JPEG (หรืออีกชื่อคือ JPG) คือไฟล์รูปที่ถูกบีบอัดเป็นไฟล์ที่เล็กกว่า เหมาะสำหรับแชร์ให้คนอื่น หรือเอาไปโพสต์ในเน็ต แบบนี้พอพยายามไปขยายไฟล์ JPEG หรือทำซ้ำ ไฟล์จะแตกหรือเป็นพิกเซลแบบเห็นได้ชัด แต่คุณปรับคุณภาพไฟล์ JPEG ได้โดย fine-tuning (ปรับแต่งแบบละเอียด) รายละเอียด สี และ contrast ของรูปในโปรแกรม photo editor ต่างๆ แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุด คือ Photoshop นั่นเอง ถ้าไม่ได้สมัครสมาชิก Photoshop ไว้ ก็ใช้ Pixlr ที่เป็นเว็บ image editor ฟรีแทนก็ได้ บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการปรับคุณภาพไฟล์ JPEG ให้คุณเอง
-
1
เข้าเว็บ //pixlr.com/editor/ ในเบราว์เซอร์. Pixlr เป็นเว็บแต่งรูปทรงประสิทธิภาพ ที่หลายคนนิยมใช้กัน ทั้งแต่งรูปไว้ลงโซเชียลเล่นๆ ไปจนถึงแต่งรูปไว้ใช้งานแบบมืออาชีพ Pixlr เป็น online editor ให้คุณแต่งรูปได้ฟรี แต่จะอัพเกรดไปเป็นสมาชิกแบบเสียเงิน เพื่อใช้ tools ขั้นสูงต่างๆ ก็ได้เหมือนกัน
-
2
คลิก Launch Pixlr E. ที่เป็นตัวเลือกทางขวา Pixlr เวอร์ชั่นนี้จะมีตัวเลือกให้ใช้แต่งรูปได้เยอะกว่า
-
3
เปิดไฟล์รูปที่จะแต่ง. รูปที่แต่งแล้วจะออกมาดีแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับ resolution หรือจำนวนพิกเซลของรูปต้นฉบับ แต่ Pixlr แนะนำให้ผู้ใช้เริ่มแต่งรูปโดยใช้ไฟล์รูปที่ resolution สูงสุดเท่าที่หาได้ โดยเฉพาะถ้าอยากขยายรูป เพราะเวลาขยายรูปที่ resolution ต่ำ ช่องว่างขาวๆ ระหว่างแต่ละพิกเซลจะถ่างออก ทำให้รูปแตก ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการอัพโหลดรูปเข้า Pixlr
- คลิก Open Image ใน sidebar ทางขวา
- เลือกไฟล์รูป
- คลิก Open[1]
-
4
ปรับขนาดรูป (ไม่บังคับ). ขนาดของไฟล์จะกำหนดโดยจำนวนพิกเซล ยิ่งพิกเซลเยอะ ไฟล์ก็ยิ่งใหญ่ ถ้าส่งอีเมล อัพโหลด หรือดาวน์โหลดไฟล์ JPEG ใหญ่ๆ ก็เสียเวลา ให้ปรับขนาดไฟล์เป็นพิกเซลน้อยลง จะช่วยให้แชร์รูปได้เร็วขึ้น ย้ำว่าการเพิ่มขนาดไฟล์ ไม่ได้ช่วยให้คุณภาพไฟล์ดีขึ้น คมชัดขึ้น แต่การลดขนาดไฟล์จะทำให้เสียความคมชัดไปบ้างแน่นอน ให้ปรับขนาดรูปเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าจะขยายรูป คุณปรับขนาดรูปใน Pixlr ได้ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
- คลิก Image
- คลิก Image Size
- ติ๊ก "Constrain proportions"
- ใส่ขนาดพิกเซลที่ต้องการ ข้าง "Width" หรือ "Height"
- คลิก Ok
-
5
crop รูป. คุณ crop รูปเพื่อกำจัดส่วนที่ไม่ต้องการไปจากรูปได้ พอ crop รูปแล้ว ขนาดของไฟล์จะเล็กลง โดยไอคอนของ Crop Tool จะเป็นมุมฉาก 2 มุมซ้อนเหลื่อมกัน อยู่ทางด้านบนของ toolbar เยื้องไปทางซ้าย ให้ crop รูปตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลย
- คลิก Crop Tool ใน toolbar ทางซ้าย
- คลิกแล้วลากคลุมพื้นที่ในรูปที่จะเก็บไว้
- คลิกแล้วลากมุมสีฟ้าของสี่เหลี่ยม เพื่อปรับพื้นที่ที่จะ crop
- คลิกนอกบริเวณที่ crop
- คลิก Ok เพื่อลบบริเวณนอกสี่เหลี่ยมสำหรับ crop
-
6
ลด noise ของรูป. ใน Pixlr Editor ฟรี และ Pixlr แบบเสียเงิน จะมีแค่ฟิลเตอร์นี้ ซึ่งกำหนดไม่ได้ว่าจะลด noise ครั้งละมากแค่ไหน คุณใช้ฟิลเตอร์ Denoise filter ได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้[2]
- คลิก Filter
- คลิก Denoise เพื่อใช้ฟิลเตอร์ Denoise ทันที
- ทำซ้ำจนได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
-
7
เก็บรายละเอียดด้วย Clone Stamp tool. ไอคอน Clone Stamp tool จะเป็นตรายาง ใช้กำจัดริ้วรอย จุดด่างดำในรูปได้โดย copy พื้นผิวใกล้เคียงมาแปะทับไปบนจุดนั้น คุณลบตำหนิต่างๆ ในรูปด้วย clone stamp tool ได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
- คลิก Clone Stamp Tool ใน toolbar ทางซ้าย
- คลิก Brush มุมซ้ายบน
- เลือกหนึ่งในแปรงวงกลมที่ขอบฟุ้งหรือมีขนาดตามต้องการ
- กด "Ctrl" ค้างไว้ ถ้าใช้ PC หรือ "Command" ถ้าใช้ Mac แล้วคลิกบริเวณใกล้เคียงกับริ้วรอยหรือจุดด่าง
- คลิกตรงริ้วรอยหรือจุดด่างนั้น
- ทำซ้ำจนครบทุกจุดที่ต้องการลบ
-
8
fine-tune หรือปรับแต่งรูปโดยละเอียด ด้วย tools อื่นๆ. Pixlr มีหลาย tools ที่ทำงานเหมือน brush ใช้ลบตำหนิเล็กๆ น้อยๆ หรือปรับเปลี่ยนทั้งรูปเลยก็ได้ ให้คลิกหนึ่งใน tools ของ toolbar ทางซ้าย แล้วคลิก Brush มุมซ้ายบน จากนั้นเลือกประเภทและขนาดแปรง แนะนำให้เลือกหนึ่งในแปรงกลมที่ขอบจาง จะเห็นผลสุด ตัวอย่าง tools ต่างๆ ก็เช่น
- Sharpen: ไอคอนจะเป็นปริซึม ให้ใช้ tool นี้แต่งขอบฟุ้งๆ ให้คมชัดขึ้น
- Blur: ไอคอนจะเป็นหยดน้ำ ให้ใช้ tool นี้แต่งให้ขอบแข็งๆ ดูเนียนขึ้น
- Smudge: ไอคอนจะเป็นรูปนิ้วกำลังชี้ ให้ใช้ tool นี้ blend หรือเกลี่ยพิกเซลให้เนียนเข้าด้วยกัน
- Sponge: ไอคอนจะเป็นรูปฟองน้ำสีเหลือง ให้ใช้ tool นี้แต่งสีบริเวณนั้นให้ "ชุ่ม" หรือ "saturate"
- Dodge: ไอคอนจะเป็นลูกสูบยาง ให้ใช้ tool นี้ทำให้จุดที่ต้องการในรูปสว่างขึ้น
- Burn: ไอคอนจะเป็นรูปมือกำลังหยิบ ให้ใช้ tool นี้ทำให้จุดที่ต้องการในรูปเข้มขึ้น หรือเพิ่มเงา
- Spot Heal: ไอคอนจะเป็นรูปแปรง 2 หัว ให้ใช้ tool นี้ลบริ้วรอยและรอยขีดข่วน
- Red-Eye Reduction: ไอคอนจะเป็นรูปตา ให้ใช้ tool นี้แต่งรูปที่ถ่ายแล้วตาคนในรูปกลายเป็นสีแดง
-
9
ใช้ adjustments ปรับสี เพิ่มความสว่างให้รูป. Pixlr มีหลาย adjustments ใช้แต่งสี ความสว่าง hue (เฉดสี) และ saturation (ความเข้มของสี) ของรูปได้ คุณปรับแต่งสีของรูปได้ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้เลย[3]
- คลิก Adjustment
- คลิก Brightness & Contrast หรือ Hue & Saturation
- ใช้แถบเลื่อนปรับความสว่าง, contrast, hue และ saturation ของรูป
- คลิก Ok หลังแต่งรูปจนพอใจแล้ว
-
10
เซฟรูป. พอแต่งรูปเสร็จแล้ว ก็ต้องเซฟไฟล์ ถ้ารูปคุณภาพสูงจะไม่ค่อยถูกบีบอัด และพิกเซลเก็บ data ไว้ได้มากกว่า ผลคือได้ไฟล์ขนาดใหญ่ที่คมชัด ถ้าเป็นรูปคุณภาพต่ำจะถูกบีบอัดเยอะกว่า และพิกเซลเก็บ data ได้น้อยกว่า เลยได้ไฟล์ขนาดเล็กที่ไม่ค่อยคมชัด หรือรูปแตก ให้เซฟไฟล์รูปตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลย
- คลิก File
- คลิก Save
- พิมพ์ชื่อรูปที่แต่งแล้ว ใต้ "File name"
- คลิก Download
โฆษณา
-
1
เปิด Photoshop. ไอคอน Photoshop จะเป็นตัว "Ps" บนพื้นฟ้า ต้องสมัครสมาชิก Adobe Photoshop ซะก่อน ถึงจะใช้งานได้ คุณชำระเงินแล้วดาวน์โหลด Photoshop ได้ที่เว็บ //www.adobe.com/products/photoshop.html
- ถ้าอยากปรับภาพเอาไว้ใช้ในแอพต่างๆ เช่น Facebook หรือ Instagram แนะนำให้ใช้แอพที่มีฟิลเตอร์ จะดีกว่าวิธีนี้ อย่าง Pixlr ก็มีฟิลเตอร์ฟรีให้เลือกใช้กัน ช่วยพรางความไม่ค่อยชัดของไฟล์ JPEG ได้ ถ้าแค่อยากให้รูปดูเด่นขึ้นมา ไม่แคร์เรื่องความคมชัดที่เสียไปตอนบีบอัด ก็ลองใช้ Pixlr ดูได้เลย
-
2
เปิดไฟล์รูปใน Photoshop. ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อเปิดไฟล์รูปที่จะแต่งขึ้นมาใน Photoshop
- คลิก File
- คลิก Open
- เลือกไฟล์รูปที่จะเปิด
- คลิก Open
-
3
เซฟไฟล์ copy ของรูปนั้น. ตอนแต่งรูปใน Photoshop แนะนำให้เซฟไฟล์แยกไว้ อย่าไปแต่งไฟล์ต้นฉบับ เผื่อมีอะไรผิดพลาดจะได้เริ่มต้นใหม่จากไฟล์ต้นฉบับได้ ให้เซฟไฟล์ copy ของรูป ตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลย
- คลิก File
- คลิก Save as
- ตั้งชื่อไฟล์ให้จำง่าย โดยพิมพ์ข้าง "Filename"
- เลือกประเภทไฟล์ (เช่น JPEG, GIF, PNG, PSD) ข้าง "Format"
- คลิก Save
-
4
ปรับขนาดรูป (ไม่บังคับ). ขนาดของไฟล์จะกำหนดโดยจำนวนพิกเซล ยิ่งพิกเซลเยอะ ไฟล์ก็ยิ่งใหญ่ ถ้าส่งอีเมล อัพโหลด หรือดาวน์โหลดไฟล์ JPEG ใหญ่ๆ ก็เสียเวลา ให้ปรับขนาดไฟล์เป็นพิกเซลน้อยลง จะช่วยให้แชร์รูปได้เร็วขึ้น ย้ำว่าการเพิ่มขนาดไฟล์ ไม่ได้ช่วยให้คุณภาพไฟล์ดีขึ้น คมชัดขึ้น แต่การลดขนาดไฟล์จะทำให้เสียความคมชัดไปบ้างแน่นอน ให้ปรับขนาดรูปเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าจะขยายรูป คุณปรับขนาดรูปใน Photoshop ได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
- คลิก Image
- คลิก Image Size
- ระบุขนาดเป็นพิกเซล ในช่อง "Width" (ความกว้าง) และ "Height" (ความสูง) ทางด้านบนของหน้าต่าง
- คลิก Ok
-
5
crop รูป. คุณ crop รูปเพื่อกำจัดส่วนที่ไม่ต้องการไปจากรูปได้ พอ crop รูปแล้ว ขนาดของไฟล์จะเล็กลง โดยไอคอนของ Crop Tool จะเป็นมุมฉาก 2 มุมซ้อนเหลื่อมกัน อยู่ทางด้านบนของ toolbar เยื้องไปทางซ้าย ให้ crop รูปตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลย
- คลิกไอคอน Crop Tool ใน toolbar ทางซ้าย
- คลิกแล้วลากคลุมส่วนที่จะเก็บไว้ในรูป
- คลิกแล้วลากมุมของส่วนที่ crop ไว้ เพื่อปรับขนาดส่วนที่จะ crop ตามต้องการ
- กด Enter เพื่อ crop รูป
-
6
หาฟิลเตอร์ "Reduce Noise". ปกติฟิลเตอร์ Reduce Noise จะอยู่ในเมนู Filter คุณเปิดฟิลเตอร์ Reduce Noise ได้ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
- คลิก Filter
- คลิก Noise
- คลิก Reduce Noise
-
7
ปรับแต่งตัวเลือก noise reduction.[4] ขั้นแรกให้ติ๊กช่อง Preview ที่ด้านซ้ายบนของหน้าต่างฟิลเตอร์ เวลาแต่งรูปจะได้เห็นผลลัพธ์ในตัวอย่างรูปตอนนั้นเลย จากนั้นลากแถบเลื่อนเพื่อปรับแต่ง settings ของฟิลเตอร์ แถบเลื่อนที่ว่าก็มี
- Strength: ค่านี้คือคือระดับการลด noise ปกติยิ่งไฟล์ JPEG คุณภาพต่ำ เลขตรงนี้ก็ยิ่งต้องสูง ให้ลากแถบเลื่อนไปทางขวา ว่าผลที่ได้ต่างกันยังไง หลังเพิ่ม strength setting.
- Preserve Details: ยิ่งเปอร์เซ็นต์ตรงนี้ต่ำ รูปก็ยิ่งเบลอ คมชัดน้อยลง แต่ก็ช่วยลด noise ได้มากขึ้น
- Sharpen Details: อาจจะทดแทน Preserve Details setting ที่ต่ำ ด้วย Sharpen Details setting ที่สูง เพราะจะทำให้ขอบรูปชัดขึ้น
- ติ๊กช่อง "Remove JPEG artifact". เพื่อลด noise หรือจุดรบกวน และรูปแตกเป็นบล็อกๆ เวลาเซฟไฟล์ JPEG แบบบีบอัด[5]
- พอเช็คตัวอย่างรูปว่าออกมาโอเคแล้ว ก็คลิก OK เพื่อเซฟรูปใหม่ได้เลย
-
8
ระบายสีทับ noise และบล็อกสี. อาจจะสังเกตว่ามีรูปแตกเป็นบล็อกสีต่างๆ กัน (color-blocking) ในพื้นที่กว้าง ไม่เห็นรายละเอียดชัดเจน (เช่น ท้องฟ้า สีพื้นด้านหลัง และเสื้อผ้า) แบบนี้ต้องเกลี่ยให้สีเนียนขึ้น ไม่แตกต่างกันชัดเจน เน้นแค่วัตถุที่ต้องการให้เด่นชัดขึ้นมา คุณระบายสีทับ noise และบล็อกสีพวกนี้ได้ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
- กด "Ctrl และ +" ถ้าใช้ PC หรือ "Command และ +" ถ้าใช้ Mac เพื่อซูมเข้าบริเวณที่มี color-blocking
- คลิกไอคอนรูปที่หยดสี ใน toolbar ทางซ้าย เพื่อเลือก Eyedropper Tool
- คลิกสีหลักในบริเวณที่จะระบายทับ เพื่อใช้เป็นตัวอย่างสี
- คลิกไอคอนรูปพู่กันใน toolbar ทางซ้าย เพื่อเลือก Paintbrush Tool
- คลิกไอคอนที่มีวงกลม (หรือฝีแปรงที่เลือกไว้) ด้านบน toolbar ทางซ้าย เพื่อเปิดเมนู Brush
- ตั้ง brush hardness เป็น 10%, opacity เป็น 40% และ flow เป็น 100%
- กด "[" และ "]" เพื่อปรับขนาดหัวแปรง
- คลิกแต้มทับ color-blocks และ noise ไปทีละคลิก
-
9
ใช้ Clone Stamp Tool บริเวณที่พื้นผิวมีรายละเอียด.[6] Clone Stamp Tool เหมาะสำหรับพื้นผิวขรุขระ เช่น ผิวหนัง ปูนเปลือย และฟุตบาธ ไม่เหมาะจะใช้กับบริเวณที่เป็นสีเดียว โดย Clone Stamp tool จะดึงตัวอย่างพื้นผิวมา แล้วปั๊มพื้นผิวนั้นทับริ้วรอยจุดด่างดำต่างๆ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อใช้ Clone Stamp tool แปะทับจุดบกพร่องหรือริ้วรอยต่างๆ ในรูปตามต้องการ
- คลิกไอคอนรูปตรายางใน toolbar ทางซ้าย
- คลิกไอคอนรูปวงกลม (หรือฝีแปรงที่เลือกไว้) ด้านบน toolbar ทางซ้าย เพื่อเปิดเมนู Brush
- ตั้ง hardness เป็น 50% หรือน้อยกว่า
- ตั้ง opacity เป็น 100%
- กด "[" และ "]" เพื่อปรับขนาดหัวแปรง
- กด "Alt" ค้างไว้ ถ้าใช้ PC หรือ "Option" ถ้าใช้ Mac แล้วคลิกบริเวณข้างจุดด่างหรือริ้วรอย เพื่อดึงตัวอย่างพื้นผิว
- คลิกที่จุดด่างดำหรือริ้วรอยนั้น
- ทำซ้ำกับทุกจุดที่อยากปกปิด (โดยดึงตัวอย่างพื้นผิวใหม่ทุกครั้งที่คลิก)
-
10
fine-tune หรือปรับแต่งรูปโดยละเอียด ด้วย tools อื่นๆ. Photoshop มีหลาย tools ที่ทำงานเหมือน brush ใช้ลบตำหนิเล็กๆ น้อยๆ หรือปรับเปลี่ยนทั้งรูปเลยก็ได้ ให้คลิกหนึ่งใน tools ของ toolbar ทางซ้าย ปกติ Photoshop มีสารพัด tools รวมกันเป็นกลุ่มๆ ไว้ในไอคอนเดียว ให้คลิกไอคอนค้างไว้ แล้วจะเห็น tools ต่างๆ ของกลุ่มนั้น ก็คลิกเลือก tool ที่ต้องการได้เลย ให้คลิกไอคอนที่มีวงกลม (หรือเลือกประเภท) มุมซ้ายบน จากนั้นเลือกประเภทแปรงและขนาด หรือกด "[" และ "]" เพื่อเปลี่ยนขนาดแปรง แนะนำให้เลือกหนึ่งในแปรงกลมที่ขอบจาง จะเห็นผลสุด ตัวอย่าง tools ต่างๆ ก็เช่น
- Sharpen: ไอคอนจะเป็นปริซึม ให้ใช้ tool นี้แต่งขอบฟุ้งๆ ให้คมชัดขึ้น โดย Sharpen tool นี้ จะรวมกลุ่มอยู่กับ Blur และ Smudge tools
- Blur: ไอคอนจะเป็นหยดน้ำ ให้ใช้ tool นี้แต่งให้ขอบแข็งๆ ดูเนียนขึ้น โดย Blur tool จะรวมกลุ่มอยู่กับ Sharpen และ Smudge tools
- Smudge: ไอคอนจะเป็นรูปนิ้วกำลังชี้ ให้ใช้ tool นี้ blend หรือเกลี่ยพิกเซลให้เนียนเข้าด้วยกัน โดย Smudge tool นี้จะรวมกลุ่มอยู่กับ Blur และ Sharpen tools
- Sponge: ไอคอนจะเป็นรูปฟองน้ำ ให้ใช้ tool นี้แต่งสีบริเวณนั้นให้ "ชุ่ม" หรือ "saturate" โดย Sponge tool จะรวมกลุ่มอยู่กับ Dodge และ Burn tools
- Dodge: ไอคอนจะเป็นลูกสูบยาง ให้ใช้ tool นี้ทำให้จุดที่ต้องการในรูปสว่างขึ้น โดย Dodge tool จะรวมกลุ่มอยู่กับ Sponge และ Burn tools
- Burn: ไอคอนจะเป็นรูปมือกำลังหยิบ ให้ใช้ tool นี้ทำให้จุดที่ต้องการในรูปเข้มขึ้น หรือเพิ่มเงา โดย Burn tool นี้จะรวมกลุ่มอยู่กับ Dodge และ Spunge tools
- Spot Heal: ไอคอนจะเป็นรูปแปรง 2 หัว ให้ใช้ tool นี้ลบริ้วรอยและรอยขีดข่วน โดย spot heal tool จะรวมกลุ่มอยู่กับ red-eye tool
- Red-Eye Reduction: ไอคอนจะเป็นรูปตา ให้ใช้ tool นี้แต่งรูปที่ถ่ายแล้วตาคนในรูปกลายเป็นสีแดง โดยคลิกแล้วลากทับตาดำ ปกติ red-eye tool จะรวมกลุ่มอยู่กับ Spot Heal tool
-
11
ใช้ adjustments ปรับสี เพิ่มความสว่างให้รูป. Photoshop มีหลาย adjustments ใช้แต่งสี ความสว่าง hue (เฉดสี) และ saturation (ความเข้มของสี) ของรูปได้ คุณปรับแต่งสีของรูปได้ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้เลย
- คลิก Image
- คลิก Adjustment
- คลิก Brightness & Contrast หรือ Hue & Saturation
- ใช้แถบเลื่อนปรับแต่งความสว่าง contrast หรือ saturation ของรูป
- คลิก Ok ถ้าแต่งรูปจนพอใจแล้ว
-
12
เซฟรูป. พอแต่งรูปเสร็จแล้ว ให้เซฟรูปตามขั้นตอนต่อไปนี้
- คลิก File
- คลิก Save As
- พิมพ์ชื่อไฟล์ตามต้องการ ข้าง "Filename"
- เลือก "JPEG" หรือ "PNG" ในเมนูที่ขยายลงมา ข้าง "File Format"
- คลิก Save
โฆษณา
เคล็ดลับ
- history ของ Photoshop จะบันทึกจำนวนครั้งที่คลิกไปด้วย ซึ่งต้องคลิกเยอะน่าดูกว่าจะแต่งรูปเสร็จ พอซูมออกแล้วอาจจะพบว่าทำอะไรผิดพลาดไปจุดใหญ่ แต่เกินจำนวนคลิกที่ Photoshop เซฟไว้ กลับไปแก้ไขไม่ได้ แบบนี้ให้ไปเพิ่ม save slots ของขั้นตอน โดยคลิก Edit ตามด้วย Preferences คลิก Performance แล้วตั้งให้ save slots เป็น 100 ขึ้นไป
- ถ้าคุณเป็นมืออาชีพที่ต้องการแต่งรูปไว้ใช้งาน ต้องระวังเรื่องเฉดสีต่างๆ กัน อย่างดอกไม้สีฟ้า ก็จะมีทั้งฟ้า กรมท่า เหลือบเขียว ม่วง น้ำตาล และอื่นๆ เปลี่ยนไปตามแสง เงา และแสงสะท้อน ต้องพยายามแต่งสีให้ละเอียดมากที่สุด โดยใช้ brush tool ที่โปร่งใสหน่อย อาจจะสลับไปใช้ rubber stamp tool แทนถ้าบริเวณนั้นมีหลายสีเกินไปในจุดเดียว
- คุณปรับ settings ของ brush กับ rubber stamp แบบลองผิดลองถูกตามสบาย โดยเฉพาะยิ่งใช้ Photoshop ไปนานๆ อย่างถ้าแต้มสีแล้วฝีแปรงออกมาไม่ถูกใจ ก็เปลี่ยน settings ได้เลย
โฆษณา
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 153,683 ครั้ง