แผนกซักรีดในโรงแรม หน้าที่

การเป็นแม่บ้านที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านในการทำงานกับโรงแรม รีสอร์ท เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ หรือพนักงานทำความสะอาดของบริษัทและองค์กรทั่วไป หากต้องการให้มีผลงานที่ดี ทำงานแบบมืออาชีพ ได้รับคำชม และมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อทราบและมีโอกาสฝึกปฏิบัติวิธีการและขั้นตอนต่างๆ อย่างถูกวิธี

งานแม่บ้านโรงแรม หมายถึง งานดุแลทุกส่วนของโรงแรม ทั้งห้องพักและบริเวณสาธารณะที่ให้บริการแขก (ยกเว้ย บริเวณครัว เป็นหน้าที่ของ Steward) ตำแหน่งแม่บ้านโรงแรมในหลายๆโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรม 4-5 ดาว จะเรียนตำแหน่งนี้ว่า ผู้ช่วยผู้จัดการ หรือ  Assistant Manager คือ เป็นผู้บริหารระดับสูง เป็นหน่วยงานที่เข้าทำงานในทุกเนื้อที่ของโรงแรมเป็น หน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับแผนกต่างๆได้ดี ทำให้สามารถมองเห็นการทำงานของทุกฝ่ายได้

คว้างานที่ใช่ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า​

 

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

การจัดแบ่งแผนกงานต่างๆ ในโรงแรม ตอนแผนกครัว

การจัดแบ่งแผนกงานต่างๆ ในโรงแรม ตอนแผนกต้อนรับ

การจัดแบ่งแผนกงานต่างๆ ในโรงแรม ตอนแผนกบริการทั่วไป

การจัดแบ่งแผนกงานในโรงแรม  งานโรงแรม  งานในโรงแรม  ทำงานโรงแรม  แผนกแม่บ้าน  แผนกแม่บ้านในโรงแรม  แผนกโรงแรม  แผนกในโรงแรม

บทความยอดนิยม

ช้อปดีมีคืน 2566 รวมทุกเรื่องต้องรู้! ช้อปแบบไหนถึงมี (เงิน) คืน

มาตรการลดหย่อนภาษีประจำปี “ช้อปดีมีคืน” ของทางภาครัฐกลับมาอีกครั้ง ชาวไทยผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีจึงพากันให้ความสนใจโครง...

Salary :
เงินเดือนN/A (THB)Types of employees :
ประเภทงานFull-time
เต็มเวลาArea :
ปฎิบัติงานที่จังหวัดEducation :
การศึกษาNo specific
ไม่จำกัดวุฒิExperience :
ประสบการณ์การทำงาน2 Year (ปี)Gender :
เพศMale/Female
ชาย/หญิงAge :
อายุNon-Specific
ไม่จำกัดอายุUnit :
จำนวนรับหลายอัตราNew Graduated :
นักศึกษาจบใหม่No
ไม่รับพิจารณาForeigner :
ชาวต่างชาติNo
ไม่รับพิจารณาDisabled :
ผู้พิการNo
ไม่รับพิจารณาNight shift :
ตำแหน่งงานกะดึกNo
ไม่ใช่

1.จัดการดูแลแผนกซักรีด โดยมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพในด้านคุณภาพ,การบริการ,ความเร็ว เพื่อนำสิ่งที่ดีไห้กับแขกและโรงแรม
2.ช่วยอำนวยความสะดวกกับแขกในการจัดเก็บ,ทำความสะอาด และการนำของส่งคืนกับแขกตามข้อกำหนดของดรงเเรม
3.จัดการดูแลความประพฤติของพนักงานให้ปฏิบัติตามหน้าที่ในการบริการที่ดีที่สุด โดยให้มีความเหมาะสมกับผ้าของดรงแรมและเเขก
4.ควรมีความรู้เรื่องน้ำยาเคมี และผงซักฟอกเพื่อที่จะได้เเนะนำพนักงานซักรีดได้อย่าง๔ุกต้อง
5.ฝึกอบรมพนักงานที่เข้าใหม่ เพื่อให้ปฏิบัตงานของแผนกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
6.ตรวจเช็คอุปกรณ์เครื่องใช้ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
7.ปฏิบัติตามหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมกับสภาพในเวลานั้น

- มีที่พัก น้ำไฟฟรี
-ประกันสังคม
-โอที (บางตำแหน่ง)
-ท่องเที่ยวประจำปี/งานเลี้ยงประจำปี
-ปรับเงินเดือนประจำปี
-โบนัส
-เบี้ยขยัน

ประกาศนี้ปิดรับสมัครเรียบร้อยแล้ว!

ตำแหน่งงานอื่นๆ ของบริษัทนี้

Managing
Laundry

บทที่ 7
การบรหิ ารงานในแผนกซักรดี

นางสาวเนตรนารี วงศแ์ หวน รหัสนกั ศึกษา 6121390044

Managing Laundry

✓ ภาระหน้าท่ขี องแผนกซกั รกี
✓ การวางแผนแผนกซกั รีดหรอื OPL
✓ ระบบการทางานของแผนกซักรีดหรอื OPL
✓ คุณลกั ษณะและตาแหนง่ หน้าทขี่ องพนกั งานในแผนกซักรดี
✓ องศ์ประกอบสาคญั ในการซกั ผา้
✓ เคร่อื งมือเครื่องจักรทีเ่ กี่ยวข้องในแผนกซักรีด
✓ เส้นใย (Fibers) และผา้ (Fabrics)

การตัดสินใจในการบริหารเกี่ยวกับงานซักรีดของโรงแรมนั้นว่า โรงแรมจะสร้างแผนกซักรีด
ของตนเองขน้ึ มา หรือจะนาเอาผ้าที่ใช้ในโรงแรมไปให้บุคคลที่รับจ้างภายนอกจัดการเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย
เลย เนื่องจากการตัดสินใจครั้งนี้มีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องและอาจมีผลกระทบต่อการทางาน
และให้บริการของโรงแรมโดยภาพรวม ซึ่งในแต่ละโงแรมก็จะมีปัจจัยและความจาเป็นที่แตกต่าง กัน
ไม่ว่าจะเป็นในเร่อื งเงนิ ลงทนุ เครอื่ งมอื วสั ดุ แรงงงาน และยังรวมไปถึงค่าใชจ้ า่ ยทอ่ี าจมองไม่เห็น เช่น
สวัสดิการของพนักงาน ค่าเอกสารต่าง ๆ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องมาจากทางานร่วมกันของแผนกอื่น ๆ
(แผนกบริการส่วนหน้า แผนกบัญชี แผนกรับของและแผนกบุคคล) รวมทั้งค่าหนี้สงสัยจะสูญ
ค่าประกัน ค่าเจ้าหน้าที่ตรวจบัญชี และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นอีกหลายรายการที่ จาเป็นต้องมี
การศึกษาอย่างละเอียด จากนั้นจึงจะรวมกับค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า (ซึ่งค่อนข้างสูงสาหรับ
การใช้งานของเครอ่ื งอบผา้ ) ค่านา้ และในบางครงั้ อาจรวมถงึ ค่าเชา่ พืน้ ท่ีด้วย เราสามารถแบ่งค่าใช้จ่าย
ของแผนกซักรีดออกมาเปน็ สว่ นตา่ ง ๆ ได้ดังนี้

❖ 1. คา่ แรงงาน ประมาณ 15 %
❖ 2. คา่ ใชจ้ า่ ยในการทดแทนผ้าลนิ ิน ประมาณ 20 %
❖ 3. ค่าพลงั งาน ประมาณ 15 %
❖ 4. ค่าสารเคมใี นการซักรีด ประมาณ 10 %
❖ 5. คา่ ใชจ้ ่ายอ่นื ๆ ประมาณ 10 %

Managing Laundry

หลังจากที่คิดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว จาเป็นต้องประมาณค่าสิ้นเปลืองสาหรับ
ผ้าลินิน โดยทั่วไปแล้วการใช้บริการซักรีดจากภายนอกมักจะมีการสิ้นเปลืองของผ้าลินิน
มากกว่าการซักรีดของแผนกซักรีดในโรงแรมเอง ในต่างประเทศนั้น การใช้บริการซักรีด
จากภายยอกมักจะเชา่ ผ้าลินินจากภายนอกด้วย ซึ้งผู้ประกอบการภายยอกมักจะซื้อผ้าลินินที่มี
คุณภาพต่ากว่าหรือซื้อเท่าที่จานวนที่เราต้องการ ทาให้มีการสิ้นเปลืองของผ้าลินินเร็วกว่า
เพราะเส้นใยมีคุณภาพต่า และมีการซักรีดบ่อยครั้งเกินความจาเป็น นอกจากนี้ การใช้บริการ
ซักรดี จากภายนอกยงั ต้องคานึงถึงในเรื่องของเวลาในการส่งและรับผ้าลินินด้วย เพราะปัจจัยน้ี
มีผลกระทบอย่างมากต่อการให้บริการในภาพรวมของโรงแรม เช่น ถ้ามีการส่งผ้าลินินที่ซักรีด
มาล่าช้า พนักงานทาความสาดห้องพักจะไม่สามารถทาความสะอาดและเปลี่ยนผ้าลินินต่าง ๆ
ในห้องพักได้ทันเวลาที่แขกจะเข้าพักหรือพนักงานแผนกจัดเลี้ยงไม่มีผ้าคลุมโต๊ะ หรือผ้าเช็ด
ปากบริการใหก้ บั แขกท่ีมาร่วมในงงานจัดเลี้ยง เป็นต้น

ดังนัน้ ในโรงแรมทม่ี ีขนาดของห้องพักจานวนปานกลางจนถึงจานวนมากหรือโรงแรมที่มี
การให้บริการระดับกลางจนถึงโรงแรมที่มีการให้บริการในระดับสูงมักจะมีแผนกซักรีด
ของตนเอง เพราะคิดค่าใช้จ่ายแล้วคุ้มค่ากว่าและความสะดวกสบายที่ได้รับทั้งในด้านความ
รวดเร็วและความประหยัดเวลา ถ้าแผนกซักรีดมีอยู่ในแผนกแม่บ้าน ซึ่งเราจะเรียกว่า
On-premise laundry (OPL)

01

ภาระหน้าทข่ี องแผนกซกั รีด

ภาระหน้าที่ของแผนกซักรดี

การซักผ้าเป็นการทาความสะอาดสิ่งสกปรกออกจากเส้นใยของเนื้อผ้า ซึ่งทั้งมีเส้นใย
จากธรรมชาติและใยสังเคราะห์ ดังนั้น การซักฟอกจึงจาเป็นต้องมีวิธีการที่เหมาะสมกับ
ชนิดของเส้นใยผ้าชนิดนั้น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นใยผ้าถูกทาลายหรือเกิดความเสียหาย ทั้งน้ี
ขอ้ คานงึ ท่สี าคญั ในการซกั ผ้านั้น คือ เลือกวิธีทีม่ คี วามประหยดั ท้ังเวลาและค่าใชจ้ า่ ย

งานซักรีดในโรงแรมนั้น มีภาระหน้าที่หลัก ๆ คือ เพื่อทาให้ผู้ใช้บริการได้ “ผ้า” ไปใช้
งานตามต้องการ โดยทีผ่ า้ นั้นจะตอ้ ง

1. ขาวและสะอาด ความขาวและสะอาดนั้นถือเป็นความจาเป็นที่จะต้องได้รับ เพราะ
นั้นคือวตั ถปุ ระสงคห์ ลักในการซักรดี ปจั จุบันมเี ทคโนโลยีมากมายเข้ามามีบทบาทในการทาให้ผ้าขาว
และสะอาดในงบประมาณที่ไม่มมากนัก “ความขาว” หมายถึงผ้าขาว ซึ่งเป็นผ้าที่ใช้ในโรงแรม
ประมาณ 70-90 % ของผ้าทั้งหมด ถ้าผ้าไม่ขาวก็สามารถมองได้ด้วยตาเปล่าของบุคคลทั่วไป ซึ่ง
ถอื ว่าเป็นความบกพร่องต่อหน้าที่ของผู้รับผิดชอบที่ไม่ปฏิเสธได้ ส่วนคาว่า “สะอาด” หมายถึง ผ้า
ที่ปราศจากสิ่งสกปรกหรือบ่นเปื้อน กลิ่นหรือความหม่นหมองทั้งปวง การรักษาผ้าให้ “ขาวและ
สะอาด” ถอื เป็นขอ้ สังเกตพื้นฐานถงึ ความเจริญกา้ วหนา้ ในมาตรฐานของงานซกั รีด

ภาระหนา้ ที่ของแผนกซักรีด

2. ทนั เวลา คอื กาหนดการท่ีตอ้ งรีบนาผ้าไปซักรีดให้ทนั การ ตามความตอ้ งการของแต่ละ
สถานที่ท่ตี ้องการจะใช้ เชน่ ภายใน 3 ชัว่ โมง หรือ 24 ช่ัวโมง เป็นตน้ ตามปกติน้นั ชว่ งเวลาย่งิ
สน้ั ค่าใช้จา่ ยในการซักรดี จะย่ิงสูงขึ้น ดังนั้น โรงแรมจาเป็นจาเป็นต้องพิจารณาว่า สิ่งใดสาคัญ
กวา่ กันระหวา่ งเวลากบั คา่ ใชจ้ า่ ย

3. งบประมาณ เป็นเรื่องที่สาคัญที่สุดประการหนึ่งในการควบคุมงานซักรีดให้อยู่ใน
เป้าหมายที่ต้องการในงบประมาณที่น้อยที่สุด ส่วนใหญ่นั้นผู้บริหารมักจะคานึงถึงตาค่าใช่จ่าย
ที่สามารถมองเห็นและจับต้องได้ แต่ยังมีค่าใช้จ่ายอีกหลายประเภทที่จาเป็นต้องนาไปคานวณ
เป็นค่าใช้จ่ายในแผนกซักรีด ซึ่งในบางกรณี ค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถมองเห็นมักจะสูงกว่า
ค่าใช้จ่ายที่มองเห็นได้ เช่น ค่าเสิ่อมราคาของเครื่องจักร ค่าดอกเบี้ยในการลงทุน ค่าใช้พื้นที่
หรอื ค่าเสียโอกาส เปน็ ตน้

02
การวางแผนแผนกซกั รีด หรือ OPL

การวางแผนแผนกซักรีด หรอื OPL

การสร้างระบบซักรีดที่ดีนั้นจาเป็นต้องการวิเคราะห์ในรายละเอียดต่าง ๆ ที่โรงแรมนั้น
ต้องการ ดังนั้น OPL จะเกิดผลดีที่สุด เมื่อมีการจัดการให้เข้ากับคววามต้องการของโรงแรม
ทตี่ ้องการจะใชป้ ระโยชนจ์ ากแผนกซกั รดี การงานแผนกกอ่ นการสร้างแผนกซกั รดี เป็นสิ่งจาเปน็
อย่างมาก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมา เช่น ไม่มีที่เพียงพอในการทางานภายในห้องซักรีด
ไมม่ ีเคร่อื งมอื เพยี งพอในการซักรดี ทม่ี จี านวนมากขน้ึ มที อ่ ยากเพราะพ้ืนทแี่ คบ เปน็ ตน้

หลักในการพิจารณาการวางแผนแผนกซักรีด หรอื OPL
1. จานวนของผ้าท่ี OPL จะรองรบั ไดม้ ากที่สดุ เทา่ ไร
โดยทั่ว ๆ ไป จานวนของผ้าจะสามารถวัดออกมาในจานวนของหน่อยวัดน้าหนัก เช่น
ปอนด์ หรอื กิโลกรมั ซงึ่ จานวนของผ้าท่ีจะมาซักรีดนนั้ ขึ้นอยู่กับระดบั ของจานวนแขกที่เข้ามา
พกั หรือ Occupancy rate และจานวนแขกท่ีมาใชบ้ รกิ ารในแผนกอาหารและเคร่อื งด่ืม ดังนั้น
OPL ควรมีการออกแบบให้สามารถรองรับจานวนของผ้าที่ต้องการจะซักให้มากที่สุดของ
ช่วงเวลาที่ธรุ กิจขายดที ี่สุดในแต่ละวนั

การวางแผนแผนกซักรีด หรือ OPL

2. จานวนพื้นท่ขี องโรงแรมเท่าไรที่จะมาเปน็ พนื้ ท่ีของ OPL
พื้นที่ในห้องซักรีดนั้นจะต้องมีการออกแบบให้สามารถที่จะวางเครื่องมือและอุ ปกรณ์
ทุกชนดิ ท่จี าเป็นลงไป โดยที่มีพื้นที่ว่างเพียงพอสาหรับพนักงานสามารถทางานได้อย่างสะดวก
และรวดเร็ว รวมทั้งมีพื้นที่มากพอที่จะแยกผ้าสะอาดและผ้าที่สกปรกออกจากกัน ปัจจัยหลัก
ในการพิจารณาพื้นที่ ๆ ต้องการจะใช้ คือ ความต้องการของการซักรีดจานวนของเครื่องมือ
อปุ กรณท์ ่ใี ชใ้ น OPL และจานวนผ้าทจ่ี ะเกบ็ ไวใ้ นหอ้ งเก็บผ้า นอกจากนี้ โรงแรมมักจะเผื่อพื้นที่
ว่างเอาไว้สาหรับการติดตั้งไฟฟ้า เครื่องจักร และระบบระบายของเสีย เพื่อเอาไว้ขยายออกไป
อีกในกรณีทีม่ ีความต้องการใน OPL เพม่ิ ข้ึนในอนาคต

การวางแผนแผนกซกั รีด หรอื OPL

3. ควรจะซื้อเครื่องมอื และอุปกรณต์ า่ ง ๆ จานวนเทา่ ไร เพอ่ื ให้เพียงพอกับความต้องการ
ระดับของจานวนผา้ ทต่ี อ้ งการจะซัก จะสามารถเป็นตัวตัดสินหรือปัจจัยสาคัญว่าโรงแรม
ต้องซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์เท่าไรและประเภทใดบ้าง เพื่อจะได้สามารถตอบสนองความ
ต้องการการซักรีดของโรงแรมได้ ชนิดของผ้าที่จะซักเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ใช้ในการตัดสินใจว่า
เครอ่ื งมอื และอปุ กรณช์ นิดไหนทต่ี ้องการ เชน่ โรงแรมมีกลมุ่ ลูกค้าที่เน้นในเรื่องการจัดเลี้ยงและ
หอ้ งอาหาร อาจจาเป็นตอ้ งมกี ารติดตั้งเครื่องจักรที่ใช้สาหรับการซักผ้าเช็ดปากและผ้าคลุมโต๊ะ
มากข้นึ หรือ ในบางโรงแรมที่ใช้ผ้าลินินที่ไร้รอยยับ (no-iron sheets) จึงไม่จาเป็นต้องติดตั้ง
เครื่องรีดผ้าแบบลูกกลิ้ง

การวางแผนแผนกซกั รีด หรอื OPL

สาหรับปัจจัยในเรื่องของการประหยัดพลังงานและน้า เป็นอีกสิ่งหนึ่งต้องคานึงถึง รวมทั้ง
เรื่องของการติดตั้งไฟฟ้าและการระบายของเสียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอากาศและน้า การเลือก
เครื่องจักรอุปกรณ์ที่ถูกต้องและจาเป็นต่อการทางานนั้นจะช่วยให้โรงแรมประหยัดค่าใช้จ่ายอย่าง
มาก ในเรื่องเครื่องจักรอุปกรณ์และแรงงานที่ใช้ในการทางาน และเมื่อโรงแรมสามารถที่จะเลือก
เครอ่ื งจกั รอุปกรณ์ที่จาเป็นได้แล้ว ควรที่จะมีการติดตั้งให้เหมาะสมกับระบบการทางานให้มากที่สุด
รวมทั้งมีพื้นที่เพียงพอในระบบการทางานที่ควรจะเป็น เนื่องจากการทางานให้ห้องซักรีดนั้น
มีบรรยากาศท่ีคอ่ นขา้ งร้อนและมีความชื้นสูง จึงควรที่จะมีพื้นที่ว่างและระบบระบายอากาศสาหรับ
ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และพื้นห้องในห้องซักรีดควรที่จะใช้วัสดุที่ไม่ลื่นและป้องกันน้าและ
ความชื้นต่าง ๆ ได้ รวมทั้งมีแสงสว่างที่เพียงพอในการตรวจสอบรอยเปื้อนและสิ่งสกปรกต่าง ๆ
บนเนอ้ื ผา้ การวางเครื่องจักรต่าง ๆ นั้นควรเหลือพื้นที่ออกจากกันและกันและผนังอย่างน้อย 2 ฟุต
เพ่ือใช้ในการทาความสะอาดและซ่อมแซม

การวางแผนแผนกซักรีด หรอื OPL

4.โรงแรมจะมีการใหบ้ รกิ ารทางดา้ น Valet Service หรือไม่
Valet Service คือ การบริการซักรีดให้กับแขกที่มาใช้บริการกับโรงแรมในโรงแรมที่มี
การให้บริการระดับสูง (world-class service) อาจมีความจาเป็นต้องมีบริการซักรีดและ
ซกั แห้งให้กับแขกที่มาเขา้ พัก แตใ่ นบางกรณี อาจใช้บริการซักรีดจากภายนอก เพราะต้นทุนใน
การลงทุนสูงเกินไป ซ่ึงถ้าโรงแรมตดั สนิ ใจวา่ จะมีการใหบ้ รกิ ารซักรีดและซักแห้งให้กับแขกแล้ว
จาเป็นต้องมีการตดิ ตั้งเคร่ืองมอื และอุปกรณ์ทีใ่ ช้ในการซักแหง้ เพิ่มข้นึ รวมทั้งพื้นที่ว่างที่จาเป็น
สาหรับการทางานของพนักงานแผนก Valet ต่างหาก นอกจากนี้ยังต้องมีการว่าจ้างพนักงาน
ในแผนกนี้เพิ่มเติมในการทางานส่วนของ Valet เท่านั้น เพื่อไม่ให้ก้าวก่ายการทางานในส่วน
ของพนักงานซกั รดี อนื่ และป้องกนั มใิ หเ้ ส้ือผา้ ของแขกปะปนกับการซกั รีดผ้าลนิ ินโรงแรม
ขอ้ สังเกต ขนาดของโรงแรมและชนิดของการให้บริการ สามารถเป็นปัจจัยสาคัญที่ต้อง
นามาพิจารณาด้วย เช่น ถ้าโรงแรมมีขนาดเล็ก (น้อยกว่า 150 ห้อง) และมีการให้บริการ
จานวนจากดั อาจมีความต้องการในพื้นที่ของ OPL แค่ 400-800 ตารางฟุต แต่ถ้าเป็นโรงแรม
ขนาดกลางและมีการให้บริการทางด้านอาหารและเครื่องดื่มด้วย ก็อาจมีความต้องการใช้พื้นที่
1500-2000 ตารางฟุต

03

ระบบการทางานของแผนกซกั รีด
หรือ OPL

ระบบการทางานของแผนกซกั รีด หรือ OPL

ขน้ั ตอนท่ีสาคญั ในการซักรดี ของแผนกซักรดี หรือ OPL ประกอบดว้ ย

1. การเกบ็ ผา้ ท่สี กปรกหรือใช้แลว้
2. การขนย้ายผ้าทสี่ กปรกหรอื ใช้แล้วมายังแผนกซักรีด
3. การคดั แยกผา้
4. การซกั ผา้
5. การลา้ งผา้ /การป่นั น้าออกจากผ้า
6. การอบผ้า
7. การรีดผา้
8. การผบั ผ้า
9. การเก็บผ้า
10. การขนย้ายผา้ ไปยังสถานที่ ๆ ต้องการจะใช้

ระบบการทางานของแผนกซกั รีด หรือ OPL

1. การเก็บผ้าที่สกปรกหรือใชแ้ ล้ว
เมื่อพนักงานทาความสะอาดห้องพักทาความสะอาดห้องพักแขก จะเก็บผ้าต่าง ๆ ภายใน
ห้องพักแขก ทั้งจากเตียงนอนและห้องน้า จากนั้นจะนาเอาผ้าที่สกปกหรือใช้แล้วเหล่านี้มาไว้ใน
รถเข็นหรือใส่ลงในปล่องส่งผ้า (linen chute) ข้อควรระวัง คือ ไม่ควรนาผ้าเหล้านี้วางกองอาไว้
บนพืน้ หรอื บรเิ วณทางเดนิ เพราะอาจจะทาให้ผ้าต่าง ๆ สกปรกมากขึ้นหรือถ้ามีผู้คนเดินมาอาจจะ
เหยียบย่าลงบนผ้า ทาให้เกิดความเสียหายถาวรได้ พนักงานทุกคนไม่ควรนาเอาผ้าต่าง ๆ เหล่านี้
ไปใชอ้ ยา่ งผิดวิธีหรือในการทาความสะอาดใด ๆ การใช้ผ้าต่าง ๆ ในทางที่ผิดอาจทาความเสียหาย
ให้แก่ผ้าได้ ซึ่งจะทาให้เสียค่าใช้จ่ายในการหาผ้ามาทดแทนมากขึ้น ในบางโรงแรมมีนโยบ ายให้
พนักงานเพ่ือสญั ลักษณ์วา่ ผา้ ผืนนีส้ กปรกมากหรอื อาจมกี ารใช้ถงุ พลาสติกสีต่าง ๆ เพื่อใช้ในการคัด
แยกผ้า
สาหรับในบรเิ วณห้องอาหารต่าง ๆ และห้องจัดเลี้ยง ผู้ที่รับผิดชอบในการเก็บจานจะเก็บผ้า
ใช้แลว้
เมื่อมีการเก็บโต๊ะ ควรระวังในเรื่องเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการรับประทานอาหาร เช่ น ช้อน
ส้อม หรอื มีด อาจปะปนไปกับผ้าต่าง ๆ ได้ ดังนั้น พนักงานเก็บโต๊ะควรมีการเขย่าผ้าทุกครั้ง ก่อนที่
นาผ้าไปใสใ่ นที่ใสผ่ ้า เพื่อเป็นการขจดั เศษอาหารตา่ ง ๆ ควรมีการแยกออกมาต่างหาก เพื่อให้งา่ ยต่อ
การกาจดั คราบเหล่านใ้ี นข้นั ตอนต่อไป

ระบบการทางานของแผนกซกั รีด หรอื OPL

2. การขนยา้ ยผ้าท่สี กปรก หรอื ใชแ้ ลว้ ไปยงั แผนกซกั รีด
พนักงานอาจขนย้ายผ้าที่สกปรกหรือใช้ลวไปด้วยมือหรือรถเข็นก็ได้ ในกรณีที่ขนย้ายไป
ด้วยมือ ควรระวังในเรื่องของการลากผ้าไปบนพื้น เพราะอาจทาให้ผ้าสกปรกมากขึ้น และ
อาจจะเกดิ อบุ ตั เิ หตหุ รืออันตรายกบั ผอู้ นื่ ได้ แต่ถ้าขนย้ายไปด้วยรถเขน็ ควรใช้รถเข็นท่อี อกแบบ
มาเป็นพิเศษ คือ มีพื้นผิวเรียบ ไม่มีสิ่งเกาะเกี่ยวที่เป็นอันตรายต่อผ้า และมีขนาดเหมาะสม
สามารถขนย้ายผา้ ได้สะดวก โดยทพ่ี นกั งานไมต่ อ้ งก้มหรอื ย่อตัว
3. การคัดแยกผา้ (Sorting)
แผนกซักรีด หรือ OPL ควรมีบริเวณในการคัดแยกผ้าที่ใหญ่เพียงพอหลักในการคัดแยก
ผ้าควรพิจารณาจากระดับความสกปรกของผ้า และชนิดของผ้า ซึ่งจะช่วยรักษาสภาพของผ้า
ให้มีอายุการใช้งานได้นานขึ้น และป้องกันการถูกทาลายของผ้าเร็วเกินไป ข้อควรระวัง คือ
ไมค่ วรเอาผา้ เช็ดเท้ามาซักรวมกบั ผ้าอื่น ๆ ท่ีแขกใช้

ระบบการทางานของแผนกซกั รดี หรอื OPL

หลกั การคดั แยกผ้า (Sorting)
1. การคัดแยกผ้าโดยวิธีพิจารณาจากระดับความสกปรกของผ้า ซึ่งจะแบ่งออกเป็น
3 ระดับ คือ นอ้ ย ปานกลาง และมาก ถา้ ผา้ สกปรกมากจาเป็นต้องมีสูตรของน้ายาซักผ้าท่ี
แรง และต้องใช้เวลาในการซักนานขึ้น ถ้าไม่มีการคัดแยกผ้าก่อนจะทาให้ผ้าที่มีความ
สกปรกน้อยต้องซักผ้านสตู รนา้ ยาซักที่แรงเกินความจาเป็น และใช้เวลาในการซักนานกว่า
ปกติ ซึ่งจะทาให้ผ้านั้นเสียหายเร็วกว่าที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ควรขจัดรอยเปื้อนเฉพาะ
จดุ ด้วยสสารเคมกี ่อนนาไปซกั ด้วย เชน่ คราบสนิม คราบเลอื ด เป็นตน้
2. การคัดแยกผ้าตามชนดิ ของผ้า-ตามชนิดของใยผ้า การทอหรือสี เพื่อให้แน่ใจว่า
นั้นได้ซักในอุณหภูมิที่เหมาะสมและสูตรน้ายาซักเหมาะสมกับผ้าชนิดนั้น ๆ ใน OPL บาง
แหง่ มีการซ้ือเครื่องซักผ้าสาหรับผา้ แต่ละชนดิ โดยเฉพาะ

ระบบการทางานของแผนกซกั รีด หรือ OPL

หลกั เบอ้ื งตน้ ในการขจัดรอยเปอื้ นพเิ ศษ
1. ให้แยกชนิดของผ้าก่อนว่าเป็นผ้าชนิดใด เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าไหม เพื่อจะได้ทราบว่า
เหมาะสมกบั การซกั แบบใดและสารเคมีใด เช่น ห้ามใช้ด่างในการขจัดรอยเปื้อนกับผ้าไหม้และ
ผา้ ขนสตั ว์เด็ดขาด
2. ให้แยกประเภทของรอยเปื้อน เช่น สนิม ไขมัน คราบไคล หมึก สีย้อม สีน้ามัน
เคร่อื งสาอาง หรอื อน่ื ๆ
3. ทดสอบน้ายาขจัดรอยเปื้อนบนผ้า โดยการทดสอบกับมุมผ้าที่ลับตา เช่น ชายผ้าด้าน
ใน เพ่ือดูวา่ มผี ลตอ่ สี ทาให้สจี างลงหรอื ไม่ หรอื มผี ลต่อเสน้ ใยหรอื ไม่
4. เร่มิ จากเคมีทม่ี ีฤทธิ์อ่อนไปหาฤทธม์ิ าก
5. ให้ขจัดรอยเปื้อนทันที เพราะถ้าทิ้งไว้นานจะทาให้ยิ่งขจัดรอยเปื้อนออกยากขึ้น และ
ทาให้เนื้อผ้าและสผี า้ เสยี หายได้
6. ให้ทงิ้ เวลาในการทางานสาหรบั น้ายาขจดั รอยเปอื้ นบางชนดิ
7. ให้ล้างน้ายาขจัดรอยเปื้อนออกจากผ้าให้หมดทุกครั้ง อย่าให้ตกค้างอยู่บนผ้า เพื่อ
ปกปอ้ งกันการกดั กร่อนเนอ้ื ผ้าและระคายเคืองต่อผิวหนงั ของผสู้ วมใส่ผา้

ระบบการทางานของแผนกซักรีด หรือ OPL

4. การซกั ผา้ (Washing)
หลงั จากการคดั แยกผ้าเสร็จส้นิ แลว้ พนกั งานจะมาขนยา้ ยผา้ ทคี่ ัดแยกแล้ว ไปยังเครื่องซัก
ผา้ ก่อนใสผ่ ้าลงไปในเครอ่ื งซกั ผ้า ควรมีการชั่งน้าหนักของผ้าก่อน เพื่อไม่ให้น้าหนักของผ้าเกิด
ความสามารถทีจ่ ะรบั ได้ตอ้ งเครอ่ื งซกั ผา้ การชงั่ นา้ หนกั ของผ้าจะเป็นสิง่ สาคัญในการวดั ผลผลติ
ของแผนกซักรดี หรือOPL

คาถามทใี่ ชเ้ ปน็ หลักในการซักผ้า
1. จะใช้เวลานานเท่าใดในการซกั ตามปกติดแล้วเรามักเข้าใจว่าการซักผ้านั้นยิ่งนานยิ่งดี
แต่จากการทดลองพบว่า การซักผ้าที่ใช้เวลาในการซักนานเกินไป จะทาให้ความสามารถใน
การแขวนลอยส่งิ สกปรกลดลง เนื่องจากสง่ิ สกปรกตา่ ง ๆ เม่ือถกู แรงเหว่ยี งหรือแรงขดั สีมากขน้ึ
อาจกลายเป็นเม็ดเล็กลง เป็นผลให้สิ่งสกปรกมีโอกาสตกค้างบนผ้าได้ ดังนั้นการซักผ้าจึงควร
มีการใช้ระยะเวลาที่เหมาะสม คือ

- ผ้าสกปรกนอ้ ย ใชเ้ วลาประมาณ 35-40 นาที
- ผา้ สกปรกปานกลาง ใชเ้ วลาประมาณ 40- 45 นาที
- ผ้าสกปรกมาก ใช้เวลาประมาณ 45-50 นาที

ระบบการทางานของแผนกซกั รดี หรือ OPL

2. ควรจะใช้อุณหภูมิระดับไหน โดยปกติแล้ว พนักงานจะเลือกใช้อุณหภูมิต่าเพื่อเป็น
การประหยัดพลังงานของโรงแรม แต่ในบางกรณีผงซักฟอกหรือสารเคมีบางชนิดจะสามารถทางาน
ไดด้ ีกบั นา้ ร้อน และถา้ ผา้ มสี ่งิ สกปรกบางอย่างก็จาเป็นต้องซักในน้าที่มีอุณหภูมิสูง เช่น คราบไขมัน
ตา่ ง ๆ การใช้อณุ หภูมทิ ี่ถกู ตอ้ งจะชว่ ยเสริมประสทิ ธิภาพของเคมีให้มปี ระสิทธิภาพยงิ่ ขึ้น โดยไม่เป็น
อันตรายตอ่ ผา้ อณุ หภูมิทเี่ หมาะสม มีดงั นี้

3. ควรจะปรับระดบั การหมนุ ของเครอื่ งซักผ้าเปน็ ระดับไหน ระดับการหมุนของเครื่องซักผ้า
คือ การซักผ้านั่นเอง

4. ควรจะใช้สารเคมีประเภทไหน เช่น ผงซักฟอง สารฟอกขาว น้ายาซักผ้านุ่ม
เครื่องซกั ผา้ ในปจั จบุ นั น้นั มที างานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ จึงไม่จาเป็นที่จะต้องใช้แรงงานคนในการ
กาหนดเวลาซัก ระดับการหมุน หรือแม้แต่สารซักฟอกที่ใช้อีกต่อไป ระบบคอมพิวเตอร์จะเลือกการ
ซกั ท่ีเหมาะสมใหเ้ อง

ระบบการทางานของแผนกซกั รดี หรอื OPL

5. การลา้ งผา้ /การป่นั นา้ ออกจากผา้ (Extracting)
ผ้าที่ผ่านการซักแล้ว จาเป็นต้องมีการล้างผ้าให้สะอาด การล้างน้าหลายครั้งช่วยทาให้
ผ้าสะอาด การล้างผ้านนั้ ถอื ว่ามีความจาเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งใช้ผงล้างผ้าเข้าช่วยในการล้างผ้าเข้าช่วย
ในการล้างผ้า เพราะผงซักฟอกสาหรับเครื่องนั้น ส่วนใหญ่จะด่างค่อนข้างสูงจากการอบหรือ
รดี ประจาและดา่ งทีต่ กคา้ งนเ้ี องทีเ่ กดิ ปฏิกริ ิยาทาลายเส้นใยผ้า โดยเฉพาะเมื่อผ้าผ่านความร้อน
สงู ๆ จากการอบหรือรีดเปน็ ผลใหผ้ า้ เป่ือยยุ่ยหลังการล้างน้าแต่ละครั้ง จะมีการปั่นน้าออกจาก
ผ้า นั่นคือ การขจัดความชื่นออกจากผ้าโดยการปั่นแรงสูง ๆ จากการอบหรือรีด เป็นผล ให้
ผ้าเปื่อยยุ่ย หลังการล้างน้าแต่ละครั้งจะมีการปั่นน้าออกจากผ้า นั่นคือ การขจัดความชื้นออก
จากผ้าโดยการปั่นแรงสูงโดยทั่วไปจะใช้เครื่องสัดผ้า ซึ่งจะช่วยทาให้น้าหนักของผ้าน้อยลง
ทาให้พนักงานขอย้ายผ้าที่ซักแล้วที่ซักแล้วมายังเครื่องอบผ้าได้ง่ายขึ้น และช่วยลดเวลาใน
การอบผา้ การปัน่ นา้ ออกจากผ้านน้ั ยอ่ มช่วยใหก้ ารล้างผ้าสะอาดมากยิง่ ขนึ้

ในปจั จุบนั ที่เทคโนโลยกี า้ วหน้าอย่างรวดเร็ว มีการพฒั นาเครอื่ งซักผ้าใหม้ กี ารป่ันน้าออก
จากผ้าในตัวเอง จึงทาให้โรงแรมประหยัดในเรื่องของพื้นที่และงบประมาณกว่าในอดีต
ทจ่ี าเป็นตอ้ งซ้อื เคร่อื งสลดั ผ้าแยกต่างหาก

ระบบการทางานของแผนกซักรดี หรอื OPL

6. การอบผ้า (Drying)
เวลาและอุณหภูมิที่ใช้ในการอบผ้านั้นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของผ้า เมื่ออบผ้า
เสรจ็ แลว้ ควรนาผ้าออกจากเครื่องและพับผา้ ทนั ที เพอ่ื ป้องกนั รอยยบั
7. การรีดผ้า (Ironing)
ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าปูโต๊ะ และผ้าเช็ดปากที่ยังเปียกชื้นอยู่จะถูกส่งไปรีดยังเครื่อง
รดี แบบลกู กล้ิง สว่ นยนู ฟิ อร์มจะถูกส่งไปรดี ด้วยมอื
8. การพบั ผา้ (Folding)
โดยส่วนมากแล้วจะใช้วิธีการพับผ้าด้วยมือ โดยอาจใช้เครื่องทุ่นแรงในการพับ คือ
แท่นช่วยในการพับผ้าที่สามารถพับผ้าใหญ่ได้โดยใช้แรงงานแค่คนเดียวหรือในปัจจุบั น
มีการผลิตเคร่ืองจกั รท่สี ามารถทัง้ ทาใหแ้ หง้ รีด และพบั ไดโ้ ดยอตั โนมตั ิ (Mangles) ซง่ึ พนกั งาน
ควรมีการตรวจผา้ เกบ็ ผา้ และส่งคทนผ้าทม่ี ีรอยเปอื้ น ขาด หรือไมเ่ หมาะสมกับการใช้งาน

ระบบการทางานของแผนกซกั รีด หรอื OPL

9. การเก็บผ้า (Storing)
หลงั จากพับผ้าแล้วควรมกี ารเก็บรักษาผา้ ในสถานที่ ๆ เหมาะสม โดยการเก็บผ้าแยกตาม
ประเภทของผ้าและขนาด ควรมีการพักผ้าเอาไว้ในห้องเก็บผ้า ก่อนจะมีการนาผ้าไปใช้ใหม่
อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพราะจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผ้า และยืดอายุการใช้งาน
ของผา้ ได้ ลักษณะของหอ้ งเก็บผ้าทด่ี ีควรมกี ารระบายอากาศได้สะดวกไม่ควรใชส้ ถานที่ที่อับชื้น
เพราะจะเปน็ เหตใุ ห้ผา้ มีกลิ่นไมด่ ีและอาจเกิดเช้ือราได้ดว้ ย
10. การขนยา้ ยผา้ ไปยังสถานท่ี ๆ ต้องการจะใช้
ผ้าต่าง ๆ จะถูกขนย้ายไปโดยรถเข็น รถเข็นที่ใช้นี้ควรเป็นรถเข็นที่สะอาด โดยจะต้อง
มีการทาความสะอาดทุกวัน ควรมีการแยกการใช้งานรถเข็นด้วย เช่น มีรถเข็นสาหรับขนผ้า
สกปรกและสะอาดอย่างละคัน อีกทั้งเวลาขนย้ายผ้าสะอาดควรมีการใช้ผ้าคลุม เพื่อเป็นการ
ปอ้ งกนั สิ่งสกปรกอีกชัน้ หนง่ึ

04

คณุ ลักษณะและตาแหนง่ หน้าที่
ของพนกั งานในแผนกซกั รดี

คุณลักษณะและตาแหนง่ หนา้ ท่ขี องพนกั งานในแผนกซักรีด

ลักษณะของการทางานในแผนกนี้ ทาให้พนักงานที่ทางานส่วนใหญ่นั้นมีความรักและ
เออื้ เฟือ้ เผื่อแผ่ระหวา่ งกัน ทางานหนกั และแขง่ ขันกบั เวลา ผู้บริหารและผู้ใช้บริการมักมองข้าม
ความสาคัญของแผนกนี้ สถานท่ีทางานจะแคบและรอ้ นกว่าแผนกอื่น ดงั นั้น พนักงานส่วนใหญ่
มักจะเปน็ ชาย โดยจาเป็นต้องมีลักษณะเพิม่ เตมิ คือ
➢ มรี ่างกายและสุขภาพแขง็ แรง ทดต่อความรอ้ น ความชน้ื และสารเคมีต่าง ๆ ในสถานทที่ างานได้
➢ มีความอดทนสูง สามารถทางานในเวลาที่ยาวนานมากต่อวันได้ เช่น 12-16.ชั่วโมง เพราะ
ลกั ษณะของงานมกั จะเปน็ ฤดกู าลตามจานวนแขกท่ีเขา้ พัก
➢ มคี วามประนีประนอมสงู
➢ มีความรู้เกี่ยวกบั ผา้ สารเคมี เคร่ืองจักรและน้าพอควร

คณุ ลักษณะและตาแหนง่ หน้าท่ขี องพนกั งานในแผนกซักรีด

ตาแหนง่ หน้าทใ่ี นแผนกซักรีดประกอบดว้ ย พนักงานท่สี าคญั ในหลายตาแหน่งหนา้ ที่ ไดแ้ ก่

➢ หัวหน้าแผนกซักรีด เป็นผู้รับผิดชอบงานในแผนกซักรีดทั้งหมด บริหารงานซักรีดในแผนกให้
มีสิทธิภาพ คือ ซักรีดผ้าให้ทันกับความต้องการที่จะใช้ของโรงแรม โดยมีการควบคุมทั้งใน
ด้านคุณภาพ ปริมาณ ต้นทุนการผลิตและงบประมาณที่กาหนด นอกจากนี้ ยังต้องรับผิดชอบ
ในการบริหารบุคคลต่าง ๆ ภายในแผนกให้สามารถทางานร่วมกัน แก้ไขคววามขัดแย้งต่าง ๆ
และกระตุ้นจงู ใจในการทางาน

➢ ผ้ชู ว่ ยหวั หน้าแผนกซกั รดี เป็นผทู้ ส่ี ามารถกระทาหน้าที่แทนหัวหน้าแผนกซักรีดได้ มักจะมีความ
เช่ียวชาญในบางด้าน แต่อย่ใู นระหวา่ งการพัฒนาทักษาความสามารถและความชานาญงาน

➢ หัวหน้างานย่อยหรือซุปเปอร์ไวเซอร์ เป็นผู้รับผิดชอบงานในแต่ละด้านในแผนก เช่น การซัก
การซักแหง้ หรอื การรีด เป็นตน้

➢ พนกั งานซกั ผา้ เป็นพนักงานทคี่ วบคุมเครื่องจักรในการซกั และอบผ้า ซึง่ อาจรวมถึงเครื่องสลัดผ้า
ด้วย เป็นพนักงานที่รู้จักเครื่องผ้าเป็นอย่างดี ใช้งานได้อย่างถูกต้อง รู้เรื่องการใช้น้ายาซักรีด
ประเภทต่าง ๆ เป็นอยา่ งดี รู้จักแยกประเภทของผ้าชนิดตา่ ง ๆ อย่างถกู ต้อง

➢ พนักงานรีดผ้า เป็นพนักงานที่รับผิดชอบในการรีดผ้าทุกชนิด รวมทั้งเครื่องรีดลูกกลิ้งที่รีดผ้าปู
ที่นอน และเครื่องรีดมือใช้กับชุดผ้าต่าง ๆ พนักงานรีดผ้าที่ดีต้องใช้เวลาฝึกฝนเป็นเวลานานต้อง
รจู้ ักการใช้อปุ กรณ์ในด้านรดี ประเภทต่าง ๆ ใหเ้ ช่ยี วชาญด้วย

คณุ ลักษณะและตาแหน่งหน้าท่ขี องพนกั งานในแผนกซักรีด

ตาแหน่งหนา้ ทีใ่ นแผนกซกั รดี ประกอบด้วย พนักงานทส่ี าคญั ในหลายตาแหน่งหนา้ ที่ ได้แก่

➢ พนักงานรับผ้า (Valet Boy) เป็นพนักงานที่มีหน้าที่รับผ้ามาจากส่วนต่าง ๆ ในโรงแรม มักเป็น
พนักงานที่มีอาวุโสน้อย เพราะไม่ได้ใช้ทักษะในงานซักรีดมากนัก มีความคล่องแคล่ว สามารถ
ตดิ ตอ่ โตต้ อบกับแขกไดด้ ี บางครง้ั จาเปน็ ตอ้ งสามารถพูดภาษาตา่ งประเทศไดบ้ าง

➢ พนักงานตรวจสอบผ้า (Checker) เป็นพนักงานที่ตรวจตราชนิด จานวนความเสียหายของผ้า
รวมถึงมูลค่าของผ้าที่เข้าออกในแต่ละวันให้ถูกต้อง ต้องมีการลงบันทึกเป็นระเบียบ ควรมีความ
ละเอียดรอบคอบและความรู้เบื้องต้นทางด้านบัญชีหรือเก็บเอกสารพอสมควรส่วนใหญ่มัก เป็น
ผู้หญิง

➢ พนักงานควบคุมปริมาณ (Linen room operator) เป็นผู้ควบคุมผ้าเฉพาะในส่วนที่ได้ทาความ
สะอาดแล้ว และอยู่ในห้องผ้ามีหน้าที่เหมือนกับพนักงานพัสดุมีทักษะเช่นเดียวกับพนักงาน
ตรวจสอบผ้า

➢ พนักงานเสมียน (Clerk) เป็นพนักงานที่ทาการรับ เบิก-จ่าย ลงบันทึก สิ่งของเครื่องใช้ทั้งหมด
ในแผนก ควบคุมระบบเอกสารให้ถกู ตอ้ ง รวมทง้ั เรือ่ งการเงินและบนั ทึกด้านบุคคล

➢ พนักงานทั่วไป (Laundry staff) เป็นพนักงานที่รับเข้ามาทางานใหม่รอการบรรจุลงในด้าน
ต่าง ๆ และยงั ไม่มคี วามชานาญเฉพาะด้านมากนกั

05
องศป์ ระกอบสาคัญในการซกั ผา้

องศป์ ระกอบสาคัญในการซักผ้า

1. น้า เปน็ ตวั ประกอบสาคัญในการกาหนดคุณภาพในการซกั ผา้ น้าทีเ่ ราใชใ้ นการซักผา้ จะ
แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.1 น้าประปา เป็นน้าที่มีความเหมาะสมสาหรับซักผ้า เพราะผ่านขบวนการทาให้
บริสุทธิ์ อย่างครบขนั้ ตอน มีสารละลายในน้าต่า

1.2 น้าบาตาล เป็นน้าที่ได้จากการขุดเจาะลงไปในดิน น้าประเภทนี้ผ่านขบวนการทา
ใหบ้ ริสุทธิ์นอ้ ย ทาให้น้ามีลักษณะกระด้างและมีสารทาลายปะปนอยู่จานวนมากไม่เหมาะกับการซัก
ผ้า เพราะจะทาให้เนอ้ื ผ้าเกดิ การแขง็ กระด้าง หยาบ และสสี ันหม่นหมอง

องศ์ประกอบสาคญั ในการซกั ผา้

2. สารเคมี เป็นสว่ นประกอบสาคญั ประการหน่ึงในการซักผ้า การใช้สารเคมอี ยา่ งถูกต้อง
และเหมาะสมจะช่วยกาจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนผ้าออกได้อย่างหมดจด นอกจากนี้ยังช่วย
ในการประหยดั ค่าใชจ้ า่ ยตา่ ง ๆ ด้วย เนื่องจากถนอมเส้นใยของผ้าให้ยาวนานและไม่สิ้นเปลือง
ในการใชส้ ารเคมีมาก สารเคมีท่ีใช้อยู่ท่ัวไปในแผนกซกั รดี มีดังนี้
➢ ผงซักฟอก ทาจากกรดไขมันผสมกรดกามะถนั ช่วยในการขจัดสิ่งสกปรกและขจัดคราบฝังแน่น
ต่าง ๆ สามารถลดแรงดึงผิวของน้าทาให้ตัวเคมีซึมลงไปในเนื้อผ้าได้เร็ว ในบางชนิดจะมี
สารฟอกขาวผสมอยเู่ หมาะกบั ผ้าทกุ ชนิด
➢ เคมีเสริมด่าง (Builder) เป็นเคมีที่ช่วยทาให้ประสิทธิภาพในการซักผ้าดีขึ้นจะใช้เฉพาะกับ
ผา้ ที่สกปรกมากและเปอ้ื นน้ามนั ใช้กบั ผ้าปูโตะ๊ ผ้าเชด็ ปาก ผ้าข้ีริ้ว เปน็ ต้น

องศ์ประกอบสาคญั ในการซักผา้

➢ สารฟอกขาว (Bleach) เป็นสารเคมีที่มีส่วนผสมของเคมีฟอกขาว เพื่อกาจัดรอยเปื้อนต่าง ๆ
ออกและทาให้ผ้าขาวขึ้น ใช้เฉพาะกับผ้าฝ้ายสีขาวเท่านั้น แต่มีบางชนิดที่เราเรียกว่าแบบ
ออกซเิ จนที่สามารถใช้ได้กบั ทงั้ ผา้ สแี ละผา้ ขาว

➢ ผงล้างผ้า เพื่อขจัดด่างที่หลงเหลือจาการซัก ถ้าไม่ขจัดออกอาจทาให้ใยผ้าถูกทาลาย
ผ้าดูเหลืองซีด สีหม่นลง เกิดกลิ่น และระคายเคืองเมื่อถูกผิวหนังของคน สามารถใช้ได้ทั้งผ้าสี
และผ้าขาว

➢ ผลติ ภณั ฑป์ รบั ผา้ นุ่ม ทาให้ผา้ นุม่ รกั ษาสภาพเสน้ ใยผา้ ใหค้ นื สูส้ ภาพเดิมและฆ่าเชือ้ โรค
➢ ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบไขมันจากอาหาร เป็นน้ายาที่ใช้กับผ้าที่เปื้อนคราบไขมันมาก ๆ เช่น

ผา้ ปูโตะ๊ ผ้าเช็ดปาก โดยใช้ร่วมกับเคมีเสริมด่างและผงซักฟอก มี 2 ประเภท คือ ชนิดเหลวใส
และชนดิ เหลวขน้

องศป์ ระกอบสาคญั ในการซกั ผา้

➢ แปง้ ลงผ้า ใช้กับผา้ ท่ใี ชใ้ นหอ้ งครัวเปน็ ส่วนใหญ่ อาจจจะใชแ้ ปง้ มันมาตม้ ก่อนใชแ้ ต่ข้อเสีย คือ
เหนียวมากและต้องต้มก่อนใช้ อีกชนิดหนึ่งมาในรูปของเหลวหรือของแข็งที่ละลายน้าได้ทันที
ไม่ต้องต้ม ละลายเรว็ แตม่ รี าคาแพง

➢ เคมีขจัดรอยเปื้อนเฉพาะจุด ใช้ในการขจัดรอยเปื้อนต่าง ๆ เช่น ขจัดคราบสนิม เลือด สีตก
ก่อนที่จะนาเข้าซัก ปัจจุบันมีอยู่หลายชนิดแล้วเหมาะกับรอยเปื้อนแต่ละชนิด และลักษณะ
ของปัญหา

➢ น้ามันซกั แห้ง ใชเ้ ฉาพกับเครื่องซักแห้งเท่านั้น ปัจจุบันมีอยู่ 3 ประเภท คือ ตัวทาลายประเภท
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน คลอรีเนตเดท หรือเปอร์คลอโรเอธิลีน ซึ่งนิยมใช้มากที่สุด
ในสหรัฐฯ รองลงมา คือ ตัวทาละลายที่ได้จากน้ามันดิบ ประเภทสุดท้าย คือ ตัวทาละลาย
ประเภทสงั เคราะห์ฟลอู อโรคาร์บอน

องศ์ประกอบสาคญั ในการซักผ้า

3. อุณหภูมิในการซักผ้า การควบคลุมอุณหภูมิเป็นปัจจัยที่สาคัญอย่างหนึ่งในการซักผ้า
แต่ละชนิดและคราบรอยเปื้อนแต่ละชนิดจะใช้อุณหภูมิไม่เท่ากันต้องมีการกาหนดตาม
ความเหมาะสมการใช้อุณหภูมิที่ถูกต้องจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของเคมีดียิ่งขึ้น โดยไม่
ทาอนั ตรายต่อผา้

4. เวลาในการซกั ผ้า เรามกั เขา้ ใจกันเสอมวา่ เวลาในการซกั ผ้ายิง่ นานจะย่ิงทาให้ผ้าสะอาด
ความเข้าใจน้ยี งั เป็นความเขา้ ใจที่ผิด เน่ืองจากสิง่ สกปรกเมื่อถูกแรงเหวี่ยงหรือแรงขัดสีมากขึ้น
อาจกลายเป็นเม็ดเล็กลงเป็นผลให้สิ่งสกปรกมีโอกาสตกค้างลงบนผ้า ดังนั้น การซักผ้าจึงควร
ใชร้ ะยะเวลาทเี่ หมาะสมกบั ความสกปรกของผา้ ดว้ ย

06

เครื่องมอื เครือ่ งจกั รที่เกยี่ วขอ้ ง
ในแผนกซักรดี

เครื่องมือเครอ่ื งจักรทเี่ ก่ยี วข้องในแผนกซกั รดี

ในแผนกซักรีดจะมีเครื่องจักรในการซักรีดอยู่หลายประเภท เพื่ออานวยความสะดวกต่าง ๆ
ในการทางานให้มีประสิทธิภาพมากยิง่ ขน้ึ ซ่งึ ประกอบด้วย

1. เครื่องซักผ้า ในปัจจุบันเครื่องซักผ้าทุกประเภทจะต้องทาให้เกิดแรงขัดสีขึ้น โดยเกิดจาก
แรงเหวี่ยงของเครือ่ งซกั ผา้ เพอ่ื ขจดั ส่ิงสกปรกตา่ ง ๆ ออกจากผ้า เครื่องซักผ้าปัจจุบันมีมากมายหลาย
แบบ ซึ่งสามารถแบง่ ไดเ้ ปน๋

1.1 เครื่องซักผ้าอยา่ งเดยี ว เป็นเคร่อื งซักผ้าที่ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศไทย จึงมีราคารถูก
แตค่ วามทนทานน้อย เสียงา่ ย ลกั ษณะเป็นเครอื่ งเปดิ ดา้ นขา้ ง มี 1-4 ประตู มีรอบในการหมุนประมาณ
20-30 รอบต่อนาที แต่ปัจจุบันไม่นิยมใช้เพราะประสิทธิภาพต่า เปลืองเนื้อทีเสียเวลาในการทางาน
เวลานาผา้ ออกไปเข้าเคร่อื งสลัดผา้ อกี ครง้ั กอ่ นอบผ้า

1.2 เครื่องซกั สลัดในตัว เปน็ เครื่องซักระบบอัตโนมัติ มีราคาแพงส่วนใหญ่เป็นเครื่องที่สั่ง
มาจากต่างประเทศ สามารถสลดั นา้ ออกได้หลงั จากขน้ั ตอนซัก มขี นาดตง้ั แต่ 35-500 ปอนด์

เครอ่ื งมอื เครอ่ื งจักรทเ่ี กยี่ วข้องในแผนกซกั รดี

2. เครอ่ื งสลัดผ้า เปน็ เครอื่ งทีม่ หี นา้ ทีส่ ลัดน้าท่ผี า่ นในขัน้ ตอนการซกั แล้วออก ราคาถกู รวดเร็ว
แตข่ ้อเสยี คอื เปลืองพ้ืนท่ีและเพม่ิ ภาระงาน

3. เครื่องซักแห้ง เป็นเครื่องที่รวมเอาระบบการซักผ้า การสลัดผ้า การอบผ้า และการกลั่น
น้ามันมาใช้ใหม่พร้อมกัน เป็นเครื่องที่มีราคาแพง มีขนาดตั้งแต่ 5-100 ปอนด์ แต่นิยมใช้กันมาก คือ
ขนาด 30 ปอนด์

4. เครื่องสป๊อตติ้ง เป็นโต๊ะดูดลมเล็ก ๆ ที่มีการพ่นลมและน้าออกมาเฉพาะที่บนรอยเปื้อน
ของผา้ เพื่อชว่ ยในการขจดั รอยเปอ้ื นนั้น

เครอ่ื งมือเคร่อื งจักรทเี่ ก่ยี วขอ้ งในแผนกซักรีด

5. เครอ่ื งรดี ผา้ เราสามารถแบง่ เคร่อื งรีดออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
5.1 แบบรดี เสอื้ ผา้ และรดี ผา้ ช้ินเล็ก ประกอบด้วยเครื่องรดี ผ้า 4 ชนิด ดังนี้

➢ เตารีดไฟฟ้า (เตารดี ดา้ น) ให้ความรอ้ นทีผ่ วิ หนา้ สงู สามารถรีดผ้าหนาและผา้ ทีเ่ รียบยากได้เปน็ อยา่ งดี
➢ เตารีดไอน้า ให้ความร้อนสม่าเสมอเหมาะกับผ้าที่รีดง่าย สามารถแยกไอน้าออกมาจากเตารีด

โดยมีหมอ้ ตม้ น้าต่างหาก
➢ เครื่องปั๊มผ้าหรือเครื่องเพรส (Press) เป็นเครื่องรีดผ้าขนาดใหญ่เท่าโต๊ะทางาน สามารถทาการรีดได้

รวดเร็ว
➢ เครอ่ื งเป่าหุ่น (Form Finisher) เป็นโครงเหลก็ และมผี า้ พิเศษหมุ้ พรอ้ มทอ่ พ่นไอนา้ ติดอยู่ วิธีการใช้ คือ

นาเอาผ้าที่ต้องการรีดมาสวมใส่ลงในหุ่นนี้ เครื่องเป่าหุ่นจะพ่นไอน้าลงบนผ้า ทาให้ผ้าแห้งและเรียบ
อยา่ งรวดเรว็ เหมาะกบั เสอ้ื ทเี่ สยี ทรงงา่ ย เช่น เสื้อยืด

5.2 แบบรีดผ้าผืน ซึ่งใช้เครื่องมืดรีดผ้าที่เราเรียกว่า เครื่องรีดผ้าผืนหน้ากว้างหรือเครื่องรีด
ลูกกลิ้ง (Flatwork Ironer) มีลูกกลิ้งตั้งแต่ 1-5 ลูก วางในแนวนอน ลูกกลิ้งจะหมุนไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ
มีความรอ้ นผา่ นในลูกกล้งิ ทาให้ร้อนเหมอื นผิวเตารีด

เครอ่ื งมือเคร่ืองจักรทเ่ี กยี่ วข้องในแผนกซักรีด

6. เครื่องปั๊มหมายเลขผ้า เป็นเครื่องที่ให้อักษรและตัวเลขที่ควบคุม ชนิดและปริมาณผ้าตามท่ี
แผนกกาหนด เพื่อการบันทึกผลงาน ป้องกันการสับสน ควบคุมงบประมาณ ปรับปรุงงานและป้องกัน
การทุจรติ การบันทึกเปน็ การบนั ทึกช่ัวคราวลงบนกระดาษพเิ ศษ (ไฟเบอรโ์ รล) ท่ีมหี ลายสีหรือกระดาษ
กาวพิเศษ ทเี่ รยี กว่า เทอรโ์ มซีล

7. เครอ่ื งแพก็ ผ้า เป็นเครื่องที่คอยจัดพลาสติดหรือกระดาษที่จะคลุมผ้าที่ผ่านการซักแห้งแล้ว
กอ่ นสง่ ให้ลกู ค้าเพอื่ ความสวยงามมีท้งั แบบหอในแนวตัง้ และแนวอื่น ๆ

8. เครื่องอบผ้า เป็นเครื่องที่ทาให้ผ้าแห้ง โดยการใช้ความร้อน มีหลายชนิด หลายประเภท
โดยการแบ่งตามประเภทของพลังงานทใ่ี ชห้ รอื การใสผ่ า้

07
เสน้ ใย (Fibers) และผ้า (Fabrics)

เสน้ ใย (Fibers) และผา้ (Fabrics)

❖ คณุ ลักษณะของเส้นใยผ้า คอื ปจั จยั สาคัญประการท่แี ผนกซกั รีดจาเป็นตอ้ งทราบ และตระหนักถงึ
ก่อนการซกั รดี ทกุ ครั้ง การทราบถงึ คุณลกั ษณะเฉพาะของเสน้ ใยแตล่ ะประเภทจะช่วยทาให้การซกั
รดี นั้นมีประสทิ ธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยในการถนอมเนื้อผ้าและใช้สารเคมีต่าง ๆ ได้ถูกประเภทของ
ใยผ้านั้น เส้นใยบางชนิดนั้นอาจไม่เหมาะสมกับสารเคมีหรือตัวทาละลายบางประเภท ดังนั้น
ถ้าแผนกซักรีดไม่ตระหนักถึงความจาเป็นเหล่านี้ก็จะทาให้เนื้อผ้าถูกทาลายอย่างถ าวรและ
การบริการท่ีไม่มีคณุ ภาพ นอกจากนย้ี ังสน้ิ เปลืองค่าใชจ้ ่ายให้กบั โรงแรมดว้ ย

❖ เส้นใย คือ วัสดุที่มีความยาวมากกว่าความกว้างและมีคุณสมบัติต่าง ๆ พร้อมที่จะนามาปั่นเป็น
เส้นด้วยคุณสมบัติดังกล่าว เช่น คุณภาพในการดูดความชื้น ความยืดหยุ่นตัว ความแข็งแรง
การรวมตัวได้ง่ายของเส้นใยหรือการเกาะติด การหยิกงอ ความแข็งแรง แล้วจึงนาไปทอเป็น
ผนื ผา้ ต่อไป

เสน้ ใย (Fibers) และผ้า (Fabrics)

❖ ปจั จุบันเส้นใยสามารถแบ่งออกได้เปน็ ประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท คอื
1. เส้นใยธรรมชาติ (Natural Fibers) เช่น เส้นใยจากพืช (ฝ้าย ปอ ป่าน ใยมะพร้าว) เส้นใย

จากสตั ว์ (ไหม ขนแกะ ขนกระต่าย) เสน้ ใยจากสินแร่ (แอสเบสตอส)

2. เส้นใยประดษิ ฐ์ (Man-made Fibers) สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น
2.1 เสน้ ใยประดิษฐ์จากธรรมชาติ (Natural-polymer Fibers) เชน่ เรยอน เซลลโู ลสอะซเิ ตท
2.2 เส้นใยประดิษฐ์จากสังเคราะห์ (Synthetic-polymer Fibers) เช่น ไนล่อน โพลีเอสเตอร์
อะครีลคิ เป็นต้น
2.3 เสน้ ใยอนิ ทรีย์ (Inorganic Fibers) เช่น เส้นใยแกว้

เส้นใย (Fibers) และผ้า (Fabrics)

❖ คณุ สมบตั ิของเส้นใยต่าง ๆ ประกอบด้วย
1. เส้นใยฝ้าย (Cotton Fibers) เป็นเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากเมล็ดฝ้ายเป็นเส้นใยธรรมชาติที่

ใช้กันมากที่สุดในอุตสาหกรรมสิ่งทอ สามารถดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์หลายรูปแบบ เช่น ทอด้วยฝ้าย
ล้วน หรือนามาผสมกับแส้นใยชนิดอื่น เนื่องจากคุณสมบัติของเส้นใยฝ้ายนั้นสวมใส่สบาย ระบาย
ความร้อนได้ดี มีความแข็งแรงทนทานต่อความร้อนสูงและการซัก ไม่เป็นกรดแต่เปน็ ราและยบั ง่าย

2. เส้นใยไหม (Silk Fibers) เป็นเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากสัตว์ประเภทแมลงผีเสื้อชนิดหนึ่ง คือ
ตัวไหม แล้วนาเอาใยรังไหมมาทอเป็นผืนผ้า เส้นใยไหมมีความงามมาก เหนียว มีความมันวาวแล ะ
ล่นื เม่ือสัมผัส สีสดใส แต่ง่ายตอ่ การยับและถูกทาลายเมอื่ ถกู สารเคมี

เสน้ ใย (Fibers) และผ้า (Fabrics)

3. เส้นใยขนสัตว์ (Wool หรือ Hair Fibers) เป็นเส้นใยจากขนแกะและสัตว์อื่น ๆ มีความ
คงรูปและป้องกนั ความหนาวได้ดี แตต่ อ้ งซักและยอ้ มสอี ยา่ งระมัดระวัง เพราะเส้นใยไม่ทนต่อกรดและ
ดา่ งอย่างรุนแรง ผา้ ประเภทนสี้ ว่ นใหญจ่ ะใช้การซักแหง้ เพือ่ ทาความสะอาด

4. เส้นผา้ โพลเี อสเตอร์ หรอื เส้นใยเทโตรอน (Polyester หรือ Tatoron Fibers) เป็นเส้นใย
ประดิษฐ์ที่ทาจากขบวนการทางเคมี เส้นใยมีความเหนียว ทาเป็นผืนผ้าได้ดีแต่ไม่ซึมซับน้าทนต่อ
รอยยับ ดูแลรักษาง่ายไม่ต้องรีด แห้งเร็ว มีความคงตัวได้ดีทนต่อการขึ้นราและแสงแดดได้ดีทนต่อ
กรดอ่อน ๆ และกรดรุนแรงทุกชนิดแต่จะไม่ทนตอ่ ดา่ ง ยอ้ มสตี ิดได้ยาก ปัจจบุ ันถอื เปน็ เส้นใยที่คนนิยม
นามาผลิตเปน็ เสือ้ ผ้ามากทสี่ ุดในโลก

เสน้ ใย (Fibers) และผา้ (Fabrics)

5. เส้นใยฝ้ายสังเคราะห์ หรือ เส้นใยเรยอน (Rayon Fibers) เป็นเส้นใยประดิษฐ์ที่ได้จาก
เส้นใยเซลลโู ลส เชน่ เยื่อไม้หรือเศษฝ้าย ทาปฏกิ ริ ยิ าเคมกี อ่ นมาปน่ั เป็นเส้นใยยาวต่อเนื่องกันจะทาให้
ความเงามันได้ตามความต้องการ เนื่องจากเส้นใยมีความเรียบสม่าเสมอเป็นเนื้อเดียวกัน นิย มใช้
แพรห่ ลายในเส้อื ผ้าหลายชนิด หรอื นามาใช้วัสดตุ กแต่งเส้อื ผา้ ก็ได้ นยิ มนามาผสมกบั ผ้าฝ้าย

6. เส้นใยไนล่อน (Nylon Fibers) เป็นเส้นใยประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นชนิดแรกและนิยมใช้กัน
โดยทวั่ ไป คณุ สมบตั ิของเสน้ ใยนน้ั มคี วามเหนยี วและยดื หยุ่นไดด้ ี นิยมนามาผลิตถุงน่อง กางเกงชั้นใน
เส้อื ในสตรี เส้อื ผ้ายืด ลกั ษณะของเส้นใยย้อมตดิ สีได้ง่ายแต่ยดื หดง่าย จงึ ทาให้เส้นใยมีความทนน้อย

เสน้ ใย (Fibers) และผ้า (Fabrics)

7. เสน้ ใยอะครลี ิค (Acrylic Fibers) เป็นเส้นใยประดษิ ฐ์ทไ่ี ด้มาจากเม็ดพลาสตกิ อะครลี ิคแล้ว
นามาฉีดเป็นเส้นใย นยิ มนามาใช้ทอเปน็ ไหมพรม เนือ่ งจากเสน้ ใยมคี วามฟู สามารถยอ้ มสีเป็นสีต่าง ๆ
นา้ หนักเบาและกนั ความหนาวได้ดี

8. เส้นใยอาซิเตท (Acetate Fibers) เป็นเส้นใยประดิษฐ์ที่มีความมันแต่ไม่แข็งแรง ใช้ทา ผ้าบาง
และมัน เชน่ เสื้อผา้ แพร

เส้นใย (Fibers) และผ้า (Fabrics)

9. เสน้ ใยพลาสตกิ (Plastic Fibers) เปน็ เสน้ ใยประดษิ ฐท์ ี่นาเอาเส้นใยพลาสติกมาทาเป็นผา้
ตามความต้องการของอุตสาหกรรม เช่น เส้นใยโพลีโปรปิลีน ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในโรงงานอิเลค
โทรนคิ ส์ เพราะงานในโรงงานตอ้ งการเส้นใยท่ไี มม่ ฝี ุ่นผ้าปนเปื้อนในการผลติ

10. เส้นใยผสม คอื การนาเอาเสน้ ใยมากกว่าหนึ่งชนิดมารวมกันเพื่อเพิ่มข้อดีและลดจุดด้อย
ของเส้นใยอีกชนิดหนึ่ง เช่น การนาเส้นใยโพลีเอสเตอร์หรือเทโตรอนมาผสมกับผ้าฝ้าย เพื่อเพิ่ม
ความแข็งแรงและสวมใส่สบาย ในอตั ราสว่ นทีต่ ่างกันตามลกั ษณะภูมอิ ากาศของประเทศน้นั ๆ

THANK
YOU


แผนกซักรีด มีอะไรบ้าง

ระบบการทำงานของแผนกซักรีด หรือ OPL ขั้นตอนที่สำคัญในการซักรีดของแผนกซักรีด หรือ OPL ประกอบด้วย 1. การเก็บผ้าที่สกปรกหรือใช้แล้ว 2. การขนย้ายผ้าที่สกปรกหรือใช้แล้วมายังแผนกซักรีด 3. การคัดแยกผ้า 4. การซักผ้า 5. การล้างผ้า/การปั่นน้ำออกจากผ้า

Laundry ทำหน้าที่อะไร

(Laundry Staff) โดยหน้าที่หลักคือ ซัก อบ รีด ผ้า ทุกประเภทที่ใช้ในโรงแรม 📍ผ้าในห้องพักแขก ➡️ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม ปลอกหมอน

งานซักรีดคืออะไร

2.1 การบริการซักอบรีด หมายถึง การบริการซักทําความสะอาดผ้า และ/หรือรีดผ้า โดยอาจมีการบริการอื่นๆ เสริม ด้วย เช่น การอบผ้า

ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลการซักรีดเสื้อผ้าทุกชนิดในโรงแรมคือแผนกใด

หัวหน้าห้องผ้า (Linen Room Supervisor) ต้องรับผิดชอบผ้าทุกชนิดที่ใช้ในห้องพักแขก (เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม เป็นต้น )ผ้าของห้องอาหารและแผนกจัดเลี้ยง (ได้แก่ผ้าปูโต๊ะ ผ้าเช็ดปาก ผ้ารองถาด) และเครื่องแบบพนักงาน โดยการจ่ายผ้าที่ซักสะอาดแล้ว เก็บรวบรวมผ้าที่ใช้แล้ว ปะชุนผ้าที่ขาดและดูแลควบคุมการส่งผ้าไปซักที่แผนท ...

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv แปลภาษาอาหรับ-ไทย lmyour แปลภาษา ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค Google Translate การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 หยน อาจารย์ ตจต เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 บบบย ศัพท์ทหารบก แปลภาษาจีน การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ขุนแผนหลวงปู่ทิม มีกี่รุ่น ชขภใ ตม.เชียงใหม่ เซ็นทรัลเฟสติวัล พจนานุกรมศัพท์ทหาร รหัสจังหวัด อําเภอ ตําบล รหัสประจำจังหวัด 77 จังหวัด สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม หนังสือราชการ ตัวอย่าง ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด อเวนเจอร์ส ทั้งหมด แปลภาษา มาเลเซีย ไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค ่้แปลภาษา Egp G no Reconguista Google map ขุนแผนหลวงปู่ทิมรุ่นแรก ข้อสอบภาษาไทยพร้อมเฉลย ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ค้นหา ประวัติ นามสกุล จองคิว ตม เชียงใหม่ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ดีแม็กมือสองราคาไม่เกิน350000 ตัวอย่างรายงานการประชุมสั้นๆ