กรมอนามัยเผยนอนหลับไม่เพียงพอ มีโรคของการนอนหลับก่อปัญหาสุขภาพ ภาวะภูมิต้านทานต่ำ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน แนะระยะเวลาการนอนให้เหมาะสมแต่ละวัย วัยเรียน 1-2 ปีนอนเฉลี่ยวันละ 12 ชม. เด็กอนุบาลนอนเฉลี่ย 11 ชม. วัยรุ่นเฉลี่ย 9 ชม. วัยผู้ใหญ่ และสูงวัยควรนอนเฉลี่ย 7-8 ชม.
เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่กรมอนามัย นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย แถลงข่าวการประกาศนโยบายการสร้างความรอบรู้ และการมีสุขอนามัยที่ดี มีคุณภาพทุกกลุ่มวัย “วันนอนหลับโลก” ว่า กรมอนามัย ร่วมกับสมาคมโรคจากการหลับแห่งประเทศไทย และภาคีเครือข่าย จัดงานวันนอนหลับโลกในประเทศไทย ประจำปี 2565 ภายใต้คำขวัญที่ว่า “นอนดีมีวินัย สร้างโลกสดใส จิตใจแข็งแรง” เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงการนอนหลับที่เพียงพอและมีสุขอนามัยการนอนหลับที่ดีทุกช่วงวัย ตั้งแต่ทารกในครรภ์มารดา เด็กปฐมวัย เด็กวัยเรียน เนื่องจากการนอนหลับส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ผู้ใหญ่ และวัยผู้สูงอายุ มีผลต่อสุขภาพ การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และโรคประจำตัว
นอกจากนี้ การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ หรือโรคของการนอนหลับเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาภาวะภูมิต้านทานต่ำ และเพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ทุกกลุ่มวัย จึงต้องให้ความสำคัญต่อการนอนที่เพียงพอ มีสุขอนามัยการนอนหลับที่ดี และมีระยะเวลาในการนอนที่เหมาะสม ในแต่ละวัย ได้แก่ เด็กก่อนวัยเรียน อายุ 1-2 ปี เฉลี่ยวันละ 12 ชั่วโมง เด็กวัยอนุบาล อายุ 3-5 ปี เฉลี่ยวันละ 11 ชั่วโมง เด็กวัยประถม 6-13 ปี เฉลี่ยวันละ 10 ชั่วโมง วัยรุ่น อายุ 14-17 ปี เฉลี่ยวันละ 9 ชั่วโมง วัยผู้ใหญ่ อายุ 18-59 ปี และผู้สูงอายุ อายุ 60 ปีขึ้นไป ควรมีระยะเวลาในการนอนเฉลี่ยวันละ 7-8 ชั่วโมง
ทั้งนี้ วิธีการที่ช่วยให้หลับเพียงพอและมีสุขอนามัยการนอนหลับที่ดี สามารถปฏิบัติได้ตามหลัก 10 วิธี ดังนี้
ผมเชื่อว่าเราต่างรู้กันอยู่ควรพักผ่อนให้เพียงพอ แต่เรามักไม่รู้เลยว่าการระยะเวลาการนอนหลับกับอายุก็มีความสอดคล้องกันด้วย ลูนิโอเลยอยากชวนทุกคนมาสำรวจกันว่าวัยอย่างเราๆ ควรนอนตอนกลางคืนนานเท่าไหร่ ถึงจะเรียกได้ว่านอนหลับเพียงพอ เพื่อจะได้ตื่นมามีแรงไปทำกิจกรรมที่ชอบได้อย่างเต็มที่ไม่อ่อนเพลียระหว่างวัน!
มูลนิธิการนอนหลับแห่งชาติในสหรัฐอเมริกาได้ระบุเวลาการนอนหลับที่เหมาะสมโดยแบ่งตามอายุไว้ดังนี้
อายุ 0-3 เดือน ควรนอน 14-17 ชั่วโมง
อายุ 4-11 เดือน ควรนอน 12-15 ชั่วโมง
อายุ 1-2 ปี ควรนอน 11-14 ชั่วโมง
อายุ 3-5 ปี ควรนอน 10-13 ชั่วโมง
อายุ 6-13 ปี ควรนอน 9-11 ชั่วโมง
อายุ 14-17 ปี ควรนอน 8-10 ชั่วโมง
อายุ 18-25 ปี ควรนอน 7-9 ชั่วโมง
อายุ 26-64 ปี ควรนอน 7-9 ชั่วโมง
อายุ 65 ปีขึ้นไป ควรนอน 7-8 ชั่วโมง
จากเวลาที่เห็นคือเวลาที่แนะนำว่าดีต่อร่างกายที่สุด ทั้งนี้อาจบวกลบได้ 1 ชั่วโมง แต่จะวัยไหนๆ ก็ไม่ควรนอนต่ำกว่า 6 ชั่วโมง เพราะการนอนต่ำกว่า 6 ชั่วโมง จะถือเป็นการนอนหลับไม่เพียงพอ!
ทางการแพทย์เคยทำการศึกษาไว้ว่าในคนที่นอนน้อยกว่า 4 ชม.ติดกัน 4 วันการทำงานจะแย่กว่าคนนอน 8 ชม. แต่จะแย่เท่ากับคนนอน 6 ชม. ในคนที่นอนน้อยกว่า 4 ชม.ติดกัน 7 วันการทำงานจะแย่กว่าคนนอน 8 ชม. และ 6 ชม. ในคนที่นอนน้อยกว่า 4 ชม.ติดกัน 14 วัน เท่ากับคนที่ไม่ได้นอนเลย 3 วัน ทั้งที่ทั้งนั้น เราก็รู้กันดีว่าในช่วงอายุ 18-25 ปี และ 26-64 ปี ที่เป็นช่วงวัยรุ่น และวัยทำงาน ผู้คนวัยนี้มักใช้เวลาส่วนมากไปกับการทำงาน ออกเดินทางท่องเที่ยว หรือใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการ เพราะยังเป็นวัยที่มีพลัง และฟื้นฟูตัวเองได้ง่าย ร่างกายเลยยังไม่แสดงอาการมาก จนทำให้หลายคนลืมให้ความสำคัญกับการนอนหลับไป
อย่างไรก็ตามเราไม่ควรละเลยเรื่องการนอน เพราะเมื่อนอนไม่พอนานเข้าจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ในเวลา 24 ชั่วโมงของ 1 วัน สุขภาพคนเราจะดีได้ ต้องมีการนอนหลับให้เพียงพอและมีคุณภาพ การจะหลับให้มีคุณภาพนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหลับไปเฉยๆ แต่หมายถึงการหลับลึก ให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งขึ้นอยู่กับเวลาในการพักผ่อน และสภาพแวดล้อมระหว่างนอนหลับด้วย
วิธีที่ดีที่สุดสำหรับคนที่อาจมีเวลาพักผ่อนน้อย คือทำให้ทุกวินาทีที่เรานอนหลับมีประสิทธิภาพมากที่สุดและลูนิโอก็มีวิธีการเตรียมตัวและเตรียมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสำหรับการนอนหลับมาฝาก
ปกติแล้วมนุษย์เราควรนอนกี่ชั่วโมง? คำถามยอดฮิตติดลมบนไม่ว่าคุณเป็นคนรักสุขภาพมากน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เด็ดขาดนั่นคือ การนอนถือเป็นวิธีพักผ่อนดีที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่แค่การนอนตามจำนวนเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น แต่เรื่องของการเลือกที่นอนเพื่อสุขภาพก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณหลับลึก นอนนาน ตื่นมาพร้อมกับความสดใสในทุกเช้า สร้างสุขภาพที่ดีกับตนเองตอบข้อสงสัยเราควรนอนกี่ชั่วโมงต่อวัน?
สำหรับคำถามที่ว่าทุก ๆ คนควรนอนกี่ชั่วโมงต่อวัน อยากให้แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นใหญ่ จากนั้นจะสามารถตอบได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
- หากจะนับกันตามจำนวนชั่วโมงที่ร่างกายควรพักผ่อนด้วยวิธีนอนหลับ สำหรับผู้ใหญ่ควรนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ขณะที่เด็กต้องนอนไม่น้อยกว่า 11-13 ชั่วโมง
- ขณะที่เมื่อมองในเรื่องคุณภาพการหลับต่อครั้ง ภายในระยะเวลา 30 วินาที – 7 นาทีแรกของการนอนเป็นช่วงเริ่มต้นหากมีสิ่งเร้าใดกระตุ้นก็จะทำให้คุณสะดุ้งตื่นได้ แต่หลังจากนั้นหากไม่ได้มีภาวะหลับยากก็จะเข้าสู่วงจรในการหลับซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ช่วง และทุกช่วงนั้นย่อมมีความสัมพันธ์กัน ดังนี้
- ระยะการหลับตื้น เป็นช่วงแรกของการหลับ แต่ยังไม่ถึงขั้นฝัน
- ระยะการหลับลึก ปกติแล้วร่างกายคนเราจะมีช่วงในการหลับลึกแบบสนิทสุด ๆ อยู่ประมาณ 30-60 นาที ต่อการนอน 1 ครั้ง ในช่วงดังกล่าวความดันโลหิตและอุณหภูมิของร่างกายจะปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราการเต้นของหัวใจก็ต่ำระดับ 60 ครั้ง / นาทีเท่านั้น นับเป็นช่วงการนอนที่มีความสำคัญมากสุด Growth Hormone ก็จะถูกหลั่งออกมาเพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- ระยะการหลักฝัน ใครที่ชอบบอกว่าตนเองฝันบ่อย ๆ ไม่ว่าดีหรือร้ายก็ตามจริงแล้วนี่คืออีกช่วงระยะของการนอนที่ร่างกายจะได้พักผ่อนแต่สมองมีการตื่นตัว คนส่วนใหญ่มักกังวลว่าการฝันทำให้ตนเองหลับไม่สนิท บางครั้งตื่นนอนแล้วเหนื่อย ทว่าความจริงการนอนในระยะดังกล่าวสมองจะได้รับการจัดระบบด้านความจำเพื่อเสริมทักษะชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
จากทั้ง 2 นัยยะที่กล่าวมานี้ก็พอสรุปชัดเจนในระดับหนึ่งกับคำถามที่ว่า “เราควรนอนกี่ชั่วโมง” คำตอบคือหากเป็นไปได้ก็ควรเลือกพยายามนอน 7-8 ชั่วโมง / วัน มากไปกว่านั้นไม่ต้องเครียดหรือคิดมากเกินไปเพื่อให้ร่างกายสามารถหลับลึกได้เต็มที่ จะส่งผลดีต่อสุขภาพมากที่สุด
ที่นอนและปัจจัยแวดล้อมก็มีผลต่อการนอนหลับสนิทด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เองรู้ดีอยู่แล้วถึงการนอนหลับในแต่ละวันให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง เพื่อการพักผ่อนอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทว่าปัจจัยสำคัญไม่ได้อยู่แค่เรื่องของความเครียด การผ่อนคลายสมองก่อนนอนเท่านั้น การเลือกเตียงนอนหรือที่นอนก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดด้วยเช่นกัน เพราะแม้คุณจะอยากนอนหลับให้มากขนาดไหนแต่พอนอนลงไปแล้วปวดหลัง ปวดคอ ไม่สบายตัว ก็คงเกิดอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ทุกวันได้เช่นกัน
ที่นอนNASA เพื่อสุขภาพ ตอบโจทย์ในทุกการพักผ่อน
เมื่อคุณรู้แล้วว่าในแต่ละวันควรนอนกี่ชั่วโมง จากนั้นลองหันมามองชุดเครื่องนอนของตนเองแล้วตอบคำถามกันสักนิดว่า เหมาะสำหรับการพักผ่อนเพื่อสุขภาพที่ดีแล้วหรือยัง? หากคำตอบคือ “ยังไม่ใช่” คำแนะนำอันแสนตอบโจทย์โดนใจต้องขอยกให้กับ “ที่นอนยางพาราเพื่อสุขภาพ” Lunio Gen 3
ด้วยการเป็นที่นอนยางพาราฉีดขึ้นรูปแบบไฮบริดบวกกับนวัตกรรมเมมโมรี่โฟมซึ่งถูกคิดค้นโดยองค์การ NASA ของสหรัฐฯ จึงพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในทุกการนอนหลับให้เต็มตื่นยิ่งกว่าเคย รองรับกระดูกสันหลังตามหลักสรีรศาสตร์ มาพร้อมกับเทคโนโลยีการันตีรางวัลโนเบลในการช่วยลดความร้อนสะสม คุณภาพระดับนี้จึงมั่นใจได้ชัดเจนว่า “ที่นอน Lunio Gen 3” จะพาคุณเข้าสู่ห่วงเวลาแห่งการพักผ่อน หลักลึกสนิททั้งกายและใจในทุกวันได้ตามปรารถนา เมื่อได้นอนกับที่นอนสุขภาพรุ่นนี้ก็จะช่วยให้ร่างกายเกิดผลลัพธ์ดี ๆ ตามมาอีกมากมาย
ที่นอนยางพารา Lunio Gen 3 เหมาะกับใครบ้างนะ?
สำหรับที่นอนเพื่อสุขภาพอย่าง Lunio Gen 3 เหมาะกับทุกคนผู้ต้องการการนอนหลับพักผ่อนในทุกค่ำคืน ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาการปวดเมื่อยหลังผ่านการทำงานมาตลอดวัน เคยเมื่อยหลังจากที่นอนไม่ได้คุณภาพ อยากฟื้นฟูการนอนของตนเองใหม่เพื่อปรับร่างกายให้มีสุขภาพดีขึ้น ไปจนถึงผู้ที่มีภาวะภูมิแพ้ มีน้ำมูก จามตลอดจากที่นอนเก่าเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่นและเชื้อโรค เพียงแค่เปลี่ยนมาใช้งานที่นอนยางพาราแท้ จาก Lunio รุ่นนี้ ขนาดการพลิกตัวคนข้าง ๆ ยังแทบไม่รู้สึก หลับสนิทกันตลอดคืน ตื่นเช้าพร้อมความสดใส
เราทุกคนควรนอนกี่ชั่วโมงต่อวัน? คำถามนี้อาจต้องลงรายละเอียดให้ลึกลงไปหลังจากอ่านข้อมูลกันเรียบร้อยว่าไม่ใช่แค่การนอนแบบไหน ที่ใดก็ตาม แต่สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ต้องตอบโจทย์ และที่นอนเพื่อสุขภาพก็มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง Lunio Gen 3 ถูกสร้างสรรค์มาเพื่อทุกคน พร้อมให้การพักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพในทุกวัน