พลอากาศเอก ดร.ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ และบริษัท จีซีเอส กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้แทนอย่างเป็นทางการของบริษัท Skyfront ร่วมพัฒนาระบบอากาศยานไร้คนขับ ขึ้น-ลง แนวดิ่งขนาดเล็ก แบบเครื่องยนต์ผสม (Hybrid Electrical – Fuel Engine) ที่มีขีดความสามารถบินนานกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที สำเร็จเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ตามวัตถุประสงค์ของ สทป. ที่มุ่งเน้นการศึกษา ค้นคว้า วิจัยและพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีป้องกันประเทศเพื่อนำไปสู่อุตสาหกรรมป้องกันประกันประเทศ โดยการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม หน่วยงานอื่นของรัฐ และภาคเอกชน เพื่อนำองค์ความรู้จากเทคโนโลยีต้นแบบผลิตภัณฑ์ มาพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยได้พัฒนาอากาศยานไร้คนขับ ขึ้น – ลงขนาดเล็ก แบบเครื่องยนต์ผสม (Hybrid Electrical – Fuel Engine) Multi Rotor รุ่น Skyfront Perimeter 4 ซึ่งมีคุณสมบัติการใช้งานได้คล่องตัว (User Friendly) บินได้นานกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งผ่านการทดสอบสมรรถนะขีดความสามารถ และนำไปใช้ในภารกิจต่างๆ อย่างแพร่หลาย อาทิ การส่งเวชภัณฑ์ การสำรวจท่อก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น
ทั้งนี้ที่ผ่านมาคณะผู้บริหาร นักวิจัยและพัฒนาของ สทป. ได้เข้าร่วมทำการทดสอบสมรรถนะ และขีดความสามารถของอากาศยานไร้คนขับ ขึ้น – ลงขนาดเล็ก แบบเครื่องยนต์ผสม (Hybrid Electrical – Fuel Engine) Multi Rotor รุ่น Skyfront Perimeter 4 ร่วมกับบริษัท จีซีเอส กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด ณ สนามบินโพธาราม จ.ราชบุรี
โดยมีหัวข้อในการทดสอบดังนี้
1.การบินพร้อมแบกรับน้ำหนัก Payload 2.5 กิโลกรัม ในระยะเวลาการบิน (Flight time) 1 ชั่วโมง 30 นาที (ข้อมูลจากบริษัท บริษัท Skyfront : Flight time 2 + ชั่วโมง ขณะแบกรับน้ำหนัก Payload ที่ 5.5 ปอนด์ (2.5 กิโลกรัม) )
2.การบินพร้อมแบกรับน้ำหนัก Payload ไม่น้อยกว่า 3 กิโลกรัม
(ข้อมูลจากบริษัท บริษัท Skyfront : แบกรับน้ำหนัก Payload ที่ 33 ปอนด์ (15 กิโลกรัม) )
3.การบินเครื่องเปล่า ไม่แบกรับน้ำหนัก Payload ในระยะเวลาการบิน (Flight time) 4 ชั่วโมง ต่อเนื่อง
(ข้อมูลจากบริษัท บริษัท Skyfront : 4.34 ชั่วโมง )
4.การบินความเร็วสูงสุด Max speed ที่ 40 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง
(ข้อมูลจากบริษัท บริษัท Skyfront : 36 ไมล์ ต่อ ชั่วโมง (57 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง)
5.การส่งผ่าน Telemetry ในระยะไกลถึง 9 กิโลเมตร (ส่งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว EO/IR)
(ข้อมูลจากบริษัท บริษัท Skyfront : telemetry ได้ไกลถึง 6.2 ไมล์ (10 กิโลเมตร) ส่งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว EO/IR ได้ไกลถึง 30 ไมล์ (50 กิโลเมตร) เมื่อไม่มีสิ่งกีดขวาง (line of sight)
การทดสอบใน 5 หัวข้อได้รับความสำเร็จอย่างดียิ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานได้เป็นอย่างดี จากนั้นคณะนักวิจัยและพัฒนาของ สทป. ได้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการบินสำหรับ อากาศยานไร้คนขับ ขึ้น – ลงขนาดเล็ก แบบเครื่องยนต์ผสม (Hybrid Electrical – Fuel Engine) Multi Rotor รุ่น Skyfront Perimeter 4 จาก ดร.พิศักดิ์ เจิมประยงค์ ซึ่งเป็นผู้ได้รับรอง Pilot Instructor คนแรกของประเทศไทยจากบริษัท Skyfront ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างความเชี่ยวชาญ ศักยภาพและความสามารถด้านการบินอากาศยานไร้คนขับ
ความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาอากาศยานไร้คนขับ ขึ้น – ลงขนาดเล็ก แบบเครื่องยนต์ผสม (Hybrid Electrical – Fuel Engine) Multi Rotor รุ่น Skyfront Perimeter 4 ในครั้งนี้ สามารถนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาอื่นๆ เพื่อการผลิตและขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรมและผลักดันงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ (Research Utilization to Commercialization: RUC) เพื่อสร้างประโยชน์และสร้างรายได้เพื่อความมั่นคงให้กับประเทศต่อไปในอนาคต
อากาศยานไร้คนขับ (UAVs)
สวัสดีครับแฟนเพจทุกท่าน ยังคงต่อเนื่องไปกับเรื่องของเทคโนโลยีกันเหมือนเช่นเคย ถึงแม้ว่าโดรน หรือ UAVs จะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ปัจจุบันยังคงปรากฏเป็นกระแสให้เห็นอย่างสม่ำเสมอและไม่มีทีท่าว่าจะตกเทรนด์ไปง่ายๆ เพราะอะไรถึงทำให้เทคโนโลยีตัวนี้อยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน แล้ว GISTDA มีความเกี่ยวข้อง หรือนำเทคโนโลยีตัวนี้มาใช้ประโยชน์ในภารกิจใดบ้าง แอดมินจะเล่าให้ฟังครับ
อากาศยานไร้คนขับ หรือชื่อภาษาอังกฤษ Unmanned Aerial Vehicles (UAVs) หมายถึง อากาศยานซึ่งไม่มีนักบินที่เป็นมนุษย์อยู่บนเครื่อง แต่ใช้การบังคับหรือควบคุมจากระยะไกลแทน โดยปกติทั่วไปเรามักเรียกกันสั้นๆ ว่า “โดรน” แต่จริงๆ แล้วโดรนนั้นรวมไปถึงยานพาหนะหรือหุ่นยนต์อื่นๆ ที่มีการบังคับจากระยะไกลด้วย ส่วนคำว่า UAVs จะใช้เรียกสำหรับอากาศยาน (บินได้) เท่านั้น ยังไงก็แล้วแต่ทั้ง 2 คำสามารถที่จะใช้แทนกันได้ แต่สำหรับบทความนี้เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ผมจะขอใช้คำว่า “โดรน” เป็นหลัก
โดรนนั้นมีการใช้งานที่หลากหลาย การแบ่งประเภทของโดรนก็จะแตกต่างกันออกไป โดยหากจะอ้างอิงจากกระทรวงคมนาคม ก็จะแบ่งได้ 2 ประเภท คือ 1) โดรนที่ใช้เพื่องานอดิเรก ความบันเทิง และการกีฬา 2) โดรนที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น (นอกเหนือจากข้อที่หนึ่ง) แต่โดยสากลทั่วไปแล้วมักนิยมจำแนกจากจำนวนใบพัดและมอเตอร์ ซึ่งจะสามารถแบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้ดังนี้ 1) UAVs ชนิดปีกตรึง (Fixed Wing) 2) UAVs ชนิดปีกหมุน (Multirotor) และ 3) UAVs ชนิดปีกตรึงขึ้นลงแนวดิ่ง (Vertical Take-off and Landing) หรือ (Fixed Wing Hybrid)
เรื่องของการใช้งาน ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถบินบังคับได้อย่างอิสระเสรีนะครับ (ในทางทฤษฎี) เพราะมีกฎเกณฑ์ควบคุมอยู่พอสมควร กล่าวคือ ผู้บังคับโดรนต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป หากต่ำกว่านั้นจำเป็นต้องอยู่ในกำกับดูแลของผู้ปกครอง และต้องมีใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอากาศยานติดตัวอยู่เสมอตลอดระยะเวลาขึ้นบิน รวมไปถึงคุณสมบัติส่วนตัวของผู้บินบังคับที่ต้องมีความรู้ในเรื่องกฎหมายอยู่บ้าง เช่น เรื่องห้ามทำการบินภายในระยะ 9 กิโลเมตรจากสนามบิน , ห้ามบินสูงเกินกว่า 90 เมตรเหนือพื้น และที่สำคัญห้าม ! บินในเวลากลางคืน
ในงานสำรวจและทำแผนที่ เราทราบกันดีครับว่าภาพที่ถ่ายจากโดรนมีความละเอียดสูงกว่าภาพถ่ายจากดาวเทียมมาก รวมถึงยังสามารถถ่ายได้เกือบทุกเวลาที่เราต้องการ แถมไม่ต้องกังวลเรื่องเมฆบดบัง อีกทั้งสมัยนี้ยังถ่ายด้วยกล้องหลายช่วงคลื่น (Multispectral Camera) เพื่อติดตามผลผลิตของพืชได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างไรโดรนก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่อาจไม่สามารถเข้ามาแทนที่ดาวเทียมได้ทั้งหมด เช่นในเรื่องของขนาดพื้นที่ที่ดาวเทียมสามารถถ่ายได้ครอบคลุมมากกว่า หรือหากพื้นที่นั้นๆ ปรากฏอยู่ในเขตห้ามบิน (No Fly Zone) โดรนก็ไม่สามารถขึ้นบินได้ เป็นต้น
นอกจากงานด้านสำรวจและการทำแผนที่ โดรนถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับงานต่างๆ และสามารถทำงานแทนที่มนุษย์ได้อย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นการฉีดพ่นปุ๋ยและสารเคมีทางการเกษตร การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ร้ายแรงหรือภัยธรรมชาติ ความมั่นคงทางทหาร การตรวจสอบจุดรั่วไหลของท่อส่งก๊าช/น้ำมัน การตรวจสอบอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายในเสาไฟฟ้าแรงสูง และด้านการขนส่งสินค้าของบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษใหญ่อันเป็นที่น่าจับตามองในปัจจุบัน
ส่วนทาง GISTDA เองก็ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีดังกล่าวมากพอสมควร จากความเชี่ยวชาญในด้านการสำรวจและการทำข้อมูลภูมิสารสนเทศ ก็ได้นำอากาศยานไร้คนขับ (UAVs) มาเป็นตัวช่วยสำคัญในการปฏิบัติภารกิจด้านการสำรวจรังวัดด้วยระบบนำทางด้วยดาวเทียม (GNSS) และการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศรายละเอียดสูง โดยได้ริเริ่มดำเนินการต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี และยังคงมีการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง
มาถึงตรงนี้เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่าโดรนเข้ามามีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ ชัดเจนที่สุดในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของมนุษย์ เพราะงานบางอย่างแอดมินเองก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่าโดรนก็ทำได้ จุดนี้เองคงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมโดรนถึงได้อยู่รอดมาไกลกว่าหนึ่งร้อยปี และหากพูดแนวโน้มทิศทางในอนาคตดูเหมือนว่าโดรนจะยังคงพัฒนาไปต่อได้อีก โดยในระยะเวลา 5 ปีหลังจากนี้ (ปี 2565 ถึง 2570) ตลาดโดรนทั่วโลกจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากถึง 12.27 % (อ้างอิง : //bit.ly/3xWRauK)
ภาพ : //bit.ly/3xWRauK
สุดท้ายเราต้องมาคอยดูกันครับว่า อากาศยานไร้คนขับ (UAVs) หรือ “โดรน” อนาคตจะมีบทบาทกับโลกและประเทศไทยอย่างไร มนุษย์จะถูกแทนที่ด้วยโดรนหรือโดรนจะเข้ามาส่งเสริมอาชีพให้มนุษย์เพิ่มขึ้น กฎหมายข้อบังคับต่างๆ จะมีการปรับให้ทันยุคทันเทคโนโลยีและสามารถสนับสนุนผู้ประกอบการได้มากน้อยเพียงใด ถือเป็นความท้าทายที่ต้องจับตามอง เพราะหากได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่โดรนจะกลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ รุดหน้าไปไกลกว่าที่เคยเป็น
ขอบคุณข้อมูลจาก
- นายสุรมงคล ศิริพล (นักภูมิสารสนเทศ)
- นายเอกสุระ นันท์ธนาวรกุล (นักภูมิสารสนเทศ)
#จิสด้า #gistda #จิสด้าก้าวสู่ปีที่22 #การรับรู้ระยะไกล #โดรน #UAVs #อากาศยานไร้คนขับ #กฎหมาย #เขตห้ามบิน #NoFlyZone #เกษตรอัจฉริยะ #มองโลกมองเรา #มองไปกับเป็ด