แพทย์จะซักประวัติการดื่มแอลกอฮอล์ ชนิด ปริมาณ รูปแบบการดื่ม รวมถึงโรคประจำตัวอื่นๆ ร่วมกับตรวจร่างกายเพื่อดูการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ รีเฟล็กซ์ การทรงตัว รวมถึงระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น การควบคุมระดับความดันโลหิต อุณหภูมิของร่างกาย การเต้นของหัวใจ ทำการทดสอบเกี่ยวกับความจำของผู้ป่วย การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เช่น ตรวจระดับโปรตีนแอลบูมินในเลือด ค่าการทำงานของตับ ระดับวิตามินบี ระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด รวมถึงภาพวินิจฉัยทางสมอง แล้วรวบรวมข้อมูลประเมินระดับความเสียหายที่เกิดขึ้น
บางครั้งผู้ป่วยที่ภาวะสมองเสียหายจากสุรา มักได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นอาการของโรคอัลไซเมอร์ แต่ภาวะสมองเสียหายจากสุรา เป็นภาวะที่รักษาให้ดีขึ้นและยับยั้งความเสียหายเพิ่มเติมได้ การตรวจเพิ่มเติมที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็ว
บทคัดย่อผลกระทบของการดื่มแอลกอฮอล์ต่อผู้อื่น (Alcohol’s Harm to Others) เป็นมิติหนึ่งในผลกระทบทั้งหมดที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ โดยให้ความสนใจผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นกับบุคคลอื่นนอกจากผู้ดื่ม ซึ่งมักมีลักษณะตามรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างผู้ดื่มกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ เช่น กรณีผู้ดื่มเป็นสมาชิกในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือคนแปลกหน้า ผลกระทบมีหลากหลายระดับ ครอบคลุมตั้งแต่ความรุนแรงในระดับเล็กน้อย เช่น การรู้สึกรำคาญใจ จนถึงผลกระทบที่รุนแรงมาก เช่น การถูกทำร้ายเสียชีวิต ข้อมูลสถานการณ์ผลกระทบของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อผู้อื่นของประเทศไทย มีการศึกษาและรวบรวมอยู่ใน ๓ ลักษณะ ได้แก่ การสำรวจผลกระทบในประชากร การรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการศึกษาต้นทุนทางสังคม อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวยังมีข้อจำกัดอยู่มากทั้งในประเด็นขอบเขตของปัญหาและวิธีการศึกษา โดยมีเฉพาะบางประเด็นที่เป็นเหตุการณ์รุนแรง เช่น อุบัติเหตุจราจร ความรุนแรงในครอบครัว หรือการนำเสนอเป็นสัดส่วนของเหตุการณ์ที่มีแอลกอฮอล์เกี่ยวข้อง จึงยังไม่สามารถสะท้อนสถานการณ์ของผลกระทบของการดื่มต่อผู้อื่นในภาพรวมอย่างแท้จริง แต่มีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจศึกษาต่ออีกหลายประเด็น เช่น ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตร่างกายและจิตใจ หรือทรัพย์สินที่เสียหายของคนรอบข้างผู้ดื่ม ผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนจากการดื่มของคนในครอบครัว ผลกระทบในสถานที่ทำงานต่อเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย ข้อมูลเชิงประจักษ์ของสถานการณ์และความรุนแรงของผลกระทบเชิงลบของแอลกอฮอล์ที่เกิดต่อสาธารณะนี้ถือว่ามีความสำคัญและประโยชน์ในการสนับสนุนการพัฒนานโยบายควบคุมแอลกอฮอล์ การติดตามผล รวมถึงการสร้างตระหนักต่อสังคมของประเทศได้
ในปัจจุบันปัญหาที่ร้ายแรง และแผ่ขยายไปทั่วในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยก็คือผลของการดื่มเหล้าหรือการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ไม่ว่าจะเป็นวิสกี้ บรั่นดี เบียร์หรือไวน์ก็ตาม ผู้ที่ดื่มในปริมาณไม่มากแต่ดื่มอย่างสม่ำเสมอจะมีแนวโน้มที่คอจะแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ ดื่มในปริมาณที่เพิ่มขึ้นทุกวัน แม้ว่าบุคคลผู้นั้นจะไม่เคยเมาเลยก็ตามแต่ยิ่งจำนวนแอลกอฮอล์มากขึ้นผลที่ตามมาก็คือการทำร้ายสุขภาพไม่ว่าจะเป็นหัวใจ สมอง ระบบประสาท กระเพาะอาหารและตับก็ตามล้วนได้รับผลภัยจากแอลกอฮอล์ได้ทั้งสิ้นรวมทั้งโอกาสนี้จะเกิดมะเร็งในช่องปาก ลำคอกล่องเสียงและหลอดอาหารมีได้สูงกว่าเช่นเดียวกัน
เพื่อให้ท่านที่สนใจหัวข้อเรื่องนี้ทราบว่า อวัยวะต่าง ๆของร่างกายได้รับผลกระทบอย่างไรจากการดื่มเหล้า เบียร์ หรือไวน์ทางศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ขอชี้แจงให้ท่านได้ทราบดังนี้
1. ผลต่อหัวใจ พบว่าการดื่มในปริมาณที่มากจะทำให้มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจไม่แข็งแรง เกิดหัวใจวายได้ง่าย
2. ผลต่อตับ พบว่าการดื่มจะทำให้เกิดโรคตับแข็งได้ตับที่ถูกทำลายโดยแอลกอฮอล์จะไม่สามารถทำหน้าที่ที่จำเป็นได้ไม่ว่าจะเป็นกรรมวิธีในการย่อยสลายสารอาหารต่าง ๆหรือการเปลี่ยนแปลงของยาที่รับประทานเข้าไป บางรายอาจมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง มักอาเจียนเป็นเลือด
3. ผลต่อผิวหน้า แอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ผิวหน้าจะเห็นเป็นสีแดงเรื่อ ๆมีผลทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนออกไปบางส่วนจากทางผิวหน้าจนบางครั้งอาจเกิดอาการหนาวจนสั่น หรือเกิดโรคปอดบวมได้ง่ายในฤดูหนาว
4. ผลต่อสมอง บางคนเชื่อว่าทานเหล้านิดหน่อยจะช่วยกระตุ้นสมองให้กระฉับกระเฉงแต่ข้อเท็จจริงไม่ใช่เช่นนั้น แอลกอฮอล์จะมีฤทธิ์กดการทำงานของสมองถ้าดื่มมาก ๆ เข้า จะทำให้ความจำเสื่อม การตัดสินใจไม่เหมาะสม สมาธิเสียไปโกรธง่ายการพูดจะช้าลง สายตาพร่ามัวและการทรงตัวเสียไป
5. ผลต่อกระเพาะอาหาร มีผลทำให้กระเพาะอาหารอักเสบอย่างฉับไวทันทีภายหลังดื่มในปริมาณมากซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดเลือดออกในกระเพาะอาหารได้
6. ผลต่อระบบสืบพันธุ์ ในเพศชายอาจเกิดการเลื่อมสมรรถภาพทางเพศ ในผู้หญิงตั้งครรภ์จะมีผลร้ายต่อทารกทั้งทางร่างกายและทางจิตใจสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ศูนย์ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ รพ.กรุงเทพพัทยา หรือโทร.1719
ที่มา : ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ