ไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือ Virus คือโปรแกรมที่มีผู้เขียนขึ้นมา เพื่อใช้ในจุดมุ่งหมายตามที่โปรแกรมเมอร์ต้องการ ซึ่งจุดประสงค์หลักก็คือก่อกวน หรือทำลายข้อมูลของผู้ที่ติดไวรัส อีกทั้งยังสามารถแพร่กระจายไปสู่เครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องได้ ผ่านการติดต่อ เช่น Flash Drive หรือระบบอินเตอร์เนต
เพื่อนๆหลายๆคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ จะต้องเคยติดไวรัสกันบ้างแน่นอน ซึ่งอาการหลังจากติด Virus ของแต่ละคนนั้นจะไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะมีความเสียหายมาก บางคนอาจจะเสียหายน้อย ซึ่งก็แล้วแต่ชนิดของไวรัสที่โดน ว่าคนเขียนมีจุดประสงค์อย่างไร ไวรัสคอมพิวเตอร์ บางตัวอาจจะแค่มีข้อความเด้งขึ้นมาให้เกิดความรำคาญ แต่บางชนิดนั้นอาจถึงขั้นลบไฟล์ในเครื่องของเราทิ้ง จนต้องลงวินโดว์ใหม่
ไวรัสมีกี่ประเภท
Boot virus (บูตไวรัส) คือไวรัสที่แพร่กระจายเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ในขณะที่ทำการบูตเครื่อง เช่น การนำแผ่นดิสก์ที่มีไวรัสอยู่ ไปใช้กับเครื่องอื่นๆ จะทำให้เครื่องนั้นติดไวรัสทันทีที่ทำการ boot เครื่อง
File virus (ไฟล์ไวรัส) คือไวรัสที่มาจากการแทรกมากับโปรแกรมต่างๆ หรือติดมาจากโปรแกรมที่ดาวน์โหลดมาจากทางอินเตอร์เนต โดยมีผู้ไม่หวังดีแทรกไฟล์ไวรัสไว้
Macro virus (มาโครไวรัส) คือไวรัสที่แทรกมากับเอกสาร ที่สามารถใส่สคริบควบคุม หรือ macro ได้ เช่น Microsoft Word , Microsoft Excel
Worm (หนอน) คือ ไวรัสรูปแบบหนึ่ง แต่มีความสามารถในการแพร่กระจายตัวที่รวดเร็วมาก ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างในเวลาอันรวดเร็ว
Trojan (โทรจัน หรือ ม้าโทรจัน) คือ โปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแอบฝังตัวอยู่ในเครื่องของผู้ที่ติด ซึ่งโปรแกรมจะแอบเก็บข้อมูลต่างๆ ที่เรากระทำบนเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น ข้อมูลอีเมล์ , username , password หรือสิ่งที่ผู้สร้างโทรจันต้องการ แล้วส่งไปหาผู้ควบคุม ซึ่งในบางครั้งเราอาจจะไม่ถือว่าโทรจันเป็นไวรัส เนื่องจากไม่มีคำสั่ง หรือการปฏิบัติการใดๆที่เป็นอันตรายกับเครื่องคอมพิวเตอร์
ไวรัส คือโปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไประบาดในระบบคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาดิสก์ที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้อีกเครื่องหนึ่ง หรืออาจผ่านระบบเครือข่ายหรือระบบสื่อสารข้อมูลไวรัสก็อาจแพร่ระบาดได้เช่นกันการที่คอมพิวเตอร์ใดติดไวรัส หมายถึงว่าไวรัสได้เข้าไปผังตัวอยู่ในหน่วยความจำ คอมพิวเตอร์ เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากไวรัสก็เป็นแค่โปรแกรม ๆ หนึ่งการที่ไวรัสจะเข้าไปอยู่ ในหน่วยความจำได้นั้นจะต้องมีการถูกเรียกให้ทำงานได้นั้นยังขึ้นอยู่กับประเภทของไวรัส แต่ละตัวปกติผู้ใช้มักจะไม่รู้ตัวว่าได้ทำการปลุกคอมพิวเตอร์ไวรัสขึ้นมาทำงานแล้วจุดประสงค์ของการทำงานของไวรัสแต่ละตัวขึ้นอยู่กับตัวผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น เช่น อาจสร้างไวรัสให้ไปทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ แสดงข้อความวิ่งไปมาบน หน้าจอ เป็นต้น บูตเซกเตอร์ไวรัสBoot Sector Viruses หรือ Boot Infector Viruses คือไวรัสที่เก็บตัวเองอยู่ในบูตเซกเตอร์ ของดิสก์ การใช้งานของบูตเซกเตอร์คือ เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มทำงานขึ้นมาตอนแรก เครื่อง จะเข้าไปอ่านบูตเซกเตอร์ โดยในบูตเซกเตอร์จะมีโปรแกรมเล็ก ๆ ไว้ใช้ในการเรียกระบบ ปฎิบัติการขึ้นมาทำงานอีกทีหนึ่ง บูตเซกเตอร์ไวรัสจะเข้าไปแทนที่โปรแกรมดังกล่าว และไวรัส ประเภทนี้ถ้าไปติดอยู่ในฮาร์ดดิสก์ โดยทั่วไป จะเข้าไปอยู่บริเวณที่เรียกว่า Master Boot Sector หรือ Parition Table ของฮาร์ดดิสก์นั้นถ้าบูตเซกเตอร์ของดิสก์ใดมีไวรัสประเภทนี้ติดอยู่ ทุก ๆ ครั้งที่บูตเครื่องขึ้นมาโดย พยายามเรียก ดอสจากดิสก์นี้ ตัวโปรแกรมไวรัสจะทำงานก่อนและจะเข้าไปฝังตัวอยู่ใน หน่วยความจำเพื่อเตรียมพร้อมที่ จะทำงานตามที่ได้ถูกโปรแกรมมา แล้วตัวไวรัสจึงค่อยไป เรียกดอสให้ขึ้นมาทำงานต่อไป ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โปรแกรมไวรัส
Program Viruses หรือ File Intector Viruses เป็นไวรัสอีกประเภทหนึ่งที่จะติดอยู่กับโปรแกรม ซึ่งปกติก็คือ ไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น COM หรือ EXE และบางไวรัสสามารถเข้า ไปติดอยู่ในโปรแกรมที่มีนามสกุลเป็น sys และโปรแกรมประเภท Overlay Programsได้ด้วย โปรแกรมโอเวอร์เลย์ปกติจะเป็นไฟล์ที่มีนามสกุลที่ขึ้นต้นด้วย OV วิธีการที่ไวรัสใช้เพื่อที่จะ เข้าไปติดโปรแกรมมีอยู่สองวิธี คือ การแทรกตัวเองเข้าไปอยู่ในโปรแกรมผลก็คือหลังจากท ี่ โปรแกรมนั้นติดไวรัสไปแล้ว ขนาดของโปรแกรมจะใหญ่ขึ้น หรืออาจมีการสำเนาตัวเองเข้าไปทับส่วนของโปรแกรมที่มีอยู่เดิมดังนั้นขนาดของโปรแกรมจะไม่เปลี่ยนและยากที่ จะซ่อมให้กลับเป็นดังเดิมการทำงานของไวรัส โดยทั่วไป คือ เมื่อมีการเรียกโปรแกรมที่ติดไวรัส ส่วนของไวรัสจะทำงานก่อนและจะถือโอกาสนี้ฝังตัวเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำทันทีแล้วจึงค่อยให้ โปรแกรมนั้นทำงานตามปกติต่อไป เมื่อไวรัสเข้าไปฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำแล้ว หลัง จากนี้ไปถ้ามีการเรียกโปรแกรมอื่น ๆ ขึ้นมาทำงานต่อ ตัวไวรัสก็จะสำเนาตัวเองเข้าไป ในโปรแกรมเหล่านี้ทันที เป็นการแพร่ระบาดต่อไปวิธีการแพร่ระบาดของโปรแกรม ไวรัสอีกแบบหนึ่งคือ เมื่อมีการเรียกโปรแกรมที่มีไวรัสติดอยู่ ตัวไวรัสจะเข้าไปหาโปรแกรมอื่น ๆ ที่อยู่ในดิสก์เพื่อทำสำเนาตัวเองลงไปทันทีแล้วจึงค่อยให้โปรแกรมที่ถูกเรียก นั้นทำงานตามปกติต่อไปม้าโทรจัน
โพลีมอร์ฟิกไวรัส
Polymorphic Viruses เป็นชื่อที่ใช้ในการเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการแปรเปลี่ยนตัวเอง ได้เมื่อมีสร้างสำเนาตัวเองเกิดขึ้น ซึ่งอาจได้หถึงหลายร้อยรูปแบบ ผลก็คือ ทำให้ไวรัสเหล่านี้ยากต่อการถูกตรวจจับ โดยโปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใช้วิธีการสแกนอย่างเดียว ไวรัสใหม่ ๆ ในปัจจุบันที่มีความสามารถนี้เริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆสทีลต์ไวรัส
Stealth Viruses เป็นชื่อเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการพรางตัวต่อการตรวจจับได้ เช่น ไฟล์อินเฟกเตอร์ ไวรัสประเภทที่ไปติดโปรแกรมใดแล้วจะทำให้ขนาดของ โปรแกรมนั้นใหญ่ขึ้น ถ้าโปรแกรมไวรัสนั้นเป็นแบบสทีลต์ไวรัส จะไม่สามารถตรวจดูขนาดที่แท้จริง ของโปรแกรมที่เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากตัว ไวรัสจะเข้าไปควบคุมดอส เมื่อมีการใช้คำสั่ง DIR หรือโปรแกรมใดก็ตามเพื่อตรวจดูขนาดของโปรแกรม ดอสก็จะแสดงขนาดเหมือนเดิม ทุกอย่างราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น