พอทราบข่าวว่า Panasonic จะมีตัวใหม่ออกมาใน ซีรี่ส์ GX Panasonic Lumix GX85 กล้อง Mirrorless ขนาดกระทัดรัด แถมสเปคอัดแน่นมาแรงตั้งแต่ 4K และ กันสั่น 5 แกน ที่ทำเอาผมหูผึ่ง เลยรีบขอต่อคิวยืมมาลอง
ขอจัดเป็นมินิรีวิวเพราะได้ยืมกล้องมาไม่กี่วัน (ต่อคิวกันเยอะ ฮ่า ๆ ) เน้นรีวิวฉบับภาพรวมกว้าง ๆ ให้ชมกันนะครับ
รูปจาก GX85 ในกระทู้ไม่ได้แต่งเพิ่มนอกจาก Crop และย่อขนาดให้ลงพันทิปได้ครับ ส่วนรูปที่ถ่ายตัวกล้อง GX85 ถูกถ่ายด้วย GX8 ของผมเอง (แต่งรูป 15% ครับ เน้นลบขี้ฝุ่น)
ขอบคุณทาง Panasonic Thailand ที่ให้ยืมกล้อง Panasonic Lumix GX85 พร้อม เลนส์ 12-32 mm. F3.5-5.6 และ เลนส์ Leica 15mm F1.7
ชื่อสินค้า: Panasonic Lumix GX85
คะแนน:
Panasonic เปิดตัวกล้อง Mirrorless รุ่นใหม่ล่าสุด Panasonic Lumix DMC-GX85 โดยกล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล แบบไม่มี AA Filter นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบป้องกันภาสั่นไหวในตัวกล้องแบบ 5 แกน ช่วยลดการสั่นไหวได้ 4.5 สตอป รองรับการถ่ายวีดีโอแบบ 4K รวมถึงระบบ 4K Photo เทคโนโลยีการถ่ายภาพจากการเลือกภาพในไฟล์วีดีโอ มีการปรับปรุงระบบออโต้โฟกัสแบบ Contrast Detect จุดโฟกัส 49 จุด สามารถทำงานได้เร็วเพียง 0.07 วินาที ถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็ว 8 ภาพต่อวินาที ตัวกล้องมีวิวไฟน์เดอร์อิเล็คทรอนิกส์ ความละเอียด 2,764,800 จุด จอ LCD ด้านหลังขนาด 3 นิ้ว แบบทัชสกรีน บิดพับได้ ความละเอียด 1,040,000 พิกเซล มี Wi-Fi ในตัว สำหรับ Panasonic Lumix DMC-GX85 เปิดตัวพร้อมเลนส์คิต 12-32mm
ราคาเริ่มต้น 25,990 บาท กับรุ่นที่ไม่มีเลนส์มาให้ 29,990 บาท มาพร้อมกับเลนส์ Lens kit 12 - 32 mm ราคาแพงสุดที่ 32,990 บาท มาพร้อมกับเลนส์ 20 mm F1.7 II อาจจะสูงสำหรับคนที่ใช้งานกล้องทั่วไปแต่ถ้าต้องการจบในตัวเดียว ก็สามารถซื้อรุ่นนี้ได้เลย แม้หน้าตาจะดูดิบ ๆ สักหน่อยก็ตาม
ถ้ากล่าวถึงแวดวงการถ่ายภาพในบ้านเรา ตลาดที่แข่งขันกันดุเดือดที่สุดคงจะหนีไม่พ้นตลาดของกล้อง Mirrorless ซึ่งตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่จริงจังกับการถ่ายภาพ ผู้ผลิตแต่ละรายต่างก็พยายามงัดจุดเด่นของตัวเองออกมาชูเป็นจุดขาย ไม่ว่าจะเป็นสเปก ฟังก์ชั่นการใช้งาน หรือ แม้กระทั่งรูปร่างหน้าตา
แต่หากจะพูดถึงแบรนด์ที่เน้นการถ่ายวิดีโอ 4K หนึ่งในนั้นย่อมต้องมี Panasonic ซึ่งเป็น และนำฟังก์ชั่นนี้ชูเป็นจุดขายของตัวเองมาโดยตลอด
วันนี้ทาง Panasonic Thailand ได้ส่ง Panasonic Lumix DMC-GX85 กล้อง Mirrorless น้องใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มาให้ได้ลองเล่น มาดูกันครับว่ากล้องไซส์เล็กตัวนี้จะอัดความเจ๋งไว้ในตัวมากขนาดไหนกัน
สเปกและคุณสมบัติทั่วไป
GX85 ถูกวางให้เป็นกล้อง Mirrorless สำหรับมือใหม่ที่ต้องการจะเข้าสู่โลกแห่งการถ่ายภาพที่จริงจังขึ้น โดยสเปกของกล้องตัวนี้ Panasonic ก็ให้มาอย่างจัดเต็มไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง GX8 นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีและคุณสมบัติใหม่ๆ มาเสริมทัพ ทำให้ GX85 สามารถสู้กับรุ่นพี่ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อเลยทีเดียว
สเปก
- กล้องระบบ Micro Four Thirds
- เซนเซอร์ Live MOS ความละเอียด 16.5 เมกะพิกเซล
- ช่องมองภาพ Electronic ความละเอียด 2.76 ล้านจุด
- หน้าจอ LCD ทัชสกรีนที่สามารถพับได้ขนาด 3 นิ้ว
- มี Wi-Fi ภายในตัวกล้อง
- ระบบกันสั่น 5 แกน และ Dual I.S.
- สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 30 และ 24 fps
แกะกล่อง-มองกล้อง
ภายในกล่องประกอบด้วย ตัวกล้อง GX85 ที่มาพร้อมกับเลนส์คิท Lumix G Vario 12-32mm f/3.5-5.6 สายคล้องกล้อง คู่มือ แบตเตอรี (ไม่เห็นในภาพ เพราะอยู่ในตัวกล้อง) และ หัวปลั๊กแบบสองขาและสามขา โดยไม่ได้แถมแท่นชาร์จแบตเตอรีมาให้ด้วย
หน้าตาของ GX85 นั้นเรียกได้ว่าเท่ คมเข้ม ติดกลิ่นอายความเรโทรแบบกล้องฟิลม์อยู่นิดๆ ตรงมุมขวาล่างมีตัวอักษร L อันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของกล้องในตระกูล Lumix GX85 มีสามสีให้เลือกใช้ (นอกจากสีเงินที่เห็น ยังมีสีดำและน้ำตาลอ่อน) และเมื่อจับเข้าคู่กับเลนส์คิทก็ดูหล่อเหลาเอาการ
มาดูที่ด้านหลังกันบ้าง ปุ่มที่ให้มาเรียกได้ว่าครบครัน สามารถเข้าถึงเมนูควบคุมส่วนต่างๆ ของกล้องได้แบบทันที โดยไม่ต้องกดเข้าไปงมหาในเมนูให้วุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจับคู่ระหว่างปุ่ม Quick Menu ที่สามารถตั้งค่าโชว์เมนูที่เราใช้ง่ายบ่อยๆ และหน้าจอแบบทัชสกรีน ยิ่งทำให้การใช้งานสะดวกสบายยิ่งขึ้นไปอีก สามารถกดปุ่มและจิ้มที่หน้าจอเพื่อตั้งค่าต่างๆ ได้เลย
ส่วนฟีเจอร์จุดขายอย่าง 4K Photos และ Post Focus ก็มีปุ่มแยกเป็นของตัวเองโดยเฉพาะ
ปุ่มสำหรับบันทึกภาพวิดีโอจะอยู่ที่ด้านบน มี dial หน้า-หลังสำหรับหมุนเพื่อปรับค่าของกล้อง โดย dial หน้าจะอยู่ตรงปุ่มชัตเตอร์และ dial หลังจะอยู่ตรงบริเวณที่วางนิ้วโป้ง
ส่วนพอร์ท HDMI และ Micro USB (ซึ่งใช้สำหรับการโอนถ่ายข้อมูลและชาร์จกล้อง) จะอยู่ในบานพับด้านขวาของตัวกล้อง ซึ่งทำออกมาได้เรียบร้อยดี หากปิดเอาไว้ก็จะดูเรียบเนียนไปกับบอดี้ของกล้องเลย
โดยรวม ถือว่าสอบผ่านสำหรับการดีไซน์ทั้งหน้าตาและการวางปุ่มในตำแหน่งต่างๆ เวลาถ่ายจริงสามารถกดตั้งค่าได้ทันใจ ไม่เสียจังหวะที่ต้องกดเข้าไปปรับค่าที่เมนูลึกๆ ปรับได้ที่หน้าจอทัชสกรีนเลย แต่ที่จะมีการขัดใจบ้างเล็กน้อย คือ การวางตำแหน่งปุ่ม Playback ที่อยู่ค่อนข้างริมตัวกล้องไปสักหน่อย ทำให้ต้องเอามือออกจากตำแหน่งการจับกล้องปกติก่อน ถึงจะสามารถกดปุ่มเพื่อดูรูปได้
การจับถือ
ถึงแม้กล้องจะขนาดไม่ใหญ่มาก แต่การที่มีกริปด้านหน้าจึงทำให้จับถือได้อย่างกระชับมือ แต่ก็มีจุดที่ทำให้รำคาญเล็กน้อยคือตรงบริเวณที่ห้อยสายคล้องกล้องฝั่งขวามือ ซึ่งตัวห่วงจะมาแทรกอยู่ระหว่างนิ้วตอนจับ และ น้ำหนักที่ถือว่าหนักพอสมควรสำหรับกล้องไซส์นี้ คือ 493 กรัม (บอดี้กล้อง + เลนส์คิท) เมื่อถือไปนานๆ โดยไม่ได้มีสายคล้องกล้อง ก็มีช่วงที่ออกอาการเมื่อยมือบ้างเหมือนกัน
หน้าจอทัชสกรีน
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่านี่คือครั้งแรกที่ผมได้ลองใช้หน้าจอทัชสกรีนบนกล้องถ่ายภาพ ในตอนแรกเคยคิดเอาไว้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเท่าใดนัก แต่เมื่อได้ลอง GX85 ก็พบว่าหน้าจอทัชสกรีนของกล้องตัวนี้เป็นส่วนเติมเต็มที่ทำให้การถ่ายภาพสะดวกสบายมากขึ้น เช่น การเลือกจุดโฟกัส การซูมเพื่อดูรูป การเลื่อนและกดเข้าเมนูต่างๆ บนหน้าจอ สามารถทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยเฉพาะการเลือกจุดโฟกัส ในตอนแรกที่ใช้วิวไฟน์เดอร์ในการถ่ายภาพ มีบางครั้งที่มือขวาบังเอิญไปแตะถูกหน้าจอ ทำให้จุดโฟกัสเปลี่ยนไป แต่เมื่อใช้งานจนชินแล้ว เราสามารถใช้นิ้วโป้งลากไปบนจอเพื่อย้ายจุดโฟกัสได้โดยไม่ต้องละสายตาออกจากวิวไฟน์เดอร์เลย ช่วยให้ถ่ายภาพได้อย่างไม่สะดุด
นอกจากนี้ หน้าจอขนาด 3 นิ้วตัวนี้ยังพับได้ โดยกางออกมาได้มากสุด 80 องศา ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถพลิกกลับ 180 องศามาถ่ายเซลฟี่ตัวเองได้ แต่ก็ช่วยได้มากในการถ่ายมุมยากๆ เช่นมุมกดขนาดกับพื้น หรือ มุมระดับเอว โดยไม่ต้องก้มตัวลงไปถ่าย
ลงสนามถ่ายจริง
จากที่เล่าไปในข้างต้น จะเห็นได้ว่า GX85 มีสารพัดฟังก์ชันที่ทำให้เราควบคุมกล้องได้อย่างสบายมือและสบายใจ ดังนั้นพอถึงเวลาที่ต้องออกไปถ่ายภาพจริงๆ แล้ว ก็หมดกังวลเรื่องที่จะต้องมาปรับนู่นปรับนี่ สามารถสนุกกับการเก็บภาพได้อย่างเต็มที่
ผมเลือกใช้การตั้งค่าที่ตัวเองถนัดมือที่สุดในการลองกล้องตัวนี้ คือ โหมด A ร่วมกับการชดเชยแสง ภาพที่เห็นในรีวิวนี้จะเป็นภาพจากไฟล์ JPEG จากกล้องในโหมด Standard และผ่านการปรับค่าแสงเล็กน้อยผ่าน Adobe Bridge ถ้าใครสนใจอยากดูภาพขนาดใหญ่แบบเต็มๆ และ ไฟล์ RAW สามารถดูได้ที่ท้ายรีวิวครับ
วินาทีแรกที่ได้ลองหยิบกล้องออกมาถ่าย ก็ต้องตกใจกับความนุ่มของชัตเตอร์แบบ Electromagnatic ซึ่งแทบจะไม่มีแรงดีดของตัวม่านชัตเตอร์เลย ทำให้ถ่ายภาพได้นิ่งขึ้นและช่วยให้กล้องไม่สั่นตอนกดชัตเตอร์ ออโต้โฟกัสของกล้องทำงานได้รวดเร็ว (ตามสเปกบอกว่า 0.07 วินาที) กดปุ๊บ ล็อคปั๊บ ในสภาพแสงดีไม่ค่อยมีอาการวืดวาดให้เห็น และมีโหมดออโต้โฟกัสให้เลือกหลากหลายแบบทั้งจุดเดียว หลายจุด หรือเป็นพื้นที่
นอกจากนี้ GX85 ยังมีระบบกันสั่น 5 แกนที่ช่วยให้ถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย ความเร็วชัตเตอร์ต่ำได้เป็นอย่างดี (จากการทดลอง ถ่ายด้วยความเร็ว ⅕ วินาทีก็ยังได้ภาพที่ไม่สั่น) รวมถึงในการถ่ายวิดีโอ ระบบกันสั่นนี้ช่วยให้ภาพที่ได้ออกมาสมูท ลดอาการสั่นไหวจากการเคลื่อนกล้อง
ปกติแล้ว ผมชอบถ่ายภาพเรื่องราวของสองข้างทางที่เกิดขึ้นบนท้องถนน ซึ่ง GX85 สามารถตอบโจทย์นี้ได้ และระยะของเลนส์คิทที่ให้มา 12-32 มม. (เทียบเท่า 24-64 มม. ของเลนส์สำหรับกล้องฟิลม์ 35 มม.) ก็เป็นระยะใช้งานที่ครอบคลุมกับการเก็บภาพสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เป็นระยะกลางๆ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นถ่ายรูป เพื่อหาความชอบในสไตล์และมุมมองของตัวเอง ก่อนจะต่อยอดกับเลนส์ตัวถัดไป
ไฟล์ภาพ
การที่ผู้ผลิตกล้องเลือกที่จะไม่ใส่ Low Pass Filter ลงในกล้องเพื่อให้ไฟล์ภาพที่ได้มีรายละเอียดที่คมชัดมากขึ้น ดูเป็นเรื่องที่ไม่แปลกใหม่อะไรแล้ว และ Panasonic ก็เลือกที่จะไม่ใส่ฟิลเตอร์นี้ลงใน GX85 เช่นกัน และด้วยขุมพลังในการประมวลภาพของ Venus Engine ใน GX85 ทำให้กล้องตัวนี้รับมือกับอาการ Moire ได้เป็นอย่างดี
โดยภาพรวมแล้ว ค่อนข้างพอใจกับไฟล์ JPEG ที่ได้จาก GX85 กล้องสามารถเก็บดีเทลรายละเอียดในส่วนมืดและสว่างได้ดี ถ่ายทอดสีสันออกมาได้ค่อนข้างสมจริง แต่อาจมีคอนทราสที่เข้มกว่าปกติเล็กน้อย
ในสภาพแสงน้อย ISO ที่ยอมรับได้อยู่ที่ 1600 เมื่อดัน ISO ไปในช่วง 3200-6400 ภาพที่ได้ก็เริ่มมี noise มารบกวนในส่วนมืดของภาพ แต่ก็ยังอยู่ในขั้นที่ใช้งานได้ นำเข้าไปลด noise ในโปรแกรม แล้วสามารถโพสต์ลงเว็บได้อย่างสบายๆ
วิดีโอ
จุดเด่นของ GX85 คือการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K แบบ 30 และ 24 fps แต่เนื่องด้วยผมไม่ค่อยเชี่ยวชาญด้านการถ่ายวิดีโอมากนัก เลยไม่ได้ทดลองถ่ายแบบจริงจัง แต่เท่าที่ลองเล่นดู ไฟล์วิดีโอที่ได้มีคุณภาพที่ดี สามารถนำไปใช้งานจริงแบบมืออาชีพได้เลย แต่มีจุดที่ต้องระวังไว้ คือ GX85 ไม่มีช่องสำหรับต่อไมโครโฟนและช่องเสียบหูฟัง ดังนั้น ถ้าใครจะนำไปใช้งานในกองถ่ายจริงๆ อาจจะต้องลองพิจารณาดูในจุดนี้ด้วย
4K Photos และ Post Focus
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลองการถ่ายวิดีโอ 4K แบบจริงจัง แต่ผมก็ได้ลองฟังก์ชันลูกเล่นของ GX85 ที่ดึงเอาพลังความสามารถของวิดีโอ 4K มาประยุกต์ใช้กับภาพนิ่ง ซึ่งพบว่าช่วยในการสร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายและง่ายขึ้นกว่าการถ่ายภาพปกติทั่วไป
4K Photos
หากเราถ่ายภาพในโหมดนี้ กล้องจะทำการถ่ายคลิปวิดีโอ 4K มาให้เราเลือกเฟรมที่เราต้องการเซฟเก็บเอาไว้เป็นภาพนิ่งขนาด 8 ล้านพิกเซล (เล็กว่าการถ่ายภาพด้วยโหมดปกติ) โหมดนี้ทำให้การถ่ายภาพแบบจับจังหวะนั้นง่ายจนถึงที่สุด เพียงแค่ตั้งค่าสปีดชัตเตอร์ให้ไม่ช้าเกินไป และเรามีหน้าที่แค่กดถ่าย จากนั้นค่อยมาเลือกเอาเฟรมที่จังหวะดีที่สุดทีหลัง เหมาะสำหรับการถ่ายสิ่งที่เคลื่อนไหวเร็วๆ อย่างกีฬา สิ่งที่คาดเดาล่วงหน้าไม่ค่อยได้ อย่างเด็กหรือสัตว์เลี้ยง หรือ เอาไปใช้ในการถ่ายภาพแนวสตรีท จับจังหวะเจ๋งๆ ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
Post Focus
โหมดนี้จะทำให้เรา “ถ่ายก่อน โฟกัสทีหลัง” ได้เหมือนกับกล้อง Lytro โดย GX85 จะถ่ายวิดีโอ 4K พร้อมปรับโฟกัสให้ชัดทุกระยะตั้งแต่ฉากหน้าถึงฉากหลัง จากนั้น เราก็ค่อยมาเลือกเฟรมที่ชอบมา อยากได้ภาพที่โฟกัสที่จุดไหน
สรุป
สำหรับผม ค่อนข้างพอใจกับการใช้งาน Panasonic GX85 เพราะด้วยฟังก์ชั่นที่ตั้งค่าได้ละเอียด ทำให้สามารถเซ็ทกล้องให้เสร็จเรียบร้อยในทีเดียว แล้วออกไปถ่ายภาพได้ยาวๆ เลย โดยที่ไม่ต้องเสียเวลามาปรับนู่นปรับนี่อีก แต่มีข้อตินิดหน่อย คือน้ำหนักราวๆ ครึ่งกิโลกรัมซึ่งพอถือถ่ายไปนานๆ ติดๆ กันก็มีล้าข้อมือบ้าง
หากใครที่กำลังมองหากล้อง Mirrorless ที่ทำงานได้รอบด้านแต่เน้นหนักทางด้านภาพนิ่ง และอยากเป็นเจ้าของกล้องที่ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ Panasonic GX85 น่าจะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย ในความคิดผม กล้องตัวนี้น่าจะเป็นคู่หูชั้นยอดสำหรับ Blogger สายท่องเที่ยว เพราะขนาดตัวที่กะทัดรัด ถ่ายภาพนิ่งได้ดี และมีวิดีโอมาช่วยเสริมความน่าสนใจ เช่น บันทึกการเดินทางพร้อมเพลงเพราะๆ (ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องกังเวลเรื่องไม่มีช่องเสียบไมค์และหูฟัง เพราะส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เก็บเสียงอยู่แล้ว)