พระราชกรณียกิจสำคัญที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงปฏิบัติมาตลอด 70 ปีที่ทรงครองราชสมบัติ ได้แก่ พระราชกรณียกิจด้านการทหาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในฐานะทรงเป็นองค์จอมทัพไทย ได้เสด็จพระราชดำเนินตรวจเยี่ยมทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อทรงเป็นพระมิ่งขวัญและพระราชทานกำลังใจ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เสด็จพระดำเนินพิธีตรึงหมุดและพระราชทานธงชัยเฉลิมพล และพระราชทานกระบี่ให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ เป็นต้น
อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พ.ศ. 2524
นอกจากพระราชกรณีด้านการทหารที่กล่าวข้างต้น พระราชกรณีกิจด้านการทหารที่ทรงปฏิบัติมาตลอดเพื่อทรงเป็นพระมิ่งขวัญและศูนย์รวมจิตใจในการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ได้แก่ การเสด็จพระราชดำเนินตรวจพลสวนสนามและรับการถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ณ ลานพระวังดุสิต
สำหรับพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ กระทำขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2496 สมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยจอมพลผิน ชุณหะวัณ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯประกอบพิธีพระราชทานธงชัยเฉลิมพลแก่หน่วยทหารของกองทัพบกจำนวน 40 กองพัน ในวันที่ระลึกกองทัพบก วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2496 จากนั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาให้กองทัพภาคที่ 1 จัดงาน “วันราชวัลลภ” เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 85 ปี กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และให้มีการสวนสนามของทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ จำนวน 4 กองพัน ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระลานพระราชวังดุสิต วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2496 โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จมาเป็นประธานในพิธีและพระราชทานธงชัยเฉลิมพลให้กับหน่วยทหาร และเสด็จพระราชดำเนินตรวจพลสวนสนาม โดยทรงพระดำเนินด้วยพระบาทครั้งแรกและครั้งเดียวในฉลองพระองค์ของกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ การสวนสนามของทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ณ พระลานพระราชวังดุสิต วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2496 เป็นจุดเริ่มต้นของพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์มาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ได้ว่างเว้นมาอีกเป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะกระทำขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2501 โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีบัญชาให้กระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2501 ณ พระลานพระราชวังดุสิต ซึ่งมีเฉพาะทหารรักษาพระองค์ สังกัดกองพลที่ 1 รักษาพระองค์เท่านั้น
พ.ศ. 2504 ได้กำหนดให้มีการถวายพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินนิวัตพระนคร หลังจากทรงเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยจัดพิธีสวนสนามของบรรดาทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2504 รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ประกาศให้เป็น “วันพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม” และวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2504 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีบัญชาให้กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยใช้หน่วยทหารรักษาพระองค์ในกรุงเทพมหานครเข้าร่วมพิธีจำนวนทั้งหมด 8 กองพัน 2 กรมสวนสนาม
พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ที่จัดขึ้นในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ พระลานพระราชวังดุสิต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม กำหนดให้วันที่ 3 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ในปี พ.ศ. 2525 เป็นปีแรกที่หน่วยทหารรักษาพระองค์ในส่วนภูมิภาคและเหล่าทัพอื่น คือ กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ได้เข้ามาร่วมพิธี จึงกำหนดการจัดหน่วยเข้าร่วมพิธีเพิ่มขึ้น จาก 8 กองพัน เป็น 12 กองพัน แบ่งออกเป็น 4 กรมสวนสนาม กรมละ 3 กองพัน หมู่แตรเดี่ยว 8 นาย หมู่เชิญธงชัยเฉลิมพล 4 นาย และผู้บังคับกองพัน 1 นาย โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา กองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ ได้จัดให้กำลังพลขี่ม้าเข้าร่วมพิธีด้วย จำนวนกองพันที่เข้าร่วมพิธีจึงเพิ่มเป็น 13 กองพัน โดยกองพันทหารม้าดังกล่าวจะเป็นกองพันสุดท้ายในขบวนสวนสนาม
พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เปลี่ยนแปลงวันพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์จากวันที่ 3 ธันวาคม เป็นวันที่ 2 ธันวาคม กระทำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539-2551 โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุนออกทางประตูทวยเทพสโมสร หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อทรงเป็นองค์ประธานในพิธี ขณะทรงตรวจพลสวนสนามมีรถยนต์อัญเชิญธงชัยราชกระบี่ยุทธและธงชัยพระครุฑพ่าห์ นำหน้าขบวนเสด็จพระราชดำเนิน และอัญเชิญธงไชยเฉลิมพลประจำหน่วยต่างๆ เข้าร่วมในพิธี
พ.ศ. 2551 เป็นปีสุดท้ายที่กระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ณ ลานพระราชวังดุสิต วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 มีการปรับรูปขบวนสวนสนามเป็นแบบ 2 กรมสวนสนามเคียงกันและปฏิบัติพร้อมกัน เพื่อเป็นการลดพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และปี พ.ศ. 2552 สำนักราชเลขาธิการได้ประกาศเลื่อนพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ออกไป เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯมาประทับที่โรงพยาบาลศิริราช วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552
พ.ศ. 2553-2556 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาร่วมกับการเสด็จออกมหาสมาคม วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมทั้งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ท้องพระโรง พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ส่วนทหารรักษาพระองค์ จำนวน 4 กรม รวม 13 กองพัน เคลื่อนกระบวนจากศาลาว่าการกลาโหม เข้าสู่ประตูวิเศษไชยศรี มาตั้งแถวเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท บนสนามหน้าศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวังเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตน โดยงดพิธีสวนสนาม และกระทำพิธีร่วมกับการเสด็จออกมหาสมาคม เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมทั้งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ มุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ส่วนทหารรักษาพระองค์ ประกอบด้วย กองบังคับการกรมผสมจำนวน 18 นาย หมู่เชิญธงชัยเฉลิมพลจำนวน 48 กองพัน กองทหารเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ เคลื่อนกระบวนจากศาลาว่าการกลาโหม เข้าสู่ประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี ตั้งแถวเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ที่บริเวณสนามหน้ามุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ถวายพระพรชัยมงคลและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ ในพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคมรับการถวายพระพรชัยมงคล โดยงดการสวนสนาม และประกอบพิธีร่วมกับการเสด็จออกมหาสมาคม
วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมทั้งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และทหารรักษาพระองค์ จำนวน 13 กองพัน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม โดยเหล่าทหารรักษาพระองค์ทั้ง 12 กองพัน และทหารม้ารักษาพระองค์ 1 กองพัน เคลื่อนพลสวนสนามจากสวนอัมพรมายังสนามหญ้าหน้าพระที่นั่ง เพื่อกระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนร่วมกับการถวายพระพรชัยมงคลของพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการพลเรือน
วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมทั้งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยทหารรักษาพระองค์ทั้ง 12 กองพัน เคลื่อนพลสวนสนามจากถนนเพชรเกษมมายัง วังไกลกังวล เพื่อกระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนร่วมกับการถวายพระพรชัยมงคลของพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. 2557 กองทัพไทยจัดพิธีเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 มีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ จำนวน 13 กองพัน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทั้งนี้ การถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์กระทำต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พ.ศ. 2558 กองทัพไทยจัดพิธีเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ในวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2558 มีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ จำนวน 13 กองพัน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทั้งนี้ การถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์กระทำต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีการสวนสนามของทหารรักษาพระองค์จำนวน 13 กองพัน
มีการสวนสนามของทหารรักษาพระองค์จำนวน 13 กองพัน
จากที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นพระราชกรณียกิจด้านการทหารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงปฏิบัติมาตลอด 70 ปีที่ทรงครองราชสมบัติ และความเป็นมาของพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นพระมิ่งขวัญและพระราชทานกำลังใจ ทรงเสด็จพระราชดำเนินตรวจเยี่ยมทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยในพื้นที่ต่างๆ และทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ทหารรักษาพระองค์ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ทุกปี สุดท้ายนี้ ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทที่ทรงพระราชทานแก่ทหารรักษาพระองค์ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ณ ลานพระราชวังดุสิต วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ดังนี้
“คำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้แก่ข้าพเจ้านั้น เป็นสัจจะวาจาที่มีค่าควรรักษาไว้โดยเคร่งครัด เพราะเป็นสิ่งที่จะคุ้มครองตัวท่านให้มีความเจริญสวัสดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อที่จะรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ ของทหารรักษาพระองค์ แท้จริงแล้วการรักษาเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ ดังนี้ มิได้หมายถึงการทำตัวให้เรียบร้อย เป็นสง่า สมกับชั้นยศและตำแหน่งหน้าที่เท่านั้น แต่ย่อมหมายถึงการปฏิบัติหน้าที่ของทหารให้ถูกต้อง สมบูรณ์ รวมทั้งการประพฤติปฏิบัติตนดี ให้เป็นที่ศรัทธา เชื่อถือ ของประชาชนด้วย ดังนั้น ทหารรักษาพระองค์ทุกคน ไม่ว่าจะประพฤติปฏิบัติการใด จะต้องระมัดระวังกาย ใจ ให้มั่นคง เที่ยงตรง ให้มีความสัตย์สุจริต และความสมัครสมานสามัคคี มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน และอดกลั้น ถ้าทุกคนมุ่งใจปฏิบัติดังนี้ ความมีความเจริญที่จะเกิดขึ้น ทั้งแก่ตัวท่าน แก่หมู่คณะ ตลอดถึงชาติบ้านเมือง เป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรีของทหารรักษาพระองค์อย่างแท้จริงและยั่งยืน”