กินวิตามินอีทุกวัน อันตรายไหม

ปัจจุบันวิตามิน หรือ Suppliments เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเลือกรับประทานอาหารเสริมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งปัจจุบันก็มีตัวเลือกผลิตออกมามากมายหลากหลายยี่ห้อให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรในท้องตลาด ทั้งนี้หลายๆ ท่านก็อาจจะสงสัยว่าการเลือกรับประทานหรือบริโภควิตามินอาหารเสริมเป็นประจำทุกวันจะก่อให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงใดๆ หรือไม่

บทความนี้มีข้อมูลดีๆ มาฝากว่าการกินวิตามินทุกวันอันตรายไหม ซึ่งจริงๆ แล้วขึ้นชื่อว่า "อาหารเสริม" ก็แปลตรงตัวคืออาหารที่เข้ามาเสริมหรือช่วยเติมเต็มสิ่งที่ร่างกายอาจจะขาดหายไปบ้างในชีวิตประจำวัน ซึ่งทั้งนี้หากในชีวิตประจำวันของคนเราได้รับสารอาหารจากรับประทานที่มากเพียงพอก็อาจจะไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมอีก แต่จะมีข้อมูลเพิ่มเติมอะไรที่เราควรทราบบ้าง ตามมาหาคำตอบกันต่อได้จากบทความนี้เลย

  • วิตามิน-อาหารเสริม จำเป็นแค่ไหน เสียเงินฟรีหรือเปล่า?
  • “ยา วิตามิน อาหารเสริม” ตัวไหน ควร-ไม่ควรกินคู่กัน

วิตามินจากการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน เพียงพอต่อร่างกายจริงๆ หรือไม่

สำหรับผู้บริโภคบางท่านที่อาจจะลังเลหรือสงสัยว่าเลือกกินวิตามินทุกวันอันตรายไหม จากที่เกริ่นไปบ้างแล้วในข้างต้น วิตามินหรือสารอาหารในบางส่วนนั้นได้รับจากการเลือกรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น ผักและผลไม้ ปริมาณที่มากเพียงพอแก่ร่างกายต่อวันคืออยู่ที่ขนาดทั้งหมด 5 ส่วน โดย 1 ส่วนจะมีขนาดประมาณ 1 กำปั้นมือ ซึ่งถ้าใน 1 วันการเลือกรับประทานอาหารในชีวิตประจำวันของคนเรามีผักและผลไม้ไม่ถึง 5 ส่วน หรือ 5 กำปั้นมือนั่นหมายความว่าร่างกายอาจได้รับวิตามินหรือเกลือแร่ไม่เพียงพอ ในกรณีนี้อาจจำเป็นต้องพึ่งอาหารเสริมเพิ่มเติม

คนที่มีโรคประจำตัว กินวิตามินทุกวัน อันตรายหรือไม่

อีกหนึ่งกรณีสำคัญที่ควรทราบสำหรับผู้บริโภคที่อาจจะยังคงมีข้อสงสัย ในกรณีของคนที่มีโรคประจำตัว การกินวิตามินทุกวันอันตรายไหม หรือจะส่งผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า คำตอบก็คือสำหรับผู้ที่มีประวัติการผ่าตัดลำไส้ มีประวัติลำไส้ดูดซึมที่บกพร่อง ตลอดไปจนถึงโรคประจำตัวอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าในชีวิตประจำวันร่างกายอาจดูดซึมวิตามินหรือเกลือแร่เข้าไปเพื่อใช้งานได้ไม่เพียงพอ ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารเสริมเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซับปริมาณสารอาหารให้เพียงพอแก่การใช้งานจึงเป็นสิ่งจำเป็น

กินวิตามินอย่างไร ถึงจะปลอดภัยต่อร่างกาย

อีกหนึ่งคำถามสำคัญของการเลือกกินวิตามินทุกวันอันตรายไหมนั่นก็คือในเรื่องของปริมาณอาหารเสริมที่รับประทานในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตามในส่วนนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรเลือกรับประทานแต่พอดี ไม่มากเกินไปแต่ก็ไม่ควรน้อยจนเกินไป เน้นรับประทานให้ครบถ้วนในส่วนที่ร่างกายขาดไป ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเติมเต็มจะดีที่สุด

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าที่เรากินไปมากหรือน้อยเกินไป

จริงๆ แล้ว วิตามินทุกชนิด เราสามารถมีได้อย่างเพียงพอจากการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่และหลากหลายสับเปลี่ยนชนิดของอาหารไปเรื่อยๆ แต่ในบางรายแพทย์อาจพิจารณาให้กินวิตามินเสริมในบางกรณี เช่น

  • คนที่ทานมังสวิรัติและทานเจอย่างเคร่งครัดจะขาดวิตามิน B และ B12 จึงแนะนำให้รับประทานวิตามินเสริม
  • ผู้ที่ต้องกินยาฆ่าเชื้อเพื่อรักษาโรคใดโรคหนึ่งบ่อยๆ แพทย์อาจสั่งวิตามินเคให้รับประทานเพิ่ม
  • ผู้ที่ไม่รับประทานทั้งผักและผลไม้
  • คนไข้มีโรคหลอดเลือดสมอง และต้องได้รับอาหารผ่านทางสาย

รวมถึงวิตามินที่คนไทยขาดบ่อยๆ คือ วิตามินดี ที่สามารถเพิ่มให้กับร่างกายได้ง่ายๆ ด้วยการให้ร่างกายออกไปสัมผัสกับแสงแดดยามเช้าตรู่อ่อนๆ 10-15 นาที

หากไม่ได้อยู่กลุ่มเสี่ยงขาดวิตามิน อาจไม่จำเป็นต้องกินวิตามินเสริม แต่หากอยากกินวิตามินเสริมเพื่อคุณสมบัติอื่นๆ เช่น เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค หรือเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับผิวพรรณ ควรกินตามขนาดที่ระบุไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์ และไม่ควรติดต่อกันนานจนเกินไป ระยะเวลาโดยทั่วไปอยู่ที่การกินติดต่อกันทุกวันไม่เกิน 3 เดือน หากได้รับคุณประโยชน์จากการกินวิตามินนั้นๆ แล้ว สามารถปรับลดหรือหยุดกินได้

ทั้งนี้ เรื่องของการกินวิตามินให้ปลอดภัยต่อร่างกาย ในสภาพร่างกายที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน ก่อนซื้อวิตามินกินเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อกิน

จากข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมทั้งหมดที่กล่าวไปในข้างต้นเป็นการคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกกินวิตามินทุกวันอันตรายไหม อย่างไรก็ตามแนะนำให้เลือกรับประทานแต่พอดี การรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามินในปริมาณเยอะๆ ในชีวิตประจำวันไม่ได้หมายความว่าจะดีแก่ร่างกายเสมอไป ปริมาณของวิตามินที่เยอะมากเกินไปอาจไปก่อให้เกิดสารตกค้างในร่างกายก็เป็นได้

รายงานการศึกษาของคณะนักวิจัยที่ Cleveland Clinic นำโดย Dr. Eric Klien ใช้กลุ่มตัวอย่างผู้ชายสุขภาพแข็งแรงในอเมริกา แคนาดาและเปอโตริโกมากกว่า 35,000 คน อายุ 50 ปีขึ้นไป โดยกลุ่มตัวอย่างบางคนถูกสุ่มให้รับประทานวิตามิน E เสริมชนิดเม็ดขนาด 400 IU หรือ International Unit ทุกวันวันละหนึ่งเม็ดเป็นเวลา 5 ปี พบว่าผู้ชายที่รับประทานวิตามิน E 400 IU ทุกวันมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากสูงกว่ากลุ่มตัวอย่างที่รับประทานวิตามินปลอมราว 17% โดยความเสี่ยงดังกล่าวยิ่งเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ชายที่อายุสูงขึ้น

วิตามิน E เสริมชนิดเม็ดขนาด 400 IU พบได้ทั่วไปตามร้านขายยาหรือขายวิตามินต่างๆ ซึ่งเป็นระดับสูงกว่าที่แพทย์แนะนำคือราว 23 IU ต่อวันเกือบ 20 เท่า

วิตามิน E มีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบประสาท กล้ามเนื้อ เส้นเลือดและระบบภูมิคุ้มกันโรค พบได้ในอาหารหลายประเภทเช่น ถั่ว เมล็ดพืชและน้ำมันพืช ในอเมริกามีการโฆษณาประชาสัมพันธ์มานานแล้วว่าการรับประทานวิตามิน E เสริมอัดเม็ดสามารถช่วยป้องกันโรคได้ รายงานประเมินว่าปัจจุบันมีผู้ชายอเมริกันราว 13% รับประทานวิตามิน E เสริม แต่งานวิจัยหลายชิ้นในช่วงหลังๆต่างระบุว่าการรับประทานวิตามิน E เสริมมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพหลายประการ รวมถึงโรคหัวใจล้มเหลว และล่าสุดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

การรักษามะเร็งต่อมลูกหมากทำได้ยากและค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากมะเร็งต่อมลูกหมากที่เติบโตช้าบางชนิดอาจไม่ถึงแก่ชีวิต แต่กระบวนการรักษาซึ่งรวมถึงการผ่าตัด อาจทำลายระบบการทำงานทางเพศหรือทำให้เกิดอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

รายงานวิจัยชิ้นนี้มิได้ระบุว่าวิตามิน E ส่งผลเสียต่อต่อมลูกหมากได้อย่างไร แต่พบว่าความเสี่ยงต่อมะเร็งต่อมลูกหมากนั้นยังคงมีอยู่แม้หยุดรับประทานวิตามิน E เสริมปริมาณสูงดังกล่าวแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ชายที่รับประทานวิตามิน E เสริมร่วมกับซีลีเนียม งานวิจัยชิ้นนี้พบว่าไม่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นเพราะซีลีเนียมมีผลต่อต้านอันตรายจากวิตามิน E เสริมได้

ทางด้าน Dr. Otis Brawley หัวหน้าคณะแพทย์ของสถาบัน American Cancer Society ระบุว่าการรับประทานวิตามินเสริมมากเกินไปนั้นไม่เคยได้รับการพิสูจน์ว่ามีประโยชน์จริงๆ และอาจมีโทษเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ผู้นี้แนะนำว่าสามารถทานได้แต่ควรทานในปริมาณน้อย เช่นวิตามิน E ที่ผสมรวมอยู่ในวิตามินเสริมประเภทรวมวิตามินหลายชนิดไว้ในเม็ดเดียวหรือ multivitamin

บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เตือนว่าทุกคนควรใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการรับประทานวิตามินเสริมหรืออาหารเสริมประเภทต่างๆ พร้อมแนะนำว่าอาหารตามธรรมชาติคือแหล่งวิตามินที่ดีที่สุด

รายงานความเกี่ยวข้องระหว่างวิตามิน E เสริมกับความเสี่ยงของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากนี้ตีพิมพ์อยู่ในวารสารของสถาบันการแพทย์อเมริกันฉบับวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ 2011

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv แปลภาษาอาหรับ-ไทย lmyour แปลภาษา ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค Google Translate การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 หยน อาจารย์ ตจต เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 บบบย ศัพท์ทหารบก แปลภาษาจีน การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ขุนแผนหลวงปู่ทิม มีกี่รุ่น ชขภใ ตม.เชียงใหม่ เซ็นทรัลเฟสติวัล พจนานุกรมศัพท์ทหาร รหัสจังหวัด อําเภอ ตําบล รหัสประจำจังหวัด 77 จังหวัด สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม หนังสือราชการ ตัวอย่าง ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด อเวนเจอร์ส ทั้งหมด แปลภาษา มาเลเซีย ไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค ่้แปลภาษา Egp G no Reconguista Google map ขุนแผนหลวงปู่ทิมรุ่นแรก ข้อสอบภาษาไทยพร้อมเฉลย ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ค้นหา ประวัติ นามสกุล จองคิว ตม เชียงใหม่ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ดีแม็กมือสองราคาไม่เกิน350000 ตัวอย่างรายงานการประชุมสั้นๆ