เป้าหมายในการออกกำลังกายของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ หรือลดความอ้วน ซึ่งการออกกำลังกายนั้นมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การวิ่ง คาร์ดิโอ โยคะ แอโรบิค เล่นเวท รวมไปถึงการเต้นซึ่งเป็นอีกหนึ่งการออกกำลังกายลดน้ำหนักที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
สำหรับใครที่กำลังจะเริ่มต้นการเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนัก บทความนี้ได้จะมาแนะนำเบื้องต้น พร้อมแจกแจงการเต้นในแต่ละรูปแบบให้ทุกคนได้ทราบ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย!
สารบัญ เคล็ดลับ เต้นอย่างไรให้น้ำหนักลด
ทำไมถึงต้องเลือกเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนัก
ไม่ว่าจะเป็นวัยทำงานที่ต้อง Work From Home หรือ นักเรียนและนักศึกษาที่ต้องเรียนออนไลน์เป็นหลักในช่วงสถานการณ์นี้ อาจทำให้เผลอทานอาหารตามใจปาก เพราะมัวแต่ทำงาน ทำการบ้าน และนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน จนลืมดูแลตัวเอง ส่งผลให้น้ำหนัก หรือสัดส่วนเพิ่มขึ้นแบบไม่รู้ตัว
ซึ่งการเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนัก เช่น การเต้นแอโรบิค เต้นซุมบ้า หรือ K-Pop Cover Dance ถือว่าเป็นอีกทางเลือกในการออกกำลังกายที่สามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากที่บ้าน ช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีแต่ใช้เวลาไม่นานอีกด้วย
การเต้น ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร?
การเต้นออกกำลังกายสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ดีเกือบเท่ากับการปั่นจักรยาน หรือการวิ่งจ็อกกิง เพราะว่าการเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนักนั้นถือว่าเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ซึ่งทำให้ร่างกายได้ขยับทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นแขน ขา สะโพก เอว หรือหน้าท้อง ซึ่งนอกจากจะช่วยเผาผลาญไขมันแล้ว ยังช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวกระชับ แข็งแรง รวมถึงช่วยในเรื่องของระบบไหลเวียนโลหิตและกล้ามเนื้อหัวใจอีกด้วย
เต้นออกกำลังกายลดน้ำหนัก มีอะไรบ้าง?
การเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนักนั้นมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ โดยแต่ละรูปแบบจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งสามารถเลือกให้ตามใจชอบ และเหมาะสมกับตัวเองได้ ดังนี้
1.เต้นแอโรบิค
การเต้นแอโรบิค หนึ่งในการเต้นยอดนิยมที่หลายๆ คนรู้จักกันดี เป็นการเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนักที่อาศัยออกซิเจน หรือการหายใจในขณะที่ออกกำลังกาย เพื่อนำไปเป็นตัวช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน
ซึ่งการเต้นแอโรบิคเพื่อลดความอ้วนและกระชับสัดส่วนนั้น ในแต่ละครั้งจะต้องทำการเต้นอย่างต่อเนื่อง และใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 20 นาทีเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด แม้ว่าจะไม่ใช่การออกกำลังอย่างหนักหน่วง แต่ด้วยระยะเวลาและการใช้พลังงานในร่างกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เลือดสูบฉีด ทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานทำงานได้ดีมากขึ้น โดยสามารถทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 500 ถึง 600 กิโลแคลอรี
2.เต้นซุมบ้า
นอกจากการเต้นซุมบ้าจะถือว่าเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอแล้ว ยังเป็นการเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนักยอดฮิตเช่นกัน ด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายประกอบจังหวะเพลงสไตล์ลาติน โดยเต้นเป็นจังหวะช้าและเร็วสลับกันตามจังหวะเพลง ซึ่งการเต้นซุมบ้านั้นไม่จำเป็นจะต้องมีพื้นฐานการเต้นมาก่อน เพราะท่าเต้นไม่มีความซับซ้อน และสามารถเต้นตามได้ง่าย
นอกจากนี้ การเต้นซุมบ้ายังสามารถช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกาย รวมไปถึง ยังช่วยลดไขมัน และกระชับสัดส่วนได้ดี โดยเฉพาะแขน สะโพก และต้นขาอีกด้วย แถมยังช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 800 ถึง 1,000 กิโลแคลอรี เพียงแค่เต้น 1 ชั่วโมงต่อวัน และเต้นแค่ 3 วันต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว
3.เต้น Boxing Dance
การเต้น Boxing Dance นั้นมีความคล้ายกับการต่อยมวย เป็นเทรนด์ออกกำลังกายที่ฮิตในหมู่สาว ๆ เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นการเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยกระชับกล้ามเนื้อทุกสัดส่วน และทำให้ได้เรียนรู้วิธีป้องกันตัวไปพร้อมกันอีกด้วย โดยการเต้น Boxing Dance เป็นการออกกำลังกายที่ผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้ของมวย เข้ากับจังหวะเพลง ซึ่งเน้นท่าเคลื่อนไหวแบบมวยที่ใช้หมัด ศอก เข่า และเท้า ในการออกสเต็ป ทำให้การเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนักนั้นสนุกสนานยิ่งขึ้น แถมยังช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 500 กิโลแคลอรีต่อการเต้นเพียงแค่ 30 นาทีอีกด้วย
4.เต้น K- Pop Cover Dance
ถ้าพูดถึงการเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนักต้องมีการเต้น K-Pop Cover Dance อย่างแน่นอน เพราะเป็นเทรนด์การเต้นที่กำลังมาแรงในหมู่หนุ่มสาวแฟนคลับเกาหลี โดยเป็นการเต้นเลียนแบบศิลปินเกาหลี ที่มีทั้งกลุ่มศิลปินหญิง และกลุ่มศิลปินชาย ให้แฟนคลับได้เลือกเต้นตามใจชอบ
ซึ่งก่อนจะเต้น K-Pop Cover Dance นั้นจะต้องทำการแกะท่าเต้นเสียก่อน แต่ถ้าหากใครไม่อยากแกะท่าเต้นเอง ก็สามารถเข้าคลาสเรียนเต้นได้ แถมยังได้มิตรภาพเพิ่มอีกด้วย นอกจากนี้ การเต้นตามศิลปินเกาหลีที่ชื่นชอบ ยังช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้กับการเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนัก ซึ่งช่วยเผาผลาญได้ดีไม่แพ้กับการเต้นแบบอื่น ๆ ด้วย เพียงแค่เต้นประมาณ 60 นาที ก็สามารถช่วยเผาผลาญได้มากถึง 600 กิโลแคลอรี
ประโยชน์ของการเต้นออกกำลังกาย
การเต้นออกกำลังกายนั้น นอกจากจะช่วยลดน้ำหนักได้แล้ว ยังช่วยให้สนุกเพลิดเพลินไปกับการออกกำลังกาย และได้สุขภาพดีอีกด้วย ถึงแม้จะแค่เพิ่มจังหวะเพลงเข้าไป แต่ว่ามีประโยชน์มากกว่าที่หลายคนคาดคิด โดยประโยชน์จากการเต้นออกกำลังกายนั้น มีดังนี้
ร่างกายของเราจะเผาผลาญอาหารที่เราทานเพื่อมาใช้เป็นพลังงานในทุก ๆ วันอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเราไม่ได้ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ก็จะทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายลดน้อยลง และส่งผลให้เกิดการสะสมพลังงานส่วนเกินไว้เป็นไขมัน ซึ่งการใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน หรือไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายเยอะ อาจทำให้เกิดไขมันสะสมจนสัดส่วนขยายโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น การเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนักจึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้ร่างกายของเราเพิ่มการเผาผลาญมากขึ้น แถมยังช่วยให้รูปร่าง และสัดส่วนกระชับอีกด้วย
การเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนัก หรือการออกกำลังกายแบบอื่น ๆ จะช่วยให้สมองหลั่งสารเคมีที่มีชื่อว่า “สารโดพามีน” ที่เป็นสารที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท และสมองหลายส่วน อย่างเช่น ความจำ เป็นต้น เมื่อเราออกกำลังกายก็จะทำให้สมองหลั่งสารโดพามีน ที่ส่งผลให้อารมณ์ดี และจิตใจแจ่มใส ดังนั้น การเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนักจึงช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น และเป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มระดับสารโดพามีนให้กับร่างกายของเราไปในตัวอีกด้วย
“สุขภาพร่างกายแข็งแรง” เป็นสิ่งที่ทุกคนจะได้รับเมื่อออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยการออกกำลังกายนั้นจะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น กระดูก และเอ็นไม่เปราะบางง่าย โดยเฉพาะการเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนักที่ช่วยให้เลือดสูบฉีด ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ปอด และหัวใจแข็งแรงมากยิ่งขึ้น รวมไปถึง ช่วยเสริมให้ร่างกายกระฉับกระเฉง และไม่เหนื่อยล้าง่าย
นอกจากการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายสร้างสารต่าง ๆ ที่ทำให้ระบบภายในร่างกายทำงานได้ดีแล้ว การเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนักยังส่งผลดีต่ออัตราการเต้นของหัวใจ และระบบสูบฉีดเลือด รวมไปถึง ช่วยลดคอเรสตอรอลในเลือดให้ไม่สูงจนเกินไป ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้หัวใจเกิดการอักเสบหรือบวมได้ นอกจากนั้น ยังช่วยให้ร่างกายผลิตสารอินซูลินออกมา เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้อีกด้วย
การเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนักสามารถช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายได้ เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายหลั่งสารโดพามีนแล้ว ยังช่วยเพิ่มการหลั่ง ”สารเอ็นดอร์ฟิน” ซึ่งเป็นสารบรรเทาความเจ็บปวดตามธรรมชาติที่ผลิตจากภายในร่างกาย นอกจากนี้ การเต้นออกกำลังกายลดน้ำหนักสามารถทำเป็นกลุ่มได้ ซึ่งการออกกำลังกายร่วมกับผู้อื่นจะช่วยให้สารเอ็นดอร์ฟินหลั่งได้ง่ายขึ้น โดยหากร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินไม่เพียงพอ จะส่งผลกระทบต่อร่างกาย และอารมณ์ได้ เช่น อาการซึมเศร้า ปวดเมื่อย หรือนอนไม่หลับ ที่สามารถทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง และก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้