ภายใต้กฎหมายไทย หุ้นจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท หุ้นสามัญ และ หุ้นบุริมสิทธิ ทั้งหุ้นสามัญ และ หุ้นบุริมสิทธิ มีสิทธิและมีหน้าที่ต่อบริษัทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่สิทธิแตกต่างกันมาก ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญประจำปีและมีสิทธิออกเสียงของบริษัท มีสิทธิออกเสียงหนึ่งเสียงต่อหนึ่งหุ้น
ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับเงินปันผลเกี่ยวกับหุ้นที่มีการชำระและ หลังจากจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิแล้ว ในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ เงินลงทุนเริ่มแรกจะส่งคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญหากสินทรัพย์มีมูลค่าสูงกว่าหนี้และหนี้สินทั้งหมดหลังจากได้ชำระ และหลังจากได้จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญประจำปีและมีสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนมากกว่าหรือน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับข้อบังคับของบริษัท
ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ นอกจากนี้ในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ เมื่อหนี้ทั้งหมดได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้แล้ว ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินทุนคืนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ ตัวอย่างเช่น ในการจัดตั้งบริษัทจำกัดโดยทั่วไปแล้วจะมีการจดทะเบียนหุ้นสามัญหากไม่มีข้อกำหนดต่างๆสำหรับสิทธิการออกเสียงหรือสิทธิของผู้ถือหุ้น หุ้นบุริมสิทธิจดทะเบียนเมื่อบริษัทต้องการ กำหนด สิทธิในการออกเสียงสำหรับกลุ่มผู้ถือหุ้นและ มีสิทธิออกเสียงหนึ่งเสียงต่อ 10 หุ้นบุริมสิทธิ
สำหรับการจัดตั้งบริษัทจำกัดในประเทศไทย สำหรับชาวต่างชาติ ถือหุ้นได้ แค่ 49% และ 51% จะต้องถือโดยผู้ถือหุ้นคนไทย เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสำหรับคนต่างชาติ ดังนั้นในกรณีที่ผู้ถือหุ้นต่างชาติต้องการมีสิทธิในการออกเสียงมากกว่าผู้ถือหุ้นคนไทย ข้อบังคับของบริษัท จะต้องมีการปรับเปลี่ยน โดยหุ้นสามัญเป็นฝ่ายผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติและผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิเป็นฝ่ายผู้ถือหุ้นชาวไทย ดังนั้นคุณต้องตัดสินใจว่าจะจดทะเบียนหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ เมื่อคุณจะจัดตั้งบริษัทจำกัดหุ้น ประเภทหุ้น กับ การจดทะเบียนบริษัท
บริษัทจดทะเบียนใหม่ ต้องมีหุ้นประเภทไหน
หุ้นสามัญ
หุ้นบุริมสิทธิ
7 ก.ย. 2022
สรุป หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นกู้ หุ้นสามัญ คืออะไร ? แบบเข้าใจง่าย ๆ /โดย ลงทุนแมน
ที่ผ่านมา เราน่าจะรู้จักหุ้นกู้และหุ้นสามัญกันมาพอสมควรแล้ว
แต่ก็มีหุ้นอีกประเภทหนึ่งที่เราควรรู้จัก นั่นก็คือ “หุ้นบุริมสิทธิ”
หุ้นบุริมสิทธิคืออะไร
แล้วมันแตกต่างจากหุ้นกู้ และหุ้นสามัญตรงไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2
ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรามาเริ่มกันที่หุ้นกู้ และหุ้นสามัญ
สรุปง่าย ๆ ก็คือ
หุ้นกู้ เป็นตราสารหนี้ ที่ออกโดยบริษัทเอกชน
บริษัทที่ออกหุ้นกู้ จะมีสถานะเป็นลูกหนี้ ส่วนผู้ซื้อหุ้นกู้ จะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้
โดยบริษัทมีหน้าที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้น ตามที่ตกลงกับเจ้าหนี้ไว้
ในขณะที่หุ้นสามัญ เป็นตราสารทุน ที่ออกโดยบริษัทเอกชน
โดยผู้ซื้อหุ้นสามัญ
จะอยู่ในสถานะร่วมเป็นเจ้าของบริษัท
ซึ่งสัดส่วนความเป็นเจ้าของ จะขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นสามัญที่เราถืออยู่
ผู้ถือหุ้นสามัญ มีสิทธิในการออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตามสัดส่วนของหุ้นที่ถือครองอยู่
มีสิทธิในการรับเงินปันผล และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามที่กฎหมายระบุไว้
ความแตกต่างระหว่างหุ้นกู้และหุ้นสามัญก็คือ “สถานะและการรับผลประโยชน์”
โดยผู้ซื้อหุ้นกู้ จะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ และจะได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย
ไม่ว่าบริษัทจะมีกำไรหรือขาดทุน
รวมทั้งเงินต้นก็ต้องคืนตามเวลาที่กำหนด
ในขณะที่ผู้ซื้อหุ้นสามัญนั้น จะมีสถานะเป็นเจ้าของบริษัท และอาจจะได้รับผลตอบแทน ในรูปของการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นและเงินปันผล กรณีที่บริษัทมีกำไร แต่ถ้าบริษัทขาดทุน ก็อาจจะไม่ได้รับเงินปันผลได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม มีหุ้นอีกประเภทหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นลูกผสม ระหว่างหุ้นกู้และหุ้นสามัญ
โดยที่บอกว่าเป็นลูกผสม เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีลักษณะเป็นกึ่งเจ้าหนี้ และกึ่งเจ้าของบริษัท
ซึ่งหุ้นประเภทนี้ มีชื่อเรียกว่า “หุ้นบุริมสิทธิ”
เรามาดูกันว่า หุ้นบุริมสิทธิมีลักษณะที่แตกต่างจากหุ้นกู้และหุ้นสามัญ อย่างไร ?
- ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการ เช่นเดียวกับหุ้นสามัญ
แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น เช่นเดียวกับหุ้นกู้
- ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ จะได้รับเงินปันผล เช่นเดียวกับหุ้นสามัญ
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นเงินปันผลในอัตราคงที่ เช่นเดียวกับหุ้นกู้ กรณีที่จ่ายดอกเบี้ยคงที่ให้ผู้ถือหุ้นกู้
ซึ่งเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิได้รับนั้น อาจจะมากหรือน้อยกว่าผู้ถือหุ้นสามัญก็ได้
- กรณีที่บริษัทต้องขายสินทรัพย์เพื่อมาชำระหนี้ ลำดับการรับชำระหนี้ของผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ จะมาหลังผู้ถือหุ้นกู้ แต่มาก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ
- หุ้นบุริมสิทธิมักจะไม่มีวันครบกำหนดไถ่ถอน หรือการชำระคืนเงินต้น ดังนั้น การลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิจึงถูกมองว่า เป็นการลงทุนระยะยาว คล้ายกับหุ้นสามัญ
แล้วหุ้นบุริมสิทธิ สำคัญต่อบริษัทในมุมไหน ?
อย่างที่บอกไว้ว่า นอกจากการไม่ต้องก่อหนี้ จนนำมาซึ่งภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายแล้ว
ประเด็นสำคัญก็คือ โดยทั่วไปแล้วผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ จะไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น เหมือนผู้ถือหุ้นสามัญ ทำให้ผู้ถือหุ้นสามัญนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นของตนเอง ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เมื่อออกเสนอขายหุ้นบุริมสิทธิ
อีกประเด็นก็คือ การออกหุ้นกู้ จะทำให้หนี้สินนั้นเพิ่มขึ้น
ซึ่งถ้าส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวนเท่าเดิม จะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ Debt-to-Equity Ratio นั้นเพิ่มสูงขึ้น
ซึ่งการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนดังกล่าว เป็นสัญญาณว่า บริษัทกำลังก่อหนี้เพื่อใช้จ่ายมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านการเงินตามมาได้
ในขณะที่หุ้นบุริมสิทธินั้นเป็นตราสารทุน ดังนั้น การออกหุ้นบุริมสิทธิเพิ่ม จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น และถ้าส่วนของหนี้สินมีจำนวนเท่าเดิม
การออกหุ้นบุริมสิทธิเพิ่ม จะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ Debt-to-Equity Ratio นั้นลดลงได้
ซึ่งหลายครั้งช่วยให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ของเจ้าหนี้ ที่ต้องการให้บริษัทคงสัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ไม่ให้สูงมากจนเกินไป