สำหรับหญิงอายุต่ำกว่า 35 ปี มีการตั้งครรภ์ร้อยละ 11 ซึ่งสูงกว่าการกินยาคุมเป็นแผง ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 9 และยาฉีด DMPA ที่ร้อยละ 6 ส่วนห่วงอนามัย ต่ำกว่าร้อยละ 1 และยังมีอาการข้างเคียงซึ่งทนได้ ได้แก่ ปวดหัว คลื่นไส้ ปวดท้อง โลหิตจาง
การคุมกำเนิดด้วย ‘ยามาดอนน่า’ หรือยาคุมฉุกเฉินเป็นที่ยอมรับของสาวๆ ที่มาร่วมวิจัยจำนวนมาก (ร้อยละ 90) ซึ่งพวกเธอเลือกใช้การคุมกำเนิดโดยยาคุมฉุกเฉินทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ทั้งยังแนะนำให้คนอื่นเลือกใช้เนื่องจากสะดวก เพราะไม่ต้องกินยาคุมทั้งเดือน โดยเฉพาะคนที่นานๆ ครั้งจะมีเพศสัมพันธ์ หรือมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้แพลนไว้ก่อน
แต่ทั้งนี้ผู้วิจัยเสนอว่า ไม่ควรใช้การคุมกำเนิดฉุกเฉินแทนการคุมกำเนิดเดิม แม้ว่าจะไม่มีข้อห้ามในการกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน แต่ประสิทธิภาพของยาไม่ดีเท่าการคุมกำเนิดมาตรฐานที่ใช้กันอยู่ และหากพลาดตั้งครรภ์ อาจเป็นการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ อีกทั้งยังมีผลข้างเคียง ทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ อาจมามาก มานาน หรือมากะปริบกะปรอยได้
และงานวิจัยนี้ก็ยังมีจุดอ่อน โดยจำนวนคนเข้าร่วมงานวิจัยยังมีไม่มาก ติดตามผลไม่นาน ดังนั้นจึงควรใช้ยาคุมกำเนิดชนิดแผงตามมาตรฐานเดิม หากแพ้ชนิดที่มีฮอร์โมนสองตัว หมอแนะนำให้เลือกใช้ยาคุมที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนตัวเดียว ซึ่งต่อเม็ดมีฮอร์โมนน้อยกว่ายาคุมฉุกเฉินจำนวน 10-20 เท่า ทำให้มีเลือดออกผิดปกติได้น้อยกว่า เสี่ยงต่อการเสียเลือดน้อยกว่า และยังคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพมากกว่าด้วย
สรุปที่ว่ากันว่าไม่ควรกินยาคุมฉุกเฉินเกินสองครั้งในชีวิตนั้น เป็นเรื่องที่เล่ากันแบบไม่มีมูล และแนะนำว่าหากสาวๆ มีความจำเป็นต้องกินยาคุมฉุกเฉิน ก็สามารถเลือกกินได้ แต่ไม่ควรนำมาใช้แทนการคุมกำเนิดมาตรฐานนั่นเอง
เราควรใช้ยาคุมฉุกเฉินต่อเมื่อเกิดเหตุต่อไปนี้
- ไม่พร้อมจะมีลูก และมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วไม่เกิน 120 ชั่วโมง
- มีปัญหากับการคุมกำเนิดปัจจุบัน ได้แก่
- ถุงยางอนามัยรั่ว แตก หลุด หรือไม่แน่ใจว่าสวมใส่ถูกวิธี
- ลืมกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนสองตัวต่อกันสองวัน
- กินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนตัวเดี่ยวไม่ตรงเวลา ห่างเวลาเดิมไป 3 ชั่วโมง
- ลืมฉีดยาคุมกำเนิดชนิด 3 เดือน (DMPA) เลยไป 1-2 สัปดาห์
- ลืมฉีดยาคุมกำเนิดชนิดหนึ่งเดือน (Cyclofem) เลยไป 2-3 วัน
- หมวกยางหรือไดอะเฟรมกั้นปากมดลูกหลุด ฉีก หรือเอาออกก่อน 8 ชั่วโมงหลังเพศสัมพันธ์
- แผ่นแปะคุมกำเนิดเลื่อนหลุด หรือเอาออกก่อนกำหนด
- ห่วงคุมกำเนิดหลุด เลื่อน หรือหายไป
- ใช้วิธีนับวัน วัดอุณหภูมิ เครื่องมือตรวจฮอร์โมน คำนวณวันไข่ตก แต่ไม่แน่ใจว่าจะนับถูก
- หลั่งภายนอก แต่ไม่แน่ใจว่าอสุจิปนเปื้อนกับอวัยวะเพศของฝ่ายหญิงหรือไม่
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- Festin MP, Bahamondes L, Nguyen TM, et al. A prospective, open-label, single arm, multicentre study to evaluate efficacy, safety and acceptability of pericoital oral contraception using levonorgestrel 1.5 mg. Hum Reprod 2016; 31:530.
Reference:
Schrager S. Abnormal Uterine Bleeding Associated with Hormonal Contraception. Am Fam Physician 2002 May 15;65(10):2073-2081.
U.S. Selected Practice Recommendations for Contraceptive Use, 2013. MMWR 2013; 62 (5):1-60.Keywords:
-ยาคุมฉุกเฉิน หรือ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ( emergency contraceptive pills, morning-after pills ) เป็นยาเม็ดฮอร์โมนที่มีขนาดสูง ใช้สำหรับรับประทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ การคุมกำเนิดวิธีนี้จะให้ประสิทธิภาพภายใน 2 – 3 วัน โดยจะไปรบกวนการตกไข่ หรือรบกวนการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิแต่หากได้รับการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนแล้ว จะไม่สามารถป้องกันได้
ยาคุมฉุกเฉิน หรือ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ( emergency contraceptive pills, morning-after pills ) เป็นยาเม็ดฮอร์โมนที่มีขนาดสูง ใช้สำหรับรับประทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ การคุมกำเนิดวิธีนี้จะให้ประสิทธิภาพภายใน 2 – 3 วัน โดยจะไปรบกวนการตกไข่ หรือรบกวนการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิแต่หากได้รับการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนแล้ว จะไม่สามารถป้องกันได้
ข้อบ่งชี้ การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน
- หลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
- ถูกข่มขืน (Sexual assault)
- ใช้การคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งมีโอกาสล้มเหลว เช่น ถุงยางแตก หลุด หรือ ใส่ไม่ถูกต้อง
- ลืมกินยาคุมกำเนิด
- ชนิดฮอร์โมนรวมตั้งแต่ 3 เม็ด
- ชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินชนิดเดี่ยวลืมทานเกินเวลา 3 ชั่วโมง จากเวลาเดิมที่ทานประจำ หรือเกิน 27 ชั่วโมง จากเม็ดก่อนหน้า
- ชนิด desogestrel-containing pill (0.75 mg) มากกว่า 12 ชั่วโมง จากเวลาทานปกติ หรือเกิน 36 ช่วงโมง จากเม็ดที่ทานก่อนหน้า
- เลยกำหนดฉีดยาคุมกำเนิด
- มากกว่า 2 อาทิตย์ ชนิด norethisterone enanthate (NET-EN)
- มากกว่า 4 อาทิตย์ ชนิด depot-medroxyprogesterone acetate (DMPA)
- มากกว่า 7 วัน ชนิด combined injectable contraceptive (CIC)
- diaphragm or cervical cap หลุด ขาด หรือแตก ก่อนเอาออก
- ล้มเหลวในวิธีการหลั่งข้างนอก เช่น หลั่งในช่องคลอด หรือ อวัยวะเพศด้านนอก
- คำนวณวันเว้นมีเพศสัมพันธ์พลาด
- ห่วงคุมกำเนิดหลุด หรือยาฝังหลุด
ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน
- ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อได้ ไม่สามารถป้องกันโรคจากเพศสัมพันธ์ได้ หากต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรสวมถุงยางอนามัย
- ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาทำแท้ง ยาคุมฉุกเฉินเป็นเพียงการป้องกันการตั้งครรภ์ และต้องได้ยาเข้าไปในร่างกายก่อนที่จะมีการฝังตัวของไข่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก เแต่หากไข่ที่ผสมกับอสุจิได้ฝังตัวที่ผนังมดลูกไปแล้ว ยานี้จะไม่มีผลอะไรกับการตั้งครรภ์
- ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีผลข้างเคียงสูงมาก ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะออกฤทธิ์ต่อสภาพแวดล้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก จึงมีผลต่อฮอร์โมนและทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวผู้ใช้ เช่น มีประจำเดือนผิดปกติ คลื่นไส้อาเจียน และหากกินบ่อยๆ อาจมีผลกับร่างกาย เช่น เสี่ยงต่อการท้องนอกมดลูกได้
- มีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องว่ายาคุมฉุกเฉินอาจทำให้ทารกพิการได้หากรับประทานไปโดยไม่ทราบว่าตั้งครรภ์ ทั้งนี้ ไม่มีรายงานว่าพบทารกพิการจากมารดาที่รับประทานยาโดยที่ไม่ทราบว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์
- การรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ดังกล่าวตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มยาภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้น จึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด
- มีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องว่าใช้ยาคุมฉุกเฉินเพื่อคุมกำเนิดระยะยาวได้ ดังนั้นหากสามีภรรยาที่ยังไม่พร้อมมีบุตรแต่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว มีวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากกว่าเช่น การรับประทานยาคุมกำเนิดแบบปกติชนิดเม็ด โดยรับประทานทุกวันวันละ 1 เม็ด นอกจากนี้การรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นประจำจะพบอาการข้างเคียงสูง เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เลือดออกกะปริดกะปรอย รวมทั้งพบความเสี่ยงในการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกเพิ่มขึ้น
- ยาคุมฉุกเฉินไม่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ครั้งใหม่ และไม่มีผลทำให้การตั้งครรภ์ครั้งถัดไปช้าลง
- ถ้ามีอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมง ควรทานยาซ้ำ ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนเดี่ยวชนิดโปรเจสตินนิยมมากกว่าชนิดฮอร์โมนรวม เนื่องจากมีคลื่นไส้อาเจียนน้อยกว่า ยังไม่แนะนำให้ทานยาแก้อาเจียนทุกครั้งที่ทานยาคุมฉุกเฉิน
วิธีคุมกำเนิดฉุกเฉิน
- Ulipristal acetate (UPA) ทาน 1 เม็ดครั้งเดียว (30 mg) มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดฉุกเฉินสูงกว่า Levonorgestrel ถึงแม้จะรับประทานยาล่าช้าออกไปจนถึง 120 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ UPA ยังสามารถต้านการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้วได้โดยออกฤทธิ์รบกวนการเตรียมความพร้อมของเยื่อบุมดลูก ในขณะที่ levonorgestrel ไม่มีผลดังกล่าว ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย
- ยาเม็ดฮอร์โมนเดียวโพรเจสโตเจน (75 mg) 2 เม็ด ทานห่างกัน 12 ชั่วโมง เม็ดแรกทันทีหรือไม่เกิน 72 ชั่วโมง ยี่ห้อที่มีขายในประเทศไทย เช่น Madonna, Postinor, Mary Pink หรือรับประทาน levonorgestrel 1.5 mg ครั้งเดียวมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์และอาการข้างเคียงไม่แตกต่างกัน
- ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (100 μg of ethinyl estradiol + 0.50 mg of LNG) 2 เม็ด ทานห่างกัน 12 ชั่วโมง (Yuzpe method) เช่น ใช้ยาคุมกำเนิดยี่ห้อYasmin ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน 30 ไมโครกรัม ต่อ 1 เม็ด เพราะฉะนั้นให้กินครั้งละ 4 เม็ด อีก 12 ชั่วโมง
- การใส่ห่วงคุมกำเนิดทองแดงไม่เกิน 5 วัน หลังมีเพศสัมพันธ์ วันหลังการร่วมเพศซึ่งช่วยการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 99 มีการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการป้องกันการตั้งครรภ์ของการทานฮอร์โมนlevonorgestrel 0.75 mg (LNG) กับวิธี Yuzpe โดยให้รับประทาน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง เช่นกัน พบว่ายาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่มีตัวยา LNG เดี่ยวๆ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ร้อยละ 85 (74 – 93) ในขณะที่ยาคุมกำเนิดที่มีตัวยาผสมระหว่าง estrogen กับ progestin (Yuzpe method) ป้องกันได้เพียงร้อยละ 57 (39 – 71) ดังนั้นการใช้ฮอร์โมน LNG จึงเป็นที่นิยมมากกว่าในปัจจุบัน แต่มีการศึกษาพบว่าน้ำหนักและค่า body mass index (BMI) มีผลต่อประสิทธิภาพยาคุมกำเนิดฉุกเฉินชนิด LNG เดี่ยวๆ โดยในหญิงที่มีน้ำหนักมากกว่า 75 กิโลกรัมมีความเสี่ยงที่จะคุมกำเนิดฉุกเฉินล้มเหลวสูงกว่าคนที่น้ำหนักน้อยกว่าประมาณ 5 เท่า และในหญิงที่มีค่า BMI มากกว่า 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า ดังนั้นสตรีที่มีน้ำหนักเกินจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ จึงควรรีบรับประทานให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์
ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- คลื่นไส้ อาเจียน และรู้สึกพะอืดพะอม
- ปวดศีรษะ
- ปวดท้อง มีอาการปวดท้องคล้ายกับตอนมีประจำเดือนได้
- เสี่ยงตั้งครรภ์นอกมดลูก
ผู้ที่ห้ามใช้ยาคุมกำเนิด
- มะเร็งของอวัยวะภายในของผู้หญิง และมะเร็งเต้านม
- โรคตับเฉียบพลันหรือตับแข็ง มะเร็งตับ
- เคยหรือเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ความดันโลหิตสูง
- โรคลิ่มเลือดอุดตัน
- โรคลมชัก ที่รับประทานยากันชัก
- โรคเบาหวาน ที่มีภาวะไตทำงานผิดปกติ หรือมีภาวะหลอดเลือดผิดปกติ
- อายุมากกว่า 35 ปีสูบบุหรี่จัด
- อ้วน มีไขมันในเลือดสูง
- เป็นไมเกรนชนิดที่มีอาการเตือน (Migraine with aura)
แม้ว่ายาคุมฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพดีในการป้องกันการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะถ้าทานเม็ดแรกทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ทันที แต่ไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแทนการคุมกำเนิดปกติ แม้ยาจะปลอดภัยก็ตาม เพราะขนาดของฮอร์โมนที่สูง ผลข้างเคียงของยา ตลอดจนความผิดปกติของรอบเดือนที่เกิดขึ้น อาการปวดเกร็งช่องท้องน้อย รวมทั้งไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ดังนั้น ควรเลือกใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น และหลังการใช้หากประจำเดือนมาไม่ปกติ ขาดประจำเดือน เลือดออกไม่หยุด หรือปวดท้องไม่ดีขึ้น ควรรีบมาพบแพทย์
ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพดีในการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแทนการคุมกำเนิดปกติ ควรใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น