กระแสการรณรงค์ ลด ละ เลิก ใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วใส่ของ หรือถุงก๊อบแก๊บที่แรงขึ้น ๆ อีกด้านหนึ่งก็ทำให้ใครหลาย ๆ คนเริ่มหันมามองหา “ตัวเลือก” ที่จะมาทดแทนถุงพลาสติก นอกจาก “ถุงผ้า” แล้ว ชื่อของ “ถุงกระดาษ” คงจะผุดขึ้นมาในหัวพร้อม ๆ กัน
เมื่อเอ่ยถึงถุงกระดาษ เชื่อว่าหลาย ๆ คนโดยเฉพาะคนที่อายุ 40-50 ปี อาจจะนึกถึงถุงกระดาษที่ทำมาจากหนังสือพิมพ์ ที่พ่อค้าแม่ขายหาบเร่แผงลอยนำหนังสือพิมพ์มาตัด-พับ-ทากาว สำหรับใช้ใส่ของให้ลูกค้า
- เปิด 5 อันดับบริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยมากที่สุด ปี 2566
- ttb ชี้ขึ้นค่าธรรมเนียมถอนเงินสด-จ่ายบิลที่สาขา แบงก์จำเป็นต้องลดภาระต้นทุน
- ออมสิน-ธ.ก.ส. ระเบิดโปรฯเงินฝาก “ดอกเบี้ยพิเศษ” เช็กเงื่อนไขที่นี่ !
แต่หากหรูหราขึ้นมาหน่อยคงต้องนึกถึงถุงกระดาษ “โชคดี”
ถุงกระดาษโชคดีเป็นอย่างไร ให้นึกถึง…ถุงกระดาษสีน้ำตาล ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไซซ์ประมาณ 15×9 นิ้ว ด้านบนเจาะรูเป็นหูหิ้ว ถัดลงมามีตัวหนังสือเขียนว่า “โชคดี” ก่อนจะเป็นตารางหมากฮอสอยู่ตรงกลาง หรืออีกด้านหนึ่งก็จะพิมพ์รูปดาราชื่อดังในสมัยนั้น หรือรูปนางสาวไทย
Advertisement
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “วิวัฒน์ อรรถประสิทธิ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซีย เปเปอร์ แบค จำกัด ผู้แจ้งเกิด “ถุงโชคดี”
“วิวัฒน์” เริ่มย้อนอดีตให้ฟังว่า หลังจากได้มีโอกาสไปต่างประเทศ และพบว่าถุงกระดาษนั้นเป็นที่นิยมใช้ของคนทุกเพศทุกวัย จึงคิดว่าหากทำถุงกระดาษขายก็น่าจะไปได้ดี จึงลงทุนซื้อเครื่องจักรจากญี่ปุ่นเข้ามา และนำวัสดุที่เหลือใช้จากโรงงาน เช่น ถุงปูน ถุงใส่สิ่งของต่าง ๆ มาต่อยอดธุรกิจ และใช้ชื่อว่า “โชคดี” ช่วงเริ่มต้นสมัยนั้นขายใบละ 19 สตางค์
ยุคบุกเบิกราว ๆ ประมาณปี 2520 “วิวัฒน์” ลงทุนขนถุงไปแจกให้พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดนัดท้องสนามหลวง ศูนย์รวมของการค้าขายใหญ่ในสมัยนั้น ซึ่งมีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ได้ใช้ฟรี ๆ นอกจากพ่อค้าจะได้รู้จักมักคุ้นกับถุงโชคดีแล้ว ลูกค้าที่มีซื้อของตามแผงตามร้านต่าง ๆ ก็จะได้ถุงโชคดีติดมือกลับบ้านไปโดยปริยาย พร้อมกันนี้เขายังมีการโฆษณาผ่านสื่อวิทยุที่ถือว่าเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลในยุคนั้น และลูกค้าหลักส่วนใหญ่เป็นร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ร้านค้า ร้านโชห่วย
Advertisement
“วิวัฒน์” เล่าให้ฟังว่า กว่าจะแจ้งเกิด และ “ถุงโชคดี” จะเป็นที่รู้จักได้ต้องใช้เวลาไม่น้อย และเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ “…กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ต้องออกแรงเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคไม่น้อย
โดยเฉพาะเมื่อสัก 10 ปีที่ผ่านมา ที่ความนิยมใช้ถุงพลาสติกที่มีมากขึ้น และทำให้ออร์เดอร์ถุงกระดาษลดลงอย่างน่าใจหาย ขนาดว่าบางช่วงบางเดือนต้องปิดสวิตช์หยุดเครื่องจักรเลยทีเดียว
ทำให้ต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับยุคสมัยและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทั้งในเรื่องดีไซน์ สีสัน รวมถึงวัตถุดิบที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”
Advertisement
เมื่อธุรกิจเริ่มเข้าที่เข้าทางและตั้งหลักได้ “วิวัฒน์” ก็เริ่มเดินหน้าขยายกิจการ ถึงวันนี้นอกจากจะผลิตขายถุงกระดาษสารพัดรูปแบบขายในประเทศแล้ว ยังรับจ้างผลิตและส่งออกไปขายในต่างประเทศมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
“วิวัฒน์” ย้ำว่า การรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกที่มีมาต่อเนื่องและมีคนจำนวนมากหันมาใช้ถุงกระดาษแทน ถือเป็นโอกาสในการเติบโต เห็นได้จากออร์เดอร์ที่มีเข้ามามากขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
จากนี้ไป นอกจากการพยายามสร้างแบรนด์ถุงโชคดีให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านถุงกระดาษและแตกไลน์ออกไปยังแพ็กเกจจิ้ง แก้วกาแฟจากกระดาษ ถาด/กล่องใส่พิซซ่า กล่องของขวัญ และเดินหน้าหาลูกค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะการไปโรดโชว์ตามงานแฟร์ ยุโรป ตะวันออกกลาง ฮ่องกง
แม้ถุงโชคดีจะเริ่มต้นจากศูนย์ แต่วันนี้กลายเป็นธุรกิจระดับร้อยล้าน นี่คือ ตำนานของถุงกระดาษชื่อดังของเมืองไทยเมื่อในอดีต
ลักษณะของหนังสือมีตำหนิ (หนังสือเกรด B)
ตัวอย่างเกรด/สภาพปกพับ สันบุบ ขาด
ลดราคา 20%
ปกพับ สันบุบ ขาด สังเกตเห็นได้ว่าขาด ชำรุดมาก
ลดราคา 30%
แต่ไม่มาก อาจมีสภาพปกพับ ปกหักร่วมด้วย
ลดราคา 50%
อาจมีสภาพชำรุดร่วมด้วย แต่เนื้อหายังครบถ้วน
ลดราคา 70%
(ซื้อแล้วไม่รับเปลี่ยน หรือคืนทุกกรณี ยกเว้นชำรุดอันเนื่องมาจากการพิมพ์)