Skip to content
Home / NEWS / ศูนย์วิจัยกสิกรฯ รายงานผลสำรวจปัญหาการเรียนออนไลน์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยถึง ปัญหาการเรียนออนไลน์ การระบาดของโรคโควิดทำให้เกิดความไม่พร้อมด้านอุปกรณ์ อีกทั้งค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ปกครองรายได้น้อย
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้เเจงถึงประเด็นการเรียนออนไลน์ ว่า เนื่องจากพบว่านักเรียนส่วนใหญ่เรียนออนไลน์ตามสัดส่วนต่าง ๆ อาทิเช่น เรียนผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟน คิดเป็น 50.9% เรียนผ่านแท็บเล็ต คิดเป็น 34.2% และเรียนผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อีกประมาณ 32.6% ของกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งจากการสรุปผลในทางทฤษฎีชี้ให้เห็นว่าการเรียนออนไลน์ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนหรือเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ เป็นระยะเวลานานก็อาจจะส่งผลต่อสุขภาพของนักเรียน
ปรากฏว่าข้อมูลของ Hootsuite ระบุว่า ประชากรไทยส่วนใหญ่ครอบครองโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟน คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 98.9% และแท็บเล็ตคิดเป็น 48.5% และ 34.7% ของกลุ่มประชากรที่มีช่วงอายุ 16-64 ปี ตามลำดับ นอกจากนี้ จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ปกครองยังเผชิญปัญหาเรื่อง ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์การเรียน หรืออินเทอร์เน็ต เเละมีข้อจำกัดเรื่องความรู้ทางเทคโนโลยี ส่งผลให้บางทีเมื่อเกิดปัญหาระหว่างการเรียนออนไลน์ต้องใช้เวลาในการแก้ไขเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ยังใช้ระบบเเบบเติมเงิน ขณะที่การใช้อินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงมีเพียง 9-10 ล้านคน
ผลกระทบจากการเรียนออนไลน์
- ผู้ปกครองที่มีรายได้น้อย เผชิญความไม่พร้อมต่อการเรียนออนไลน์ ทั้งอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายอินเทอร์เน็ตที่มีราคาสูง
- ผู้ปกครองไม่มีเวลาในการดูแลบุตรหลานระหว่างการเรียนออนไลน์
- รูปแบบการสอนที่ไม่ดึงดูด ไม่มีเเรงจูงใจ ทำให้นักเรียนมีขาดสมาธิส่งผลให้เกิดปัญหาไม่เข้าใจบทเรียน
- ความไม่เสถียรของระบบอินเทอร์เน็ต ทำให้การเรียนไม่ต่อเนื่อง
- ปัญหาสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมกับการเรียนออนไลน์
มุมมองของผู้ปกครองด้านการเรียนออนไลน์
จากผลสำรวจ พบว่า- 56.4% ยังมีความกังวลต่อรูปแบบการเรียนออนไลน์โดยเฉพาะ “คุณภาพการศึกษา”
- 48.2% มองว่า การเรียนออนไลน์ระยะยาวจะส่งผลในเรื่องของสุขภาพและคุณภาพชีวิตของบุตรหลาน
- 37.8% มองว่า มีเรื่องข้อจำกัดและความไม่ปลอดภัยของเทคโนโลยี
ดังนั้น ผู้ปกครองจึงเล็งเห็นว่าเมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้นและนักเรียนสามารถกลับไปเรียนได้ ทางโรงเรียนอาจจะมีการจัดเรียนเพิ่มเติมในวันหยุดเเต่ละสัปดาห์ หรือเพิ่มเวลาเรียนในวันธรรมดาและปรับลดเวลากิจกรรมบางประเภทลง เพื่อไม่ให้กระทบการเรียนของนักเรียน
เเนวทางการพัฒนา
- สำหรับนักเรียนที่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์ สามารถใช้คลิปวิดีโอประกอบการสอน อีกทั้งเปิดช่องทางสื่อสารระหว่างครูและนักเรียนแบบเรียลไทม์ (Real Time) รวมถึงการจัดทำคลิปบันทึกการสอนเพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าไปดูและทบทวนความรู้ได้ตลอดเวลา
- สำหรับนักเรียนที่ไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์ เบื้องต้นทางการอาจจะแจกบทเรียนพร้อมสรุปและแบบฝึกหัด เพื่อให้นักเรียนสามารถทำความเข้าใจก่อนเปิดภาคเรียนใหม่
ด้วยเหตุนี้ อาจจะมีการพัฒนาคอนเทนต์การศึกษาตามหลักสูตรของแต่ละระดับชั้นในช่องทางออนไลน์ เพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าไปเรียนรู้เพิ่มเติมและทบทวนความรู้ได้ตลอดเวลา และเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ปกครองบางกลุ่มที่เผชิญกับปัญหาด้านการเงิน โดยเฉพาะ การพัฒนาการศึกษาในระบบให้มีคุณภาพและพยายามลดข้อจำกัด เพื่อเติมเต็มช่องว่างในทุก ๆ ด้าน เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันดำเนินการ
“การเรียนออนไลน์” เป็นทางเลือกที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการเปิดเทอมใหญ่ในปี 2564 นี้
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงมีผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง
สถานศึกษาบางแห่งมีการเตรียมพร้อมด้วยการเรียนออนไลน์ก่อนที่จะเปิดเทอมในวันที่ 14 มิ.ย. นี้
แต่ใช่ว่าผู้ปกครองและนักเรียนทุกคนจะพร้อม และสามารถปรับตัวเรียนออนไลน์ได้เสมอไป
เพราะยังมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ไม่เอื้ออำนวย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้ปกครองในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ต่ออุปสรรคในการที่บุตรหลานต้องกลับมาเรียนออนไลน์อีกครั้ง และมุมมองต่อการศึกษาในรูปแบบออนไลน์ในระยะข้างหน้า
พบว่า ผู้ปกครองที่มีรายได้น้อยเผชิญความไม่พร้อมต่อการเรียนออนไลน์ทั้งอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายอินเทอร์เน็ต
แม้การเรียนออนไลน์เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดเทอมจะไม่ใช่เรื่องใหม่ของผู้ปกครองในยุคที่มีการระบาดของโควิด-19
แต่จากการสำรวจพบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่กว่า 79.1% ยังพบอุปสรรคในการเรียนออนไลน์
อุปสรรคสำคัญคือ อความไม่พร้อมในอุปกรณ์การเรียนออนไลน์โดยพบว่า นักเรียนส่วนใหญ่เรียนออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนคิดเป็นสัดส่วน50.5%
ขณะที่เรียนผ่านแท็บเล็ต 34.2% และเรียนผ่านคอมพิวเตอร์มีประมาณ 32.6%
แน่นอนว่าการเรียนออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนเป็นระยะเวลํานํานก็อําจจะส่งผลต่อสุขภําพของนักเรียน
ยังพบอีกว่า กลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้น้อยจะมีปัญหาเรื่องของอุปกรณ์การเรียนอย่างคอมพิวเตอร์/แท็บเล็ต และอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะกลุ่มที่มีบุตรหลานในวัยเรียนมากกว่า1 คน จะเผชิญกับข้อจำกัดในการซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อใช้ในการเรียนออนไลน์และบางส่วนมองว่าต้องมีรายจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น
นอกจากปัญหาของความพร้อมในด้านอุปกรณ์แล้ว ผู้ปกครองยังต้องเผชิญกับปัญหาแวดล้อมอื่นๆ อีกอาทิ
ไม่มีเวลาในการดูแลบุตรหลานระหว่างเรียนออนไลน์
รูปแบบการสอนที่ไม่จูงใจ ทำให้เด็กนักเรียนมีสมาธิไม่เพียงพอ เกิดปัญหาการไม่เข้าใจบทเรียน
ความไม่เสถียรของระบบอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อทำให้การเรียนไม่ต่อเนื่อง
และปัญหาสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยไม่เหมาะกับการเรียนออนไลน์
ขณะที่ในระยะยาวการเรียนออนไลน์มีบทบาทมากขึ้น เทรนด์การศึกษาใหม่ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศอย่าง Hybrid Homeschooling เป็นรูปแบบการเรียนที่มีการผสมระหว่างการเรียนออนไลน์และการเรียนที่โรงเรียนเป็นบางวัน
แต่จากผลสำรวจสะท้อนว่า ผู้ปกครองยังมีความกังวลต่อรูปแบบการเรียนออนไลน์ ได้แก่ คุณภาพการศึกษา ผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของบุตรหลาน
รวมถึงข้อจำกัดและความไม่ปลอดภัยของเทคโนโลยีด้วย
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook:
www.facebook.com/marketeeronline