วิธีการใช้ยาสมุนไพรให้ปลอดภัย

       ดร.ภก.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี นายกสภาเภสัชกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้มีการนำยาสมุนไพรมาใช้เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาโรคมากขึ้น โดยมีความเชื่อที่ว่าสมุนไพรมาจากธรรมชาติ ดีต่อร่างกาย ไม่ตกค้าง และไม่ก่อให้เกิดพิษ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นยาแผนปัจจุบันหรือยาสมุนไพร จะมีทั้งประโยชน์ในการรักษาโรค แต่ก็อาจก่อให้เกิดโทษได้ถ้าใช้ไม่ถูกต้อง ใช้ไม่ถูกกับอาการ ไม่ถูกกับโรค หรือ ปริมาณขนาดที่ใช้ไม่เหมาะสม ก็อาจเกิดอันตรายที่คาดไม่ถึงได้เช่นกัน

        ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษา ผู้ใช้ยาควรยึดหลัก 5 ถูก คือ 1. ถูกคน 2. ถูกโรค 3. ถูกขนาด 4. ถูกวิธี และ 5. ถูกเวลา โดยก่อนใช้ยาหรือยาสมุนไพรทุกครั้ง ต้องอ่านฉลากยาให้เข้าใจ อ่านให้ละเอียด และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อการใช้ยาได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับยาต่อเนื่อง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือ ไขมันในเลือดสูง หากจำเป็นต้องใช้ยาสมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ก็ควรที่จะปรึกษาเภสัชกร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุดเพราะบางครั้ง ยากับสมุนไพรอาจมีผลกระทบกันภายในร่างกาย ส่งผลให้เกิดการเพิ่มหรือลดผลของการรักษา ทั้งยังอาจเพิ่มอาการไม่พึงประสงค์ ผลข้างเคียงที่ไม่เป็นประโยชน์ หรือก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้

        ทั้งนี้ ในปัจจุบันรัฐบาลได้ส่งเสริมให้มีการใช้สมุนไพรเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรค โดยได้รับรองและบรรจุยาสมุนไพรไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ 24 รายการ อาทิ

- กลุ่มยารักษาอาการของระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ ยาขมิ้นชัน ยาขิง (ขับลม บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ) ยากล้วย ยาฟ้าทะลายโจร (บรรเทาอาการท้องเสีย) ยาชุมเห็ดเทศ ยามะขามแขก (บรรเทาอาการท้องผูก)

- กลุ่มยารักษาอาการของระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ ยาฟ้าทะลายโจร

- กลุ่มยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร ได้แก่ ยากล้วย

- กลุ่มยาบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ได้แก่ ยาขิง

- กลุ่มยารักษาอาการทางระบบผิวหนัง ได้แก่ ยาทิงเจอร์ทองพันชั่ง ยาทิงเจอร์พลู ยาบัวบกครีม ยาเปลือกมังคุด ยาพญายอครีม ยาว่านหางจระเข้เจล ยาเมล็ดน้อยหน่าครีม

- กลุ่มยารักษาอาการทางกล้ามเนื้อและกระดูก ซึ่งมีทั้งยารับประทาน ได้แก่ ยาเถาวัลย์เปรียง ยาสารสกัดจากเถาวัลย์เปรียง และยาใช้ภายนอก ได้แก่ ยาพริก ยาไพล ยาน้ำมันไพล

- กลุ่มยารักษาอาการระบบทางเดินปัสสาวะ ได้แก่ ยากระเจี๊ยบแดง ยาหญ้าหนวดแมว

- กลุ่มยาแก้ไข้ แก้ร้อนใน ได้แก่ ยาบัวบก ยามะระขี้นก ยารางจืด ยาหญ้าปักกิ่ง

- ยาถอนพิษเบื่อเมา ได้แก่ ยารางจืด

- ยาลดความอยากบุหรี่ ได้แก่ ยาหญ้าดอกขาว

          ภญ.จันทิมา โยธาพิทักษ์ ผู้ช่วยนายกสภาเภสัชกรรม ฝ่ายวิชาการ กล่าวว่า การใช้สมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบันนั้น บางอย่างสามารถใช้ร่วมกันได้ แต่ควรแจ้งข้อมูลให้กับแพทย์หรือเภสัชกรทราบทุกครั้งว่ากำลังใช้สมุนไพรชนิดใดอยู่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด เพราะยาแผนปัจจุบันกับยาสมุนไพรบางชนิดอาจไปออกฤทธิ์ขัดกันหรือเสริมฤทธิ์กัน ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงวัยที่มีโรคเรื้อรัง โรคประจำตัวซึ่งจะมีการใช้ยา วิตามิน สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนใหญ่ผู้สูงวัยที่มีโรคเรื้อรังมักใช้ยามากกว่า 1 ชนิด และต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจและหลอดเลือดตีบ อัมพาต-อัมพฤกษ์ ข้อเข่าเสื่อม และโรคมะเร็ง เป็นต้น ดังนั้น การใช้ยาแผนปัจจุบันกับสมุนไพรร่วมกัน อาจส่งผลให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้ เช่น

  • มะขามแขก เกิดปฏิกิริยากับยาขับปัสสาวะ เพิ่มการขับถ่ายธาตุโพแทสเซียมจนเกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ อาจเกิดอาการกล้ามเนื้อล้า ตะคริว และหัวใจเต้นผิดจังหวะได้

  • ขิง แปะก๊วย เกิดปฏิกิริยากับยาต้านการแข็งตัวของเลือด และยาลดการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดเหลวและแข็งตัวช้าเกินไป ถ้าเกิดมีแผลเลือดออก จะเสียเลือดมาก

  • ขมิ้นชัน เกิดปฏิกิริยากับยารักษามะเร็งทำให้ฤทธิ์ต้านมะเร็งของยาลดลง

  • โสม เกิดปฏิกิริยากับยาที่ใช้รักษามะเร็ง ทำให้เพิ่มอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์ของยา เช่น พิษต่อตับ

  • ในบางรายการ สมุนไพรจำพวกกระเทียม มะระขี้นก หรือ กระเจี๊ยบแดง ร่วมกับยารักษาโรค อาจเสริมฤทธิ์กัน ทำให้ความดันโลหิต หรือน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติได้ ผู้ป่วยอาจมีอาการวูบ หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ มือสั่น ใจสั่น ได้ เป็นต้น

         “สมุนไพรนอกจากจะมีประโยชน์ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ในทางตรงกันข้าม หากใช้ไม่ถูกต้องอาจมีโทษและอันตรายได้ เช่น โรคไขมันในเลือดสูง เบาหวาน และความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด ทำได้เพียงบรรเทาอาการและป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และหากเป็นโรคที่ยังพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดว่า รักษาด้วยสมุนไพรแล้วได้ผลดี ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้สมุนไพรนั้น และควรรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันไปก่อน” ภญ.จันทิมา กล่าวเสริม

      ฉะนั้น สิ่งสำคัญในการใช้ยาและยาสมุนไพรคือ การอ่านฉลากยาให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้สามารถใช้ยาได้อย่างถูกคน ถูกโรค ถูกขนาด ถูกทางหรือถูกวิธี และถูกเวลา ควรเลือกซื้อยาสมุนไพรจากร้านยาคุณภาพที่มีใบอนุญาตและมีเภสัชกรประจำ และสินค้านั้นต้องมีเลขทะเบียนตำรับยา บรรจุอยู่ในสภาพที่ดี ไม่ชำรุด นอกจากนี้ก่อนซื้อยาสมุนไพร ควรดูฉลากยาทุกครั้ง เช่น ชื่อยา เลขทะเบียนตำรับยา อ.ย. ปริมาณของยาสมุนไพรที่บรรจุ เลขที่ หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิตชื่อผู้ผลิต และสถานที่ผลิตยา วัน เดือน ปี ที่ผลิตและหมดอายุของยา ไม่ควรซื้อยาสมุนไพรจากแผงขายตามท้องตลาด หรือแบบแบ่งขาย เพราะอาจเสี่ยงที่เป็นยาสมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ ตามมาด้วยผลเสียต่อร่างกาย ดังนั้นหากมีปัญหาเรื่องยาและสมุนไพร วางใจเภสัชกร

      สำหรับประชาชนที่สนใจ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมชมนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับยาและสมุนไพร พร้อมทั้งขอรับเอกสารและปรึกษาเรื่องยาและสมุนไพรกับเภสัชกรได้ ในพิธีเปิดโครงการสัปดาห์เภสัชกรรมได้ในวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2560 เวลา 11.00-17.00 น. ณ ลานอีเดน 3 ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือ ร่วมกิจกรรมการให้ความรู้เรื่องยาและสมุนไพรในโรงพยาบาล ร้านยาและหน่วยงานบริการสาธารณสุขพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 24-30 มิถุนายน 2560 นี้ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการใช้ยา ขอรับคำปรึกษากับเภสัชกรในสถานพยาบาลหรือร้านยาใกล้บ้าน 

วิธีการใช้ยาสมุนไพรให้ปลอดภัยมีอะไรบ้าง

ใช้ให้ถูกวิธี สมุนไพรที่จะนำมาใช้ บางชนิดต้องใช้ต้นสด บางชนิดต้องผสมกับเหล้า บางชนิดใช้ต้มหรือชง ซึ่งหากใช้ไม่ถูกต้องก็ไม่เกิดผลในการรักษา ใช้ให้ถูกโรค เช่น มีอาการท้องผูก ก็ต้องใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ถ้าไปใช้สมุนไพรที่มีรสฝาด จะทำให้ท้องยิ่งผูกมากขึ้น

ข้อควรระวังในการใช้ยาสมุนไพรคืออะไร

ไม่ควรใช้สมุนไพรติดต่อกันเป็นเวลานานๆ หากจำเป็นหรือมีความประสงค์ที่จะใช้สมุนไพรเป็นเวลานาน ควรมีการตรวจร่างกายทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการใช้สมุนไพรเป็นระยะๆ ได้แก่ ตรวจการทำงานของตับ เช่น ตรวจเอนไซม์ตับ ( AST, ALT) การทำงานของไต (BUN, Cr) ความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น

การใช้สมุนไพรให้ถูกหลักและให้ได้ผลดีที่สุดต้องปฏิบัติอย่างไร

หลักในการใช้สมุนไพรให้ได้ผลดีที่สุดมีดังนี้ 1. ใช้ให้ถูกต้น สมุนไพรมีชื่อพ้องหรือซ้ากันมากและบางท้องถิ่นก็เรียกไม่เหมือนกัน จึงต้องรู้จักสมุนไพร และใช้ให้ถูกต้น 2. ใช้ให้ถูกส่วน ต้นสมุนไพรไม่ว่าจะเป็นราก ใบ ดอก เปลือก ผล เมล็ด จะมีฤทธิ์ไม่เท่ากัน บางทีผลแก่ ผลอ่อนก็มี ฤทธิ์ต่างกันด้วย จะต้องรู้ว่าส่วนใดใช้เป็นยาได้

อาการใดที่ไม่ควรใช้สมุนไพรในการรักษา

กลุ่มอาการ / โรคที่ไม่ควรใช้สมุนไพร เป็นโรคร้ายแรง โรคเรื้อรัง หรือโรคที่ยังพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดว่ารักษาด้วยสมุนไพรได้ เช่น งูพิษกัด สุนัขบ้ากัด บาดทะยัก กระดูกหัก มะเร็ง วัณโรค กามโรค ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคเรือน ดีซ่าน หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ปอดบวม (ปอดอักเสบ) อาการบวม ไทยฟอยด์ โรคตาทุกชนิด

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv แปลภาษาอาหรับ-ไทย lmyour แปลภาษา ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค Google Translate การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 หยน อาจารย์ ตจต เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 บบบย ศัพท์ทหารบก แปลภาษาจีน การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ขุนแผนหลวงปู่ทิม มีกี่รุ่น ชขภใ ตม.เชียงใหม่ เซ็นทรัลเฟสติวัล พจนานุกรมศัพท์ทหาร รหัสจังหวัด อําเภอ ตําบล รหัสประจำจังหวัด 77 จังหวัด สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม หนังสือราชการ ตัวอย่าง ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด อเวนเจอร์ส ทั้งหมด แปลภาษา มาเลเซีย ไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค ่้แปลภาษา Egp G no Reconguista Google map ขุนแผนหลวงปู่ทิมรุ่นแรก ข้อสอบภาษาไทยพร้อมเฉลย ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ค้นหา ประวัติ นามสกุล จองคิว ตม เชียงใหม่ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ดีแม็กมือสองราคาไม่เกิน350000 ตัวอย่างรายงานการประชุมสั้นๆ