ด้วยการสำรองข้อมูล iCloud บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ของ Apple เป็นวิธีที่สะดวกอย่างไม่น่าเชื่อในการปกป้องข้อมูลบน iPhone ของคุณ ขออภัย สาเหตุหลายประการ เช่น ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อและการตั้งค่าระบบที่ขัดแย้งกัน อาจส่งผลให้ iPhone ไม่สำรองข้อมูลไปยัง iCloud
โชคดีที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากในการทำให้ข้อมูลสำรอง iCloud บน iPhone ของคุณทำงานอีกครั้ง ต่อไปนี้คือวิธีแก้ปัญหา 15 วิธีที่คุณสามารถลองใช้ได้
เคล็ดลับการแก้ไขปัญหาต่อไปนี้ใช้กับปัญหาต่อไปนี้กับข้อมูลสำรอง iCloud:
- ดิ Back Up Now ในข้อมูลสำรอง iCloud จะเป็นสีเทา
- ข้อมูลสำรอง iCloud ส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาด—เช่น The last backup could not be completed.
- การสำรองข้อมูล iCloud ใช้เวลานานเกินไปในการสำรองข้อมูลหรือค้างอยู่ที่ Estimated time remaining.
- การสำรองข้อมูล iCloud ดูเหมือนจะไม่มีพื้นที่จัดเก็บ
- 1. เชื่อมต่อกับ Wi-Fi
- 2. ชาร์จ iPhone ของคุณ
- 3. ตรวจสอบสถานะระบบ
- 4. สลับโหมดเครื่องบิน
- 5. เปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ DNS
- 6. ปิดใช้งานโหมดข้อมูลต่ำ
- 7. ปิดใช้งานโหมดพลังงานต่ำ
- 8. เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล iCloud
- 9. รีสตาร์ท iPhone ของคุณ
- 10. อัปเดต iOS
- 11. สลับเปิด/ปิดการสำรองข้อมูล iCloud
- 12. ลบข้อมูลสำรองก่อนหน้า
- 13. ออกจากระบบ/ลงชื่อกลับเข้าใช้ iPhone
- 14. สำรองข้อมูลโดยใช้ iTunes หรือ Finder
- 15. รีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายหรือการตั้งค่าทั้งหมด
- ปัญหาเกี่ยวกับการสำรองข้อมูล iCloud ได้รับการแก้ไขแล้ว
1. เชื่อมต่อกับ Wi-Fi
ข้อมูลสำรอง iCloud ใช้งานได้กับ Wi-Fi เท่านั้น ดังนั้นหากคุณใช้แบนด์วิดท์เซลลูลาร์สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบน iPhone คุณจะไม่สามารถสำรองข้อมูลไปยัง iCloud ได้ การเริ่มต้นการสำรองข้อมูลด้วยตนเองจะไม่ทำงานเนื่องจาก Back Up Now (อยู่ใต้ Settings > Apple ID > iCloud > iCloud Backup) ปรากฏเป็นสีเทาบนข้อมูลมือถือ
แม้ว่าคุณจะเชื่อมต่อ iPhone กับเครือข่าย Wi-Fi แล้ว การเชื่อมต่อที่อ่อนอาจทำให้การสำรองข้อมูล iCloud ใช้เวลานานผิดปกติ ลองวางอุปกรณ์ iOS ไว้ใกล้กับเราเตอร์หรือจุดเข้าใช้งานเพื่อให้แน่ใจว่าสัญญาณ Wi-Fi แรงเต็มที่
แบตเตอรี่ของ iPhone ของคุณต้องมีระดับการชาร์จอย่างน้อย 50% สำหรับการสำรองข้อมูล iCloud แบบอัตโนมัติหรือด้วยตนเอง หากไม่เป็นเช่นนั้น เพียงเชื่อมต่ออุปกรณ์กับที่ชาร์จ และคุณน่าจะไปได้ดี
3. ตรวจสอบสถานะระบบ
หากคุณยังคงประสบปัญหากับ iPhone ที่ไม่ได้สำรองข้อมูลไปยัง iCloud คุณควรตรวจสอบว่าไม่มีอะไรผิดปกติที่ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ คุณสามารถทำได้โดยไปที่ หน้าสถานะระบบของ Apple.
หากสถานะถัดจาก iCloud Backup ระบุปัญหาใด ๆ กับบริการ คุณต้องรอจนกว่า Apple จะแก้ไขปัญหา ที่มักจะเกิดขึ้นภายในสองสามชั่วโมง
4. สลับโหมดเครื่องบิน
ลองสลับโหมดเครื่องบินบน iPhone ของคุณ ที่ช่วยรีบูตวิทยุ Wi-Fi และช่วยแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อเล็กน้อย ในการทำเช่นนั้น ให้เปิดศูนย์ควบคุมของ iPhone แล้วแตะไอคอนโหมดเครื่องบิน จากนั้นรอสักครู่แล้วแตะอีกครั้ง
ซอฟต์รีเซ็ตเราเตอร์เครือข่าย (หากสามารถเข้าถึงได้ทางร่างกาย) หรือ ต่ออายุสัญญาเช่า IP ของ iPhone ยังสามารถแก้ไขข้อขัดข้องด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi ของคุณ
5. เปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ DNS
การตั้งค่า iPhone ของคุณด้วย a DNS ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย (บริการชื่อโดเมน) อาจช่วยค้นหาเซิร์ฟเวอร์ข้อมูลสำรอง iCloud ที่เกี่ยวข้องโดยไม่มีปัญหา Google DNS เป็นตัวเลือกที่ดี
เริ่มต้นด้วยการมุ่งหน้าไปที่ Settings > Wi-Fi และเลือกการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ใช้งานอยู่ จากนั้นแตะ Configure DNSเลือก Manual,และแทนที่รายการ DNS ที่มีอยู่ด้วยสิ่งต่อไปนี้:
8.8.8.8
8.8.4.4
แตะ Save เพื่อใช้การเปลี่ยนแปลง โปรดทราบว่าจะไม่แทนที่เซิร์ฟเวอร์ DNS สำหรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi อื่น ๆ ที่คุณอาจบันทึกไว้ใน iPhone ของคุณ
6. ปิดใช้งานโหมดข้อมูลต่ำ
โหมดข้อมูลต่ำช่วยประหยัดแบนด์วิดท์บนเครือข่าย Wi-Fi ของคุณ แต่ยังจำกัดกิจกรรมในเบื้องหลัง เช่น การสำรองข้อมูล iCloud อัตโนมัติ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาเช่น iPhone ไม่สำรองข้อมูลไปยัง iCloud ยึดติดกับการสำรองข้อมูลด้วยตนเองหรือปิดใช้งานโหมดข้อมูลต่ำโดยไปที่ Settings > Wi-Fi และปิดสวิตช์ข้าง Low Data Mode ภายใต้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ใช้งานอยู่ Info บานหน้าต่าง
7. ปิดใช้งานโหมดพลังงานต่ำ
โหมดพลังงานต่ำเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันในตัวของ iOS ที่ขัดขวางกิจกรรมเบื้องหลัง แม้ว่า iPhone ของคุณจะต้องชาร์จอย่างน้อย 50% แต่การเปิดใช้งานโหมดพลังงานต่ำสามารถหยุดการสำรองข้อมูล iCloud อัตโนมัติได้ คุณสามารถปิดได้โดยไปที่ Settings > Battery และปิดสวิตช์ข้าง Low Power Mode.
8. เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล iCloud
หากคุณมีที่เก็บข้อมูลเหลือน้อยหรือไม่มีเลยบน iCloud iPhone ของคุณจะหยุดการสำรองข้อมูล iCloud ชั่วคราวจนกว่าคุณจะเพิ่มพื้นที่ว่าง
ในการจัดการพื้นที่จัดเก็บข้อมูล iCloud ของคุณ ให้ไปที่ Settings > Apple ID > iCloud > Manage iCloud. จากนั้น คุณจะตรวจสอบและลบรูปแบบข้อมูลที่ไม่ต้องการได้ หรือแตะ Change Storage Plan เพื่ออัปเกรดเป็นชั้นจัดเก็บข้อมูล iCloud ถัดไป
9. รีสตาร์ท iPhone ของคุณ
การรีสตาร์ท iPhone สามารถทำหน้าที่เป็นวิธีแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วสำหรับปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นใน iOS ดังนั้นเปิด Settings แอพแล้วแตะ General > Shut Down. เมื่อปิดเครื่องเสร็จแล้ว ให้กด . ค้างไว้ Side ปุ่มเพื่อรีบูต ลองทำการสำรองข้อมูล iCloud หลังจากนั้น
10. อัปเดต iOS
หากการสำรองข้อมูล iCloud ไม่เริ่มต้นหรือยังคงล้มเหลว การอัปเดต iPhone ของคุณสามารถช่วยแก้ไขจุดบกพร่องและปัญหาที่ทราบที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันการทำงาน
ในการทำเช่นนั้น ให้เปิด Settings แอพและไปที่ General > Software Update. ตามด้วยการแตะ Download and Install.
11. สลับเปิด/ปิดการสำรองข้อมูล iCloud
คุณยังสามารถลองเปิดหรือปิดข้อมูลสำรอง iCloud ได้อีกด้วย นั่นอาจดูแลอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อแบบสุ่มโดยที่ iPhone ของคุณไม่ได้สำรองข้อมูลไปยัง iCloud โดยไปที่ Settings > Apple ID > iCloud แล้วปิดสวิตช์ข้าง iCloud Backup. รอสักครู่แล้วเปิดใหม่
12. ลบข้อมูลสำรองก่อนหน้า
iPhone ของคุณสำรองข้อมูลไปยัง iCloud ทีละน้อย ดังนั้นปัญหาที่ไม่ตรงกันหรือเสียหายกับสำเนาบนคลาวด์ปัจจุบันอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้การสำรองข้อมูล iCloud ล้มเหลว การลบและเริ่มต้นการสำรองข้อมูลทั้งหมดสามารถช่วยได้
ในการทำเช่นนั้น เปิด iPhone’s Settings แอพและไปที่ Apple ID > iCloud > Manage Storage > Backups. จากนั้นเลือกข้อมูลสำรอง iPhone ของคุณแล้วแตะ Delete Backup > Turn Off & Delete.
13. ออกจากระบบ/ลงชื่อกลับเข้าใช้ iPhone
หากวิธีแก้ไขข้างต้นไม่ได้ผล ให้ลองออกจากระบบแล้วกลับเข้าสู่ iPhone ของคุณ ในการทำเช่นนั้น ให้เปิด Settings แอพแล้วแตะของคุณ Apple ID. ทำตามนั้นโดยแตะ Sign Out.
หลังจากที่คุณออกจากระบบเสร็จแล้ว ให้รีสตาร์ท iPhone ของคุณ เปิด . อีกครั้ง Settings แอพ แล้วแตะ Sign in to your iPhone เพื่อลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์
14. สำรองข้อมูลโดยใช้ iTunes หรือ Finder
คุณยังสามารถใช้ iTunes หรือ Finder เพื่อเริ่มการสำรองข้อมูลไปยัง iCloud เริ่มต้นด้วยการเชื่อมต่อ iPhone ของคุณกับ Mac หรือ PC ผ่าน USB แล้วแตะ Trust. จากนั้นเลือก iPhone ของคุณ เลือก Back up your most important data on your iPhone to iCloudและเลือก Back Up Now.
15. รีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายหรือการตั้งค่าทั้งหมด
การรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายสามารถแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อได้ ในขณะที่การรีเซ็ตการตั้งค่าแบบเต็มจะช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการตั้งค่าที่กำหนดค่าไว้ไม่ถูกต้องโดยทั่วไป
ในการเข้าถึงตัวเลือกการรีเซ็ตของคุณ ให้เปิด Settings แอพและไปที่ General > Reset. จากนั้นเลือก Reset Network Settings หรือ Reset All Settings เพื่อรีเซ็ต iPhone ของคุณตามต้องการ
บันทึก: หลังจากรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายแล้ว คุณต้องเชื่อมต่อกับฮอตสปอต Wi-Fi ที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้ใหม่ตั้งแต่ต้น หากคุณเลือกรีเซ็ตการตั้งค่าทั้งหมดบน iPhone คุณต้องกำหนดค่าการตั้งค่าใหม่ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการช่วยการเข้าถึง ความเป็นส่วนตัว และอื่นๆ
ปัญหาเกี่ยวกับการสำรองข้อมูล iCloud ได้รับการแก้ไขแล้ว
รายการการแก้ไขข้างต้นน่าจะช่วยคุณแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ iPhone ที่ไม่ได้สำรองข้อมูลไปยัง iCloud ถ้าไม่อย่างนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณคือ ติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Apple เพื่อแยกแยะปัญหาเฉพาะสำหรับบัญชี iCloud ของคุณ ในระหว่างนี้ เราขอแนะนำให้คุณสำรองข้อมูล iPhone ของคุณไปยัง Mac หรือ PC