จดทะเบียน บริษัท ใช้ เอกสาร อะไรบ้าง

ในปัจจุบันหลายคนหันมาเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง ซึ่งธุรกิจนั้นอาจเป็นธุรกิจเล็กๆ ในครอบครัวหรือแม้แต่ธุรกิจที่ขยับขยายจนกลายมาเป็นบริษัท แต่เมื่อเปิดบริษัทของตัวเองแล้ว “การจดทะเบียนบริษัท” ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

ผู้ประกอบการสามารถดู 7 ขั้นตอนจดทะเบียนบริษัท ฉบับเข้าใจง่าย เพื่อให้เข้าใจขั้นตอนและกระบวนการในการจดทะเบียนบริษัท

คลิ๊กลิงค์เพื่อรับคำปรึกษาฟรี! พร้อมบริการรับจดทะเบียนบริษัท ราคาย่อมเยาว์ - รวมค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมแล้ว

freeRegisterConsult.at/accountpro/line

หรือโทรปรึกษา
092-346-2929

ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท

1. ตั้งชื่อบริษัทที่ต้องการใช้ในการจดทะเบียน

ก่อนทำการจดทะเบียนบริษัท จะต้องมีชื่อบริษัทขึ้นมาก่อนโดยชื่อเหล่านั้นต้องไม่ซ้ำหรือคล้ายกับบริษัทอื่นๆ ที่จดทะเบียนไปแล้ว โดยการคิดชื่อเพื่อใช้ในการจดทะเบียนนั้นเราสามารถยื่นจองได้สูงสุดถึง 3 ชื่อ และจะได้รับการพิจารณาจากชื่อแรก หากชื่อแรกซ้ำหรือไม่ผ่านเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็นายทะเบียนก็จะพิจารณาชื่อในลำดับถัดไปแทน

ส่วนการยื่นจองชื่อเพื่อจดทะเบียนบริษัท สามารถทำได้ 2 แบบ คือ

  • ยื่นด้วยตนเองต่อนายทะเบียน ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในเขตที่เราอาศัยอยู่ หรือหากเราอยู่ต่างจังหวัด ก็สามารถยื่นได้ที่สำนักงานพาณิชย์ประจำจังหวัด
  • จองผ่านอินเตอร์เน็ต โดยกรอกข้อมูลที่เว็บไซต์ www.dbd.go.th

2. จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและยื่นต่อนายทะเบียน

หนังสือบริคณห์สนธิ คือ หนังสือที่มีขึ้นเพื่อใช้สำหรับแสดงความต้องการในการจัดตั้งบริษัท ต้องมีการระบุที่อยู่ วัตถุประสงค์ จำนวนหุ้น และข้อมูลของผู้ก่อตั้งอย่างน้อย 3 คน รวมถึงขึ้นต้นว่าบริษัทและลงท้ายด้วยคำว่าจำกัด ซึ่งในการยื่นหนังสือหนังสือบริคณห์สนธินั้น ต้องยื่นภายใน 30 วันนับตั้งแต่นายทะเบียนแจ้งผลการรับรองชื่อบริษัท

3. จัดให้มีการจองซื้อหุ้นบริษัทและนัดประชุมผู้ถือหุ้น

ผู้ถือหุ้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ก่อตั้งเท่านั้นโดยทุกคนต้องถือคนละ 1 หุ้นหรือมากกว่า จากนั้นเมื่อทำการขายหุ้นบริษัทจนครบแล้ว จะต้องออกหนังสือเพื่อทำการนัดประชุมผู้ถือหุ้น โดยกำหนดการประชุมจะจัดหลังออกหนังสืออย่างน้อย 7 วัน

4. การจัดประชุมเพื่อจัดตั้งจดทะเบียนบริษัท

ในวาระการประชุมควรประกอบด้วยสาระสำคัญ คือ การตั้งระเบียบข้อบังคับของบริษัท การเลือกตั้งคณะกรรมการบริษัทและอำนาจของคณะกรรมการ การเลือกผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เพื่อทำการตรวจสอบและรับรองงบการเงิน ซึ่งผู้ตรวจสอบบัญชีที่คัดเลือกมารับหน้าที่จะต้องเป็นบุคคลธรรมดาเท่านั้น การรับรองสัญญาที่ผู้ก่อตั้งทำขึ้นก่อนการจดทะเบียนบริษัท กำหนดค่าตอบแทนแก่ผู้ริเริ่มกิจการหรือผู้ก่อตั้ง ไปจนถึงการกำหนดจำนวนหุ้นบุริมสิทธิ

5. เลือกคณะกรรมการบริษัทเพื่อดำเนินการในกิจกรรมต่างๆ

ในวาระการประชุมควรเลือกคณะกรรมการเพื่อมาทำหน้าที่แทนผู้ก่อตั้งและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในนามบริษัท ด้วยการทำหน้าที่เก็บเงินชำระค่าหุ้นอย่างน้อย 25% ของราคาจริง จากนั้นเมื่อเก็บค่าหุ้นครบแล้ว ก็จะทำการขอจดทะเบียนบริษัท โดยต้องยื่นจดทะเบียนภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่มีการประชุม แต่ถ้าหากเกิดความล่าช้าและไม่เป็นไปตามระยะเวลาดังกล่าว จะถือว่าการประชุมเป็นโมฆะและต้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้ง

6. ชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนบริษัท

  • ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ จะดำเนินการจากการคิดจากเงินทุนจำนวนแสนละ 50 บาท โดยไม่ว่าจะมีเศษเกินมากี่บาทก็ให้คิดเป็นจำนวนเต็มแสนเท่านั้น ซึ่งการชำระค่าธรรมเนียมเกณฑ์การชำระขั้นต่ำอยู่ที่ 500 บาท และสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนบริษัท คิดตามทุนการจดทะเบียนแสนละ 500 บาทเช่นกัน แต่ขั้นต่ำในการชำระต้องไม่น้อยกว่า 5,000 บาท และสูงสุดไม่เกิน 250,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมในการออกหนังสือรับรอง ฉบับละ 200 บาท
  • ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน ฉบับละ 100 บาท
  • ค่ารับรองสำเนาเอกสาร หน้าละ 50 บาท

7. รับใบสำคัญและหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท

มาถึงขั้นตอนสุดท้าย เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนบริษัทและมอบหนังสือรับรองแล้ว ก็ถือว่าบริษัได้ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีสิทธิและหน้าที่ต่างๆ โดยสมบูรณ์ตามที่บริษัทพึงมีทุกประการ
เพียงแค่รู้ขั้นตอนก็ทำให้สามารถดำเนินการจดทะเบียนบริษัทตามลำดับได้อย่างถูกต้อง แต่หากต้องการความสะดวกและประหยัดเวลา การใช้บริการรับจดทะเบียนบริษัทจากผู้มีประสบการณ์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการจดทะเบียนบริษัทค่ะ

คลิ๊กลิงค์เพื่อรับคำปรึกษาฟรี! พร้อมบริการจดทะเบียนบริษัท ราคาย่อมเยาว์ - รวมค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมแล้ว

freeRegisterConsult.at/accountpro

หรือโทรปรึกษา
092-346-2929

[gdlr_styled_box content_color="#F4F5F0" background_color="#ffcc00" corner_color="#f6f6f6;" ]สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่สงสัยว่าควรจดทะเบียนบริษัทเมื่อไหร่ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง เพียร์ พาวเวอร์ มีข้อมูลมานำเสนอค่ะดังนี้

  • จดทะเบียนบริษัทเมื่อมีรายได้มากกว่า 750,000 บาทต่อปีขึ้นไปและต้องการสร้างเครดิตทางบัญชี
  • จดทะเบียนบริษัทมี 2 ประเภท ได้แก่ ทะเบียนพาณิชย์และนิติบุคคล
  • ทะเบียนพาณิชย์ เหมาะสำหรับกิจการขนาดเล็กที่มีมูลค่ากิจการไม่สูงมาก
  • ทะเบียนนิติบุคคล เหมาะสำหรับกิจการที่มีผู้ประกอบการร่วมกัน 2 คน การกระทำทุกอย่างจะเป็นไปในนามกิจการ
  • จดทะเบียนบริษัทมี 5 ขั้นตอน ได้แก่ ตรวจและจองชื่อบริษัท จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ รอนายทะเบียนตรวจสอบเอกสาร เตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อใช้จดทะเบียนบริษัทและสุดท้าย คือ ยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัท

[/gdlr_styled_box]

"จดทะเบียนบริษัท" ดีไหม มีขั้นตอนอะไรบ้าง

สำหรับผู้ประกอบการ SME แล้ว เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นมาถึงระดับหนึ่ง อาจจะเริ่มคิดถึงเรื่องการจดทะเบียนบริษัทที่ว่ากันว่าจำเป็นขึ้นมาแล้วใช่มั้ยครับ แต่ผู้ประกอบการอาจจะยังไม่แน่ใจในข้อดีข้อเสีย รวมถึงไม่แน่ใจว่าอะไรบ้างที่จะบอกเราได้ว่านี่แหละ คือเวลาที่ควรจดทะเบียนบริษัทแล้ว

จดทะเบียนบริษัทเมื่อไหร่ดี

กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าเมื่อไหร่กันแน่ที่ควรจดทะเบียนการค้า แต่สิ่งที่เป็นสัญญาณบอกได้ว่าถึงเวลาแล้วคือ รายรับของบริษัทนั่นเองครับ

เมื่อรายได้มากกว่า 750,000 ?

ตราบใดที่ยังไม่จดทะเบียนบริษัทฐานเงินได้เมื่อต้องจ่ายภาษีจะถูกคำนวณแบบเป็นเงินได้บุคคลธรรมดา ที่มีฐานภาษีสูงสุดที่ 750,000 บาท เสียภาษีที่ 35% แต่ถ้าจดทะเบียนบริษัทแล้ว ภาษีเงินได้สูงสุดที่ต้องจ่ายจะอยู่ที่ 20% ซึ่งตรงนี้จะมองว่ามากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้ เพราะปัจจัยในการคำนวณเงินได้ของบุคคลกับบริษัทที่ผ่านการจดทะเบียนมาแล้วมีความแตกต่างกัน ผู้ประกอบการควรพิจารณาส่วนนี้ให้ดีค่ะ

เมื่อต้องการสร้างเครดิตทางบัญชี

เมื่อบริษัทเติบโตถึงจุดหนึ่ง ผู้ประกอบการที่ต้องการขยับขยายให้บริษัทเติบโตขึ้น จะมีอีกเรื่องที่ต้องคิดถึงนั่นคือหลักฐานที่ใช้แสดงเพื่อยื่นขอสินเชื่อ ซึ่งบัญชีรายรับรายจ่าย งบการเงินต่างๆ จะเป็นเครดิตที่ดีหากมีการยื่นขออนุมัติ การจดทะเบียนบริษัทที่มาพร้อมการแยกบัญชีรายรับรายจ่ายของผู้ประกอบการออกจากบัญชีของบริษัทเองจะช่วยให้เห็นตัวเลขจริงที่เกิดจากการบริหารงานของบริษัทนั้นๆ ซึ่งช่วยให้การยื่นขออนุมัติสินเชื่อเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น

จดทะเบียนบริษัทมีกี่ประเภท

นอกจากความสงสัยว่าการจดทะเบียนบริษัทควรจดเมื่อไหร่แล้ว ผู้ประกอบการบางรายอาจยังสงสัยเรื่องของการจดทะเบียนบริษัทเพิ่มเติมว่า การจดทะเบียนมีกี่ประเภท การจดทะเบียนบริษัทแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ดังนี้ค่ะ

จดทะเบียนบริษัทแบบทะเบียนพาณิชย์ (บุคคลธรรมดา)

คือการจดทะเบียนบริษัทของกิจการที่มีผู้ประกอบการเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว คิดเอง ทำเอง มีอิสระและสามารถตัดสินใจทุกอย่างเกี่ยวกับกิจการได้เต็มที่หรือเหมาะกับกิจการขนาดเล็กที่ขายสินค้าหรือบริการง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก มูลค่าของกิจการไม่สูงมาก ข้อดีคือผู้ประกอบการจะได้รับกำไรเต็ม ๆ และเสียภาษีโดยคำนวณอัตราภาษีหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเท่านั้น แต่ถ้ากิจการขาดทุนก็ต้องรับผิดชอบทุกอย่างรวมถึงหนี้สินแบบไม่จำกัดเช่นกัน

จดทะเบียนบริษัทแบบทะเบียนนิติบุคคล

สำหรับกิจการที่มีผู้ประกอบการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ลงทุนและเป็นเจ้าของกิจการร่วมกัน การกระทำทุกอย่างจะเป็นไปในนามกิจการทั้งหมด ข้อดีคือ ภาษีเงินได้สูงสุดที่ต้องจ่ายจะอยู่ที่ 20% ซึ่งน้อยกว่าจดทะเบียนบริษัทแบบทะเบียนพาณิชย์ ส่วนข้อเสียคือ การดำเนินกิจการอาจมีความล่าช้าเพราะมีผู้ตัดสินใจหลายคน โดยทะเบียนนิติบุคคลมี 3 ประเภทแบ่งตามการรับผิดชอบหนี้สิน ที่ "จำกัด" หรือ "ไม่จำกัดจำนวน"ดังนี้ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามัญห้างหุ้นส่วนจำกัดสามัญ คือ กิจการที่มีผู้ประกอบการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป จะจดหรือไม่จดทะเบียนนิติบุคคลก็ได้ โดยความรับผิดชอบของหุ้นส่วนมีประเภทเดียวเท่านั้น คือ ผู้ที่รับผิดชอบในหนี้สินแบบ “ไม่จำกัดจำนวน” ผู้เป็นหุ้นส่วนสามารถตกลงทำกิจการร่วมกันและแบ่งปันกำไรจากกิจการได้อีกด้วย แต่ถ้ากิจการขาดทุน หุ้นส่วนทุกคนจะต้องรับผิดชอบหนี้สินร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนห้างหุ้นส่วนจำกัดห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ กิจการที่มีผู้ประกอบการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล ความรับผิดชอบของหุ้นส่วน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือแบบ "จำกัด" และ แบบ "ไม่จำกัด" ผู้ที่รับผิดชอบในหนี้สินแบบ “จำกัด” จะไม่สามารถตัดสินใจในกิจการได้ และผู้ที่รับผิดชอบในหนี้สินแบบ “ไม่จำกัดจำนวน” จะมีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในกิจการได้ทั้งหมด ถ้าหากกิจการขาดทุน ห้างหุ้นส่วนจำกัดจะไม่ต้องจ่ายภาษีบริษัทจำกัดบริษัทจำกัด คือ กิจการที่มีผู้ประกอบการ 3 คนขึ้นไป ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล ความรับผิดชอบของหุ้นส่วนมีประเภทเดียว คือ ผู้ที่รับผิดชอบในหนี้สินแบบ "จำกัด" ไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นที่ค้างชำระ ซึ่งกิจการแบบนี้ต้องมีภาพลักษณ์ดี มีการวางแผนกิจการรัดกุม และมีการบริหารงานในรูปแบบของคณะกรรมการบริษัท เพื่อทำให้กิจการเกิดความน่าเชื่อถือ

จดทะเบียนบริษัทมีขั้นตอนอะไรบ้าง

1. ตรวจและจองชื่อบริษัท

  • เข้าไปที่ เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อสมัครสมาชิกได้ฟรี
  • เข้าไปที่ จองชื่อ/ตรวจทะเบียนคำขอนิติบุคคล เพื่อจองชื่อบริษัท ซึ่งสามารถทำได้มากถึง 3 ชื่อ โดยชื่อนั้นๆ จะต้องไม่ซ้ำหรือใกล้เคียงกับบริษัทที่เคยจดทะเบียนไปแล้ว

2. จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ

  • หนังสือบริคณห์สนธิ คือ หนังสือแสดงความต้องการในการจัดตั้งบริษัท โดยจะต้องยื่นไม่เกิน 30 วันจากวันที่นายทะเบียนรับรองชื่อเรียบร้อย
  • ข้อมูลที่ต้องใช้ในการจัดตั้งบริษัท
  • ชื่อของบริษัท (ตามที่ได้จองชื่อไว้)
  • ที่ตั้งสํานักงานใหญ่ / สาขา
  • วัตถุประสงค์ของบริษัท
  • ทุนจดทะเบียน
  • ชื่อ ที่อยู่ อายุ สัญชาติ ของพยาน 2 คน
  • ข้อบังคับ (ถ้ามี)
  • จํานวนทุน (ค่าหุ้น) ที่เรียกชําระแล้ว อยางน้อยร้อยละ 25% ของทุนจดทะเบียน
  • ชื่อ ที่อยู่ อายุของกรรมการ
  • รายชื่อหรือจํานวนกรรมการที่มีอํานาจลงชื่อแทนบริษัท (อํานาจกรรมการ)
  • ชื่อ เลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพร้อมค่าตอบแทน
  • ชื่อ ที่อยู่ สัญชาติ และจํานวนหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละคน

3. รอนายทะเบียนตรวจสอบเอกสาร

เมื่อส่งเอกสารตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ให้รอการตรวจสอบจากนายทะเบียน หากมีส่วนไหนจะต้องแก้ไขเพิ่มเติมจะได้รับการแจ้งกลับ

4. เตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อใช้จดทะเบียนบริษัท

เอกสารที่ต้องเตรียมมา

  • แบบจองชื่อนิติบุคคล
  • สําเนาบัตรประจําตัวของผู้เริ่มก่อการและกรรมการทุกคน
  • สําเนาหลักฐานการรับชําระคาหุ้นที่บริษัทออกให้แก่ผู้ถือหุ้น
  • แผนที่แสดงที่ตั้งสํานักงานใหญ่และสถานที่สําคัญบริเวณใกล้เคียงโดยสังเขป

หมายเหตุ: เอกสารทุกฉบับผู้ขอจดทะเบียนจะต้องเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องอย่างน้อยหนึ่งคน ยกเว้นสำเนาบัตรประจําตัวหรือหลักฐานการเป็นผู้รับรองลายมือชื่อผู้ขอจดทะเบียน เจ้าของบัตรจะต้องเป็นผู้เซ็นรับรองความถูกต้องด้วยตนเอง

5. ยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัท

ยื่นคำขอได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในเขตที่ใกล้บ้านผู้ประกอบการทุกจังหวัดทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 87 แห่ง เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนและมอบหนังสือรับรอง ก็แสดงว่าผู้ประกอบการเป็นเจ้าของบริษัทที่ได้จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

จดทะเบียนบริษัทกับคำถามที่พบบ่อย

จดทะเบียนบริษัท ทำด้วยตนเองหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญดีกว่า?

ผู้ประกอบการสามารถจดทะเบียนด้วยตนเองได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ข้อดีก็คือผู้ประกอบการจะได้เรียนเกี่ยวกับขั้นตอนการจดทะเบียนตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ถ้าผู้ประกอบการไม่อยากเสียเวลาหรือไม่อยากวุ่นวายในขั้นตอนและเอกสาร ก็สามารถจ้างสำนักงานบัญชีได้เช่นกัน

จดทะเบียนบริษัท ใช้ทุนเท่าไหร่

กิจการทั่วไปไม่มีกำหนดทุนจดทะเบียน โดยปกติแล้วทุนที่ใช้มากน้อยจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับกิจการนั้นๆ โดยมูลค่าหุ้นจะต้องไม่ต่ำกว่า 5 บาท/หุ้น

จดทะเบียนบริษัท ต้องมีเงินสดไปวางตามจำนวนที่จดทะเบียนหรือไม่

ก่อนอื่นผู้ประกอบการจะต้องชำระค่าหุ้น 25% ของทุนจดทะเบียน โดยส่วนที่เหลือสามารถค้างชำระไว้ก่อนได้ ยกตัวอย่างเช่น ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ต้องชำระค่าหุ้น 250,000 บาทก่อน

จดทะเบียนบริษัท ต้องมีหุ้นส่วนกี่คน

สำหรับห้างหุ้นส่วนจำกัดจะต้องมีหุ้นส่วน 2 คนขึ้นไป และสำหรับบริษัทจำกัดจะต้องมีหุ้นส่วน 3 คนขึ้นไป

เราสามารถให้พ่อแม่เป็นผู้ถือหุ้นได้หรือไม่

ผู้ประกอบการสามารถให้พ่อแม่ถือหุ้นให้คนละ 1% และผู้ประกอบการถือหุ้นจำนวนที่เหลือทั้งหมด หรือตามความต้องการได้ โดยผู้ประกอบการเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามกระทำแทนบริษัทแต่เพียงผู้เดียว ขอบเขตการรับผิดชอบจะไม่มากเกินกว่ามูลค่าหุ้นที่ถือเอาไว้

ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ควรเป็นที่ไหน

การจดทะเบียนบริษัทควรจะมีสถานประกอบการเป็นหลักแหล่งชัดเจน จะเป็นเจ้าของเองหรือเช่าคนอื่นก็ได้ ถ้าเป็นเจ้าของเองก็ต้องทำหนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่เป็นสถานประกอบการ แต่ถ้าเป็นผู้เช่าก็ต้องทำสัญญาเช่าให้ชัดเจน

ค่าธรรมเนียมเป็นอย่างไร ใช้เวลากี่วัน

  • การจองชื่อและยื่นตรวจเอกสารออนไลน์ใช้เวลาประมาณ 1 วัน และเมื่อนายทะเบียนตรวจสอบเอกสารเสร็จดำเนินการยื่นจดทะเบียนใช้เวลาประมาณ 1 วันเป็นอันเสร็จสิ้น
  • ค่าธรรมเนียม
  • ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ คิดจากเงินทุนแสนละ 50 บาท โดยเกณฑ์การชำระขั้นต่ำอยู่ที่ 500 บาท และขั้นสูงได้ไม่เกิน 25,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนบริษัท ตามทุนจดทะเบียนแสนละ 500 บาท ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 5,000 บาท และขั้นสูงไม่เกิน 250,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมออกหนังสือรับรอง ฉบับละ 200 บาท
  • ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน ฉบับละ 100 บาท
  • ค่ารับรองสำเนาเอกสาร หน้าละ 50 บาท

การจดทะเบียนบริษัทส่งผลดีกับบริษัทของผู้ประกอบการหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาษี ความน่าเชื่อถือของธุรกิจ รวมทั้งสร้างโอกาสในการขอสินเชื่อเพื่อพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการและสร้างความถูกต้องในเรื่องของกฎหมาย เพราะฉะนั้นเมื่อผู้ประกอบการศึกษาการจดทะเบียนบริษัทอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จะพบว่าการจดทะเบียนย่อมสร้างประโยชน์มากกว่าโทษเพียร์ พาวเวอร์ คือผู้ให้บริการระบบคราวด์ฟันดิงที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งระบบคราวด์ฟันดิงคือตัวกลางในการระดมทุนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ด้วยวิธีการออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงสำหรับธุรกิจที่ต้องการระดมทุนผ่านหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงบนแพลตฟอร์มของเพียร์ พาวเวอร์ จะต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้1. ธุรกิจของคุณ จดทะเบียนนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด หรือบริษัทจำกัดมหาชน และเปิดดำเนินการมาแล้วอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป2. ธุรกิจของคุณ มีผู้ถือหุ้นหลักเป็นคนไทยอย่างน้อย 1 ท่าน (ถือหุ้นอย่างน้อย 20% ขึ้นไป) ที่บริหารหรือดำเนินงานธุรกิจดังกล่าว และอาศัยอยู่ในประเทศไทยหากคุณมีคุณสมบัติดังกล่าว และสนใจขอระดมทุนสามารถคลิกที่ปุ่มด้านล่างได้เลยครับ

_______________________________________________________________________คำเตือน : การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงผ่านเพียร์ พาวเวอร์ เป็นการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอทั้งด้านความเสี่ยง และความสามารถในการตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง ความเสี่ยงในที่นี้หมายถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของหลักทรัพย์และความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจากการลงทุน การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน นักลงทุนจะสามารถเริ่มลงทุนได้ต่อก็ต่อเมื่อนักลงทุนทำการลงทะเบียนและผ่านแบบประเมินความรู้ความเข้าใจในการลงทุนแล้ว

สู่เป้าหมายทางการเงินที่ไกลขึ้น

ลงทุนและระดมทุนเพื่อธุรกิจผ่านคราวด์ฟันดิงกับเพียร์ พาวเวอร์

สมัคร

จดทะเบียนบริษัท มีแบบไหนบ้าง

จดทะเบียนบริษัทมี 2 ประเภท ได้แก่ ทะเบียนพาณิชย์และนิติบุคคล ทะเบียนพาณิชย์ เหมาะสำหรับกิจการขนาดเล็กที่มีมูลค่ากิจการไม่สูงมาก ทะเบียนนิติบุคคล เหมาะสำหรับกิจการที่มีผู้ประกอบการร่วมกัน 2 คน การกระทำทุกอย่างจะเป็นไปในนามกิจการ

เปิดบริษัทใหม่ต้องเตรียมอะไรบ้าง

1. จดทะเบียนหนังสือบริคณหสนธิ 500 บาท 2. จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด 5,000 บาท 3. หนังสือรับรอง รายการละ 40 บาท 4. ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน ฉบับละ 100 บาท 5. รับรองสำเนาเอกสารคำขอจดทะเบียน หนาละ 50 บาท สถานที่จดทะเบียนหนังสือบริคณหสนธิและจัดตั้งบริษัทจำกัด (ภายในวันเดียว)

หจก มีเอกสารอะไรบ้าง

เอกสารประกอบ แบบจองชื่อนิติบุคคล,สำเนาบัตรประจำตัวของผู้เริ่มก่อการที่ลงชื่อในคำขอจดทะเบียน,สำเนาบัตรทนายความหรือหลักฐานการเป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภาของผู้รับรองลายมือชื่อ,หนังสือมอบอำนาจ แบบ สสช.1 จำนวน 2 ฉบับ (ภูมิภาคใช้ 3 ฉบับ)

จดทะเบียนบริษัทออนไลน์ ใช้อะไรบ้าง

โดยสรุปการจดทะเบียนบริษัทออนไลน์แบบ DBD e-Registration จะได้เอกสารมาทั้งหมด 2 ส่วนเท่านั้น คือ “ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัท” และ “หนังสือรับรองบริษัท” ดังนั้นหากคุณต้องการเอกสารประกอบการจดทะเบียนอื่น เช่น ต้องการนำเอกสารไปเปิดบัญชีธนาคาร เป็นต้น ต้องดำเนินการคัดเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv แปลภาษาอาหรับ-ไทย lmyour แปลภาษา ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค Google Translate การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 หยน อาจารย์ ตจต เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 บบบย ศัพท์ทหารบก แปลภาษาจีน การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ขุนแผนหลวงปู่ทิม มีกี่รุ่น ชขภใ ตม.เชียงใหม่ เซ็นทรัลเฟสติวัล พจนานุกรมศัพท์ทหาร รหัสจังหวัด อําเภอ ตําบล รหัสประจำจังหวัด 77 จังหวัด สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม หนังสือราชการ ตัวอย่าง ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด อเวนเจอร์ส ทั้งหมด แปลภาษา มาเลเซีย ไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค ่้แปลภาษา Egp G no Reconguista Google map ขุนแผนหลวงปู่ทิมรุ่นแรก ข้อสอบภาษาไทยพร้อมเฉลย ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ค้นหา ประวัติ นามสกุล จองคิว ตม เชียงใหม่ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ดีแม็กมือสองราคาไม่เกิน350000 ตัวอย่างรายงานการประชุมสั้นๆ