เมื่อไหร่ก็ตามที่สาวๆ รู้สึกว่าร่างกายมันเหนื่อยๆ เพลียๆ ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง แล้วอยากจะกินอะไรที่ช่วยเติมพลังให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง ก็ไม่จำเป็นจะต้องออกไปซื้อของกินที่ไหนไกล เพราะ “ น้ำเปล่า ” ที่หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง และซื้อตุนเก็บไว้แทบทุกบ้าน ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยแก้อ่อนเพลียได้นะ เหตุผลเป็นเพราะว่าหากดื่มน้ำน้อยเกินไปจนเกิดภาวะขาดน้ำ ก็จะทำให้รู้สึกกระหายจนคอแห้งเหมือนทะเลทราย แถมอาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง และรู้สึกมึนๆ ศีรษะได้ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นใครที่รู้ตัวว่าดื่มน้ำน้อยหรือไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า ก็ต้อง เปลี่ยนพฤติกรรมมาดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8 แก้ว / วัน ด่วนๆ เลยนะ ➋ กล้วยหอม
ช่วงไหนที่หิวจนรู้สึกไม่ค่อยมีแรงสักเท่าไหร่ พอได้กิน “ กล้วยหอม ” เข้าไปแค่ลูกเดียว ก็ช่วยคลายหิวและเติมพลังได้ดีสุดๆ ไปเลยว่ามั้ยคะ?! ซึ่งกล้วยหอมลูกสีเหลืองหน้าตาน่ากิน นอกจากจะเป็นผลไม้ที่รสชาติอร่อย กินง่าย โดนใจคนทุกเพศทุกวัยแล้วเนี่ย ยังเป็นผลไม้ที่ช่วยแก้อาการอ่อนเพลียได้ด้วยนะ เพราะ กล้วยหอมอุดมด้วยโพแทสเซียมปริมาณมาก รวมทั้งแร่ธาตุและวิตามินหลากหลายชนิด พอกินกล้วยหอมแล้วก็จะช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้รู้สึกตื่นตัวและมีเรี่ยวแรงมากขึ้น โดยสาวคนไหนที่เบื่อการกินกล้วยหอมธรรมดาๆ ก็อาจนำไปปั่นเป็นสมูทตี้หรือหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วโรยหน้าโยเกิร์ตแทนก็ได้นะ ➌ โอ๊ตมีล
ใครที่ชอบเซิร์ชหาเมนูสุขภาพดีสำหรับทำกินเองเป็นประจำ ก็คงต้องเคยลิ้มลองความอร่อยหรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องรู้จัก “ โอ๊ตมีล ” อย่างแน่นอน โดยโอ๊ตมีลก็คือข้าวโอ๊ตที่ผ่านกรรมวิธีการแปรรูปหรือผ่านการบด เพื่อให้สุกง่ายขึ้นภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที หลายคนเลยนิยมกินโอ๊ตมีลเป็นมื้อเช้าเพราะทั้งรสชาติอร่อย ทำง่าย และช่วยให้อิ่มท้องนานด้วยนะ นั่นก็เพราะว่า โอ๊ตมีลอุดมด้วยไฟเบอร์และโปรตีนปริมาณมาก แถมยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและรักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด จึงช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วและไม่หิวบ่อยๆ งานนี้สาวๆ ที่อยากเติมพลังด้วยเมนูมื้อเช้าก็เลือกกินโอ๊ตมีลได้เลย ➍ มันเทศ
สาวคนไหนชอบกินเฟรนช์ฟรายส์บ้างคะ ยกมือขึ้น?! ถ้าเธอเป็นคนที่ชอบกินเมนูที่ทำจากมันฝรั่ง แต่ก็แอบกลัวอ้วนและอยากดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นอีกสักนิด เราแนะนำให้เปลี่ยนมากิน “ มันเทศ ” ก็จะดีต่อสุขภาพมากกว่านะ เพราะแม้ว่ามันเทศจะถูกจัดอยู่ในหมวดแป้ง แต่ถือเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายมากๆ แล้วมันเทศยังอุดมด้วยไฟเบอร์และโพแทสเซียมสูง ที่สำคัญ สารอาหารหลากหลายชนิดที่อัดแน่นอยู่ในมันเทศ ยังมีส่วนในการช่วยลดระดับ “ คอร์ติซอล ” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อฮอร์โมนแห่งความเครียด ที่จะช่วยเพิ่มความผ่อนคลายและลดอาการเหนื่อยล้าได้ด้วยนั่นเอง ➎ ชาเขียว
เครื่องดื่มยอดฮิตที่เป็นเมนูโปรดอันดับต้นๆ ของใครหลายคน ก็คงต้องมีชื่อของ “ ชาเขียว ” ติดอยู่ในลิสต์เหล่านั้นด้วยแน่ๆ เพราะชาเขียวถือเป็นเมนูเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพและช่วยบำรุงร่างกายได้หลายด้านเลยนะ ข้อดีข้อแรกก็คือชาเขียวมีปริมาณ “ คาเฟอีน ” น้อยกว่ากาแฟ แล้วยังอุดมด้วย“ L-theanine ” ที่เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ซึ่ง ทั้งคาเฟอีนและ L-theanine ถือเป็นคู่หูสำคัญที่ช่วยให้พลังงาน เพิ่มสมาธิ และปลุกให้รู้สึกตื่นตัวยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ชาเขียวเป็นตัวช่วยแก้อาการอ่อนล้าอ่อนเพลียได้ดีมากๆ ปล. ถ้าไม่อยากตาค้างตอนกลางคืนจนนอนไม่หลับ ก็ไม่ควรดื่มชาเขียวใกล้ๆ กับเวลานอนนะคะ ➏ ถั่วชนิดต่างๆ
ถ้าอยากได้เมนูของกินเล่นที่รสชาติอร่อย เคี้ยวเพลิน และดีต่อสุขภาพมากกว่าการกินขนมขบเคี้ยว “ ถั่วชนิดต่างๆ ” ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์และน่าสนใจไม่เบาเลยนะ เพราะ ถั่วแต่ละชนิดอุดมด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่หลากหลาย ทั้งไฟเบอร์ คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ที่รวมพลังกันมาช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วยังมีสารอาหารสำคัญอย่างโพแทสเซียม ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและสมองด้วยนะ โดยสามารถกินถั่วเป็นของกินเล่นระหว่างวันก็ได้ หรือจะนำถั่วไปเป็นส่วนประกอบของเมนูอาหารคาว ก็ได้เมนูที่รสชาติอร่อยเหาะและดีต่อสุขภาพมากๆ เลย ➐ เห็ดชนิดต่างๆ
ในแต่ละวัน เราทุกคนต่างเผชิญกับกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกอ่อนล้าอ่อนเพลียอยู่เป็นประจำ บางครั้งถึงกับรู้สึกง่วงนอน ไม่มีแรงทำงาน หลายคนจึงเลือกที่จะเติมพลังด้วยการดื่มเครื่องดื่มให้ความสดชื่นต่างๆ เพื่อหวังผลให้ร่างกายฟื้น กลับมามีเรี่ยวแรงทำงานได้อีกครั้ง ซึ่งก็ต้องบอกว่าได้ผลชะงัดเลยทีเดียว แต่เพื่อแลกกับการได้มาซึ่งความสดชื่น การดื่มเครื่องดื่มเหล่านั้นติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นเดียวกัน ซึ่งมักจะหนีไม่พ้นเครื่องดื่มทั้ง 5 ชนิดนี้
- น้ำอัดลม เป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง การรับประทานติดต่อกันสามารถส่งผลให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน หรือโรคอ้วน และเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระมากขึ้น ทั้งยังอาจทำให้ท้องอืด เกิดอาการผนังกระเพาะอาหารระคายเคือง เสี่ยงต่อการเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารในระยะยาว
- เครื่องดื่มเกลือแร่ เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียเหงื่อจากการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาต่างๆ สำหรับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่แนะนำให้รับประทาน เนื่องจากอาจทำให้สมดุลเกลือแร่ในร่างกายเสีย ในระยะยาวยังอาจส่งผลให้เป็นโรคไตได้ และเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเช่นกัน
- กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ เป็นสารสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า แต่การได้รับคาเฟอีนติดต่อกันเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการสูญเสียแคลเซียมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะกระดูกพรุนในที่สุด ในวันหนึ่งจึงไม่ควรได้รับคาเฟอีนเกิน 200 – 300 มิลลิกรัม (หรือเทียบเท่ากาแฟวันละ 2 – 3 แก้ว) เพื่อให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตราย
- ชาเขียวพร้อมดื่ม มาพร้อมกับปริมาณน้ำตาลที่สูงเช่นเดียวกันกับน้ำอัดลม บางขวดมีการใส่สารเพิ่มความหวานนอกจากน้ำตาลเติมแต่งเข้าไปด้วย ทำให้มีความหวานเกินความเป็นจริง ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนได้โดยไม่รู้ตัว หากเป็นไปได้ควรเลือกดื่มสูตรไม่ผสมน้ำตาล และดื่มเป็นชาเขียวร้อนแทน จะได้ประโยชน์มากกว่า
- เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นเครื่องดื่มอีกชนิดที่มีน้ำตาลสูง มีส่วนผสมของคาเฟอีนที่ทำให้ร่างกายตื่นตัว อาจส่งผลทำให้หัวใจเต้นเร็ว หากได้รับคาเฟอีนในปริมาณสูงเกินไปอาจเกิดปัญหาสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดตามมา เมื่อหยุดดื่ม (หากดื่มเป็นประจำ) มักส่งผลข้างเคียงให้เกิดอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิ และอารมณ์เสียง่าย
จะเห็นได้ว่าจุดร่วมของเครื่องดื่มชนิดต่างๆ ที่ยกมาข้างต้นนั้นมักมี “น้ำตาล” เป็นส่วนผสมสำคัญที่ทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า แต่ก็เป็นสาเหตุให้เกิดโรคอ้วนและโรคเบาหวานตามมาได้ หากรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน รวมถึงเครี่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนอย่างชา กาแฟ และเครื่องดื่มชูกำลัง ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพไม่น้อย หากได้รับเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป
การสร้างความสดชื่นให้แก่ร่างกายที่ปลอดภัยและไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย สามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่น การดื่มน้ำเปล่า ทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินและเกลือแร่ ช่วยคืนความสดใสได้เช่นเดียวกันกับที่เครื่องดื่มต่างๆ ข้างต้น แต่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพแต่อย่างใด
ด้วยความปรารถนาดีจาก
Interpharma Thailand
September 24, 2018/by InterpharmaShare this entry
- Share on Facebook
- Share on Twitter
- Share by Mail