สำหรับผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงผู้ที่เพิ่งหายจากโควิด-19 การรักษาตัวเองนอกจากพักผ่อนให้เพียงพอ ทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ เรื่องของอาหารถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก เพราะฉะนั้นอาหารที่ต้องระวัง หรือใส่ใจเป็นพิเศษสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 มีอะไรบ้าง
ทำความเข้าใจอาการของผู้ป่วยโควิด-19
เนื่องจากการติดเชื้อโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ตั้งแต่จมูก คอ หลอดลม และปอด ซึ่งอาการแสดงที่เกิดขึ้นสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ส่วนใหญ่ จะแบ่งออกเป็น
- กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่มีไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก มีเสมหะ หอบเหนื่อย
- กลุ่มที่ 2 มีอาการผะอืดผะอม อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ มีลมในกระเพาะ หรือถ่ายเหลว
- กลุ่มที่ 3 มีอาการปวดเมื่อย อ่อนเพลีย
เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาตามอาการป่วยของตนเอง และควรเลือกกินอาหารให้เหมาะสม โดยควรเลือกอาหารที่
- ไม่ทำให้อาการที่เป็นอยู่แย่ลง
- ต้องเป็นอาหารที่ไม่เพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ
- ต้องไม่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน
กลุ่มอาหารที่อาจทำให้อาการแย่ลง
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไอ คัดจมูก คันคอ มีเสมหะ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่จะทำให้อาการแย่ลง ดังนี้
- เครื่องดื่มแช่เย็น เครื่องดื่มปั่นต่าง ๆ ที่มีรสหวาน น้ำอัดลม เบียร์ แอลกอฮอล์ ชานมไขมุก ชา กาแฟใส่นม เครื่องดื่มที่มีน้ำเชื่อม น้ำตาล นมข้นหวาน เนื่องจากการทานเครื่องดื่มที่มีความเย็นและมีความหวาน จะทำให้อาการที่เป็นอยู่เป็นมากขึ้น เช่น มีน้ำมูก คันคอ ไอ หรือมีเสมหะมากขึ้น
- อาหารรสจัด อาหารมันจัด หวานจัด เผ็ด มีเครื่องเทศ เครื่องแกง
- อาหารที่มีน้ำมันเยอะ ของทอดต่าง ๆ อาหารฟาสต์ฟู้ด
- อาหารกินเล่น หรือขนมคบเคี้ยว ขนมถุงต่าง ๆ ขนมที่มีชีส นม หรือเนย เช่น ขนมปังอบเนย
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการย่อยยาก ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่จะทำให้อาการแย่ลง หรือผะอืดผะอมมากขึ้น ดังนี้
- เนื้อสัตว์ใหญ่ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อเป็ด เป็นต้น
- เครื่องในสัตว์ต่าง ๆ
- อาหารปิ้งย่าง
- มะพร้าว
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสีย ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่จะทำให้อาการแย่ลง
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
- งดอาหารประเภทนม โยเกิร์ต ชีส ผลไม้สด
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารประเภททอด
- หากไม่สามารถรับประทานอาหารในปริมาณต่อมื้อตามปกติได้หมด ให้แบ่งรับประทานอาหารออกเป็นหลายมื้อในช่วงวัน
กลุ่มอาหารที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- อาหารหมักดอง ปูเค็ม ปลาร้า
- อาหารปิ้งย่าง
- เครื่องในสัตว์ต่าง ๆ
- อาหารที่ไม่ได้ผ่านการปรุงสุก
- อาหารที่ปรุงไม่สะอาด ปนเปื้อนฝุ่น มลภาวะต่าง ๆ
กลุ่มอาหารที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคเก๊าท์ ไม่ควรกินอาหารที่กระตุ้นให้เกิดยูริคในร่างกายสูง เช่น ยอดผัก เครื่องในสัตว์ สัตว์ปีก
- ทานอาหารไม่สุก หรือสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารค้างคืน หรืออาหารที่ต้องอุ่นไมโครเวฟ อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษได้
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ
อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโควิด-19
- เน้นทานอาหารปริมาณน้อย แต่ทานบ่อย ๆ
- ทานอาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก
- อาหารย่อยง่าย เช่น ปลา
- ทานอาหารอุ่น ๆ
- ดื่มเครื่องดื่ม น้ำอุณหภูมิห้อง ไม่แช่เย็น หรือน้ำอุ่น น้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำขิง
นอกจากนี้อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ได้แก่
- อาหารที่ต้องสัมผัสจากมือ อาหารที่ไม่ผ่านความร้อน ใช้ภาชนะซ้ำ ๆ เช่น หั่นบนเขียงซ้ำ ๆ ใช้กะละมังผสมซ้ำ ๆ เช่น ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยวหลอด ปอเปี๊ยะสด ส้มตำ ยำต่างๆ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวย สลัดผัก บุฟเฟ่ต์ ผลไม้หั่นชิ้น
เพราะฉะนั้นควรกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายเข้าสู่ร่างกาย และที่สำคัญควรงดอาหารสด อาหารกึ่งดิบกึ่งสุก และอาหารที่ขายตามท้องตลาดที่แม่ค้าพ่อค้าไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือถุงมือป้องกัน รวมถึงเมื่อสัมผัสภาชนะห่อหุ้มอาหารที่มาจากนอกบ้าน ควรล้างมืออย่างถูกต้อง ด้วยน้ำ สบู่หรือแอลกอฮอล์ เจลทุกครั้ง
ดูแลร่างกายให้พร้อม เพื่อสุขภาพที่ดี
ป้องกันโรคร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น
ติดต่อ ศูนย์ตรวจสุขภาพ รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขม
02-441-6999
หรือ ติดต่อได้ผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ Line
หรือ สามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา
"อย่ากินไก่เยอะนะ เดี๋ยวเป็นเกาต์" คงได้ยินกันบ่อยๆ สำหรับความห่วงใยของคนรอบข้าง จริงอยู่ครับ เนื้อไก่ทำให้อาการเกาต์กำเริบมากขึ้น เพราะเนื้อไก่มีสารพิวรีนอยู่มาก (สารในอาหารซึ่งจะสลายเป็นกรดยูริค) แต่หากต้องงดทานคงจะน่าเศร้าใจอยู่ ซึ่งเราอาจเลือกทานเฉพาะเนื้อไก่ส่วนที่เป็นเนื้อแทนในส่วนที่เป็นข้อ และลดความถี่ในการทานหน่อยก็ปลอดภัยแล้วครับ
เรามาดูกันมั้ยว่าอาหารประเภทไหนบ้างที่ควรงด หรือแค่ลดความถี่ ลดปริมาณลงก็พอ
1.ลดอาหารที่มีปริมาณพิวรีน 75 มิลลิกรัม ในอาหาร 100 กรัม โดยแนะนำให้เลือกรับประทานได้ 4 ครั้งต่อสัปดาห์ เนื้อสัตว์รับประทานได้ 60-90 กรัมต่อครั้ง ผักในกลุ่มด้านล่างนี้รับประทาน ½ ถ้วยตวงต่อวัน ได้แก่
- เนื้อสัตว์ เช่น ไก่ ปู ปลาแซลมอน กุ้งมังกร หอยนางรม แฮม
- ผัก เช่น ดอกกะหล่ำปลี เห็ด ผักโขม ถั่วลันเตา หน่อไม้ฝรั่ง
- ข้าวแป้ง เช่น ข้าวโอ๊ต ขนมปังหวานประเภทโรล บิสกิต วีตเจิร์ม (จมูกข้าวสาลี)
2.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารพิวรีน 75-150 มิลลิกรัม ในอาหาร 100 กรัม ควรเลือกรับประทานอาหารในกลุ่มนี้สัปดาห์ละครั้ง ได้แก่
- เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เบคอน ลิ้นวัว เป็ด ห่าน นกพิราบ ปลาไหล หอยต่าง ๆ ไข่นกกระทา
- ผัก เช่น ตำลึง สะตอ ใบขี้เหล็ก (ครั้งละ ½ ถ้วยตวง)
3.งดอาหารที่มีสารพิวรีนสูงมาก คือ 150-1,000 มิลลิกรัมในอาหาร 100 กรัม ได้แก่
- เครื่องในสัตว์ทุกชนิด อาหารทะเลบางชนิด (ปลาไส้ตัน ปลาอินทรีย์ ปลาซาร์ดีน กุ้ง หอยเซลล์ กะปิ ไข่ปลา) น้ำสกัดหรือตุ๋นเนื้อ น้ำเกรวี น้ำปลา ซุป ซุปก้อน ยีสต์ ธัญพืช (ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง) ผักบางชนิด (กระกิน ชะอม)
4.หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ และน้ำตาล
- แม้เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์จะมีพิวรีนไม่มาก แต่กระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์ของร่างกายจะทำให้เกิดกรดยูริคได้ ดังนั้นควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้น้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลจากข้าวโพด จะไปเพิ่มกรดยูริคให้ร่างกายได้ด้วยครับ
นอกจากการเลือกรับประทานอาหารแล้ว ผู้ป่วยควร หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหนักลงที่ข้อ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และปฏิบัติตามแพทย์แนะนำ หากมีปัญหาเกี่ยวกับโรคเกาต์ หรือโรคกระดูกและข้อ สามารถปรึกษาได้ที่ศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา หรือโทร. 1719 ที่มา : //health.kapook.com/view17871.html