เป้าหมายในชีวิตของนักเรียน

Comfort Zone  หรือพื้นที่ปลอดภัย คือความรู้สึกคุ้นชินว่าทำแบบนี้ คิดแบบนี้แล้วเราจะปลอดภัย จะไม่ผิด จะไม่ผิดหวัง เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเราและไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้ต้องกังวลว่าเราจะควบคุมได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน หรือการทำงาน แต่หากมีอะไรเปลี่ยนไปจากที่เป็นอยู่จะทำให้รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที

การที่เราอยู่ในพื้นที่ Comfort Zone มีผลเสีย คือทำให้เราไม่พยายามจะเรียนรู้หรือพัฒนา เพราะไม่อยากเผชิญการเปลี่ยนแปลง กลัวความผิดพลาด ทำให้เราเสียโอกาสในการพัฒนาตัวเองและไม่ได้ใช้ศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถอยู่ใน Comfort Zone ได้ตลอดไป เพราะ ทุกอย่างย่อมมึการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่ใช่วันนี้ก็ต้องเกิดขึ้นในอนาคต

การพาตัวเองออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยจะช่วยให้เรามองเห็นสิงใหม่ๆ ได้ท้าทายตัวเองให้ลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ เพื่อให้ค้นพบความเป็นตัวตน ความต้องการและเป้าหมายของเราในอนาคตข้างหน้า เรียนรู้ที่จะเผชิญกับปัญหา แรงกดดัน ความเครียด และความเหนื่อยยาก

วิธีที่จะทำให้ชีวิตหลุดออกจาก Comfort Zone คือการรู้จักจัดการชีวิตเชิงรุก หมายถึง การลุกขึ้นมาวางแผน  วางเป้าหมาย ค้นหา จุดหมายในชีวิต และทำสิ่งที่ไม่เคยทำ เพื่อจะทำทดสอบว่าเรานั้นเหมาะ หรือจดจ่อมีสมาธิอยู่กับสิ่งใด ทำสิ่งใดได้ หรือทำแล้วมีความสุข

การตามหาเป้าหมายเป็นสิ่งที่ท้าทายและไม่จำเป็นว่าเราจะต้องทำทุกอย่างได้สำเร็จลุล่วงร้อยเปอร์เซนต์ ความผิดพลาดนั้นคือบทเรียนที่จะช่วยให้เราเก่งขึ้นไม่ใช่สิ่งซ้ำเติมว่าเราด้อยคุณค่า ทุกคนที่ประสบความสำเร็จบนโลกใบนี้ ล้วนต้องผ่านจุดนี้ด้วยกันทั้งนั้น

ทุกคนย่อมมีเป้าหมายในชีวิตที่วางไว้ และมุ่งมั่นที่จะพุ่งชนเป้าหมายนั้นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายในความก้าวหน้าของงาน เป้าหมายในการดูแลสุขภาพให้มีรูปร่างตามที่ต้องการ หรือเป้าหมายในการเก็บเงินเพื่อซื้อสิ่งของที่อยากได้ ถึงเป้าหมายของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป แต่สุดท้ายแล้ว การตั้งเป้าหมายชีวิตก็เพื่อตอบโจทย์ให้ตัวเองทำตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ วันนี้เรามีวิธีที่จะช่วยให้เป้าหมายในชีวิตที่เราตั้งไว้ประสบผลสำเร็จ ดังนี้

1. แน่วแน่ไว้ว่า สิ่งที่เราทำนั้น เราต้องการอะไร

เมื่อตั้งเป้าหมายชีวิตแล้ว เราต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่และจริงจังกับมัน บางคนอยากเป็นนักโปรแกรมเมอร์ บางคนอยากเป็นนักกีฬา บางคนอยากมีเงินทองเยอะ ๆ จากการทำธุรกิจ ให้คิดไว้ว่า สิ่งที่เราจะทำนั้นคือสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ ไม่ใช่ทำเพราะเห็นคนอื่นทำเลยทำตาม พอทำไม่สำเร็จคุณก็ท้อ และหยุดทำ เพราะนั่นมันไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการจากใจจริง เป็นเพียงแค่กระแสชั่วคราวเท่านั้น

2. กำหนดเป้าหมาย

เมื่อรู้ว่าเป้าหมายในชีวิต หรือสิ่งที่เราต้องการทำคืออะไรแล้ว ลำดับถัดมาก็คือ การกำหนดเป้าหมาย เพราะการที่จะประสบความสำเร็จได้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน กำหนดไปเลยว่าจะสำเร็จตรงตามเป้าหมายในวัน เดือน หรือปีใด แต่ต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงที่สามารถทำให้สำเร็จได้ด้วย สุดท้ายแล้วถ้าตั้งเป้าหมายชีวิตไว้แต่ไม่ยอมลงมือทำสักที เป้าหมายที่ตั้งไว้ก็เป็นเพียงความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง ดังนั้นจึงต้องลงมือทำอย่างจริงจังด้วย

3. วางแผน

การวางแผนอาจทำควบคู่ไปกับการกำหนดเป้าหมายในชีวิตเลยก็ได้ โดยอาจจะให้กำหนดออกมาว่า วันนี้เราต้องทำอะไร เดือนหน้าเราต้องทำอะไรต่อ ให้เขียนเป้าหมายไว้เป็นข้อย่อย อาจดูเหมือนเป็นเรื่องยิบย่อย แต่เป้าหมายย่อย ๆ เล็ก ๆ เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ส่งต่อให้ไปถึงเป้าหมายใหญ่ทั้งนั้น เหมือนกระจายงานทำทีละเล็กละน้อย พอรวมกันเข้าก็จะกลายเป็นเป้าหมายใหญ่ ทั้งนี้ทั้งนั้นการวางแผนจะต้องสอดคล้องกับการกำหนดเป้าหมายในการทำให้สำเร็จตามที่วางไว้ด้วย

4. ลงมือปฏิบัติ

เมื่อกำหนดเป้าหมายและวางแผนเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มลงมือปฏิบัติได้เลย จงมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเททำให้เต็มที่ หมั่นทบทวนเป้าหมายในชีวิตของคุณอยู่สม่ำเสมอ อย่าไปกลัวกับอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น เพราะอุปสรรคเป็นบททดสอบที่เปรียบเหมือนบันไดให้เราก้าวข้ามไปสู่ความสำเร็จ หากคิดและแก้ไขปัญหาได้ ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน

5. สร้างความสำเร็จต่อเนื่อง

เมื่อเราได้เริ่มทำสิ่งต่าง ๆ จนสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว ก็อย่าลืมรักษามาตรฐานนี้เอาไว้ให้คงที่ อย่ามัวแต่หลงอยู่กับความสำเร็จที่ได้มา เพราะไม่รู้ว่าความสำเร็จที่ได้มานั้นจะอยู่กับเราไปตลอดหรือไม่ ควรเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อการพัฒนาตัวเองให้ประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน

ดังนั้นแล้ว ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของเรา หากเรามุ่งมั่นตั้งใจ มีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่เข้ามาระหว่างทาง เชื่อได้เลยว่าความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน และเมื่อคุณรู้จักการตั้งเป้าหมายและบรรลุจุดประสงค์ของคุณแล้ว บางคนอาจคิดจะสร้างธุรกิจของตนขึ้นมา ลองอ่านบทความวาดฝันมีธุรกิจใหญ่ ทำอย่างไรฝันถึงจะกลายเป็นจริงกันดู แล้วคุณจะรู้ว่าคุณก็ทำได้!


โนม โชมสกี้ (Noam Chomsky) ศาสตราจารย์กิติคุณ จาก MIT ได้ให้ทรรศนะเกี่ยวกับเป้าหมายทางการศึกษา (The purpose of Education) ไว้ดังต่อไปนี้

การศึกษามีอยู่สองชนิด คือ ชนิดแรกสัมพันธ์กับการแสงสว่างทางปัญญา (Enlightenment) เป้าหมายที่สูงสุดในชีวิตคือสืบเสาะแสวงหาความจริง และ ความสร้างสรรค์ ค้นหาคุณค่าจากอดีต พยายามที่จะคิดและทำเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ เสาะแสวงหาความรู้ ช่วยผู้คนว่าจะเรียนรู้ได้อย่างไรในชีวิตของเขา นั่นคือผู้เรียนที่แท้จริง มันขึ้นอยู่กับคุณว่าคุณมีเจตจำนงที่จะเป็นนายแห่งความรู้ ชนิดที่สอง เกี่ยวข้องกับการปลูกฝังและอบรม เด็ก เยาวชน ประชาชน ให้เป็นคนอยู่ในกรอบ ที่พวกเขาจะทำตามคำสั่งที่ค่อนข้างชัดเจน โรงเรียนและมหาวิทยาลัย ได้เพิ่มผลการประเมินไปสู่การควบคุม ทำให้ดูหรู และสร้างหนี้มากขึ้น ในการนำพาผู้เรียน ไปสู่ความสอดคล้องกับหลักการดังกล่าว

คุณศึกษาอบรมเพื่อให้ผ่านการประเมิน หรือ เพื่อการสืบค้นอย่างสร้างสรรค์ กันแน่ ?

เมื่อไร ที่คุณได้ทำวิจัยใน MIT สถาบันแห่งนี้จะติดตามแสงสว่างทางปัญญาซึ่งเป็นภาพสำคัญทางการศึกษา มีการใช้คำถามกระตุ้นและท้าทาย คำถามมีอำนาจในตัวเอง ค้นหาทางเลือก ค้นหางานจากแหล่งอื่น ๆ เช่น อะไรที่ระบบการศึกษากลับลงไปเหมือนชั้นเด็กเล็ก

การศึกษาและผลกระทบจากเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนการสอน ปัจจุบันมีแนวโน้มไปทางเทคโนโลยีทีสอดคล้องกับศตวรรษที่ผ่านมาแล้ว ไม่สามารถเปรียบเทียบการยกขึ้นของเรือใบ หรือ โทรเลข เทคโนโลยีทางการศึกษา คือธรรมชาติเป็นกลาง ๆ เหมือนกับค้อน ที่จะสร้างสรรค์ หรือ ทำลายได้ในขณะเดียวกัน ถ้าคุณรู้ว่าคุณกำลังมองหาอินเตอร์เนต ที่มีสามารถเป็นอะไรที่มากกว่าคุณค่า และจะถามว่ากรอบของคุณเป็นอย่างหนึ่งที่เหมาะสมหรือไม่ อะไรคือนัยยะสำคัญ อะไรที่ไม่ใช่นัยยะสำคัญเช่นนั้น อะไรที่พึงจะนำใส่ไปข้างใน คุณไม่สามารถคาดหมายได้ว่าใครที่ควรจะมาเป็นนักชีววิทยา โดยการค้นหาจากอินเตอร์เนต ทางตรงที่ดีที่จะสร้าง อาจเป็นอันตราย ในการสุ่มสำรวจค้นหาตลอด อินเตอร์เนตอาจจะเป็นการกำเนิดความเชื่อใหม่

การศึกษา ต้นทุนหรือการลงทุน พวกเราต้องการให้สังคมเสรี เป็นปัจเจกชนสร้างสรรค์ ที่จะได้รับจากสิ่งที่ผ่านมาจากอดีตและเพิ่มพูนขึ้นถึงพวกเราหรือไม่ หรือ พวกเราต้องการให้ทุกคนเพิ่มพูน GDP เท่านั้นเองหรือ เบอร์ทรัล รัสเซล และจอห์น ดิวอี้ ว่าไว้อย่างเร็วในอดีตหรือ ถ้าที่นั่นมันไม่ได้น่าอยู่ในระบบการศึกษาและวัฒนธรรม ซึ่งมุ่งเน้นการให้กำลังใจการค้นหาด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นอิสระในความคิด ความเต็มใจในการก้าวข้ามพรหมแดน ท้าทายความเชื่อที่มีอยู่ คุณไม่ได้เดินทางไปตามแนวเทคโนโลยี ซึ่ง ก้าวไปเพื่อผลิตกำไรทางเศรษฐกิจ นั่นไม่ใช่ความสำคัญของเป้าหมายทางการศึกษา
การวัดและประเมินผล และ อิสรภาพเสรีภาพ การทำข้อสอบสามารถที่จะเป็นสำหรับบางคนที่ใช้ สำหรับนักเรียนว่า ฉันอยู่ที่ไหน อะไรที่ฉันรู้ อะไรที่ฉันประสบความสำเร็จ หรือ สำหรับครู อะไรที่พึงเปลี่ยนแปลงและปรับปรุง นอกเหนือจากนั้นเขาไม่ได้บอกคุณจริง ๆ เลยว่า จำนวนแค่ไหนที่จะทำ คนที่สามารถทำได้เป็นอย่างดีในการข้อสอบและเข้าใจทุก ๆ จุดเล็ก ๆ พวกเรามีประสบการณ์ในการทดสอบกันเท่าไร และลืมทุกสิ่งทุกอย่างในสองสัปดาห์ต่อมา มันสามารถที่จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์แต่มันก็แปรผันได้เช่นเดียวกัน

เกรดหกเกรด ที่ครูนำขึ้นมาบอกเรื่องราวว่าทำอย่างไรหนึ่งในนักเรียนของเธอจะพูดว่า เธอจะสามารถเรียนรู้มากขึ้นกว่าเดิมเกี่ยวกับหัวข้อเฉพาะนั้นได้หรือไม่ และครูบอกเธอว่ารู้สึกอึดอัดใจที่จะบอกเธอว่า เธอไม่พึงที่จะทำอย่างนั้น ซึ่งเธอควรจะศึกษาสำหรับการเพิ่มพูนคะแนนระดับชาติ เพราะว่ามันจะเป็นกำหนดอนาคตของครู และประโยชน์ทางตรงที่สุดสำหรับนักเรียนหญิงคนนั้นในอนาคต เด็กสาวตัวน้อยอาจเคยทำให้ดีขึ้น ถ้าเธอจะค้นคว้าในสิ่งที่เธอสนใจ และไม่ใช่แบบทดสอบ การสอบผ่านไม่ได้เริ่มที่จะเทียบเคียง เพื่อจะสืบค้นหา จะค้นหา ใฝ่หาหัวข้อ ซึ่งผูกมัดพวกเราอยู่ และ ทำให้พวกเรารู้สึกตื่นเต้นมีชีวิตชีวา ในข้อเท็จจริงแล้ว คุณจะจำได้ก็ต่อเมื่อคุณได้ค้นหา ถ้าคุณไล่ตามประเภทของการเรียนรู้ นักฟิสิกส์ระดับโลกได้ตอบคำถามของนักเรียนเกี่ยวกับ อะไรที่ควรจะได้รับการคุ้มครองในชั้นเรียน มันไม่สำคัญว่าคุณจะเรียนได้ครอบคลุมไหม แต่สำคัญว่าอะไรละที่คุณได้ค้นพบต่างหาก

นั่นคือการสอนที่ควรจะเป็น คือ สร้างแรงบันดาลใจที่จะสืบค้นของตัวเอง อย่างท้าทาย ถ้า พวกเขาไม่เห็นด้วยที่แสวงหาทางเลือก ถ้าพวกเขาคิดในสิ่งที่เขาเห็นว่าดีกว่ามาสักหนึ่งอย่าง ทำงานผ่านความสำเร็จจากที่ทำมา และ พยายามที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในสิ่งที่เขาคิดค้นพบ เพราะว่าเขาสนใจในสิ่งที่เขาทำนั่นเอง ผู้เรียน จะบรรลุความสำเร็จจากงานของเขา แต่จะจำพวกเขาได้ และใช้งานนั้นเช่นเดียวกับ พื้นฐานสำหรับที่เกิดขึ้นของเขาเอง การศึกษาจริง ๆ แล้ว มีเป้าหมายที่จะช่วยให้ผู้เรียนพุ่งประเด็นไปที่ พวกเขา สามารถที่จะเรียนรู้ที่เกิดขึ้นโดยตัวเอง เพราะว่า นั่นคือสิ่งที่คุณกำลังจะทำในชีวิต ไม่ใช่ วัสดุดูดซับความรู้ที่มอบให้คุณจากภายนอก และ ทำซ้ำมันไปเรื่อย ๆ

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv แปลภาษาอาหรับ-ไทย lmyour แปลภาษา ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค Google Translate การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 หยน อาจารย์ ตจต เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 บบบย ศัพท์ทหารบก แปลภาษาจีน การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ขุนแผนหลวงปู่ทิม มีกี่รุ่น ชขภใ ตม.เชียงใหม่ เซ็นทรัลเฟสติวัล พจนานุกรมศัพท์ทหาร รหัสจังหวัด อําเภอ ตําบล รหัสประจำจังหวัด 77 จังหวัด สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม หนังสือราชการ ตัวอย่าง ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด อเวนเจอร์ส ทั้งหมด แปลภาษา มาเลเซีย ไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค ่้แปลภาษา Egp G no Reconguista Google map ขุนแผนหลวงปู่ทิมรุ่นแรก ข้อสอบภาษาไทยพร้อมเฉลย ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ค้นหา ประวัติ นามสกุล จองคิว ตม เชียงใหม่ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ดีแม็กมือสองราคาไม่เกิน350000 ตัวอย่างรายงานการประชุมสั้นๆ