เปิดพอร์ตหุ้นที่ไหนดี เป็นคำถามยอดฮิตของคนเริ่มเล่นหุ้นที่พี่ทุยเจอ ซึ่งการเล่นหุ้นของแต่ละคนก็มีวิธีการหลากหลายรูปแบบ ทั้งเป็นสาย VI หรือสายเทคนิค ชอบซื้อขายเองหรือให้มาร์เก็ตติ้งซื้อขายให้ บทความนี้พี่ทุยขอแชร์วิธีการเลือกเปิดพอร์ตหุ้นจากประสบการณ์ของพี่ทุยเองให้ได้อ่านกัน
เริ่มแรกเลยพี่ทุยก็ใช้ google เนี่ยแหละค้นหารายชื่อบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมดขึ้นมาก่อน แล้วลองหาดูว่ามีโบรคเกอร์ไหนที่เคยมีปัญหากับลูกค้า ทำผิดเงื่อนไข หรือระบบล่มบ่อย ๆ พี่ทุยก็รีบตัดออกเลยทันที !
สิ่งต่อไปที่พี่ทุยพิจารณาว่าจะ เปิดพอร์ตหุ้นที่ไหนดี ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นหรือค่าคอมมิชชั่นที่โบรกเกอร์เรียกเก็บ พี่ทุยก็ขอเลือกถูกไว้ก่อน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วค่าคอมมิชชั่นแต่ละโบรคเกอร์ก็ใกล้เคียงกัน ตลาดนี้ผู้เล่นรายย่อยแบบเรามีเยอะ เค้าก็รู้อยู่แล้วว่าเรามองที่อะไร
แต่บางโบรกเกอร์ก็จะมีเรื่องของค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ พี่ทุยอยากให้ระวังตรงนี้ให้ดี ถ้าพอร์ตเรายังไม่ได้ใหญ่มาก ยกตัวอย่างง่าย ๆ สมมติเราซื้อขายหุ้นรวมใน 1 วัน คือ 10,000 บาท โบรกเกอร์คิดค่าคอมมิชชั่นเรา 0.2% ดังนั้น ค่าคอมมิชชั่นที่เราต้องจ่ายคือ 20 บาท สมมติโบรกเกอร์ที่เราใช้มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 50 บาทต่อวัน แทนที่เราจะเสียตามจริง 20 บาท กลายเป็น ต้องเสียไป 50 บาท
ซึ่งถ้าใครเป็นมือใหม่เงินลงทุนน้อย ๆ ซื้อขายต่อวันไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ พี่ทุยแนะนำให้เลือกโบรกเกอร์ที่เค้าไม่คิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำไว้ก่อน แต่ถ้าใครซื้อขายหุ้นเกินค่าธรรมเนียมเกินขั้นต่ำอยู่แล้วก็ไม่ต้องดูเรื่องนี้เลยก็ได้
สำหรับใครที่ต้องการเปิดพอร์ตหุ้น ตอนนี้พี่ทุยแนะนำของ SBITO (SBI Thai Online) เลย จุดเด่นก็คือค่าคอมถูกมากเริ่มต้นเพียง 0.075% เท่านั้น ไม่มีขั้นต่ำซื้อขายเท่าไหร่ก็จ่ายค่าธรรมเนียมตามจริง ที่สำคัญทำเอกสารทุกอย่างได้ผ่านทางออนไลน์ เพียงแค่กรอกข้อมูลเล็กน้อย ก็เข้าไปเปิดบัญชีได้เลยทันที
- 5 ขั้นตอนการเปิดบัญชีหุ้นง่าย ๆ กับ SBITO
- เปิดพอร์ตหุ้นกับ SBITO แบบรวดเร็วทันใจ
แต่ไม่ใช่ว่าพี่ทุยจะดูแค่เรื่องค่าธรรมเนียมอย่างเดียวนะ เวลาพี่ทุยเลือกโบรกเกอร์เนี่ยพี่ทุยจะดูของแถมด้วย พี่ทุยจะดูเรื่องบริการ สิ่งอำนวยความสะดวกที่จะได้จากโบรกเกอร์ เช่น บทวิเคราะห์หรือข้อมูลที่ได้รับครอบคลุมเป็นประโยชน์ต่อการซื้อขายของเราหรือเปล่า เครื่องมือ/โปรแกรมในการเทรด บริการแจ้งเตือน บริการเสริมต่าง ๆ อะไรบ้าง ซึ่งเรื่องนี้เราก็ต้องชั่งน้ำหนักเอาเองว่าเราต้องการอะไร บางทีการเสียค่าธรรมเนียมขั้นต่ำเพื่อแลกกับสิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้อาจจะคุ้มกว่าก็ได้
ซึ่งทาง SBITO ก็มีทั้งบทวิเคราะห์ ระบบแจ้งเตือน รวมถึงยังมีบริการเสริมอย่าง SBITrade AI ที่จะเป็นตัวช่วยในการคัดกรองหุ้นที่ดีและมีคุณภาพทั้งในมุมพื้นฐานและเชิงเทคนิค เพื่อให้เราทำการบ้านคัดเลือกหุ้นได้รวดเร็วมากขึ้นด้วย
และสิ่งสุดท้ายที่พี่ทุยจะดูก็คือ ความสะดวกสบายในการฝากถอนเงินเข้าบัญชี แต่ละโบรกเกอร์ก็จะมีความยากง่าย ช้าเร็ว ในวิธีการฝากถอนเงินต่างกันไป บางเจ้าก็มีระบบผูกบัญชีตัดเงินให้เราเลย บางเจ้าก็ต้องแจ้งก่อนว่าเราฝากเงินเข้าไปแล้วโบรกเกอร์ค่อยปรับเงินในบัญชีให้เรา ซึ่งแน่นอนว่าทาง SBITO เองก็สามารถทำธุรกรรมทุกขั้นตอนผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทั้งหมด
หลังจากที่สมัครเสร็จนั้นเราก็รอโบรกเกอร์ส่ง Username และ Password มาให้เราซัก 1-2 อาทิตย์ แล้วเริ่มเทรดตามวิธีที่เราศึกษากันมาได้เลย แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะเทรดหุ้น เราควร ทำความรู้จักตลาดหุ้น กันก่อน รวมถึงวิธีการ ดูหุ้นว่าตัวไหนดีหรือไม่ดี เราจะได้เทรดหุ้นได้อย่างมีความสุขและได้กำไรกันเป็นกอบเป็นกำนั่นเอง
ก่อนจะจากกันไป พี่ทุยขอแนะนำซีรีส์การเงิน ลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน รับรองว่าใครติดตามจนจบ เล่นหุ้นเป็นแน่นอน ! ไปเรียนรู้พร้อม ๆ กัน คลิกที่นี่เลย..
รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
หากคุณกำลังหาโบรกเกอร์หุ้นที่น่าเชื่อถือ ปลอดภัย และไม่มีค่าคอมมิชชัน Short Recap ยกมาให้ตรงนี้แล้ว แต่แนะนำว่าควรไปอ่านเงื่อนไขของเขาให้ละเอียด เพราะบางเจ้าก็ไม่คิดค่าคอมเฉพาะ Standard ว่าแต่ว่าพวกเขามีจุดเด่น – จุดด้อยอะไรบ้าง ไปดูกัน
1. MiTRADE
MiTRADE โบรกเกอร์หุ้นน้องใหม่สัญชาติออสเตรเลีย เมืองเมลเบิร์น ขึ้นชื่อเรื่องเทรดง่าย ปลอดภัยสูง นักลงทุนใหญ่ ๆ เชื่อมั่น จึงเหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่ที่อยากเทรดหุ้น ที่น่าสนใจคือมีบัญชีให้ทดลองเทรดพร้อมเงินเสมือนจริง $50,000 ติดปัญหาอะไรมีเจ้าหน้าที่คนไทยคอยให้บริการ 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ พร้อมฟังก์ชัน stop loss และ trailing stop กันพอร์ตเสียหาย และระบบป้องกันยอดคงเหลือติดลบ
โบรกเกอร์นี้เขาได้รางวัลเยอะนะ เช่น โบรกเกอร์ Forex ที่เติบโตเร็วที่สุดในออสเตรเลีย (2019) แพลตฟอร์มเทรดบนมือถือที่ดีที่สุด (2019) โบรกเกอร์ที่มีนวัตกรรมยอดเยี่ยม (2020)
ค่าคอมมิชชัน : ไม่มี
เงินฝากขั้นต่ำ : $50 USD
จุดเด่น : ใช้งานง่าย สเปรดต่ำ ขั้นต่ำซื้อขายน้อย รองรับการฝากถอนธนาคารไทย
จุดด้อย : เลเวอร์เรจค่อนข้างต่ำ (1:200) มีบัญชีเทรดประเภทเดียว ไม่รองรับการเทรดแบบ Scalping และซื้อขายได้แค่ในแพลตฟอร์มของ Mitrade เท่านั้น
สนใจโบรกเกอร์หุ้น MiTRADE คลิกที่นี่
2. eToro
eToro โบรกเกอร์หุ้นชั้นนำของโลกที่หลายประเทศค่อนข้างเชื่อถือ มีสินทรัพย์และตลาดมากถึง 2,000 รายการ ถือว่าเยอะพอสมควรเลย แถมยังมีเทคโนโลยี CopyTrader™ เป็นสิทธิบัตรของตัวเองเอาไว้ก็อปปี้การซื้อขายของนักลงทุนเก่ง ๆ (เขาซื้อ เราซื้อตามอัตโนมัติ) มีระบบการป้องกันยอดคงเหลือติดลบเหมือนกัน
ค่าคอมมิชชัน : ไม่มี
เงินฝากขั้นต่ำ : $200
จุดเด่น : ค่าธรรมเนียมถูก ขั้นต่ำเทรดต่อครั้งน้อย ($50) เลเวอร์เรจค่อนข้างสูง (1:400)
จุดด้อย : สเปรดสูง บัญชีปกติไม่มี MetaTrader 4 บัญชีฟรีเมียมต้องฝากถึง $20,000 แพลตฟอร์มในการเทรดค่อนข้างน้อย ต้องเทรดบนเว็บซึ่งค่อนข้างใช้ยาก ไม่สามารถเทรดแบบ Scalping และ Hedging ได้
สนใจโบรกเกอร์หุ้น eToro คลิกที่นี่
3. BDSwiss
หนึ่งโบรกเกอร์หุ้นชั้นนำที่น่าสนใจก็คือ BDSwiss สัญชาติไซปรัส เข้าถึงสินทรัพย์ครอบคลุมทั่วโลกกว่า 1,000 ตลาด บัญชี CFD เข้าถึงตลาดโดยตรง แถมมีแพลตฟอร์มในการเทรดที่มีชื่อเสียงอย่าง MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 รวมถึง BDSwiss Webtrader และแอปฯ สำหรับมือถือโดยเฉพาะ มีบัญชีทดลองฟรี รองรับการฝากถอนธนาคารไทยและบัญชีอิสลาม ตอนนี้มีโปรฯ รับโบนัส 30% สำหรับการฝากเงินครั้งแรก สูงสุดถึง $500
ค่าคอมมิชชัน : ไม่มี (Classic)
เงินฝากขั้นต่ำ : $100
จุดเด่น : แพลตฟอร์มสำหรับเทรดเยอะ ค่าธรรมเนียมต่ำ เลเวอร์เรจสูง (1:500)
จุดด้อย : ขั้นต่ำในการฝากเงินในบัญชี Zero Spread สูง มีการเก็บค่าธรรมเนียมจากการไม่ใช้งานบัญชีนานกว่า 90 วัน 10% ต่อเดือน
สนใจโบรกเกอร์หุ้น BDSwiss คลิกที่นี่
4. Plus500
Plus500 หนึ่งในโบรกเกอร์หุ้นออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่อิสราเอล เข้าถึงตลาดกว่า 2,000 แห่ง ให้บริการกว่า 30 ภาษา มาพร้อมระบบป้องกันยอดเงินคงเหลือติดลบ และบัญชีให้ทดลองเทรดฟรี ที่สำคัญคือได้รับรางวัลแอปซื้อขายที่ดีที่สุดปี 2019 จาก Daytrader.com แถมยังคอยให้บริการลูกค้า 24/7 เลย ลืมบอกว่าที่นี่มี “หุ้นกัญชา” ด้วยนะ
ค่าคอมมิชชัน : ไม่มี
เงินฝากขั้นต่ำ : $100
จุดเด่น : รับประกันการสูญเสีย ปลอดภัยสูง สเปรดแคบ ค่าธรรมเนียมต่ำ
จุดด้อย : ยังไม่มีการให้บริการให้กับผู้อยู่อาศัยในประเทศไทย ไม่มีแหล่งความรู้และการฝึกสอน มีการเก็บค่าธรรมเนียม 10 USD ต่อเดือน หากไม่ใช้งานติดต่อกัน 3 เดือน และไม่เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้น
สนใจโบรกเกอร์หุ้น Plus500 คลิกที่นี่
5. XTB
XTB เป็นโบรกเกอร์หุ้นเก่าแก่สัญชาติโปแลนด์ที่มีตลาดมากถึง 3,000 แห่ง มีเทคโนโลยีของตัวเองอย่าง xStation ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายที่ดีที่สุด (2016) บอกเลยว่าน้อยมากนะที่โบรกเกอร์จะมีแพลตฟอร์มเทรดเป็นของตัวเองที่เชื่อถือได้ แถมใช้งานง่าย ปรับแต่งได้เต็มที่ มาพร้อมกับบัญชีทดลองเทรดฟรีอีก 30 วัน
ค่าคอมมิชชัน : ไม่มีค่าคอมมิชชัน (Standard)
เงินฝากขั้นต่ำ : ไม่มีขั้นต่ำ
จุดเด่น : ตลาดเยอะ ไม่มีเงินฝากขั้นต่ำ เลเวอร์เรจสูง (1:500) ค่าสเปรด CFD ต่ำ เรตฝากถอนถูกมาก มีโบนัสแนะนำเพื่อนสูงสุดถึง £600 (~฿24,000)
จุดด้อย : ถอนช้า ค่าคอมฯ บัญชี Pro สูง แพลตฟอร์มเทรดน้อย (มีเฉพาะ xStation 5 และ MT4) ไม่มี Copy trade รองรับการฝากเงินเข้าบัญชีไทยแค่ 3 ธนาคาร (กรุงเทพ, ไทยพาณิชย์ และกสิกร) เก็บค่าธรรมเนียม 10 USD หากไม่ใช้งาน 365 วัน
สนใจโบรกเกอร์หุ้น XTB คลิกที่นี่
6. XM
XM ได้รับความนิยมมากในหมู่คนไทยจนถูกจัดอันดับให้เป็นโบรกเกอร์หุ้นที่ดีที่สุดอันดับ 2 ของ Thai Broker Forex ปี 2020 ความน่าเชื่อถือจึงอยู่อันดับต้น ๆ สามารถเทรดใน MetaTrader 4-5 รวมถึง XM WebTrader ได้ทุกอุปกรณ์ มีบัญชีทดลองฟรี $100,000 ถือว่าเยอะมาก ๆ อีกอย่างที่หลายคนน่าจะถูกใจก็คงเป็นเรื่องการบริการนี่แหละ เห็นว่าดีเยี่ยมเลย
ค่าคอมมิชชัน : ไม่มีค่าคอมมิชชัน (Standard)
เงินฝากขั้นต่ำ : $5
จุดเด่น : โปรโมชันเยอะ เช่น แจกโบนัส $30 แบบไม่ต้องฝากเงินสำหรับเปิดบัญชีครั้งแรก มีแพลตฟอร์มให้เทรดหลากหลาย เลเวอร์เรจค่อนข้างสูง (1:888) มีธนาคารไทยรองรับการฝากถอนมากถึง 6 ธนาคาร นอกจากนี้ทาง XM เคลมว่า “ไม่มี Requotes หรือปฏิเสธคำสั่งแน่นอน”
จุดด้อย : ไม่มีระบบ Copy Trade สเปรดอยู่ในระดับกลาง ๆ และ VPS แพง
สนใจโบรกเกอร์หุ้น XM คลิกที่นี่
7. Exness
มาถึงโบรกเกอร์หุ้นสุดท้ายอย่าง Exness โบรกเกอร์ที่ดีที่สุดอันดับ 1 ของ Thai Broker Forex เทรดได้ทั้ง MetaTrader 4 และ 5, MultiTerminal, MT4 WebTerminal และ Mobile Platforms แถมล่าสุดมีระบบเลเวอร์เรจแบบไม่จำกัด รวมถึง FREE VPS ที่คอยบริการให้เทรดเดอร์สำหรับรัน EA ด้วย
ค่าคอมมิชชัน : ไม่มีค่าคอมมิชชัน (Standard, Standard Plus)
เงินฝากขั้นต่ำ : $1 (Standard, Standard Plus) $1,000 สำหรับบัญชีมืออาชีพ
จุดเด่น : ขึ้นชื่อเรื่องถอนไวที่สุด แพลตฟอร์มเทรดเยอะ เลเวอร์เรจสูงจนตาหลุด (1:2000) รองรับธนาคารไทยเยอะมาก สำหรับบัญชี Pro Exness เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่สเปรดถูกที่สุด
จุดด้อย : รีโควตบ่อย แม้สเปรดของบัญชี Pro จะถูกมาก แต่ก็มีโอกาสเกิดรีโควต
สนใจโบรกเกอร์หุ้น Exness คลิกที่นี่
ย้ำ! เทรดเดอร์ทั้งหลายควรศึกษาข้อมูลแต่ละโบรกเกอร์อย่างละเอียด เช็กดูดี ๆ ว่ามีค่าธรรมเนียมแอบแฝงหรือเปล่าก่อนลงทุนนะ