๑. ข้อใด มิใช่ประโยค ก. งูเหลือมเลื้อยช้า ๆ ข. ไส้เดือนอยู่ในดิน ค. งูแมวเซาแลบลิ้นยาว ง. งูจงอางกับเหยื่อในกรง ๒.ข้อใดเป็นประโยคสามัญ ก. ฝนตกน้ำจึงท่วม ข. ป้ามาลีขายปลาในตลาด ค. วิภาป่วยจึงไม่มาโรงเรียน ง. ต้อยและแตนชอบทานผลไม้ ๓. ข้อใดเป็นประโยคสามัญกริยาวลีเดียว ก. เขาไล่จับแมวตัวนั้น ข. สุดาพับผ้าเก็บไว้ในตู้ ค. นิตยากำลังทำการบ้าน ง. สมชายไปซื้อกับข้าวที่ตลาด ๔. ข้อใดเป็นประโยคสามัญหลายกริยาวลี ก. ฝูงนกกำลังบินมา ข. เมธาออกกำลังกาย ค. กระต่ายวิ่งหนีสุนัข ง. วันนี้ฝนคงจะตก ๕. ข้อใดเป็นประโยคสามัญหลายกริยาวลี ก. แมววิ่งไล่จับหนู ข. สุดากำลังอ่านหนังสือ ค. วันนี้ฝนคงจะตก ง. เขารดน้ำต้นไม้ทุกวัน ๖. ข้อใด คือความหมายของประโยครวม ก. ประโยคที่มีส่วนขยายทั้งประธาน กริยา และกรรม ข. ประโยคยาว ๆ ที่มีใจความสมบูรย์อย่าง เดียว
ค. ประโยคที่ประกอบด้วยประโยคหลักและ ประโยคย่อย ง. ประโยคที่มีความสมบูรณ์มากกว่าหนึ่ง ใจความโดยมีสันธานเป็นตัวเชื่อม
| ๗. ข้อใดเป็นประโยครวม ก. นกขุนทองในกรงร้องเสียงหวาน ข. เพราะยุพินขยันเธอจึงหาเงินได้มาก ค. ดอกฟ้าคือบัวที่เกิดในสวรรค์นั่นเอง ง. คุณลุงสะสมหนังสือภาษาไทยไว้มาก ๘. ข้อใด ไม่ใช่ประโยครวมที่มีใจความคล้อยตาม กัน ก. สุนิสาและราตรีกำลังอ่านหนังสือ ข. ฉันชอบภาษาไทยส่วนเขาชอบ คณิตศาสตร์ ค. ดนัยรับประทานอาหารเสร็จเขาก็ไป โรงเรียน ง. พอสุดาหายป่วยเธอก็ไปโรงเรียนทันที ๙. ข้อใด ไม่ใช่ประโยครวม ก. ลัดดาและราตรีไปซื้อของที่ตลาด ข. เธอจะปลูกผักหรือรดน้ำต้นไม้ ค. ถึงเขาจะจนแต่เขาก็ไม่เคยทำชั่ว ง. อานนท์ชอบผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ๑๐. ข้อใด ไม่ใช่ประโยครวามที่มีใจความให้เลือก
เอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ก. เธอจะซื้อหนังสือหรือซื้อปากกา ข. ไม่เธอก็เพื่อนจะต้องได้รับรางวัลที่ ๑ ค. รัตนาไปตลาดแล้วไปบ้านน้าอาภรณ์ ง. ฉันจะไปเชียงใหม่วันพรุ่งนี้หรือไม่ก็อีก 5 วัน ๑๑. ข้อใด ไม่ใช่ประโยครวมที่มีใจความขัดแย้ง กัน ก. พี่ชอบผลไม้แต่น้องชอบขนม ข. ถึงฉันจะยากจนฉันก็ไม่ทำความชั่ว ค. ถึงฉันจะหิวแต่ทว่าฉันไม่กล้าหยิบ ขนมนั้นไป
ง. เมธินีอ่านหนังสือแล้วจึงไปรดน้ำต้นไม้
** ทำข้อ ๑๒ - ๒๐ ต่อไป ในหน้า ๒ **
|