ซึ่งหมายถึงมีการขายสินค้า/บริการ ตามทางการค้าเป็นปกติ ซึ่งตามกฎหมายถือว่าเป็นหน้าที่ที่ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อกรมสรรพากร
มิเช่นนั้นก็จะเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งถือว่าเป็นความผิดและอาจต้องถูกค่าปรับเพิ่มเติม
ใคร? ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องมีการจดทะเบียนสำหรับผู้มีหน้าที่ชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจทางการค้าที่มีรายรับจากการขายสินค้า/บริการนั้น ๆ โดยมียอดขายสินค้า/บริการเกินกว่า 1.8 ล้านบาท/ปี มีหน้าที่ต้องจดทะเบียน
ผู้มีหน้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีรายรับเกินตามที่กล่าวมาข้างต้น
นอกจากนี้ยังมีผู้มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้
1. ผู้ประกอบกิจการที่มีแผนการดำเนินงานในอนาคต ที่มีแผนงานจากการดำเนินการซึ่งเป็นขั้นตอนของแผนการเตรียมการดำเนินกิจการ โดยทำให้ต้องมีการซื้อสินค้าหรือการรับบริการที่ต้องอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย เช่น การก่อสร้างโรงงานเพื่อเตรียมเปิดกิจการ การก่อสร้างอาคารสำนักงาน หรือการติดตั้งเครื่องจักรในโรงงานเพื่อการดำเนินการตามแผนของการผลิตนั้น ๆ เป็นต้น โดยให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภายในกำหนด 6 เดือน ก่อนวันเริ่มประกอบกิจการ เว้นแต่มีสัญญาหรือหลักฐานจะดำเนินการก่อสร้าง ภายในเวลาที่เหมาะสม
2. ผู้ประกอบกิจการที่ได้ดำเนินกิจการอยู่นอกราชอาณาจักรหรือนอกประเทศไทย ดำเนินกิจการในต่างประเทศ แต่ได้มีการขาย/จำหน่าย สินค้า/บริการ ในประเทศไทย โดยมีตัวแทนอยู่ในประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการขายหรือจำหน่ายแทน ในกรณีนี้ตัวแทนผู้ดำเนินการจำหน่ายสินค้า/บริการแทนนั้น มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผู้ได้รับยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย แต่ยังคงมีสิทธิแจ้งขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ซึ่งหมายถึง กฎหมายมีการยกเว้นไม่ต้องมีหน้าที่ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
แต่หากผู้ประกอบการนั้นต้องการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็สามารถยื่นคำขอจดทะเบียนได้ ได้แก่
1. ผู้ประกอบกิจการขายสินค้าพืชผลทางการเกษตร สัตว์ไม่ว่ามีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ปุ๋ย ปลาป่นอาหารสัตว์ ยาหรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้สำหรับพืชหรือสัตว์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือตำราเรียน
2. ผู้ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ซึ่งไม่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมายและมีรายรับไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
3.ผู้ประกอบกิจการให้บริการขนส่งโดยท่าอากาศยาน
4. การส่งออกของผู้ประกอบการในเขตอุตสาหกรรมส่งออกตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
5. การให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อในราชอาณาจักร
ผู้ประกอบการเหล่านี้ถือว่าเป็นผู้ได้รับยกเว้นไม่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่หากต้องการยื่นจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็ให้ผู้ประกอบการยื่นคำขอแจ้งใช้สิทธิเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ. 01.1 จำนวน 1 ชุด 3 ฉบับ พร้อมกับคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ. 01 ได้ที่กรมสรรพากร
ผู้ประกอบการที่ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
1. ผู้ประกอบการที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
2. ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย
3. ผู้ประกอบการที่ให้บริการจากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร
4. ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรและเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข ที่กำหนดไว้ในประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ( ฉบับที่ 43) ฯ ลงวันที่ 29 มกราคม พ . ศ . 2536 ซึ่งจะต่างจากผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร แต่มีตัวแทนนำสินค้า/บริการเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย กรณีนี้จะเข้าเงื่อนไขต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
5. ผู้ประกอบการอื่นตามที่อธิบดีจะประกาศกำหนดเมื่อมีเหตุอันสมควร โดยผู้ประกอบกิจการประเภทนี้ต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ตามที่อธิบดีมีประกาศกำหนดออกมาเมื่อมีเหตุอันสมควรตามสถานการณ์
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นอีกหนึ่งปัญหาภาษีที่มักจะมีคำถามที่ถามกันเข้ามาบ่อย ๆ ไ่ม่ว่าจะจดทะเบียนอย่างไร แบบไหนต้องจดบ้าง รายได้แบบไหนที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ไปจนถึงการหน้าที่หลังจากการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วต้องทำอย่างไร บทความนี้รวบรวมทุกคำถามที่เจ้าของธุรกิจควรรู้มาอธิบายให้ฟังครับเลือกอ่านได้เลย!
- ให้เราอ่านให้ฟัง
- 1. ภาษีมูลค่าเพิ่มจดเมื่อไหร่
- 2. รายได้ 1.8 ล้านบาทนี้ หมายถึงรายได้จากอะไรบ้าง
- 3. นับคนเดียว หรือนับสามีภรรยาด้วย กรณีร่วมด้วยช่วยกัน
- 4. บุคคลธรรมดาก็ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเหรอ
- 5. มีรายได้ประจำ รายได้เสริม รวมกันไหม ต้องคิดยังไงกันแน่
- 6. มีหลายสาขา นับรวมนับแยก
- 7. จดที่ไหน
- 8. จดแล้วต้องทำอะไรบ้าง
- 9. ถ้าวันหนึ่งอยากออกจากระบบต้องทำยังไง
ให้เราอ่านให้ฟัง
หนึ่งในปัญหาภาษีของคนทำธุรกิจ คงหนีไม่พ้นเรื่องของ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่มักเรียกเก็บจากผู้ขายสินค้าและให้บริการในประเทศอย่างเราๆ ดังนั้นวันนี้ผมเลยตั้งใจเขียนสรุปปัญหาที่ถามกันเข้ามาบ่อยๆ จากทางแฟนเพจ TAXBugnoms และ บล็อกภาษีข้างถนน มาฝากกันครับ
ทีนี้มาถึง 9 ข้อคำถามที่พบบ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องของภาษีมูลค่าเพิ่มกันเลยดีกว่าครับ นั่นคือ
1. ภาษีมูลค่าเพิ่มจดเมื่อไหร่
ถ้าให้ตอบง่ายที่สุดคือ จดได้เมื่ออยากจดครับ ถ้ากิจการเราประกอบธุรกิจที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและมีความต้องการใช้ภาษีซื้อเพื่อมาหักจากยอดภาษีขาย การจดยิ่งไวยิ่งดีครับ แต่ถ้าไม่ได้รีบมาก เราจะถูกกฎหมายบังคับให้จดเมื่อมีรายได้ถึง 1.8 ล้านบาทในระหว่างปี ถ้าปีไหนถึงเกณฑ์นี้ แปลว่าเรามีภาระหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทันทีครับ
2. รายได้ 1.8 ล้านบาทนี้ หมายถึงรายได้จากอะไรบ้าง
หลักการของภาษีมูลค่าเพิ่มจะมีรายได้ 2 ประเภทครับ นั่นคือ รายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม กับ รายได้ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม การนับยอด 1.8 ล้านบาท จะนับเมื่อมีรายได้ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มรวมแล้วเกิน 1.8 ล้านบาท โดยไม่นับยอดของรายได้ที่ได้รับยกเว้นครับ
ยกตัวอย่างเช่น นายบักหนอมเป็นมนุษย์เงินเดือนมีรายได้ปีละ 2 ล้านบาท (รายได้ที่ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม) และมีรายได้จากการขายอาหารออนไลน์จำนวน 1 ล้านบาท (รายได้ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม) แบบนี้นายบักหนอมเลือกที่จะจดหรือไม่จดก็ได้ เพราะยังมีรายได้ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดครับ
3. นับคนเดียว หรือนับสามีภรรยาด้วย กรณีร่วมด้วยช่วยกัน
การนับรายได้ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจะนับรวมในรูปแบบของการประกอบการครับ คือ ถ้าการประกอบการนั้นเกิดร่วมกัน เช่น สามีภรรยาช่วยกันประกอบธุรกิจขายอาหารออนไลน์ แบบนี้จะนับรายได้ที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มรวมกันจากการประกอบกิจการนี้ว่าถึง 1.8 ล้านบาทไหม ถ้ายังไม่ถึงก็เลือกที่จะไม่จดได้ครับ
ซึ่งในกรณีของสามีภรรยา รายได้ในส่วนนี้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดายังสามารถใช้สิทธิแยกยื่นหรือแบ่งรายได้กันได้ครับ เพราะเป็นภาษีคนละประเภทกัน
4. บุคคลธรรมดาก็ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเหรอ
หลายคนมักจะสับสนระหว่าง รูปแบบของธุรกิจ กับ การเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ครับ โดยรูปแบบธุรกิจจะเกี่ยวข้องกับภาษีเงินได้ เช่น บุคคลธรรมดา เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นิติบุคคล (บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน) เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ในกรณีของภาษีมูลค่าเพิ่ม จะมองตามการประกอบการของผู้ประกอบการรายนั้นๆ โดยไม่ได้สนใจรูปแบบของธุรกิจ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็มีหน้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดครับ
5. มีรายได้ประจำ รายได้เสริม รวมกันไหม ต้องคิดยังไงกันแน่
ตรงนี้ใช้หลักการเดียวกันกับข้อ 2 ครับ นั่นคือ ถ้ารายได้ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มรวมกันแล้วถึง 1.8 ล้านบาท แบบนี้ก็ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ถูกต้องครับ
6. มีหลายสาขา นับรวมนับแยก
การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มดูเป็นการประกอบการครับ ถ้าหลายสาขาที่ว่าเป็นชื่อของเราก็ถือว่าเป็นกิจการเดียวกัน ดังนั้นก็นับยอดรวมครับ แต่ถ้าแต่ละสาขามีคนรับผิดชอบหรือเจ้าของต่างกันไป อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสาขาไหนจะยอดถึงเกณฑ์ที่ต้องจดครับ (สำคัญตรงนิยามคำว่า ผู้ประกอบการ ครับ)
7. จดที่ไหน
การจดทะเบียนทุกวันนี้สามารถทำได้ 2 ช่องทางครับ ติดต่อผ่านทางสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา หรือ จดทะเบียนผ่านอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์กรมสรรพากรได้เลยครับ ที่หน้า บริการ VAT SBT ONLINE
โดยการไม่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อมีรายได้ถึงเกณฑ์นั้นมีความผิดตามกฎหมายครับ หากถูกตรวจสอบพบนอกจากภาษีที่ต้องชำระแล้ว ผู้ประกอบการยังมีหน้าที่ต้องจ่ายเบี้ยปรับ (มากที่สุดคือ 2 เท่าของภาษีที่ชำระ) และ เงินเพิ่ม (1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ต้องชำระ) อีกด้วยครับ
8. จดแล้วต้องทำอะไรบ้าง
หลังจากจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ผู้ประกอบการมีหน้าที่หลักๆ ดังต่อไปนี้ครับ
- จัดทำใบกำกับภาษี โดยออกทุกครั้งเมื่อขายสินค้าหรือให้บริการและเกิดจุดความรับผิดทางด้านภาษี เช่น ขายสินค้า = ส่งมอบ หรือ บริการ = ชำระเงิน
- จัดทำรายงานที่เกี่ยวข้อง รายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย และ รายงานสินค้าคงเหลือและวัตถุดิบ
- นำยอดภาษีขาย (ที่เราออก) มาหักด้วยภาษีซื้อ (ที่จ่ายไป) และนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย แบบ ภ.พ. 30 ในทุกเดือนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป (อาจมีขยายเวลาบางกรณี)
ซึ่งในส่วนการทำรายงานภาษีซื้อ ภาษีขายนี้ ผู้ประกอบการสามารถใช้โปรแกรม FlowAccount ดาวน์โหลดรายงานทั้งสองนี้ออกมา เพื่อเป็นข้อมูลในการนำส่งแบบยื่นภาษีให้กับกรมสรรพากรได้ครับ
เริ่มต้นใช้งานฟรี
9. ถ้าวันหนึ่งอยากออกจากระบบต้องทำยังไง
การออกจากระบบภาษีมูลค่าเพิ่มจะสามารถออกได้เมื่อมีรายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาทไม่น้อยกว่า 3 ปี โดยสามารถไปจดทะเบียนขอออกจากภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยแบบ ภ.พ.08 คำขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มครับ หรือดาวน์โหลดไฟล์จากลิงค์นี้ได้ //download.rd.go.th/fileadmin/tax_pdf/request/PP08_140355.pdf
และทั้งหมดนี้คือ 9 ข้อที่เจ้าของธุรกิจควรรู้เกี่ยวกับการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อที่เจ้าของธุรกิจทุกคนจะได้เข้าใจ และจดได้อย่างถูกต้องโดยไม่มีปัญหากับทางกรมสรรพากรครับ