วลองสตรีมอีกครั้ง
- ระบบอาจร้องขอให้คุณลงชื่อเข้าสู่ระบบในบัญชี PlayStation Network (PSN) ของคุณก่อน
การรีสตาร์ทเครือข่ายภายในบ้าน
- ปิดหรือถอดปลั๊กคอนโซลเครื่องเล่นวิดีโอเกม
- ถอดปลั๊กโมเด็ม (และเราเตอร์ไร้สาย หากเป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหาก) ออกจากช่องเสียบปลั๊กไฟเป็นเวลา 30 วินาที
- เสียบปลั๊กโมเด็มของคุณและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ หากเราเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหากจากโมเด็ม ให้เสียบปลั๊กและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ
- เปิดคอนโซลเกมขึ้นใหม่แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย
ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้
- ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ
- แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง
- รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ
ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้
- ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน
- อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง
ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้
- ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง
- ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่
PlayStation 3
ตรวจสอบเครือข่ายว่าสามารถเล่น Netflix ได้หรือไม่
เครือข่ายสาธารณะ:
สำหรับ Wi-Fi ในสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านกาแฟ โรงแรม หรือโรงเรียน ให้สอบถามว่ามีการบล็อกบริการวิดีโออย่างเช่น Netflix หรือไม่
เครือข่ายส่วนตัว:
ตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อช้ากว่าความเร็วที่แนะนำของเราหรือไม่ แล้วติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณหากต้องการความช่วยเหลือ
การเชื่อมต่ออื่นๆ เช่น ฮอตสปอตของมือถือ เครือข่ายมือถือ หรือเครือข่ายดาวเทียม อาจช้าเกินไปสำหรับการใช้งาน Netflix
การรีสตาร์ทอุปกรณ์
- ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก
- กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที
- เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป
- เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การออกจากระบบของ Netflix
สำหรับ PlayStations ของญี่ปุ่น ให้ใช้ปุ่ม O แทนปุ่ม X ในการยืนยันตัวเลือก
- เริ่มต้นจากหน้าจอหลักของ PS3
- หากไม่ได้อยู่ที่หน้าจอหลัก ให้กดปุ่ม PS3 ตรงกลางของอุปกรณ์ควบคุมค้างไว้ แล้วเลือก "ออก" จากนั้นเลือก "ใช่"
- เข้าไปที่หัวข้อ "การบริการสำหรับทีวี/วิดีโอ" และไฮไลท์ที่ Netflix
- กดปุ่ม X
- หลังจากกดปุ่ม X แล้ว ให้กดปุ่ม Start และ Select ค้างไว้จนกว่าจะเห็นข้อความที่ถามว่า "ต้องการรีเซ็ตการตั้งค่า Netflix แล้วลงทะเบียนอีกครั้งหรือไม่"
- เลือก "ใช่"
- ป้อนที่อยู่อีเมลและรหัสผ่าน แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การตรวจสอบการตั้งค่าวันที่และเวลา
หากวันที่และเวลาในอุปกรณ์แตกต่างจากวันที่และเวลาในปัจจุบันอย่างมาก จะทำให้เกิดปัญหาในการเล่นรายการทีวีหรือภาพยนตร์
สำหรับ PlayStation ของญี่ปุ่น ให้ใช้ตัวเลือก X แทน O เพื่อยกเลิกการเลือกเมื่อใดก็ตามที่กล่าวถึง O ในขั้นตอนการแก้ปัญหาด้านล่างนี้
- จากเมนูหลัก ให้ไปที่ "การตั้งค่า"
- หากไม่ได้อยู่ที่เมนูหลัก ให้กดปุ่ม "PS" ควบคุมค้างไว้ แล้วเลือก "ออก" จากนั้นเลือก "ใช่" เพื่อกลับสู่หน้าจอหลัก
- เลือก "การตั้งค่าวันที่และเวลา"
- เลือก "วันที่และเวลา"
- เลือก "ตั้งค่าผ่านอินเทอร์เน็ต"
- กดปุ่ม O เพื่อกลับไปยังหน้าจอ "วันที่และเวลา"
- เลือก "ตั้งค่าโดยอัตโนมัติ"
- เลือก "เปิด"
- ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การรีสตาร์ทเครือข่ายภายในบ้าน
- ปิดหรือถอดปลั๊กคอนโซลเครื่องเล่นวิดีโอเกม
- ถอดปลั๊กโมเด็ม (และเราเตอร์ไร้สาย หากเป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหาก) ออกจากช่องเสียบปลั๊กไฟเป็นเวลา 30 วินาที
- เสียบปลั๊กโมเด็มของคุณและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ หากเราเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหากจากโมเด็ม ให้เสียบปลั๊กและรอจนกระทั่งไฟแสดงสถานะใหม่หยุดกะพริบ
- เปิดคอนโซลเกมขึ้นใหม่แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
หากขั้นตอนดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย
ISP สามารถดำเนินการต่อไปนี้ได้
- ตรวจสอบสภาพขัดข้องของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ
- แก้ไขปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับเราเตอร์หรือโมเด็ม และการตั้งค่าเครือข่ายที่ไม่ถูกต้อง
- รีสตาร์ทหรือรีเซ็ตการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ
ระหว่างพูดคุย ให้แจ้งข้อมูลกับ ISP ดังต่อไปนี้
- ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในอุปกรณ์เครื่องเดียว หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้เครือข่ายเดียวกัน
- อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi หรือใช้สายต่อโดยตรง
ก่อนจบการพูดคุยกับ ISP ให้ดำเนินการดังนี้
- ไปที่ fast.com โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์ เพื่อทดสอบความเร็วและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Netflix โดยตรง
- ลองเล่นเนื้อหาใน Netflix อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่
Xbox One
การถอนการติดตั้งแอป Netflix:
- เริ่มต้นจาก "บอร์ดควบคุมของ Xbox"
- เลือก "เกมและแอปของฉัน" โปรดทราบ: อาจต้องเลื่อนลงด้านล่างเพื่อให้เห็นตัวเลือกนี้
- เลือก "แอป" จากตัวเลือกทางด้านซ้าย
- เลือกโดยไฮไลท์ที่แอป Netflix แล้วกดปุ่ม "เมนู" บนอุปกรณ์ควบคุม
- เลือก "จัดการแอป"
- เลือก "ถอนการติดตั้งทั้งหมด"
- เลือก "ถอนการติดตั้งทั้งหมด" อีกครั้งเพื่อยืนยัน
การติดตั้งแอป Netflix ใหม่อีกครั้ง:
- เริ่มต้นจากหน้าจอในหน้าหลักของ Xbox One
- เลื่อนไปทางขวาเพื่อเข้าสู่ "ร้านค้า"
- ในหัวข้อ "แอป" ให้เลือกNetflix โปรดทราบ: หากไม่เห็น Netflix ให้เลือก Search all apps (ค้นหาแอปทั้งหมด) เพื่อค้นหา Netflix
- เลือก "ติดตั้ง"
- หลังดาวน์โหลดแอปเสร็จ เลือก "เปิด" เพื่อลงชื่อเข้าสู่ระบบและลองใช้ Netflix อีกครั้ง
Xbox 360
การออกจากระบบของ Netflix
- ไปที่หน้าจอหลักของ Netflix จากนั้นไปทางด้านซ้ายเพื่อเปิดเมนู
- ไปที่ด้านล่างของเมนู จากนั้นไปทางด้านขวา แล้วเลือกรับความช่วยเหลือ
- เลือก "ออกจากระบบ"
- ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
หากอุปกรณ์อยู่ในหน้าจอข้อผิดพลาด ให้ทำดังนี้
- เลือก "รายละเอียดเพิ่มเติม"
- เลือก "ออกจากระบบ" หรือ "รีเซ็ต"
- ลงชื่อกลับเข้าสู่ระบบ แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง
หาไม่พบตัวเลือก รับความช่วยเหลือ หรือ ออกจากระบบ ให้ทำดังนี้
- กดปุ่มต่อไปนี้บนรีโมทตามลำดับดังนี้ ขึ้น ขึ้น ลง ลง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ขึ้น ขึ้น ขึ้น ขึ้น
- เลือก ออกจากระบบ รีเซ็ต หรือ ปิดใช้งาน จากเมนูที่ปรากฏ
การถอนการติดตั้งและการติดตั้งแอป Netflix ใหม่อีกครั้ง
การถอนการติดตั้ง Netflix
- จากแดชบอร์ดของ Xbox 360 ให้ไปที่ Apps (แอป) \> My Apps (แอปของฉัน)
- เลือกโดยไฮไลท์ที่แอป Netflix
- กดปุ่ม "X" สำหรับรายละเอียดของแอป
- เลือก Delete (ลบ) \> Yes (ใช่)
การติดตั้ง Netflix ใหม่อีกครั้ง
- จากแดชบอร์ดของ Xbox 360 ให้ไปที่ Apps (แอป)
- เลือก Netflix เพื่อดาวน์โหลดแอป
- ลองใช้ Netflix อีกครั้ง
การทดสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- จากเมนูหลักของ Xbox 360 ให้เลือก "การตั้งค่า"
- เลือก "การตั้งค่าระบบ"
- เลือก "การตั้งค่าเครือข่าย"
- ให้เลือก "เครือข่ายแบบใช้สาย" หรือ "เครือข่ายแบบไร้สาย" โดยขึ้นอยู่กับวิธีการใช้
- เลือก “ทดสอบการเชื่อมต่อ Xbox LIVE”
เลือก "ดำเนินการต่อ"
- หากการทดสอบการเชื่อมต่อประสบผลสำเร็จ ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อที่ด้านล่าง
หากทดสอบการเชื่อมต่อไม่สำเร็จ โปรดดูที่ ไซต์การสนับสนุนสำหรับ Xbox ของ Microsoft เพื่อรับความช่วยเหลือเพิ่มเติม