เป็นเนื้อผลคือ ผนังผลชั้นกลางและผนังผลชั้นใน จากนั้นครูให้นักเรียนศึกษารูป 8.15 ผลมีเนื้อ และ
รูป 8.16 ผลแห้ง แล้วอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับลักษณะของผนังผล ซึ่งนักเรียนควรสรุปได้ว่าลักษณะ
ของผนังผลอาจอ่อนนุ่มมีลักษณะอวบน้ำ� เรียกว่า ผลมีเนื้อ และผนังผลที่แห้งแข็ง เรียกว่า ผลแห้ง ซึ่ง
ผลแห้งนั้นมี 2 แบบ คือ ผลแห้งแบบแตกและผลแห้งแบบไม่แตก
เมล็ดและเอ็มบริโอ
ครูให้นักเรียนศึกษาภาพเมล็ดพืชชนิดต่างๆ แล้วใช้คำ�ถามถามนักเรียนว่า
เมล็ดของพืชแต่ละ
ชนิดที่มีลักษณะแตกต่างกันนั้น มีกระบวนการเกิดที่เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ซึ่งนักเรียน
อาจตอบว่า หลังการปฏิสนธิออวุลจะเจริญไปเป็นเมล็ด โดยผนังออวุลจะเปลี่ยนไปเป็นเปลือกเมล็ด
ซึ่งหุ้มล้อมเอ็มบริโอและเอนโดสเปิร์มที่อยู่ภายในเอาไว้ ครูให้นักเรียนศึกษารูป 8.17 การเจริญและ
พัฒนาของเอ็มบริโอและเอนโดสเปิร์ม เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการเจริญและพัฒนาของเอ็มบริโอและ
เอนโดสเปิร์ม แล้วตอบคำ�ถามในหนังสือเรียน ซึ่งมีแนวคำ�ตอบดังนี้
การแบ่งเซลล์ของเอ็มบริโอในรูป 8.17 เป็นการแบ่งเซลล์แบบใด ทราบได้อย่างไร
แบ่งเซลล์แบบไมโทซิส เนื่องจากต้นสปอโรไฟต์ประกอบด้วยเซลล์ที่มีโครโมโซม 2 ชุด
ซึ่งต้นสปอโรไฟต์นี้เจริญเติบโตมาจากเอ็มบริโอ
การเจริญและการพัฒนาของเอ็มบริโอกับเอนโดสเปิร์มในเมล็ดพืชเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่
อย่างไร
เกิดขึ้นพร้อมกัน เอ็มบริโอจะมีการเจริญและพัฒนาต่อไปจนเห็นโครงสร้างได้ชัดเจนในระยะที่
5 ซึ่งจะสังเกตเห็นเอนโดสเปิร์มเช่นเดียวกันซึ่งมีการเจริญและพัฒนาเป็นเนื้อเยื่อสะสมอาหาร
ไว้สำ�หรับการเจริญของเอ็มบริโอ
ในการศึกษาเกี่ยวกับเมล็ดและส่วนประกอบต่างๆ ครูอาจแจกเมล็ดที่แช่น้ำ�จนเปลือกนุ่มให้แก่
นักเรียนเพื่อสังเกตเมล็ดในประเด็นต่าง ๆ ต่อไปนี้
- ลักษณะภายนอกของเมล็ด
- ลักษณะภายในของเมล็ด
- ส่วนประกอบของเอ็มบริโอ
- จำ�นวนใบเลี้ยง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 8 | การสืบพันธุ์ของพืชดอก
ชีววิทยา เล่ม 3
29
ระยะการเจริญเติบโตของเอ็มบริโอ
ไข่เมื่อได้รับการผสมแล้วจะกลายเป็นไซโกต (ZYGOTE) แล้วมีการแบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซีส
ไซโกตจะมีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องกัน 4 ระยะ คือ
1. CLEAVAGE เริ่มจากไซโกตแบ่งตัวจาก 1 – 2 – 4 - 8 ... จนกระทั้งเซลล์มาเกาะกันเป็นก้อนกลมๆเรียกก้อนกลมๆนี้ว่า โมรูลา (MORULA)
2. BLASTULA เป็นตัวอ่อนในระยะที่มีการเคลื่อนที่ของเซลล์เพื่อให้ได้ช่องว่างในตัวอ่อนเรียกช่องว่างนี้ว่า BLASTOCOEL และเรียกเซลล์ที่ล้อมช่องว่างว่า BLASTODERM ลักษณะของตัวอ่อนตอนนี้คล้ายผลน้อยหน่า
3. GASTRULA เป็นตัวอ่อนที่ต่อจากระยะ BLASTULA คือ เซลล์แบ่งตัวแล้วเคลื่อนที่เข้าข้างในเห็นตัวอ่อนเป็นรูปถ้วย ซึ่งดูคล้ายมีผนัง 2 ชั้น คือ ชั้นนอกและชั้นในและในตอนนี้จะเห็นมีช่องว่าง 2 ช่อง คือ BLASTOCOEL และ ARCHENTERON ซึ่งช่อง ARCHENTERON ต่อไปจะเจริญไปเป็นทางเดินอาหาร ต่อมาจะเกิดเนื้อเยื่อแทรกระหว่างเนื้อเยื่อชั้นนอกและเนื้อเยื่อชั้นใน เนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นใหม่นี้คือเนื้อเยื่อชั้นกลางในตอนท้ายระยะ GASTRULA จะมีการสร้างระบบประสาทขึ้น
4. DIFFERENTIATION คือขบวนการที่เนื้อเยื่อ 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง ชั้นใน เปลี่ยนแปลงไปเป็นโครงสร้างต่างๆของร่างกาย เนื้อเยื่อ 3 ชั้นดังนี้
Ectoderm ชั้นนอก
- ผิวหนัง ขน เขา เล็บ เกล็ด กีบเท้าสัตว์
- ระบบประสาท(สมอง,ไขสันหลัง)
- ต่อมใต้สมองส่วนหน้า และส่วนกลาง
- สารเคลือบฟัน ต่อมน้ำลาย
- ต่อมหมวกไตชั้นใน ต่อมใต้สมองส่วนท้าย
Mesodarm ชั้นกลาง
- ระบบโครงกระดูก ระบบกล้ามเนื้อ
- ระบบหมุนเวียนโลหิต (หัวใจ เส้นเลือด เลือด ม้าม)
- ระบบขับถ่าย (ไต)
- ระบบสืบพันธุ์ (อัณฑะ
รังไข่)
Endoderm ชั้นใน
- ระบบทางเดินอาหาร (หลอดอาหาร,กระเพาะอาหาร , ลำไส้ , ตับ , ตับอ่อน)
- ระบบหายใจ (หลอดลม , ปอด)
-
ต่อมทอนซิล หูส่วนกลาง ต่อมไทรอยด์
- ต่อมพาราไทรอยด์ อัลแลนตอยด์ ถุงไข่แดง
- กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ
- เซลล์ที่จะเจริญเป็นเซลล์สืบพันธุ์ (primordial germ cell)