วิดีโอ YouTube
มัลติมิเตอร์ (Multimeter ) Multi แปลว่ารวม, Meter แปลว่า เครื่องวัด ดังนั้น Multimeter แปลว่าเครื่องมือวัดรวม ซึ่งประกอบด้วย โวลต์มิเตอร์ โอห์มมิเตอร์ และ มิลลิแอมมิเตอร์ส่วนประกอบของมัลติมิเตอร์
มัลติมิเตอร์
เป็นมิเตอร์ใช้วัดปริมาณไฟฟ้าได้หลายชนิดถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวก ต่อผู้ใช้ปริมาณไฟฟ้าที่วัดได้ เช่น แรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ความต้านทานไฟฟ้า และวัดปริมาณ ไฟฟ้าอื่น ๆ ได้อีกซึ่งแล้วแต่รุ่นของมัลติมิเตอร์นั้น มัลติมิเตอร์ซันวานับได้ว่าเป็นมัลติมิเตอร์ที่นิยมใช้งานมากยี่ห้อหนึ่งใน ประเทศไทย การทำความรู้จักส่วนประกอบต่าง ๆ ของมัลติมิเตอร์จึงเป็นเรื่องจำเป็นจะช่วยให้สามารถใช้งานมัลติมิเตอร์ได้ ถูกต้องและเกิดความปลอดภัยทั้งมัลติมิเตอร์และตัวผู้ใช้มัลติมิเตอร์ รูปร่างและส่วนประกอบของมัลติมิเตอร์
แสดงรูปร่างและตำแหน่งของส่วนต่าง ๆ ของมัลติมิเตอร์ยี่ห้อ SANWA รุ่น YX-360TR เป็นมัลติมิเตอร์รุ่นที่นิยมใช้งานและมีมัลติมิเตอร์ยี่ห้ออื่น ๆ ที่สร้างเลียนแบบ
มัลติมิเตอร์รุ่นนี้มากมาย ส่วนต่าง ๆ ถูกกำกับไว้ด้วยหมายเลขแต่ละส่วนอธิบายรายละเอียดได้
ดังนี้
หมายเลข 1 คือ
สกรูใช้สำหรับปรับแต่งตำแหน่งเข็มชี้ของมิเตอร์ให้ชี้ที่ตำแหน่งด้านซ้ายมือสุดของสเกลพอดี คือชี้ที่เลข 0 หรือเลข ?
หมายเลข 2 คือสวิตซ์ปรับเลือกย่านวัด สามารถหมุนได้รอบตัว ใช้สำหรับการเลือกปริมาณ
ไฟฟ้าที่จะวัด ย่านการตั้งวัดที่เหมาะสม
หมายเลข 3 คือขั้วต่อขั้วบวก (+) ของมิเตอร์หรือขั้ว P ใช้สำหรับต่อสายวัดเส้นสีแดง เพื่อใช้วัดปริมาณไฟฟ้า
หมายเลข 4 คือขั้วต่อขั้วลบ (- COM) ของมิเตอร์หรือขั้ว N
ใช้สำหรับต่อสายวัดเส้นสีดำเพื่อใช้วัดปริมาณไฟฟ้า
หมายเลข 5 คือ ขั้วต่อเอาต์พุต (OUTPUT) เป็นขั้วต่อใช้สำหรับวัดความดังของสัญญาณเสียง เช่น จากวงจรขยายเสียง วัดออกมาเป็นเดซิเบล (dB)
หมายเลข 6 คือ ปุ่มสำหรับปรับแต่งให้เข็มชี้ของมิเตอร์ให้ชี้ที่ตำแหน่งศูนย์โอห์มพอดี (0WADJ) ขณะปลายสายวัดของมิเตอร์แตะเข้าด้วยกัน เมื่อใช้ย่านวัดโอห์ม (W) ของมิเตอร์
หมายเลข 7 คือ แผ่นป้ายแสดงชื่อมิเตอร์และรุ่นมิเตอร์
หมายเลข 8 คือ
เข็มชี้ของมิเตอร์
1.1.1 การใช้โวลต์มิเตอร์ โวลต์มิเตอร์เป็นเครื่องมือวัดแรงดันไฟฟ้า หลักการทำงานของโวลต์มิเตอร์ ( แบบแอนะลอก) คือกระแสไฟฟ้าจากแรงดันที่ต้องการวัดไหลผ่าน ตัวต้านทานที่กำหนดย่านวัด (RANGE) ไปเลี้ยง moving coil ที่มีเข็มติดอยู่จะเกิดสนามแม่เหล็กผลักดันกับสนามแม่เหล็กถาวร
แสดงหลักการทำงานของมิเตอร์
แสดงวงจร DCV ของมัลติมิเตอร์รุ่น YX-360 TR, YX-360 TRE
แสดงวงจร ACV ของมัลติมิเตอร์รุ่น YX-360 TR, YX-360 TRE
สเกลต่างๆบนหน้าปัดของมิเตอร์ยี่ห้อ SANWA รุ่น YX-360TRA
แสดงสเกลหน้าปัดสำหรับแสดงค่าปริมาณไฟฟ้าชนิดต่าง
ๆ ของ
มัลติมิเตอร์ ยี่ห้อ ซันวา รุ่น yx-360TR แต่ละสเกลใช้แสดงปริมาณไฟฟ้าแต่ละชนิด ถูกกำกับไว้ด้วยหมายเลข แต่ละส่วนอธิบายรายละเอียดได้ดังนี้
หมายเลข 1 คือ สเกลใช้แสดงค่าความต้านทาน ใช้สำหรับอ่านค่าความต้านทาน เมื่อตั้งย่านวัดความต้านทานหรือย่าน W
หมายเลข 2 คือ สเกลใช้แสดงค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง (DCV) และกระแสไฟตรง (DCA) ใช้สำหรับอ่านค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง เมื่อตั้งย่านวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงหรือย่าน DCV
และใช้สำหรับอ่านค่ากระแสไฟตรง เมื่อตั้งย่านวัดกระแสไฟตรงหรือย่าน DCmA
หมายเลข 3 คือ สเกลใช้แสดงค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ (ACV) ใช้สำหรับอ่านค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับหรือย่าน ACV
หมายเลข 4 คือ สเกลใช้แสดงค่าอัตราขยายกระแสไฟตรงของตัวทรานซิสเตอร์ (hFE)
ใช้สำหรับอ่านค่าอัตราขยายกระแสไฟตรงของตัวทรานซิสเตอร์ตั้งย่านวัดโอห์ม ที่ตำแหน่ง R X 10 (hFE)
หมายเลข 5 คือ สเกลใช้แสดงค่ากระแสรั่วไหล (Leakage Current)
ของตัวทรานซิสเตอร์ (IDEO) ใช้สำหรับอ่านค่ากระแสรั่วไหลระหว่างขาคอลเลคเตอร์ (C) และขาอิมิเตอร์ (E) ของ ตัวทรานซิสเตอร์เมื่อขาเบส (B) เปิดลอยเมื่อตั้งย่านวัดโอห์ม ที่ X 1 (150 mA), X 10 (15 mA) และ X 1 k (150 mA) และยังใช้แสดงค่ากระแสภาระ (Load Current) ในการวัดไดโอด (LI) ใช้สำหรับอ่านกระแสภาระที่วัดไดโอดด้วยย่านวัดโอห์มเป็นทั้งการวัดกระแสไบ แอสตามและ กระแสไบแอสย้อน
หมายเลข 6 คือสเกลใช้แสดงค่าแรงดันภาระ (Load Voltage) ในการวัดไดโอด
(LV) ใช้สำหรับอ่านแรงดันภาระที่วัดไดโอดด้วยย่านวัดโอห์ม เป็นทั้งการวัดกระแสไบแอสตามและกระแสไบแอสย้อนเช่นเดียวกับการวัด LI
หมายเลข 7 คือ สเกลใช้แสดงค่าความดังของสัญญาณเสียงบอกค่าออกมาเป็นเดซิเบล (dB) ใช้สำหรับอ่านค่าความดังของสัญญาณเสียง เมื่อตั้งย่านวัดที่แรงดันไฟฟ้ากระแสสลับหรือ ย่าน ACV
หมายเลข 8 คือกระจกเงาเพื่อทำให้การอ่านค่าบนสเกลที่แสดงด้วยเข็มชี้ของมิเตอร์ถูกต้อง ที่สุด
การอ่านค่าที่ถูกต้องคือตำแหน่งที่เข็มชี้ของมิเตอร์จริงกับตำแหน่งเข็มชี้ ของมิเตอร์ในกระจกเงาซ้อนกันพอดี
ข้อควรระวังในการใช้มัลติมิเตอร์
มัลติมิเตอร์เป็นมิเตอร์ที่มีส่วนประกอบของอุปกรณ์หลายชนิด แต่ละชนิดมีขนาดเล็กและบอบบาง ยิ่งในส่วนเคลื่อนไหวประกอบร่วมเป็นเข็มชี้มิเตอร์ยิ่งต้องระมัดระวังอย่างมาก ตลอดจนการนำไปใช้งานก็ต้องระวังในเรื่องปริมาณไฟฟ้าที่ทำการวัด และอีกหลายสิ่งหลายอย่างสามารถกล่าวโดยสรุปเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
1 ส่วนเคลื่อนไหวของมัลติมิเตอร์ ประกอบด้วยขดลวดเส้นเล็กมาก ๆ และมีส่วนของเดือยและรองเดือยขนาดเล็กเช่นกัน มีความบอบบาง มีโอกาสชำรุดเสียหายได้ง่าย หากได้รับกระแสไหลผ่านมากเกินไป หรือหากได้รับการกระทบกระเทือนแรง ๆ ที่เกิดจากการตกหล่นเกิดจากการถูกกระแทกแรง ๆ ตลอดจนการตั้งย่านวัดปริมาณไฟฟ้าผิดพลาด
2 การวัดปริมาณไฟฟ้าต่าง ๆ ที่ไม่ทราบค่า ครั้งแรกควรตั้งย่านวัดในย่านสูงสุดไว้ก่อน เมื่อวัดค่าแล้วจึงค่อย ๆ
ลดย่านวัดต่ำลงมาให้ถูกต้องกับปริมาณไฟฟ้าที่ทำการวัดค่า และต้องต่อขั้ววัดบวก (+) ลบ (-) ให้ถูกต้อง
3 การตั้งย่านวัดปริมาณไฟฟ้าชนิดหนึ่ง แต่นำไปใช้วัดปริมาณไฟฟ้าอีกชนิดหนึ่ง จะมีผลต่อการทำให้มัลติมิเตอร์ชำรุดเสียหายได้ เช่น ตั้งย่านวัดกระแสไฟฟ้า แต่นำไปวัดแรงดันไฟฟ้า เป็นต้น
4 ห้ามวัดค่าความต้านทานด้วยย่านวัดโอห์มมิเตอร์ของมัลติมิเตอร์ ในวงจรที่กำลังไฟฟ้าจ่ายอยู่
เพราะจะทำให้ย่านวัดโอห์มของมัลติมิเตอร์ชำรุดเสียหายได้ต้องตัดไฟจากวงจรก่อน และปลดขาตัวต้านทานหรือขาอุปกรณ์ตัวที่ต้องการวัดออกจากวงจรเสียก่อน
5 ณะพักการใช้มัลติมิเตอร์ทุกครั้งควรปรับสวิตช์เลือกย่านวัดไฟที่ย่าน 1,000 VDC เสมอ เพราะเป็นย่านวัดที่มีค่าความต้านทานภายในมัลติมิเตอร์สูงสุด เป็นการป้องกันความผิดพลาดในการใช้งานครั้งต่อไป เมื่อลืมตั้งย่านวัดที่ต้องการ ในมัลติมิเตอร์บางรุ่นอาจมีตำแหน่ง OFF บนสวิตซ์เลือกย่านวัด
ให้ปรับสวิตช์เลือกย่านวัดไปที่ตำแหน่ง DFF เสมอ เพราะเป็นการตัดวงจรมิเตอร์ออกจากขั้วต่อวัด
- ถ้าต้องการหยุดการใช้งานมัลติมิเตอร์เป็นเวลานาน ๆ หรืองดใช้งานมัลติมิเตอร์ ควรปลดแบตเตอรี่ที่ใส่ไว้ในมัลติมิเตอร์ออกมาจากมัลติมิเตอร์ให้หมด เพื่อป้องกันการเสื่อม ของแบตเตอรี่ และการเกิดสารเคมีไหลออกมาจากแบตเตอรี่ อาจกัดกร่อนอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในมัลติมิเตอร์จนชำรุดเสียหายได้ ในการเก็บมัลติมิเตอร์ไม่ควรเก็บไว้ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง หรือมีความชื้นสูง ตำแหน่งของแบตเตอรี่ในมัลติมิเตอร์ แสดงดังรูปที่ 3.7
ภาพที่ 3.7 ตำแหน่งแบตเตอรี่ และฟิวส์ในมัลติมิเตอร์
7 ในกรณีการตั้งย่านวัดผิดพลาด จนทำให้มัลติมิเตอร์วัดค่าปริมาณไฟฟ้าอื่น ๆ ไม่ขึ้น ให้ตรวจสอบฟิวส์ที่อยู่ภายในมัลติมิเตอร์ เป็นตัวป้องกันไฟเกินขาดหรือไม่ หากฟิวส์ขาดให้ใช้ฟิวส์สำรองที่มีอยู่ใส่แทน และทดลองใช้มัลติมิเตอร์อีกครั้ง ตำแหน่งฟิวส์และฟิวส์สำรองแสดงดังภาพที่ 3.7
ขั้นตอนการใช้โวลต์มิเตอร์ ยี่ห้อ SANWA รุ่น YX 360-TR วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง
DC.-Voltmeterเป็นเครื่องมือวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง ค่าที่วัดได้เป็นค่าเฉลี่ย(VRMS) การวัดแรงดันไฟกระแสตรง ตั้งสวิตช์เลือกย่านวัดไปที่ DCV มัลติมิเตอร์ SANWA รุ่น
YX-360TR มีทั้งหมด 7 ย่านวัดเต็มสเกลคือย่าน 0.1V,
0.5V, 2.5V, 10V, 50V, 250V และ 1,000V แสดงดังภาพที่ 3.8 การอ่านค่าแรงดันผ่านที่สเกล DCV, A หมายเลข 2 ของรูปที่ 3.6 ขั้นตอนการวัดค่าปฏิบัติดังนี้
1 สายวัดสีแดงเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วบวก (+) สายวัดสีดำเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วลบ ของมิเตอร์ การวัดค่าใช้สายวัดทั้งสองเส้นไปวัดค่าแรงดัน
2 ปรับสวิตช์เลือกย่านวัดไปย่านที่เหมาะสม คือ ให้ย่านวัดสูงกว่าและใกล้เคียงค่าแรงดันที่บอกไว้มากที่สุด
ถ้าไม่ทราบให้ตั้งย่านวัดที่ย่านสูงสุดไว้ก่อนที่ 1,000 DCV วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง ดังแสดงในภาพที่ 3.8
ภาพที่ 3.8 ตั้งย่านวัด DCV
- การวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง ต้องนำมิเตอร์ไปต่อขนานกับวงจร และขณะวัดต้องคำนึงถึงขั้วของมิเตอร์ให้ตรงกับขั้วของแรงดันที่จะวัดโดยยึดหลักดังนี้ ใกล้บวกแหล่งจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วบวกของมิเตอร์ใกล้ลบแหล่งจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วลบของมิเตอร์ การต่อมัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง แสดงดังภาพที่ 3.9
ภาพที่ 3.9 การต่อมัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟกระแสตรง
- ก่อนต่อมัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงค่าสูง ๆ ควรตัดกระแสไฟฟ้าในวงจรก่อน เมื่อต่อ DCV โวลท์มิเตอร์กับจุดที่ต้องการวัดแรงดันเรียบร้อยแล้วจึงต่อกระแสเข้าวงจร
- อย่าจับสายวัดหรือ ตัวมัลติมิเตอร์ ขณะวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงค่าสูง เมื่อวัดเสร็จเรียบร้อยแล้วควรตัดกระแสไฟฟ้าก่อนจึงจับสายวัดได้
- การอ่านค่า การใช้สเกล และการตั้งย่านวัด แสดงได้ ดังภาพที่ 3.10
ย่านตั้งวัด | สเกลใช้อ่าน | การอ่านค่า | ค่าที่วัดได้ (VDC) |
0.1V | 0-10 | ใช้ 0.01 คูณค่าที่อ่านได้ | 0.086V |
ภาพที่ 3.10 ตัวอย่างการอ่านค่า การใช้สเกล และการตั้งย่านวัดแรงดันไฟกระแสตรง
ขั้นตอนการใช้โวลต์มิเตอร์ยี่ห้อ SANWA รุ่น YX 360-TR วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ
AC-Voltmeter เป็นเครื่องมือวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ ค่าที่วัดได้เป็นค่าเฉลี่ย การวัด แรงดันไฟฟ้ากระแสสลับตั้งสวิตช์เลือกย่านไปที่ ACV มัลติมิเตอร์ยี่ห้อ SANWAรุ่น YX-360TR มีทั้งหมด 4 ย่านวัดเต็มสเกลคือย่าน 10V, 50V, 250V และ 1,000V แสดงดังภาพที่ 3.11
การอ่านค่าแรงดันอ่านที่สเกล ACV หมายเลข 3 ของรูปที่ 3.6 ขั้นตอนการวัดค่าปฏิบัติดังนี้
1 สายวัดสีแดงเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วบวก (+) สายวัดสีดำเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วลบของมิเตอร์ การวัดค่าใช้สายวัดทั้งสองเส้นไปวัดค่าแรงดัน แต่ขณะวัดค่าแรงดันไม่ต้องคำนึงถึงขั้วบวก ขั้วลบ เหมือนแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง เพราะแรงดันไฟกระแสสลับไม่มีขั้วตายตัวขั้วแรงดันสลับไปสลับมาตลอดเวลา
2 ปรับสวิตช์เลือกย่านวัดไปย่านที่เหมาะสม
คือให้ย่านวัดสูงกว่าและใกล้เคียงค่าแรงดันที่บอกไว้มากที่สุดหากไม่ทราบ ให้ตั้งย่านวัดที่ย่านสูงสุดไว้ก่อน หากไม่ทราบค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ ให้ตั้งย่านวัดที่ย่านสูงสุดไว้ก่อนคือที่ 1,000V
ภาพที่ 3.11 ตั้งย่านวัด ACV
3 การวัดแรงดันไฟกระแสสลับ ต้องนำมิเตอร์ไปต่อขนานกับวงจรโดยไม่ต้องคำนึงถึง ขั้ววัด การต่อมัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟกระสลับ แสดง ดังภาพที่ 3.12
ภาพที่ 3.12 การต่อมัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ
4
การอ่านค่าการใช้สเกลและการตั้งย่านวัด ดังแสดงในภาพที่ 3.13
ย่านตั้งวัด | สเกลใช้อ่าน | การอ่านค่า | ค่าที่วัดได้ (VAC) |
10V | 0-10 | อ่านโดยตรง | 7.6V |
ภาพที่ 3.13 ตัวอย่างการอ่านค่า การใช้สเกล และการตั้งย่านวัดแรงดันไฟกระแสสลับ
1.1.2 การใช้มิลลิแอมมิเตอร์
DC-Milliammeter
เป็นเครื่องมือวัดกระแสไฟฟ้ากระแสตรง การวัดกระแสไฟตรง ตั้งสวิตช์เลือกย่านไปที่ DCmA มัลติมิเตอร์ยี่ห้อ SANWAรุ่น YX-360TR มีทั้งหมด4 ย่านวัด เต็มสเกลคือย่าน 50 mA (0.1VDC), 2.5mA, 25mA และ 0.25A(250mA) แสดงดังภาพที่ 3.14 การอ่านค่ากระแสไฟตรงอ่านที่สเกล DCV, A หมายเลข 2 ของรูปที่ 3.6 ขั้นตอนการวัดค่าปฏิบัติดังนี้
1 เสียบสายวัดสีแดงเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วบวก (+) สายวัดสีดำเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วลบ
(-COM) ของมิเตอร์
การวัดค่าใช้สายวัดทั้งสองเส้นไปวัดค่ากระแส
2 ปรับสวิตช์เลือกย่านวัดไปย่านที่เหมาะสม หากไม่ทราบค่ากระแสไฟตรงให้ตั้ง ย่านวัดที่ย่านสูงสุดไว้ก่อนที่ 0.25A
ภาพที่ 3.14 ย่านวัดกระแสไฟตรง (DCmA)
- การวัดกระแสไฟตรง ต้องนำมิเตอร์ไปต่ออันดับกับวงจร และขณะวัดต้องคำนึงถึง ขั้วของมิเตอร์ให้ตรงกับขั้วของแรงดันแหล่งจ่ายในวงจร โดยยึดหลักดังนี้ ใกล้บวกแหล่งจ่าย แรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วบวกของมิเตอร์ใกล้ลบแหล่งจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วลบของมิเตอร์ การต่อ มัลติมิเตอร์วัดไฟฟ้ากระแสตรง แสดงดังรูปที่ 3.15
ภาพที่ 3.15 การต่อมัลติมิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้าตรงโดยตัดวงจรแล้วต่อผ่านมิลลิแอมมิเตอร์
- ย่านวัดกระแสไฟตรง 50 mA เป็นย่านเดียวกับย่านวัดแรงดันไฟกระแสตรง 0.1V
ในย่านนี้ทำหน้าที่เป็นทั้งมิเตอร์วัดแรงดันไฟกระแสตรงเต็มสเกล 0.1V และทำหน้าที่เป็นมิเตอร์วัดกระแสไฟตรงเต็มสเกล 50 mA - การอ่านค่า การใช้สเกล และการตั้งย่านวัด แสดงดังภาพที่ 3.16
ย่านตั้งวัด | สเกลใช้อ่าน | การอ่านค่า | ค่าที่วัดได้ |
50 mA | 0-50 | อ่านโดยตรงในหน่วย mA | 29 mA |
ภาพที่ 3.16 การอ่านค่า การใช้สเกล และการตั้งย่านวัดกระแสไฟตรง
1.1.3 การใช้โอห์มมิเตอร์
โอห์มมิเตอร์เป็นเครื่องมือวัดค่าความต้านทานของตัวต้านทาน มีหน่วยวัดเป็นโอห์ม การวัดความต้านทาน ตั้งสวิตช์เลือกย่านไปที่ W มัลติมิเตอร์ยี่ห้อSANWAรุ่น YX-360TR มีทั้งหมด 4 ย่านวัดคือย่าน X 1, X 10, X 1k และ X 10 k แสดงดังภาพที่ 3.17 การอ่านความต้านทานอ่านที่สเกล W หมายเลข 1 ของภาพที่ 3.6 ขั้นตอนการวัดค่าปฏิบัติดังนี้
- โครงสร้างเบื้องต้นของโอห์มมิเตอร์ในมัลติมิเตอร์ ประกอบด้วยแบตเตอรี่
(ถ่านไฟฉาย) 2 ชุด คือ ชุดแบตเตอรี่ 3 V (1.5 X 2) ใช้กับย่านวัด W ย่าน X 1, X 10 และ X 1k ส่วนชุดแบตเตอรี่ 9 V ถูกต่ออันดับร่วมกับชุดแบตเตอรี่ 3 V เพื่อใช้งานในย่านวัด W ย่าน X 10k แบตเตอรี่ทั้ง 2 ชุด ต่ออันดับร่วมกับตัวต้านทานปรับค่าได้ 0W ADJ และต่ออันดับร่วมกับชุดขดลวดเคลื่อนที่และเข็มชี้ของมิเตอร์โครงสร้างเบื้องต้นของโอห์มมิเตอร์ในมัลติมิเตอร์ แสดงดังภาพที่ 3.17 และภาพที่ 3.18
ภาพที่ 3.17 ย่านวัดความต้านทาน
ภาพที่ 3.18 วงจรโอห์มมิเตอร์ มัลติมิเตอร์ยี่ห้อ SANWA รุ่น YX-360 TR
2. หาย่านวัด
โอห์มที่เหมาะสม เสียบสายวัดสีแดงเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วบวก (+) สายวัดสีดำเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วลบ ของมิเตอร์ ใช้สายวัดทั้งสองเส้นไปวัดค่าความต้านทานดังภาพที่ 3.19 แล้วปรับย่านวัดให้เข็มชี้ใกล้กึ่งกลางสเกลมากที่สุด
ภาพที่ 3.19 แสดงการวัดค่าความต้านทานของตัวต้านทาน
3. ก่อนนำโอห์มมิเตอร์ไปใช้วัดตัวต้านทานทุกครั้ง
และทุกย่านที่ตั้งวัดโอห์ม ต้องปรับแต่งเข็มชี้ของมิเตอร์ชี้ค่าที่ 0 W ก่อน โดยแตะปลายสายวัด ดำ แดง ของมิเตอร์เข้าด้วยกันปรับแต่งปุ่มปรับ 0 W ADJ จนเข็มชี้ของมิเตอร์ชี้ที่ตำแหน่ง 0 W พอดี ลักษณะการปรับแต่งโอห์มมิเตอร์ แสดงดังภาพที่ 3.20
ภาพที่ 3.20 แตะสายวัดเข้าด้วยกันเพื่อปรับแต่งโอห์มมิเตอร์ได้ 0 W พอดี
(Zero Ohms)
- เมื่อปรับโอห์มมิเตอร์เรียบร้อยสามารถ นำโอห์มมิเตอร์ไปวัดค่าความต้านทานของตัวต้านทาน ซึ่งครั้งนี้เป็นการวัดจริง ดังภาพที่ 3.19
- อ่านค่าความต้านทานจากสเกลของโอห์มมิเตอร์ ค่าความต้านทานจะเท่ากับค่าที่อ่านได้จากสเกล คูณกับย่านวัดโอห์ม ดังภาพที่ 3.21
ย่านตั้งวัด | สเกลใช้อ่าน | การอ่านค่า | ค่าที่วัดได้ |
X 1 | 0-¥ | อ่านค่าโดยตรง | 24 W |
ภาพที่ 3.21 การอ่านค่า การใช้สเกล และการตั้งย่านวัดความต้านทาน
- ออสซิลโลสโคป (Oscilloscope)
ภาพที่ 3.22 แสดงออสซิลโลสโคปแบบ 2 Channel
ออสซิลโลสโคป หรือบางครั้งเรียกสั้น ๆ ว่า สโคป (Scope) ที่ใช้งานกันอยู่ทั่ว ๆ ไป แสดงดังภาพที่ 3.22 สำหรับการใช้งานของออสซิลโลสโคปนั้น จะใช้แสดงรูปคลื่นสัญญาณ หรือ ช่วงห่างของสัญญาณ โดยรูปคลื่นสัญญาณที่ได้อาจเป็นแบบไซน์ แบบสี่เหลี่ยมแบบสามเหลี่ยม หรือแบบฟันเลื่อย เป็นต้น สำหรับความแตกต่างของรูปคลื่นสัญญาณจะขึ้นอยู่กับการวัดที่จุดใด ๆ ภายในวงจร
จากนั้นรูปคลื่นสัญญาณที่ได้จะไปปรากฏที่หลอดแคโทด (Cathode Ray Tube, CRT) ซึ่งมีลักษณะเป็นจอแสดงผลเช่นเดียวกับจอของเครื่องรับโทรทัศน์ และจอของเครื่องคอมพิวเตอร์ จากรูปคลื่นสัญญาณที่ปรากฏบนจอ CRT นี้ ทำให้สามารถวัด หรือคำนวณหาคาบเวลาความถี่ และคุณลักษณะของแอมพลิจูด เช่น ค่า rms (ค่าเฉลี่ย), ค่า peak และ ค่า peak-to-peak เป็นต้น
ภาพที่ 3.23 แสดงรูปสัญญาณที่ได้จากการวัดที่จุดต่าง ๆ ในวงจร
การควบคุมการทำงาน
ออสซิลโลสโคปที่ใช้ในปัจจุบันได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณะที่แตกต่างกันอย่างไรก็ตามสำหรับการทำงานในฟังค์ชั่นหลัก ๆ จะยังคงลักษณะการใช้งานที่คล้ายกัน ภาพที่ 3.24 แสดงปุ่มฟังก์ชันบริเวณด้านหน้าของออสซิลโลสโคปทั่ว ๆ ไป ซึ่งประกอบด้วยปุ่มฟังก์ชันควบคุมการทำงานดังนี้
ภาพที่ 3.24 ฟังก์ชันควบคุมของออสซิลโลสโคป
ฟังก์ชันควบคุมทั่วไป
ควบคุมความเข้มของลำแสง (Intensity Control)ช่วยควบคุมความสว่างของรูปคลื่นสัญญาณที่ปรากฏบนจอ CRT
ควบคุมความคมชัด (Focus Control) ปรับความคมชัดของเส้นสัญญาณ และรูปคลื่นสัญญาณที่ปรากฏบนจอ
สวิตช์เปิด/ปิดเครื่อง (Power Off/On) เป็นสวิตช์ควบคุมการเปิด หรือปิดใช้งาน
ออสซิลโลสโคป พร้อมทั้งแสดงไฟบอกขณะเปิดใช้งาน
ออสซิลโลสโคปบางแบบสามารถที่จะแสดงรูปคลื่นสัญญาณได้มากกว่า 1 รูปคลื่น ดังแสดงในภาพที่
3.25 โดยเรียกออสซิลโลสโคปชนิดนี้ว่า ออสซิลโคลสโคปแบบ Dual-trace Oscilloscope ซึ่งออสซิลโลสโคปแบบนี้มีประโยชน์ทำให้เราสามารถทำการเปรียบเทียบ เฟสแอมพลิจูด รูปลักษณะของสัญญาณ และคาบเวลาของ 2 รูปคลื่นสัญญาณ ที่วัดจากจุดทดสอบ 2 จุด โดยการป้อนสัญญาณแรกเข้าที่ช่องรับสัญญาณ A (Channel A) และสัญญาณที่สองเข้าทช่องรับสัญญาณ B (Channel B)
ภาพที่
3.25รูปคลื่นสัญญาณที่ได้จากออสซิลโลสโคปแบบ Dual-trace Oscilloscope
การเลือกช่องต่อสัญญาณ
Mode Switch: สวิตช์เลือกโหมดการทำงานซึ่งเป็นปุ่มเลือกช่องสัญญาณที่จะให้แสดงบนจอ CRT
CHA: แสดงเฉพาะรูปคลื่นสัญญาณที่ต่อเข้าที่ช่องรับสัญญาณ A บนจอ CRT
Dual: แสดงรูปคลื่นสัญญาณที่ต่อเข้าทั้งช่องสัญญาณ A และ B พร้อมกัน บนจอ
CRT
ดังภาพที่ 3.25
1.2.1 จุดปรับแต่งสัญญาณเอาต์พุต (Calibration Output)
จุดต่อนี้จะให้สัญญาณเอาต์พุต ที่คงที่แบบ Square-wave ขนาด 1 Vp-p และมีความถี่
1 kHz ซึ่งสัญญาณนี้ปกติแล้วจะป้อนเข้าที่ช่องรับสัญญาณ A และ B เพื่อใช้ทดสอบสายโพรบ
และการทำงานของตัวออสซิลโลสโคปเอง
1.2.2 ปุ่มควบคุมสัญญาณทางแนวนอน (Channel A and B Horizontal Controls)
Position: ควบคุมการเลื่อนตำแหน่งของรูปคลื่นสัญญาณไปตามแนวนอน (ซ้าย หรือ ขวา) บนจอ CRT
Sweep time/cm switch:
ออสซิลโลสโคปประกอบด้วยวงจรกำเนิดลำแสง ซึ่งจะกวาดลำแสงจากซ้ายไปขวาอย่างต่อเนื่องบนจอ CRT เมื่อไม่มีสัญญาณเข้ามา การกวาดของสัญญาณจะเป็นเส้นตรงในแนวแกนนอนตรงตำแหน่งกึ่งกลางของจอ CRT แต่เมื่อมีสัญญาณด้านอินพุตเข้ามาจะไปกระตุ้นการกวาดในแนวแกนนอนโดยทำให้เส้นของการกวาดเคลื่อนที่ขึ้นลงกลายเป็นรูปคลื่นสัญญาณปรากฏบนจอ CRT โดยมีลักษณะเช่นเดียวกับรูปคลื่นสัญญาณ ที่ป้อนเข้ามา เช่น คลื่นไซน์ คลื่นสี่เหลี่ยม หรือคลื่นแบบฟันเลื่อย เป็นต้น ดังนั้นสวิตช์ Sweep time/cm
จึงใช้สำหรับเลือกอัตราการกวาดของสัญญาณจากซ้ายไปขวาดยสามารถเลือกอัตราการกวาดได้ทั้งแบบเร็ว (0.2 ไมโครวินาทีต่อเซนติเมตร; 0.2 ms/cm) หรือ แบบช้า (0.5 วินาทีต่อเซนติเมตร; 0.5 s/cm) ดังนั้นการตรวจวัดสัญญาณที่เข้ามาสามารทำได้ตั้งแต่การตั้งค่าเวลาน้อย ๆ นั่นคือ จะแสดงจำนวนรูปคลื่นสัญญาณน้อย จนถึงการตั้งค่าเวลาให้สูงขึ้นซึ่งจำนวนรูปคลื่นสัญญาณก็จะมีจำนวนมากตามไปด้วย
1.2.3 การควบคุมการกระตุ้นของสัญญาณ (Triggering
Controls)
การควบคุมลักษณะนี้ จะเป็นการควบคุมคาบเวลาภายในระหว่างอัตราการกวาดของสัญญาณบนจอ CRT และรูปคลื่นสัญญาณที่ป้อนเข้ามา
Triggering level control : การหาจุดเริ่มต้นการกวาดของสัญญาณ
Slops switch (+) : การกวาดถูกกระตุ้น เริ่มจากขอบด้านบนของรูปสัญญาณ
Slope switch (-) : การกวาดถูกกระตุ้น เริ่มจากขอบด้านล่างของรูปสัญญาณ
Source switch, CHA : สัญญาณที่จะใช้กระตุ้นเข้ามาที่ช่องสัญญาณ A
CHB :
สัญญาณที่จะใช้กระตุ้นเข้ามาที่ช่องสัญญาณ B
EXT : สัญญาณที่จะใช้กระตุ้นเข้ามาที่ขั้วต่อภายนอก (External Trigger Jack)
1.2.4 ปุ่มควบคุมสัญญาณทางแนวตั้ง (Channel A and B Vertical Controls)
Volts/cm switch : จะควบคุมระดับแรงดันไฟฟ้าที่แสดงในแต่ละช่องของสเกลในแนวแกนตั้ง
Position control :
จะควบคุมการเลื่อนขึ้นลงของรูปคลื่นสัญญาณเพื่อความสะดวกในการวัด หรือการสังเกตรูปคลื่นสัญญาณ
AC-DC-GND : ที่ตำแหน่ง AC ตัวเก็บประจุทางด้านอินพุตจะยอมให้สัญญาณ AC ผ่านเข้าไปได้ แต่จะไม่ให้สัญญาณที่เป็น DC ผ่าน
: ที่ตำแหน่ง GND
ด้านอินพุตจะถูกต่อลงกราวด์ (0 V) เพื่อให้สามารถป้อนสัญญาณอ้างอิงเข้าไปได้
: ที่ตำแหน่ง DC จะยอมให้สัญญาณที่เป็นทั้ง AC และ DC ผ่านเข้าไปได้
หมายเหตุ การควบคุมของช่องสัญญาณ A จะเหมือนกับช่องสัญญาณ B