* ท่านมีความพึงพอใจในช่องทางการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับร่างกฎหมาย/คู่มือ/แนวปฏิบัติ ที่ สพธอ. จัดเตรียมไว้ มากน้อยเพียงใด
พอใจ (เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย) ไม่พอใจ (เข้าถึงข้อมูลได้ยาก)
div.a {
text-indent: 50px;
}
ก่อนหน้านี้ ร่างพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับใหม่ ผ่านการเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา ล่าสุดประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยมีชื่อว่า “พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560” ( พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี2560)
ทั้งนี้ในมาตรา 2 ของพระราชบัญญัตินี้ ระบุว่า ให้บังคับใช้เมื่อพ้นกําหนด 120 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา นั่นหมายความว่าจะบังคับใช้ภายใน 24 พฤษภาคม 2560 เป็นต้นไป
ในสังคมยุคเทคโนโลยีดิจิทัล ที่คนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงโลกโซเชียลได้ง่าย แต่ก็มีมุมมืดที่ทำให้ผู้ที่ไม่รู้เท่าทัน ตกเป็นเหยื่อการเผยแพร่ข้อมูลและภาพที่เป็นเท็จ ทำให้เกิดความตื่นตระหนก หรือถูกหลอกลวงให้เสียทรัพย์ บางกรณีเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต ซึ่งนับวันจะเพิ่มมากขึ้น การปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย เพื่อเอาผิดผู้ที่คิดกระทำผิด จึงเป็นสิ่งจำเป็น
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ได้แก้ไขเพิ่มเติมจากฉบับแรก ที่บังคับใช้มาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว โดยมีเนื้อหาเข้มข้นขึ้น มุ่งหวังปกป้องคุ้มครองสิทธิ์ของประชาชน ไม่ให้ถูกคุกคามหรือล่วงละเมิด สิ่งที่แตกต่างจากเดิม คือเพิ่มการดูแลความเป็นส่วนตัวให้ประชาชนสามารถปฏิเสธจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นสแปม ซึ่งไม่ต้องการรับได้ง่ายขึ้น โดยออกกฎเกณฑ์ควบคุมการส่งที่ชัดเจน และมีบทลงโทษปรับผู้ส่งสูงสุดถึง 2 แสนบาท แต่ความผิดฐานแพร่ข้อมูลนั้น จะไม่ครอบคลุมถึงคดีการหมิ่นประมาท แต่เป็นการเอาผิดเฉพาะกับการฉ้อโกง ปลอม หรือเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จเท่านั้น และไม่สามารถใช้กฎหมายฉบับนี้ เพียงฉบับเดียวฟ้องร้องได้
ที่สำคัญการเผยแพร่ภาพตัดต่อ จากเดิมมีความผิดเฉพาะภาพบุคคลที่ยังมีชีวิตเท่านั้น แต่กฎหมายฉบับนี้ ให้ความคุ้มครองไปถึงภาพผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วด้วย โดยเจ้าหน้าที่สามารถยึดและทำลายภาพตัดต่อได้ หากการเผยแพร่ภาพผู้เสียชีวิต ทำให้บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตร เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือได้รับความอับอาย ซึ่งสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ จะต้องเข้ามารับโทษในประเทศไทยเท่านั้น
นายปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ เชื่อว่าในระยะแรกประชาชนอาจยังไม่ตระหนักถึงการบังคับใช้พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ใหม่ โดยประเมินจากพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ของคนไทย คาดว่าคงต้องใช้เวลาทำความเข้าใจไปอีกระยะหนึ่ง แต่เมื่อมีกรณีตัวอย่างเกิดขึ้น และถูกลงโทษตามกฏหมายนี้ จะทำให้ประชาชนจดจำ และเข้าใจถึงการบังคับใช้กฎหมายมากขึ้น แต่เชื่อว่าในระยะแรกผู้กระทำผิดอาจได้รับการผ่อนผันจากเจ้าหน้าที่
ดังนั้นเราลองมาดูสรุปความเปลี่ยนแปลงของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่นี้ รวมถึงสิ่งที่ประชาชนต้องรู้ เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวทุกคน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 มีอะไรบ้างไปดูกัน
มาตราที่เกี่ยวข้อง
มาตรา 11
ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นอันมีลักษณะเป็นการก่อให้เกิดความเดือนร้อนรำคาญแก่ผู้รับข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับสามารถบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการตอบรับได้โดยง่าย ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท รัฐมนตรีอาจประกาศกำหนดลักษณะและวิธีการส่ง และลักษณ์และปริมาณของข้อมูล ซึ่งไม่เป็นการก่อให้เกิดควรามเดือนร้อนรำคาญแก่ผู้รับ และลักษณะอันเป็นการปฏิเสธการตอบรับได้โดยง่าย
มาตรา 14
ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.
- โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา.
- นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน.
- นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา.
- นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้.
- เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4) ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง (1) มิได้กระทำต่อประชาชน แต่เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผู้กระทำ ผู้เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้เป็นความผิดอันยอมความได้
มาตรา 15
ผู้ให้บริการผู้ใดให้ความร่วมมือ ยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14 ให้รัฐมนตรีออกประกาศกำหนดขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ถ้าผู้ให้บริการพิสูจน์ได้ว่า ตนได้ปฏิบัติตามประกาศของรัฐมนตรีที่ออกตามวรรคสอง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
มาตรา 26
ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน นับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็น พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินสองปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้
- กลับเมนูหลัก
ที่มา : สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์