ข่าวสารในเครือข่าย อปท. จังหวัด
18 ธันวาคม 2561
วิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์ในสมัยพุทธกาล ที่ข้าพเจ้าสังเกตุได้ มีดังนี้
๑.รุกเข้าเมืองใหญ่คือแคว้นมคธ โดยปราบชฎิล ๓ พี่น้อง ให้มาเป็นสาวก แล้วจึงธรรมยาตราเข้าเมือง
๒.ให้พระสงฆ์ที่รู้ธรรมวินัยแล้ว จาริกไปทุกทิศทาง เพื่อประกาศคำสอน
๓.ปราบคนสำคัญที่มีอุปนิสัยในเหตุการณ์สำคัญ ๆ
ดังนั้นพุทธบริษัทท่านใดสนใจวิธีไหน พอใจวิธีไหน ก็สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมครับ
�����������ʹ�
�˹ѧ������¹��оط���ʹҪ���Ѹ���֡�һ���� 1 �����Ƕ֧���������ʹҺ�ҧ 㹷����оٴ�֧��������оط���ʹҡѺ������繪�Ǿط����¡ѹ ��Ъ�Ǿط��ҧ���繪�Ǿط������ �դ�����������������ǡѺ��ѡ����ͧ��оط���ʹҹ�����ҹ��û�ԺѵԵ�����ѡ�������зӡѹ �����������оط���ʹ����� ����蹵���ͧ��ͧ����ʹԡ������ ��� ������������ѡ�����١��ͧ��л�ԺѵԵ����ѡ������鹴��� ������������� ��ͧ���������㨷�ɮմ����������Ҵ�������մ��� ���������ɮ� �����ͧ��蹴��������� �����餹�����������ҧ�� �ѡ���¹����ѧ�����֡�Ҿ�оط���ʹ����ҡ�ѡ �й��㹡�û�ԺѵԵ����Ǿط����ը֧�����繵�ͧ�����ѡ�����֡��駹ѡ���� ������ѡ����� 5
เผยแผ่
คำว่า"เผยแผ่" และเผยแพร่ ดูผิวเผินอาจมีความหมายคล้ายเคียงกัน แต่ในทางพระพุทธศาสนา การใช้คำทั้งสองมีหลักในการใช้...เป็นต้นว่า
พุทธศาสนิกชนทุกคนมีหน้าที่เผยแพร่พระพุทธศาสนาให้กว้างไกลออกไป เพื่อประโยชน์สุขของชาวโลก ความวัฒนาสถาพรของพระพุทธศาสนา และความมั่นคงของชาติไทย ผู้ที่จะทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนาได้ดีต้องเป็นผู้รู้ศาสนา และปฏิบัติตนตามหลักธรรมในศาสนาได้โดยสมบูรณ์เป็นนิจ การเผยแพร่ศาสนามีคำที่ใช้อยู่ ๒ คำ คือ คำว่า"เผยแพร่" และ"เผยแผ่" มีผู้อธิบายคำว่า "เผยแพร่"เป็นลักษณะของมิชชันนารี่ คือ มุ่งมั่นจะให้ผู้อื่นยอมรับในศาสนาของตน
ซึ่งเป็นลักษณะแห่งการจงใจให้อีกฝ่ายหนึ่งหันมานับถือคำสอนนั้นๆ ส่วนคำว่า เผยแผ่ หมายถึง การประกาศให้ทราบ หากทราบแล้วสนใจจะเป็นพุทธศาสนิกชน ก็ไม่เป็นที่รังเกียจการเผยแผ่เป็นศัพท์ที่มีลักษณะอะลุ่มอล่วย และแสดงถึงการมีใจกว้าง ไม่ผูกมัดผู้อื่นด้วยความคิดของตนเอง หรือศาสนาของตน ในการเผยแพร่หรือเผยแผ่พระพุทธศาสนา ถ้ากระทำโดยคฤหัสถ์ นิยมใช้คำว่า เผยแพร่ แต่ถ้าเป็นหน้าที่ของพระภิกษุสามเณรหรือพระสงฆ์ จะใช้คำว่า เผยแผ่...เช่น "พระพุทธศาสนาแพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้
ก็เพราะพระสาวกได้ช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนา ถ้าขาดการเผยแผ่แล้ว พระพุทธศาสนาจะไม่แพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้"
การเทศนาสั่งสอนประชาชนเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่พระสงฆ์ และคณะสงฆ์ถือเป็นกิจการพระศาสนาที่สำคัญที่สุด จุดหมายของการศึกษาเล่าเรียนปริยัติธรรมประการหนึ่ง คือ ความรู้ความสามารถ ในการที่จะนำพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไปสู่ประชาชน หรือเรียกว่าการเผยแผ่นี้ พระภิกษุที่เทศน์เก่งเทศน์ดีจะได้รับยกย่องมาก ปัจจุบันมีบางวัด
จัดการสอนวาทศิลป์ในหลักสูตรการศึกษาของพระภิกษุสามเณร ก็เป็นการส่งเสริม พระภิกษุสามเณรให้มีความสามารถในการเผยแผ่
มีผู้สันทัดกรณีอธิบายว่าแนวทางการเผยแผ่ให้ถึงจุดหมายของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ผู้เผยแผ่จะต้องเทศนา หรือบรรยายไปตามลำดับชั้น คือ ยกหัวข้อธรรมะที่เหมาะสมกับผู้ฟังในสังคมนั้นๆ ขึ้นเป็นหลักในการบรรยาย บรรยายขยายความของหัวข้อนั้นให้กว้างขวางแจ่มแจ้งให้เป็นที่เข้าใจของผู้ฟัง รวบรวมความที่บรรยายแล้วมาย่อเอาเฉพาะความที่สำคัญ เพื่อทบทวนความทรงจำของผู้ฟัง
คือการสรุปข้อความที่บรรยาย
การบรรยายความของหัวข้อต้องบรรยายตามลำดับขั้นทั้ง ๓ คือ ให้ผู้ฟังได้เรียนรู้ให้เข้าใจ ให้ผู้ฟังถือปฏิบัติคือ ทำตามได้ ผลที่ผู้รับจะได้รับคือทำตาม เปรียบเทียบเหมือนการบอกยารักษาโรค การเผยแผ่หรือการแสดงธรรมดังกล่าวนี้ เป็นการดำเนินการตาม "หลักในการแสดงธรรมของพระพุทธเจ้า ๓ ประการ"
๑. ทรงแสดงธรรม เพื่อให้ผู้ฟังรู้ยิ่ง เห็นจริงในสิ่งที่บุคคลนั้นๆ ควรรู้ควรเห็น
๒. ทรงแสดงธรรมมีเหตุมีผล ที่ผู้ฟังแต่ละคนอาจไตร่ตรองพิจารณาเห็นแล้ว เห็นจริงได้
๓. ทรงแสดงธรรมเป็นอัศจรรย์ คือ ผู้ปฏิบัติตามธรรมแล้ว จะได้รับผลตามควรแก่การปฏิบัติของเขามากบ้าง น้อยบ้าง
การใช้คำว่า "เผยแผ่"และ "เผยแพร่"ในทางพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย หากใช้ได้ถูกหลักก็นับว่าเป็นประโยชน์ ไม่เสียหายอะไรที่ทำความเข้าใจกับคำเหล่านี้
//www1.onab.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=2614:2010-04-02-16-18-47&catid=96:2009-09-19-10-13-59&Itemid=326