อีกหนึ่งความกังวลของเหล่านักเดินทางเวลาใช้บริการสายการบินต่างๆ นั้นคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของความไม่มั่นใจว่ากระเป๋าเดินทางของคุณสามารถแบกขึ้นเครื่องได้โดยไม่ต้องโหลดใต้ท้องเครื่องบินหรือไม่? จนคุณอาจจะไม่อยากแบกสัมภาระขึ้นเครื่องบิน แต่พอมานั่งบนเครื่องก็เจอคนอื่นยกกระเป๋าล้อลากใส่ช่องเก็บของเหนือศีรษะได้สบายๆ ซะงั้น! หลังจากนี้คุณไม่ต้องกังวลกับมันอีกต่อไป เพราะ CheapTickets มีข้อมูลเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนักของกระเป๋าที่สามารถขึ้นเครื่องบินไปกับสายการบินต่างๆ ได้มาฝากกันแล้ว มีน้ำหนักขึ้นเครื่องฟรีทั้งทีต้องจัดให้คุ้มไปเลย!
รู้จักกับกระเป๋าเดินทางที่นำขึ้นเครื่องบินได้
กระเป๋าล้อลาก
กระเป๋าล้อลากเป็นกระเป๋าเดินทางที่มีขนาดหลากหลายที่สุดในบรรดากระเป๋าเดินทางทั้งหมดที่ผู้คนทั่วไปนิยมใช้ และเจ้ากระเป๋าใบนี้แหละที่เป็นกระเป๋าเจ้าปัญหาเวลานำขึ้นเครื่อง เพราะความที่มันมีรูปทรงที่ตายตัวคือสี่เหลี่ยมซึ่งมีทั้งกระเป๋าทำจากผ้า (Soft Case) และพลาสติก (Hard Case) ซึ่งถ้ามันมันใหญ่กว่าช่องเก็บของเหนือศีรษะแม้แต่เซ็นเดียวก็ถือว่าจบเกม! แต่ด้วยความหลากหลายของขนาดกระเป๋าจึงทำให้กลายเป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับการนำมาใช้หิ้วขึ้นเครื่อง โดยขนาดของกระเป๋าล้อลากโดยทั่วไปมีดังนี้
- ต่ำกว่า 18 นิ้ว - ปลอดภัย กระเป๋าล้อลากขนาดจิ๋วที่ไม่ค่อยพบเห็นกันบ่อยนัก ส่วนใหญ่มักจะเป็นขนาดของแถมเมื่อซื้อคู่กับกระเป๋าขนาดใหญ่ ซึ่งกระเป๋าขนาดนี้จะเล็กและเบา จุสัมภาระได้ไม่มากนัก และไม่เหมาะกับการใช้แทนกระเป๋าเดินทางจริง ยกเว้นจะมีสัมภาระน้อยชิ้นและเดินทางเพียง 1-2 วัน
- ขนาด 18-20 นิ้ว - ปลอดภัย กระเป๋าล้อลากในกลุ่มนี้คุณสามารถลากขึ้นเครื่องบินได้แบบสบายใจหลายห่วง เพราะเป็นขนาดที่สายการบินทั่วโลกยอมรับให้นำขึ้นเครื่องได้อยู่แล้ว และสามารถใส่สัมภาระได้พอประมาณสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางท่องเที่ยว 2-3 วัน แต่ก็ไม่ได้มากถึงขนาดจะใส่เสื้อคลุมกับรองเท้าแบบจัดเต็มได้
- ขนาด 22 นิ้ว - ระวังเกิน กระเป๋าล้อลากในกลุ่มนี้จัดว่าเป็นขนาดที่ต้องระวังสักเล็กน้อย เพราะคุณอาจมีปัญหากับหูหิ้วและล้อที่อาจทำให้กระเป๋ามีสัดส่วนเกินกว่าที่สายการบินกำหนดไว้ ดังนั้นจึงควรวัดให้ดีว่ามีขนาด น้อยกว่า กำหนด โดยกระเป๋ากลุ่มนี้หมาะกับผู้ที่เดินทางท่องเที่ยว 3-4 วัน
- ขนาด 24-26 นิ้ว - ขึ้นไม่ได้ แม้ว่ากระเป๋าล้อลากในกลุ่มนี้จะเป็นขนาดที่นักเดินทางนิยมกันมากที่สุด แต่มันไม่สามารถแบกขึ้นเครื่องได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาดที่เกินแน่ๆ และน้ำหนักที่อาจเกินกำหนดได้จากความจุสัมภาระที่มีมากขึ้น ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องเดินทางท่องเที่ยว 4-7 วันที่ต้องโหลดใต้ท้องเครื่องเท่านั้น
- มากกว่า 26 นิ้ว - ขึ้นไม่ได้ กระเป๋าล้อลากที่มีขนาดเกินจากนี้ชัดเจนเลยว่าขึ้นเครื่องไม่ได้แน่นอนด้วยความใหญ่โตของมัน ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าขนาด 28 นิ้ว หรือใหญ่โตสะใจถึง 32 นิ้ว ทั้งหมดนี้ต้องโหลดใต้ท้องเครื่องเท่านั้น และคุณยังต้องระวังน้ำหนักเกินเวลาเช็คอินอีกด้วยสำหรับกระเป๋ากลุ่มนี้ ซึ่งจะใช้ท่องเที่ยวได้ 7 วันขึ้นไป
กระเป๋าสะพาย
ถ้าคุณรู้สึกว่ากระเป๋าล้อลากเป็นอุปสรรคต่อการนำขึ้นเครื่องของคุณล่ะก็ เราขอแนะนำ “กระเป๋าเป้” หรือกระเป๋าสะพายหลัง ซึ่งมีรูปทรงที่ยืดหยุ่นได้ไม่ตายตัว เรื่องขนาดกระเป๋าคุณจึงตัดปัญหาได้ส่วนหนึ่งเพราะถ้ามันใหญ่กว่าที่กำหนดนิดหน่อยแล้วสามารถบีบให้มันเล็กกว่ากำหนดได้ก็ถือว่าผ่าน! ซึ่งคุณอาจใช้ได้ทั้งกระเป๋าเป้ทั่วไป หรือกระเป๋าสะพายแบ็คแพ็คขนาดกลางที่เปลี่ยนหูเป็นกระเป๋าถือได้ โดยสิ่งที่คุณต้องใส่ใจกับกระเป๋าแบบนี้มากกว่าขนาดก็คือน้ำหนักที่อาจจะยัดเพลินจนเกินพิกัด กับแผ่นหลังของคุณว่าจะแบกมันได้ขนาดไหน เพราะมันไม่มีล้อ! แล้วอย่าลืม ว่าคุณต้องยกใส่ช่องเก็บของเหนือศีรษะด้วยตนเองด้วย
กระเป๋าพกพา
กระเป๋าพกพาในที่นี้หมายถึงกระเป๋าขนาดเล็กที่เป็นกระเป๋าถือของคุณผู้หญิง กระเป๋าสะพายข้าง กระเป๋าโน้ตบุ๊ก หรือเป้ขนาดเล็ก ซึ่งโดยส่วนใหญ่กระเป๋าประเภทนี้สามารถนำขึ้นเครื่องเป็นชิ้นที่ 2 ได้ โดยอาจต้องเลือกพกกระเป๋าเล็กอย่างใดอย่างหนึ่งหรืออาจได้ทุกอย่างตามแต่ข้อกำหนดของแต่ละสายการบิน
ขนาดและน้ำหนักกระเป๋าที่ให้ขึ้นเครื่องบินได้
กระเป๋าห้ามเกิน 22 นิ้ว และน้ำหนักรวมห้ามเกิน 7 กิโลกรัม คือคาถาท่องจำมาตรฐานของการจัดกระเป๋าขึ้นเครื่องบินที่สายการบินส่วนใหญ่ยอมรับ แต่ทว่าแต่ละสายการบินก็อาจมีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าแต่ละสายการดังๆ บินเขาให้คุณแบกสัมภาระขึ้นเครื่องในขนาด (สูง x กว้าง x หนา) และน้ำหนักเท่าไหร่กันบ้าง
สายการบินฟูลเซอร์วิส
- การบินไทย (Thai Airways) ขนาด 56 x 45 x 25 เซนติเมตร ไม่เกิน 7 กิโลกรัม
- บางกอกแอร์เวย์ (Bangkok Airways) ขนาด 56 x 36 x 23 เซนติเมตร ไม่เกิน 5 กิโลกรัม
- บริติชแอร์เวย์ (British Airways) ขนาด 56 x 45 x 25 เซนติเมตร ไม่เกิน 10 กิโลกรัม
- เอมิเรตส์ (Emirates) ขนาด 45 x 35 x 20 เซนติเมตร ไม่เกิน 7 กิโลกรัม
- เจแปนแอร์ไลน์ (Japan Airlines) ขนาด 55 x 40 x 25 เซนติเมตร ไม่เกิน 10 กิโลกรัม
- โคเรียนแอร์ (Koren Air) ขนาด 55 x 40 x 20 เซนติเมตร ไม่เกิน 12 กิโลกรัม
- กาตาร์แอร์เวย์ (Qatar Airways) ขนาด 50 x 37 x 25 เซนติเมตร ไม่เกิน 7 กิโลกรัม
สายการบินต้นทุนต่ำ
- ไทยแอร์เอเชีย (Thai AirAsia) ขนาด 56 x 36 x 23 เซนติเมตร ไม่เกิน 7 กิโลกรัม
- ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ (Thai AirAsia X) ขนาด 56 x 36 x 23 เซนติเมตร ไม่เกิน 7 กิโลกรัม
- นกแอร์ (Nok Air) ขนาด 56 x 36 x 23 เซนติเมตร ไม่เกิน 7 กิโลกรัม
- นกสกู๊ต (Nok Scoot) ขนาด 54 x 38 x 23 เซนติเมตร ไม่เกิน 7 กิโลกรัม (+ 3 กิโลกรัมเมื่อมีกระเป๋าโน้ตบุ๊ก)
- ไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air) ขนาด 40 x 30 x 20 เซนติเมตร ไม่เกิน 7 กิโลกรัม
- ไทยสมายล์ (Thai Smile) ขนาด 56 x 36 x 23 เซนติเมตร ไม่เกิน 7 กิโลกรัม
- ไทเกอร์แอร์ (Tigerair) ขนาด 54 x 38 x 23 เซนติเมตร ไม่เกิน 10 กิโลกรัม
หาตั๋วเครื่องบินถูกทุกจุดหมายปลายทาง
จะเห็นได้ว่าแต่ละสายการบินนั้นมีขนาดกระเป๋าที่ใส่ช่องเก็บของเหนือศีรษะได้ไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นไปตามรุ่นเครื่องบินที่ใช้ด้วย ส่วนน้ำหนักกระเป๋านั้นก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน โดยคุณจะเห็นว่ามีสายการบินฟูลเซอร์วิสบางแห่งให้น้ำหนักกระเป๋าน้อยกว่าสายการบินต้นทุนต่ำก็มีเหมือนกัน
ถ้ากระเป๋าเกินตอนจะขึ้นเครื่องแล้วล่ะ? ส่วนใหญ่เคาน์เตอร์เช็คอินจะเป็นจุดคัดกรองแรกหากกระเป๋าคุณหนักหรือใหญ่ไปสำหรับถือขึ้นเครื่อง ก็จะให้ย้ายสัมภาระบางส่วนใส่กระเป๋าโหลด แต่ถ้าคุณไม่ได้ผ่านจุดนี้ (เช็คอินออนไลน์หรืออะไรก็ตามแต่) คุณก็จะต้องเจอการตรวจสอบก่อนขึ้นเครื่องอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เองที่คุณอาจโดนค่าปรับเมื่อน้ำหนักเกิน (แพงมากบอกเลย) และถ้าขนาดใหญ่เกินไป กระเป๋าใบนั้นก็อาจไม่ได้ขึ้นเครื่องไปกับคุณก็เป็นได้นะ!
สิ่งของที่นำขึ้นเครื่องบิน
เมื่อคุณเลือกที่จะถือกระเป๋าขึ้นเครื่อง (โดยที่ไม่มีสัมภาระเช็คอิน) สิ่งหนึ่งที่คุณต้องระวังนอกจากขนาดและน้ำหนักของสัมภาระนั่นก็คือสิ่งของภายในกระเป๋า เพราะบางอย่างถูกจำกัด และบางอย่างก็ถูกห้ามไม่ให้ขึ้นเครื่องดังนี้
- ของเหลว ไม่ว่าจะแชมพู สบู่เหลว เจล สเปรย์ น้ำหอม หรือของเหลวใดๆ ก็ตามที่ไม่ใช่ยาประจำตัว ต้องอยู่ในขวดบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เกิน 100 มิลลิลิตร (แม้ว่าจะใช้แล้วจะเหลือไม่ถึงครึ่งก็ไม่ได้) และรวมกันทั้งกระเป๋าต้องไม่เกิน 1,000 มิลลิลิตร ซึ่งทั้งหมดต้องเก็บอยู่ในถุงหรือกล่องที่ถูกปิดอย่างมิดชิด
- อาวุธหรือของมีคม ไม่ว่าจะเป็นมีด มีดโกนหนวด กรรไกรทุกประเภท ตะไบ เข็ม หรือของมีคมอื่นๆ ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน หากต้องนำไปด้วยต้องใช้กระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องเท่านั้น และอาวุธปืนหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่เข้าข่ายเป็นสิ่งเทียมอาวุธ ต้องสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ด้วย
- สิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ซากสัตว์ หรือพืชทุกชนิดห้ามนำขึ้นเครื่องบิน ยกเว้นจะได้รับการอนุญาตจากทางสายการบินในกรณีที่ให้นำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินได้
- อาหารที่มีกลิ่นรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน สละ กะปิ น้ำปลา ซอสปรุงรส ปลาหมึกแห้ง รวมถึงพริกไทย หรืออาหารมีกลิ่นใดๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ด้วย
- อาหารสดทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์หรือพืชผัก ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน หากมีความจำเป็นต้องสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจค้นและสิ่งเหล่านั้นต้องบรรจุอยู่ในหีบห่อที่ปิดสนิทมิดชิด ไม่มีการรั่วไหลหรือควบแน่นของน้ำในกรณีเป็นสิ่งของแช่แข็งทุกประเภท
ถ้านำสิ่งของขึ้นเครื่องผิดจากข้อกำหนด? เจ้าหน้าที่สนามบินจะเป็นผู้ตรวจในด่านแรก และหากเจอสิ่งของที่ผิดไปจากข้อกำหนดก็จะถูกทำลายทิ้งทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้นและไม่มีการรับฝากใดๆ และหากมีเจตนาซุกซ่อนปกปิดสายการบินก็มิสิทธิ์ปฏิเสธการให้บริการหรืออาจถูกดำเนินคดีได้
แบตเตอรี่เสริม
แบตเตอรี่เสริมหรือ Power Bank เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ อนุญาต ให้นำขึ้นเครื่องบินติดตัวไปกับคุณ แต่ ไม่อนุญาต ให้โหลดใต้ท้องเครื่องเป็นอันขาด ทั้งนี้ก็มีข้อกำหนดในการนำแบตเตอรี่เสริมขึ้นเครื่องบิน ซึ่งต้องมีความจุกระแสไฟฟ้า (หรือขนาด) ตามกำหนดดังนี้
- น้อยกว่า 20,000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องได้ไม่ระบุจำนวน แต่ต้องรวมกันไม่เกิน 32,000 mAh
- 20,000-32,000 mAh จำกัดการนำขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ชิ้น
- มากกว่า 32,000 mAh ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบิน
ถ้านำแบตเตอรี่เสริมขึ้นเครื่องผิดจากข้อกำหนด? หากคุณนำโหลดใต้ท้องเครื่อง กระเป๋าจะถูกตรวจค้นโดยเจ้าหน้าที่เพื่อนำแบตเตอรี่เสริมออก หรือหากพกพาเกินกว่าที่กำหนด ทั้ง 2 กรณีแบตเตอรี่เสริมของคุณจะถูกยึดเพื่อทำลายทิ้งโดยไม่มีข้อยกเว้นและไม่มีการรับฝากใดๆ ทั้งสิ้น
หาตั๋วเครื่องบินถูกทุกจุดหมายปลายทาง
ถ้าทำตามคำแนะนำของเราเพียงเท่านี้ คุณก็สามารถพกพาสัมภาระขึ้นเครื่องได้อย่างสบายใจหายห่วง ไม่ต้องกลัวโดนปรับ โดนยึด โดนทิ้งอีกต่อไป ซึ่งถ้าใช้บริการกับสายการบินต้นทุนต่ำที่ไม่มีน้ำหนักกระเป๋าโหลดฟรี สิ่งนี้ก็จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มากขึ้นด้วยนะ!