Windows 10 บูทไม่ขึ้น จอดํา

อาการในการเริ่มทำงาน: LED ติดสว่างแต่คอมพิวเตอร์ไม่ยอมเริ่มทำงานหรือบู๊ต และจอแสดงผลเป็นจอสีดำ

สาเหตุของปัญหานี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาที่ส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ หรือข้อผิดพลาดในชุดคำสั่งที่ส่งจาก BIOS ไปยังส่วนประกอบฮาร์ดแวร์

ก่อนเริ่มแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์ของคุณ

ก่อนเริ่มแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์ของคุณ ให้ดำเนินการขั้นตอนต่อไปนี้:

ขั้นตอนที่หนึ่ง: ทำการฮาร์ดรีเซ็ต

หากคอมพิวเตอร์ของคุณไม่สามารถบู๊ตได้ตามปกติ คุณควรทำการฮาร์ดรีเซ็ต

1. ปลดอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมด และนำอุปกรณ์ USB รวมทั้งมีเดียการ์ดออก คุณต้องการทดสอบคอมพิวเตอร์ไม่ใช่ส่วนประกอบเสริมต่าง ๆ!

2. ปลดอะแดปเตอร์ AC ถอดแบตเตอรี่ จากนั้นกดปุ่มเปิดปิดค้างอย่างน้อย 15 วินาที

3. ต่ออะแดปเตอร์ AC กลับเข้าไปใหม่ (อย่าใส่แบตเตอรี่) กดปุ่มเปิดปิด มองหา LED ที่ติดสว่างใกล้กับ caps lock และปุ่ม num lock จากนั้นคอยฟังเสียงดิสก์ไดร์ฟและพัดลมว่าหมุนหรือไม่

หากจอแสดงผลเป็นสีดำ (จอดำหรือขาว) หลังทำการรีเซ็ตฮาร์ดแวร์ ให้ต่อจอภาพต่อพ่วงชั่วคราวเพื่อทดสอบว่ามีปัญหากับจอภาพของโน้ตบุ๊กหรือไม่ หากภาพปรากฏขึ้นที่จอต่อพ่วง ให้ทำการทดสอบต่าง ๆ ต่อไป ติดตั้งไดร์เวอร์และปรับแต่งตามที่ระบุในหัวข้อต่อไปนี้

ขั้นตอนที่สอง: ต่อจอต่อพ่วงเพื่อทดสอบการแสดงผล

จอแสดงผลของโน้ตบุ๊กอาจเป็นสีดำหากมีปัญหาไดร์เวอร์กราฟิก หรือปัญหากับไฟพื้นหลังของจอ LCD คุณสามารถทดสอบจอแสดงผลโดยต่อจอภาพต่อพ่วงและรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ การทดสอบผ่านจอภาพต่อพ่วงจะเป็นประโยชน์ในกรณีที่จอโน้ตบุ๊กเป็นสีดำแต่ยังมีเสียงการทำงานตามปกติ เช่น เสียงพัดลม เสียงไดร์ฟหมุนหรือเสียงสัญญาณที่ระบุว่าคอมพิวเตอร์ยังคงทำงาน หากได้ยินเสียงการทำงานแต่ไม่มีภาพปรากฏขึ้นที่จอภาพใด ๆ ให้ติดต่อศูนย์ซ่อมที่ได้รับอนุญาต

1. หากไม่มีเสียงจากคอมพิวเตอร์ขณะเปิดทำงาน ให้ตรวจสอบปัญหาอื่น ๆ เช่น ชิปหน่วยความจำ RAM หลวมหรือฮาร์ดไดร์ฟสายหลุด

2. หากมีปัญหาในการรับชมจอต่อพ่วง ให้คลิกที่ f4 (หรือปุ่มที่มีสัญลักษณ์

   ) เพื่อสลับภาพการแสดงผลระหว่างอุปกรณ์แสดงผลแต่ละตัวที่เชื่อมต่อกับเครื่อง เช่น หากต่อจอภาพกับคอมพิวเตอร์ การกดปุ่มนี้จะเป็นการสลับภาพหน้าจอจากจอแสดงผลคอมพิวเตอร์เป็นการแสดงผลร่วมกันทั้งที่จอคอมพิวเตอร์และจอภาพ

3. หากภาพปรากฏขึ้นที่จอต่อพ่วง อาจมีปัญหากับไดร์เวอร์กราฟิกและจอ LCD ของโน้ตบุ๊ก ขณะต่อจอภาพต่อพ่วง ให้ดาวน์โหลดและติดตั้งไดร์เวอร์ตัวล่าสุดสำหรับคอมพิวเตอร์และกราฟิกการ์ดของคุณ

4. หากไม่มีจอภาพต่อพ่วง อาจสามารถแสดงผลได้โดยการสลับจอ LCD เป็นโหมดความละเอียดต่ำ เปลี่ยนค่าความละเอียดโดยเปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นกดปุ่ม f8 หากจอภาพทำงานได้ระหว่างอยู่ใน BIOS หน้าจอข้อความจะปรากฏขึ้นโดยคุณสามารถเลือกตัวเลือก Enable low-resolution video (เปิดใช้วิดีโอความละเอียดต่ำ) หากจอแสดงผลไม่สามารถใช้ได้ขณะอยู่ใน BIOS ให้ติดต่อศูนย์ซ่อมที่ได้รับอนุญาต

ในกรณีที่มีภาพในจอต่อพ่วงและคุณติดตั้ง BIOS ไดร์เวอร์ CPU และไดร์เวอร์กราฟิกตัวล่าสุดและจอโน้ตบุ๊กยังคงเป็นสีดำ แสดงว่าจอ LCD อาจมีปัญหา อาจต้องติดต่อขอความช่วยเหลือทางเทคนิคจาก HP หรือส่งโน้ตบุ๊กซ่อมเพื่อเปลี่ยนจอแสดผลใหม่

ขั้นตอนที่สาม: ปลดอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมดและทำการรีเซ็ตฮาร์ดแวร์อีกครั้ง

แม้ว่าจะได้รับแจ้งให้ปลดอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมดจากโน้ตบุ๊กก่อนรีเซ็ตฮาร์ดแวร์ แต่อุปกรณ์บางส่วนก็ยังอาจถูกเพิกเฉยอยู่เช่นกัน

ตรวจสอบอีกครั้งว่าปลดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งหมดแล้ว รวมทั้ง แป้นพิมพ์และเมาส์ต่อพ่วง (ต่อสายหรือไร้สาย) ไดร์ฟต่อพ่วง USB ธัมไดร์ฟและแฟลชไดร์ฟ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเครือข่าย การ์ด PC เมมโมรี่การ์ด SD การ์ด express การเชื่อมต่อ eSata อุปกรณ์ Firewire หรือใกล้เคียงกัน เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ กล้อง ตัวจำลองพอร์ต หรือด็อคกิ้งสเตชั่น แผ่น CD/DVD จากไดร์ฟออพติคอล และสื่อมีเดียต่าง ๆ จากตัวอ่านการ์ด

ไปที่หัวข้อการทดสอบสำหรับปัญหาโมดูลหน่วยความจำ

ทดสอบปัญหาเกี่ยวกับโมดูลหน่วยความจำ

ขณะพยายามเปิดคอมพิวเตอร์ ส่วนการทดสอบฮาร์ดแวร์ส่วนแรก ๆ คือการตรวจสอบหน่วยความจำ หากการทดสอบการเริ่มทำงานไม่สามารถใช้งานชิปหน่วยความจำได้ การทดสอบจะสิ้นสุดลงและไม่มีการดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม กล่าวคือ เมื่อกดปุ่มเปิดปิด ไฟ LED อาจติดสว่างครู่หนึ่งจากนั้นพัดลมเริ่มหยุดหมุนและการทำงานทั้งหมดสิ้นสุดลง

ปัญหานี้จะต้องได้รับการแก้ไขก่อนบู๊ตเข้าสู่ BIOS หรือ Windows และก่อนทำการทดสอบอื่น ๆ

PC โน้ตบุ๊ก HP จำหน่ายพร้อมเมมโมรี่สติ๊กสองตัวและมีช่องเสียงเมมโมรี่สองช่อง หากคุณพบปัญหาหน้าจอเป็นสีดำ ปัญหาอาจอยู่ที่เมมโมรี่สติ๊กหรือช่องเสียบหน่วยความจำ หรือเสียบเมมโมรี่สติ๊กไม่ถูกต้อง

ช่องเสียบหน่วยความจำในโน้ตบุ๊กส่วนใหญ่จะอยู่ที่ด้านล่างของเคส ตำแหน่งตามจริงจะแตกต่างกันไปตามรุ่น สำหรับบางรุ่น ช่องเสียบหน่วยความจำอาจอยู่ใต้แป้นพิมพ์ ดูคู่มือผู้ใช้ของคุณเพื่อสืบค้นตำแหน่งที่ถูกต้องของหน่วยความจำโน้ตบุ๊กของคุณ

ทดสอบปัญหาหน่วยความจำโดยใช้การทดสอบหน่วยความจำในตัว

หากคอมพิวเตอร์สามารถสืบค้นบางส่วนของหน่วยความจำ อาจสามารถใช้ส่วนแสดงผลยูทิลิตี้ตั้งค่า BIOS เพื่อทำการทดสอบหน่วยความจำและวินิจฉัยปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับหน่วยความจำ หากคอมพิวเตอร์ไม่สามารถบู๊ตไปยังยูทิลิตี้ BIOS ให้ลองถอดและเสียบหน่วยความจำและฮาร์ดไดร์ฟกลับเข้าไปใหม่ จากนั้นทวนซ้ำขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อทดสอบหน่วยความจำ

1. เสียบ AC เข้ากับคอมพิวเตอร์

2. ปิดคอมพิวเตอร์และรอ 5 วินาที

3. กดปุ่มเปิดปิดเพื่อสตาร์ทคอมพิวเตอร์และกด F10 ซ้ำ ๆ กันเพื่อเข้าสู่เมนูตั้งค่า BIOS

4. จากยูทิลิตี้ตั้งค่า BIOS ใช้ลูกศรขวาหรือลูกศรซ้ายเพื่อไล่รายการเมนูและไปที่ Diagnostics (วินิจฉัยปัญหา)

5. ใช้ปุ่มลูกศรขึ้นหรือลงเพื่อเลือก Memory Test (ทดสอบหน่วยความจำ)

6. กดปุ่ม Enter (ตกลง) จากนั้นเลือก Yes (ใช่) เพื่อทดสอบหน่วยความจำ

7. หลังการทดสอบเสร็จสิ้น กด f10 เพื่อ Save and Exit (บันทึกและออกจากรายการ) จากนั้นกด Enter (ตกลง) เพื่อ Exit Saving Changes? (ออกและบันทึกการเปลี่ยนแปลง?)

หากการทดสอบล้มเหลว หน่วยความจำบางส่วนอาจติดตั้งไม่แน่นหนาดีพอ ตรวจสอบและติดตั้งหน่วยความจำที่กดล็อคไม่แน่นหนา

ตรวจสอบหาหน่วยความจำที่หลวมคลอน

โดยปกติคอมพิวเตอร์จะไม่แสดงภาพหากหน่วยความจำติดตั้งไม่แน่นหนา ทั้งนี้ในบางกรณีหากหน่วยความจำติดตั้งไม่แน่นหรือหน้าสัมผัสไม่ชิดกับช่องติดตั้ง คอมพิวเตอร์อาจตอบสนองการทำงานแต่ไม่พบหน่วยความจำ การใส่หน่วยความจำใหม่อาจช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับหน่วยความจำได้ ใส่หน่วยความจำใม่โดยนำหน่วยความจำออกจากช่องเสียบหน่วยความจำ และจากนั้นใส่กลับเข้าไปในช่องเพื่อให้การเชื่อมต่อแนบสนิทและเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถตรวจพบหน่วยความจำ

ช่องติดตั้งหน่วยความจำบนโน้ตบุ๊กส่วนใหญ่จะอยู่ที่ด้านล่างของเคส บางรุ่นอาจอยู่ใต้แป้นพิมพ์ ดูคู่มือผู้ใช้ของคุณเพื่อสืบค้นตำแหน่งที่ถูกต้องของหน่วยความจำโน้ตบุ๊กของคุณ

ใช้ขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อถอดและติดตั้งหน่วยความจำใหม่:

• ขั้นตอนที่ 1 - ตัดระบบไฟฟ้า

  ตัดระบบไฟทั้งหมดจากคอมพิวเตอร์และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ปิดคอมพิวเตอร์โดยกดปุ่มเปิดปิดเป็นเวลาประมาณ 30 วินาที

  2. ถอดอะแดปเตอร์ AC จากโน้ตบุ๊ก

  3. เลื่อนล็อคแบตเตอรี่ค้างไว้ในตำแหน่งปลดล็อค

  4. ใช้นิ้วเพื่อยกแบตเตอรี่ออก

• ขั้นตอนที่ 2 - นำหน่วยความจำออก

  1. ถอดฝาครอบหน่วยความจำที่ด้านล่างโน้ตบุ๊กออก

     รูปภาพ : การถอดฝาครอบหน่วยความจำ

     1. คลายสกรูยึดช่องติดตั้ง

     2. ยกและนำฝาครอบช่องติดตั้งหน่วยความจำออก

  2. ถอดหน่วยความจำออกจากช่องติดตั้ง

     รูปภาพ : การถอดอุปกรณ์หน่วยความจำ

     1. ดึงคลิปล็อคจากด้านข้างของโมดูลหน่วยความจำ

     2. ค่อย ๆ ดึงโมดูลออกจากช่องเสียบหน่วยความจำ

       หมายเหตุ

     เพื่อป้องกันความเสียหายต่อหน่วยความจำ ให้จับที่หน่วยความจำจากของด้านข้าง อย่าโดนหน้าสัมผัสโลหะ

  3. เสียบหน่วยความจำ โดยจับโมดูลโดยทำมุม 45 องศา และกดเข้ากับช่องเสียบหน่วยความจำให้แน่น

     รูปภาพ : การติดตั้งหน่วยความจำกลับเข้าไปใหม่

     1. แนวบากที่หน่วยความจำจะต้องตรงกับแถบยื่นที่ช่องติดตั้ง

     2. กดหน่วยความจำเข้าในช่องติดตั้งให้แน่นหนา

     3. กดขอบด้านบนของหน่วยความจำลงจนคลิปล็อคล็อคเข้าที่

  4. หลังจากใส่หน่วยความจำ ให้ใส่ฝาครอบช่องเสียบหน่วยความจำกลับเข้าที่ก่อนรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

     รูปภาพ : การใส่ฝาครอบกลับเข้าไป

     1. แนวยื่นที่ฝาครอบจะต้องตรงกัน

     2. ขันแน่นสกรูฝาครอบช่องติดตั้งหน่วยความจำ

• ขั้นตอนที่ 3 - ต่อระบบไฟกลับเข้าที่

  ขณะแก้ไขปัญหา ให้ทำการทดสอบต่าง ๆ ขณะต่อไฟเลี้ยงเท่านั้น หลังจากแก้ไขปัญหาแล้ว คุณสามารถปิดคอมพิวเตอร์และเสียบแบตเตอรี่กลับเข้าไปในโน้ตบุ๊ก

  1. ต่ออะแดปเตอร์ AC เข้ากับโน้ตบุ๊ก จากนั้นต่ออะแดปเตอร์ AC เข้ากับแหล่งจ่ายไฟ

  2. ดำเนินการการทดสอบเพื่อตรวจสอบว่าคอมพิวเตอร์สามารถเริ่มการทำงานและทำงานในระบบปฏิบัติการ Windows ได้ตามปกติ

  3. ขณะปิดคอมพิวเตอร์ ให้กดแบตเตอรี่เข้าที่ช่องติดตั้งด้านล่างจนกว่าคลิปล็อคจะล็อคเข้าที่

หากคอมพิวเตอร์ไม่สามารถบู๊ตได้ ให้ไปที่เดสก์ทอป Windows หลังจากมีการใส่หน่วยความจำใหม่และติดตั้งแบตเตอรี่ ขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้โดยติดต่อกับ HP

ทดสอบหน่วยความจำสองชุด

คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้แม้ติดตั้งหน่วยความจำเพียงตัวเดียว หากติดตั้งหน่วยความจำสองแถว แต่ละแถวจะต้องมีการทดสอบแยกกันกับคอมพิวเตอร์

ทดสอบหน่วยความจำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. ปลดอะแดปเตอร์ AC และถอดแบตเตอรี่ ถอดหน่วยความจำทั้งหมด จากนั้นเสียบหน่วยความจำเข้าในช่องแรก

2. ต่ออะแดปเตอร์ AC และเปิดโน้ตบุ๊ก หากคอมพิวเตอร์ทำงานตามปกติ แสดงว่าหน่วยความจำทำงานได้ถูกต้อง

3. ถอดอะแดปเตอร์ AC จากนั้นปิดโน้ตบุ๊ก ทวนซ้ำขั้นตอนเดียวกันสำหรับหน่วยความจำแถวที่สอง

4. หากคอมพิวเตอร์เริ่มทำงานตามปกติ แสดงว่าหน่วยความจำทั้งสองแถวเป็นปกติ

   หลังติดตั้งหน่วยความจำใหม่ ให้ต่ออะแดปเตอร์ AC และเปิดโน้ตบุ๊ก

• หากคอมพิวเตอร์เริ่มการทำงานตามปกติไปยังเดสก์ทอป Windows คุณไม่ต้องดำเนินการเพิ่มเติมใด ๆ อีก

• ทั้งนี้หากคอมพิวเตอร์ยังค้างที่หน้าจอสีดำเมื่อทำการทดสอบหน่วยความจำ

ทดสอบช่องหน่วยความจำสองช่อง

หากหน่วยความจำไม่สามารถใช้ได้ทั้งสองแถว ให้ทดสอบช่องติดตั้งหน่วยความจำแต่ละช่องตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. หลังจากการทดสอบหน่วยความจำตามที่ระบุข้างต้น ให้ใส่หน่วยความจำหนึ่งตัวในแถวที่สอง ต่ออะแดปเตอร์ AC จากนั้นเปิดโน้ตบุ๊ก

   หากคอมพิวเตอร์เริ่มการทำงานตามปกติ แสดงว่าช่องเสียบหน่วยความจำเป็นปกติดี

2. ถอดอะแดปเตอร์ AC จากนั้นปิดโน้ตบุ๊ก ทวนซ้ำขั้นตอนเดียวกันกับช่องติดตั้งแถวที่สอง

   หากคอมพิวเตอร์ทำงานตามปกติ แสดงว่าหน่วยความจำและช่องเสียบทั้งสองเป็นปกติดี

หลังจากใส่หน่วยความจำกลับเข้าไปใหม่ ปิดฝาช่องติดตั้งหน่วยความจำ จากนั้นต่ออะแดปเตอร์ AC และเปิดโน้ตบุ๊ก

หากคุณไม่คุ้นเคยในการใส่หน่วยความจำเองให้นำคอมพิวเตอร์ไปร้านคอมพิวเตอร์ และแจ้งให้ช่วยติดตั้งใหม่ให้กับคุณ

การทดสอบปัญหาหน่วยความจำด้วย HP PC Hardware Diagnostics UEFI

การทดสอบหน่วยความจำประกอบไปด้วย Quick Test (ทดสอบเร่งด่วน) และ Extensive Test (ทดสอบอย่างละเอียด) หากคิดว่ามีปัญหากับหน่วยความจำ ให้ลองใช้ Quick Check (ทดสอบเร่งด่วน - ประมาณสิบนาที) ก่อน หาก Quick Test (ทดสอบเร่งด่วน) ไม่พบปัญหา ให้เรียกใช้ Extensive Test (ทดสอบอย่างละเอียด - ประมาณ 45 นาที) ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อเรียกใช้ Memory Test (ทดสอบหน่วยความจำ):

1. กดปุ่มเปิดปิดค้างไว้อย่างน้อยห้าวินาทีเพื่อปิดเครื่อง

2. เปิดคอมพิวเตอร์และกดปุ่ม F2 ซ้ำๆ ทันที ประมาณวินาทีละหนึ่งครั้ง

3. หน้าหลัก HP PC Hardware Diagnostics (UEFI) จะเปิดขึ้นมา

   รูปภาพ : หน้าหลัก HP PC Hardware Diagnostics (UEFI)

   บันทึก

   หาก HP PC Hardware Diagnostics (UEFI) ของคุณเป็นเวอร์ชั่นเก่ากว่าที่ใช้นี้ คุณสามารถอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดได้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับ UEFI และคำแนะนำในการติดตั้งเวอร์ชั่นล่าสุดได้จากหัวข้อ เกี่ยวกับ UEFI และเมนูเริ่มการทำงาน

4. เลือก Component Tests (ทดสอบส่วนประกอบ) จากรายการ

5. เลือก Memory (หน่วยความจำ) จากหน้า Component Tests (ทดสอบส่วนประกอบ)

   รูปภาพ : การเลือกหน่วยความจำ

6. คลิก Quick Test (ทดสอบเร่งด่วน)

   รูปภาพ : การคลิก Quick Test (ทดสอบเร่งด่วน)

   คลิก Run Once (เรียกใช้หนึ่งครั้ง) Quick Check (ทดสอบเร่งด่วน) จะเริ่มทำงาน

7. หลังจาก Quick Test (ทดสอบเร่งด่วน) เสร็จสิ้น ผลการทดสอบจะปรากฏขึ้นที่หน้าจอ

   หากหน่วยความจำผ่าน Quick Test (ทดสอบเร่งด่วน) แต่ยังมีปัญหากับหน่วยความจำคอมพิวเตอร์ ให้เข้าสู่ขั้นตอนต่อไปเพื่อเรียกใช้ Extensive Test (ทดสอบอย่างละเอียด)

   หากหน่วยความจำไม่ผ่านการทดสอบ ให้จดข้อมูลไว้เพื่อใช้อ้างอิงขณะติดต่อกับฝ่ายบริการของ HP ข้อมูลยังมีแจ้งไว้ใน Test Logs (บันทึกประวัติการทดสอบ) จากหน้าหลักของ Diagnostics UEFI (UEFI วินิจฉัยปัญหา)

   ใช้ขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อเรียกใช้ Extensive Test (การทดสอบอย่างละเอียด):

8. คลิก Main Menu (เมนูหลัก) จากนั้นคลิก Component Tests (ทดสอบส่วนประกอบ)

9. คลิก Memory (หน่วยความจำ) จากนั้นเลือก Extensive Test (ทดสอบอย่างละเอียด)

   รูปภาพ : การคลิก Extensive Test (ทดสอบอย่างละเอียด)

10. คลิก Run Once (เรียกใช้หนึ่งครั้ง) Extensive Check (ทดสอบอย่างละเอียด) จะเริ่มทำงาน การทดสอบนี้อาจใช้เวลา 45 นาทีหรือมากกว่านี้

11. หลังจาก Extensive Test (ทดสอบอย่างละเอียด) เสร็จสิ้น ผลการทดสอบจะปรากฏขึ้นที่หน้าจอ

    หากคอมพิวเตอร์ของคุณมีหน่วยความจำสองชุด:

ทดสอบปัญหาเกี่ยวกับฮาร์ดไดร์ฟ

ทดสอบปัญหาฮาร์ดไดร์ฟโดยใช้การทดสอบฮาร์ดไดร์ฟในตัว

ขณะพยายามเปิดคอมพิวเตอร์ ส่วนการทดสอบฮาร์ดแวร์เบื้องต้นอย่างหนึ่งของเครื่องคือการตรวจสอบการเชื่อมต่อกับฮาร์ดไดร์ฟ หากการทดสอบในช่วงเริ่มต้นไม่สามารถเรียกค้นฮาร์ดไดร์ฟได้ การทดสอบจะหยุดลงและไม่มีการดำเนินการใด ๆ ต่อไปอีก กล่าวคือ เมื่อกดปุ่มเปิดปิด ไฟ LED อาจติดสว่างครู่หนึ่งจากนั้นพัดลมเริ่มหยุดหมุนและการทำงานทั้งหมดสิ้นสุดลง การถอดและติดตั้งฮาร์ดไดร์ฟใหม่อาจทำให้การเชื่อมต่อกลับมาเป็นปกติ และทำให้คุณสามารถเริ่มการทดสอบขณะเริ่มทำงานและส่วนการทดสอบฮาร์ดไดร์ฟอื่น ๆ ได้

บันทึก

ปัญหานี้จะต้องได้รับการแก้ไขก่อนบู๊ตเข้าสู่ BIOS หรือ Windows และก่อนทำการทดสอบอื่น ๆ

ปัญหากับคอมพิวเตอร์หลายอย่างมักเป็นปัญหาจากระบบการทำงาน (หรือประสิทธิภาพที่ลดลง) ที่เกี่ยวข้องกับฮาร์ดไดร์ฟ HP Hard Drive Self Test จะทำการแก้ไขข้อผิดพลาดทางระบบที่เกี่ยวกับฮาร์ดไดร์ฟ แต่จะไม่ทำการแจ้งข้อผิดพลาดใด ๆ หลังจากการทดสอบเสร็จสิ้น ให้รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์เพื่อดูว่าส่วนการทดสอบแก้ไขปัญหาที่พบแล้วหรือไม่

ใช้ขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อทดสอบฮาร์ดไดร์ฟในคอมพิวเตอร์ผ่าน HP Hard Drive Self Test

1. เสียบอะแดปเตอร์ AC เข้าที่คอมพิวเตอร์

2. ปิดคอมพิวเตอร์และรอ 5 วินาที

3. กดปุ่มเปิดปิดเพื่อสตาร์ทคอมพิวเตอร์ จากนั้นกด F10 ซ้ำ ๆ กัน เพื่อเข้าสู่เมนูตั้งค่า BIOS

4. ใช้ปุ่มลูกศรซ้ายหรือลูกศรขวาเพื่อไปยังส่วนเลือกรายการเมนูและไปยังตัวเลือก Primary Hard Drive Self Test (ระบบทดสอบฮาร์ดไดร์ฟหลัก) รายการอาจอยู่ในหัวข้อ Diagnostics (การวินิจฉัยปัญหา) หรือ Tools (เครื่องมือ) ขึ้นอยู่กับ BIOS ของคุณ

5. เลือก Primary Hard Drive Self Test (ระบบทดสอบฮาร์ดไดร์ฟหลัก) จากนั้นกด Enter (ตกลง) เพื่อเริ่มการทดสอบ

   บันทึก

   ข้อความใน BIOS ของคุณอาจแตกต่างไปจากนี้เล็กน้อย

Hard Drive Self Test จะทำการทดสอบ Quick Test (ทดสอบเร่งด่วน) ตามด้วย Comprehensive Test (การทดสอบอย่างละเอียด) ระหว่างการทดสอบแต่ละหน้า หน้าต่างจะแสดงแถบสถานะและเวลาโดยประมาณจนกว่าจะเสร็จสิ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหัวข้อ การทดสอบฮาร์ดดิสก์โดยใช้ระบบทดสอบในตัว

• หากการทดสอบใด ๆ ล้มเหลว ให้ติดต่อฝ่ายบริการของ HP เพื่อขอคำแนะนำในการสั่งฮาร์ดไดร์ฟเปลี่ยนแทน

• หากการทดสอบทั้งหมดผ่าน แสดงว่าฮาร์ดไดร์ฟไม่มีความเสียหายใด ๆ ตามหลักเกณฑ์ HP จะไม่เปลี่ยนฮาร์ดไดร์ฟที่อยู่ในระยะประกันหากไม่ผ่านระบบ HP Hard Drive Self Test

การทดสอบปัญหาฮาร์ดไดร์ฟด้วย HP PC Hardware Diagnostics UEFI

มีส่วนการทดสอบฮาร์ดไดร์ฟอยู่หกชุดด้วยกัน หากคิดว่ามีปัญหากับฮาร์ดไดร์ฟ ให้ลองใช้ Quick Check (ทดสอบเร่งด่วน - ประมาณสิบนาที) ก่อน หาก Quick Test (ทดสอบเร่งด่วน) ไม่พบปัญหา ให้เรียกใช้ Extensive Test (ทดสอบอย่างละเอียด - ประมาณ 2 ชั่วโมงขึ้นไป) ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อเรียกใช้ Quick Test (ทดสอบเร่งด่วน):

1. กดปุ่มเปิดปิดค้างไว้อย่างน้อยห้าวินาทีเพื่อปิดเครื่อง

2. เปิดคอมพิวเตอร์และกดปุ่ม F2 ซ้ำๆ ทันที ประมาณวินาทีละหนึ่งครั้ง

3. หน้าหลัก HP PC Hardware Diagnostics (UEFI) จะเปิดขึ้นมา

   รูปภาพ : หน้าหลัก HP PC Hardware Diagnostics (UEFI)

   บันทึก

   หาก HP PC Hardware Diagnostics (UEFI) ของคุณเป็นเวอร์ชั่นเก่ากว่าที่ใช้นี้ คุณสามารถอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดได้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับ UEFI และคำแนะนำในการติดตั้งเวอร์ชั่นล่าสุดได้จากหัวข้อ เกี่ยวกับ UEFI และเมนูเริ่มการทำงาน

4. เลือก Component Tests (ทดสอบส่วนประกอบ) จากรายการ

   รูปภาพ : การเลือก Component Tests (การทดสอบส่วนประกอบ)

5. เลือก Hard Drive (ฮาร์ดไดร์ฟ) จากหน้า Component Tests (ทดสอบส่วนประกอบ)

   รูปภาพ : การเลือก Hard Drive (ฮาร์ดไดร์ฟ)

6. คลิก Quick Test (ทดสอบเร่งด่วน) จากนั้นคลิก Run once (เรียกใช้หนึ่งครั้ง)

   รูปภาพ : การคลิก Run Once (เรียกใช้หนึ่งครั้ง)

   การทดสอบฮาร์ดไดร์ฟอย่างเร่งด่วนจะเริ่มขึ้น หากคอมพิวเตอร์มีฮาร์ดไดร์ฟมากกว่าหนึ่งตัว คุณจะได้รับแจ้งให้เลือกฮาร์ดไดร์ฟ หรือทดสอบฮาร์ดไดร์ฟทั้งหมดพร้อมกัน เลือก Test All Hard Drives (ทดสอบฮาร์ดไดร์ฟทั้งหมด)

7. หลังจากทดสอบเสร็จสิ้น ผลการทดสอบจะปรากฏขึ้นที่หน้าจอ ผลการทดสอบยังมีแจ้งไว้ใน Test Logs (บันทึกประวัติการทดสอบ) จาก Main Menu (เมนูหลัก)

   รูปภาพ : ผลการทดสอบ

   หากฮาร์ดไดร์ฟผ่าน Quick Test (การทดสอบเร่งด่วน) แต่ยังมีปัญหากับฮาร์ดไดร์ฟ ให้เรียกใช้ Extensive Test (การทดสอบอย่างละเอียด) การทดสอบนี้ครอบคลุม SMART Check, Short DST, Optimized DST และ Long DST

   บันทึก

   การทดสอบฮาร์ดไดร์ฟอย่างละเอียดสามารถเรียกใช้แยกจากกันได้โดยคลิกที่ชุดการทดสอบในเมนู Hard Drive Tests (การทดสอบฮาร์ดไดร์ฟ) จากนั้นคลิก Run once (เรียกใช้หนึ่งครั้ง)

   สำหรับการเรียกใช้ Extensive Test (ทดสอบอย่างละเอียด) ไปที่ขั้นตอนถัดไป:

8. คลิก Main Menu (เมนูหลัก) เลือก Component Test (ทดสอบส่วนประกอบ)

9. คลิก Hard Drive (ฮาร์ดไดร์ฟ) จากนั้นคลิก Extensive Test (ทดสอบอย่างละเอียด)

10. คลิก Run Once (เรียกใช้หนึ่งครั้ง)

    รูปภาพ : การคลิก Run Once (เรียกใช้หนึ่งครั้ง)

    หากคอมพิวเตอร์มีฮาร์ดไดร์ฟมากกว่าหนึ่งตัว คุณจะได้รับแจ้งให้เลือกฮาร์ดไดร์ฟ หรือทดสอบฮาร์ดไดร์ฟทั้งหมดพร้อมกัน เลือก Test All Hard Drives (ทดสอบฮาร์ดไดร์ฟทั้งหมด) Extensive Test (ทดสอบอย่างละเอียด) เป็นการเรียกใช้ชุดการทดสอบทั้งหมดในหน้าจอสำหรับไดร์ฟที่เลือก Estimated Time Remaining (เวลาที่เหลือโดยประมาณ) จะปรากฏขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

    รูปภาพ : กำลังทดสอบฮาร์ดไดร์ฟ

11. หลังจาก Extensive Test (ทดสอบอย่างละเอียด) เสร็จสิ้น ผลการทดสอบจะปรากฏขึ้นที่หน้าจอ

    หากฮาร์ดไดร์ฟไม่ผ่านการทดสอบ ให้จดข้อมูลไว้เพื่อใช้อ้างอิงขณะติดต่อกับฝ่ายบริการของ HP ข้อมูลยังมีแจ้งไว้ใน Test Logs (บันทึกประวัติการทดสอบ) จากหน้าหลักของ Diagnostics UEFI (UEFI วินิจฉัยปัญหา)

จะทำอย่างไรหากคอมพิวเตอร์สตาร์ทเข้าสู่ Windows ได้ตามปกติ

หลังจากสิ้นสุดขั้นตอนการแก้ไขปัญหา และคอมพิวเตอร์บู๊ตตามปกติไปยังระบบปฏิบัติการ Windows คุณควร:

• เรียกใช้ HP Assistant เพื่ออัพเดตซอฟต์แวร์และไดร์เวอร์จาก HP

• เรียกใช้ Windows Update เพื่ออัพเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์

• เรียกใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสเพื่อล้างไวรัสที่มี