ทํา งาน แท่น ขุด เจาะ น้ำมัน ต่างประเทศ

งานหนังสือเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ในเมืองไทย ไม่ว่าจะออกมาในชื่อเรียกไหน ทั้งงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ งานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ งานหนังสือของแต่ละสำนักพิมพ์ย่อย ๆ และงานหนังสือสัญจรตามจังหวัดต่าง ๆ พร้อมผู้คนที่มากขึ้นตามไปด้วย

สถานที่จัดงานก็มีการเปลี่ยนมาเรื่อย ๆ เช่นกัน นับตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2515 ณ สังคีตศาลา โรงละครแห่งชาติ ขยับมาเป็นท้องสนามหลวง สวนลุมพินี จนช่วงหลัง ความทรงจำของหนอนหนังสือหนีไม่พ้น ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจัดงานหนังสือครั้งสุดท้ายในวันที่ 28 มีนาคม – 7 เมษายน พ.ศ. 2562 ด้วยงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 47 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ

หลังจากปิดปรับปรุงไป 3 ปี สถานที่ที่คอหนังสือต่างรอคอย พร้อมกลับมาเปิดอีกครั้งกับงาน มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 12 – 23 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ภายใต้แนวคิด ‘BOOKTOPIA มหานครนักอ่าน เพราะการอ่านคือจุดเริ่มต้นของการสร้างเมือง’

ชาวก้อนเมฆจึงเชิญบรรณาธิการ 25 ท่าน จาก 25 สำนักพิมพ์ มาคัดสรรหนังสือ 25 เล่ม เพื่อแนะนำลู่ทางหลากหลายสู่มหานครนักอ่าน เป็นลายแทงเพื่อช่วยในการเลือกหาหนังสือที่น่าสนใจ และสร้างความเชื่อมโยงให้ต่อตัวเราและตัวตนของเมืองที่เราใฝ่ฝัน

ความหลากหลายก่อเกิดความสวยงามให้กับมหานครเช่นไร หลักการเลือกหนังสือในครั้งนี้ นับรวมหลากหมวดหมู่ของหนังสือให้มากที่สุด เพื่อตอบโจทย์ความสวยงามเช่นนั้น

ต่อไปนี้คือความเห็นของคนทำหนังสือ 25 ท่าน จาก 25 สำนักพิมพ์

01

ชื่อหนังสือ : ทุนนิยมเจ้า : ชนชั้น ความมั่งคั่ง และสถาบันกษัตริย์ในประเทศไทย

ผู้เขียน : ปวงชน อุนจะนํา

สำนักพิมพ์ : ฟ้าเดียวกัน

บูท : D21

“หนังสือเล่มนี้แปลมาจาก Royal Capitalism : Wealth, Class, and Monarchy in Thailand (The University of Wisconsin Press, 2019) ซึ่งได้รับรางวัลชมเชย Harry J. Benda Prize ประจำปี 2022 จากสมาคมเอเชียศึกษาแห่งสหรัฐอเมริกา (The Association for Asian Studies)

“ผู้เขียนปรับใช้ผสมผสานทฤษฎีมาร์กซิสต์คลาสสิกว่าด้วยชนชั้นทางสังคม แนวคิดเรื่อง ‘ประเพณีประดิษฐ์’ ของ อีริค ฮอบส์บอว์ม (Eric Hobsbawm) และการต่อยอดแนวคิดว่าด้วย ‘การแบ่งร่างสถาบันกษัตริย์’ ของ เอิร์นสต์ คันโทโรวิคซ์ (Ernst Kantorowicz) มาทำความเข้าใจสถาบันกษัตริย์ไทยได้อย่างกลมกล่อมลงตัว บทวิเคราะห์ของเขาฉายให้เห็นภาพความเป็นมาและเป็นไปของ ‘สถาบันกษัตริย์กระฎุมพี’ ในประเทศไทยอย่างแหลมคม ยิ่งเมื่อปวงชนผนวกวิธีวิทยาการศึกษาเปรียบเทียบเข้ามาใช้ด้วยแล้ว เขาก็สามารถชี้ให้เราเห็นถึงความเจิดจรัสทุกเหลี่ยมมุมของสถาบันกษัตริย์ไทย ซึ่งเขายกย่องให้เป็น ‘เพชรน้ำเอก’ แห่งวงการเมื่อเทียบกับสถาบันกษัตริย์อื่น ๆ ในยุคทุนนิยม

“ขณะที่งานศึกษาสถาบันกษัตริย์ไทยก่อนหน้านี้มักให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์กับชนชั้นนำและสถาบันทางการเมืองต่าง ๆ งานชิ้นนี้ของปวงชนถือได้ว่า เข้ามาช่วยเติมเต็มความเข้าใจถึงปฏิสัมพันธ์ของผู้เล่นที่เป็นมวลชนอย่างนักธุรกิจชั้นนำ ชนชั้นกลางในเมือง ชาวนาชาวไร่ และแรงงานภาคอุตสาหกรรมในระบบทุนนิยมไทย ซึ่งทำให้เรามองเห็นปัญหาเนื้อในของสถาบันกษัตริย์กระฎุมพีโดยเฉพาะในวิกฤตช่วงท้ายของรัชกาลที่ 9 มากขึ้นอีกด้วย”

ธนาพล อิ๋วสกุล
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

02

ชื่อหนังสือ : บริการสุดท้ายแด่ผู้ตาย เก็บกวาดความแตกสลายของชีวิต 

ผู้เขียน : คิมวัน

ผู้แปล : มินตรา อินทรารัตน์

สำนักพิมพ์ : Bibli

บูท : J35

“หนังสือที่พูดถึงประสบการณ์ชีวิตผ่านความตายในมุมมองที่น่าสนใจมาก ๆ จากอาชีพใหม่ที่เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในเกาหลีใต้อย่าง ‘พนักงานทำความสะอาดบ้านของผู้ล่วงลับ’ โดยผู้เขียนซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทบริการทำความสะอาดพิเศษ ‘ฮาร์ดเวิร์กส์’ จะพาเราไปพบกับที่อยู่อาศัยหลากหลายประเภททั่วประเทศเกาหลีใต้เพื่อทำความสะอาดและเก็บกวาดสิ่งของของผู้ตาย ในขณะเดียวกันที่เรื่องราวในชีวิตและตัวตนของผู้คนเหล่านั้นจะถูกเปิดเผยออกมาผ่านสิ่งของต่าง ๆ ในบ้าน 

“ถึงหนังสือเล่มนี้จะพูดถึงรายละเอียดบางอย่างของ ‘ความตาย’ แต่ในขณะเดียวกันเรื่องราวทั้งมวลก็สะท้อนไปสู่ความหมายของการมี ‘ชีวิต’ นี่อาจเป็นเหตุผลที่บันทึกของพนักงานทำความสะอาดเล่มนี้จึงมีความงดงามราวกับดอกไม้ แม้จะเป็นดอกไม้แห่งความอาลัยก็ตาม” 

จีรวุฒิ เขียวมณี
บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์

03

ชื่อหนังสือ : เราผู้ไม่อาจหยุดยั้ง เล่มที่ 1 (UNSTOPPABLE US : How Humans Took Over The World)

ผู้เขียน : ยูวัล โนอาห์ แฮรารี (Yuval Noah Harari)

ผู้แปล : ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์

สำนักพิมพ์ : ยิปซี กรุ๊ป

บูท : F16

ร่วมไขความลับของมนุษย์ผู้ไม่อาจหยุดยั้ง ผ่านผลงานใหม่ล่าสุดแห่งปีจากแฮรารี

“‘…เราไม่ได้แข็งแรงเหมือนสิงโต บินเก่งเหมือนอินทรี ว่ายน้ำเหมือนโลมา แต่ทำไมกลับเป็นพวกเราที่ครอบครองโลกนี้…’ นี่เป็นประโยคจั่วหัวของหนังสือเล่ม Masterpiece ในงานมหกรรมหนังสือฯ ที่สำนักพิมพ์ยิปซีของเราภูมิใจนำเสนอ Unstoppable Us เราผู้ไม่อาจหยุดยั้ง เล่ม 1 มนุษย์ครองโลกได้อย่างไร โปรเจกต์ใหม่แกะกล่องของ ยูวัล โนอาห์ แฮรารี (Yuval Noah Harari) นักเขียน Best Seller คนดีคนเดิมที่สร้างปรากฏการณ์หนังสือขายดีระดับโลกไปแล้วจากหนังสือตระกูล เซเปียนส์ คราวนี้เขากลับมาอีกครั้งพร้อมเรื่องราวกำเนิดมนุษยชาติในรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจไม่แพ้เล่มก่อน ๆ 

“ยิปซีขอพานักอ่านที่รักทุกท่านนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาผจญภัยสู่ยุคดึกดำบรรพ์ ไปรู้จักกับวิถีชีวิตของเผ่าพันธุ์โฮโมเซเปียนส์ ไปรู้จักสปีชีส์น้อยใหญ่บนโลก และร่วมไขความลับของมนุษยชาติที่ว่า เราครองโลกได้อย่างไร”

“แม้แฮรารีจะบอกว่า Unstoppable Us เราผู้ไม่อาจหยุดยั้ง ทำออกมาเพื่อนักอ่านวัย Pre-teen แต่ยิปซีขอการันตีว่า หนังสือซีรีส์นี้เหมาะสำหรับทุกคน ทุกสาย ไม่ว่าจะเป็นนักอ่านสายดอง ที่อยากเปิดใจกับจักรวาล เซเปียนส์ อีกครั้ง เพราะอ่านเล่มขาวมาแล้ว (Sapiens: ประวัติย่อมนุษยชาติ) แต่ก็ไม่รอด จะให้อ่านเล่มกราฟิก (Sapiens Graphic เล่ม 1 และ 2) ก็ไม่ถูกจริต หรือจะเป็นนักอ่านสายท้อแท้หัวใจ ที่แค่เห็นความหนามหึมาของเล่มก่อน ๆ ก็พากันถอยทัพหนีแล้วปาเข้ากองดอง หรือจะเป็นสายมือใหม่หัดอ่าน ที่อยากเข้าจักรวาล เซเปียนส์ (จะเรียกว่า Sapiens Reader Starter pack ก็ได้ ฮ่า ๆ) แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากเล่มไหนดี Unstoppable Us เราผู้ไม่อาจหยุดยั้ง เป็นเหมือนตรงกลางที่รวมความเข้มข้นของเนื้อหาจากเล่มไตรภาคกับความเพลิดเพลินและอ่านง่ายแบบเล่มกราฟิกไว้ด้วยกัน 

“ส่วนแฟน ๆ เซเปียนส์ อยู่แล้วยิ่งไม่ควรพลาดที่จะเปิดประสบการณ์การอ่านใหม่ในอีกหนึ่งรูปแบบนี้ (แอบกระซิบว่า ของแถมในงานน่ารักมาก!!) สำนักพิมพ์ยิปซีเลยขอฝากซีรีส์น้องใหม่เล่มนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนักอ่านทุกท่านมา ณ โอกาสนี้” 

วันวิสา เขตรดง
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

04

ชื่อหนังสือ : แม่ ฉัน และอัลไซเมอร์

ผู้เขียน : ชลจร จันทรนาวี

สำนักพิมพ์ : Avocado Books

บูท : J31

“เคยคิดไหมครับว่า ถ้าคนที่คุณรัก ‘จำอะไรไม่ได้เลย’ ไม่ว่าจะจำตัวเองไม่ได้ จำคนรอบข้างไม่ได้ แม้แต่วิธีอ้าปากพูด วิธีขยับปากเคี้ยวข้าว วิธีช่วยเหลือตัวเองขั้นพื้นฐาน ก็ไม่ได้อยู่ในความทรงจำเลยแม้แต่น้อย คุณจะทำอย่างไร

ชลจร จันทรนาวี ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงในการดูแลแม่ที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ขั้นรุนแรง ด้วยกลวิธีการเขียนที่จริงใจต่อความรู้สึกของเธอ ผสานทักษะการเล่าเรื่องอย่างนักแสดงและพิธีกรรายการโทรทัศน์ โดยมี ธนาพร ตั้งเจริญมั่นคง ผู้เขียนหนังสือเรียกน้ำตา Lots of Love 7,300 วันที่เรารักกัน เป็นบรรณาธิการดูแลต้นฉบับอย่างใกล้ชิด ทำให้หนังสือ แม่ ฉัน และอัลไซเมอร์ เป็นหนังสือที่อบอุ่น ละมุนหัวใจ และจะทำให้คุณเผลอยิ้ม หัวเราะ และน้ำตารื้นโดยไม่รู้ตัว” 

จักรกฤต โยมพยอม
บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์

05

ชื่อหนังสือ : ชีวิตไม่ได้ยืนยาวพอจะอยู่อย่างอดทน

ผู้เขียน : ซูซูกิ ยูซึเกะ

ผู้แปล : ชลฎา เจริญวิริยะกุล

สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น

บูท : F40

“ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอจะอยู่อย่างอดทน เล่มนี้เป็นหนังสือแปลจากภาษาญี่ปุ่น ผู้เขียนชื่อ ซูซูกิ ยูซึเกะ เป็นจิตแพทย์ที่คอยรักษาและให้คำปรึกษาผู้ป่วยที่ทรมานกับการใช้ชีวิต คุณหมอเคยมีคนใกล้ชิดที่ฆ่าตัวตายจึงตัดสินใจเขียนบทความเกี่ยวกับ ‘ความเจ็บปวดในการใช้ชีวิต’ ลงในโซเซียลมีเดีย แล้วก็พบว่ามีผู้คนมากมายที่ภายนอกดูใช้ชีวิตปกติดี แต่จริง ๆ แล้วกำลังพยายามปกปิดความรู้สึกทรมานเพื่อที่จะให้ผ่านแต่ละวันไปได้ และเป็นเหตุผลที่อยากแนะนำหนังสือเล่มนี้ ตอนนี้น่าจะมีหลายคนที่รู้สึกเหนื่อยล้าและเป็นทุกข์ ถ้าคนที่ได้อ่านมีกำลังใจขึ้นมาบ้างในช่วงที่รู้สึกย่ำแย่ก็ตรงกับความตั้งใจของผู้เขียน

“หนังสือเล่มนี้พูดถึงการสร้างเรื่องราวของตัวเองขึ้นมาเพื่อที่จะได้เห็นคุณค่าในตัวเอง ต่อให้เรื่องราวนั้นจะเต็มไปด้วยความทุกข์ก็จำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่ต่อไปของคนคนนั้น ไม่ใช่ตั้งอยู่บนความสุขตามคำพูดและความคาดหวังของคนอื่น ภายในเล่มจะแบ่งเป็นบทสั้น ๆ เช่น เวลาที่จิตใจอ่อนแอ ให้ถอยห่างจากคนที่ตัดสินคุณ, ค้นหาคอนเทนต์ที่ช่วยเยียวยาตัวเรา, เรื่องไหนไม่ชอบก็หนีซะ การอยู่อย่างสุขใจต้องมาก่อน, สิ่งมีชีวิตถูกลิขิตมาให้ใช้ชีวิตอย่างแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ” 

ธนวรรณ นิลจินดา
ผู้ช่วยบรรณาธิการสำนักพิมพ์

06

ชื่อหนังสือ : พยานไม่รู้เห็น (Testimone Inconsapevole)

ผู้เขียน : จันริโค คาราฟิลโย (Gianrico Carofiglio)

ผู้แปล : นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ 

สำนักพิมพ์ : อ่านอิตาลี

บูท : K07 (เคล็ดไทย)

“พยานไม่รู้เห็น เป็นนวนิยายสืบสวนสอบสวนอ่านสนุก สอดแทรกเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาในศาลของอิตาลี ผู้เขียนเคยเป็นพนักงานอัยการผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรม เขียนนวนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ตีพิมพ์ในอิตาลีปี 2002 ขายดีจนได้พิมพ์ซ้ำเป็นครั้งที่ 100 ในปี 2022

“ผู้เขียนเข้าใจสอดแทรกเรื่องราวชีวิตของผู้คนรอบข้างตัวเอก ซึ่งมีทั้งจุดเด่นและจุดด้อย เราได้เห็นความฝันอันสวยงามของคน และความเป็นจริงที่ไม่ค่อยสวยงามของชีวิตที่เราต้องทนอยู่กับมันไป นอกจากนั้นผู้เขียนยังเล่าเรื่องซีเรียสด้วยน้ำเสียงของคนช่างประชด ช่างเหน็บแนม ตลก ฉลาดแต่ไม่ค่อยรู้เท่าทันตัวเอง บรรยายถึงความชั่วร้ายแบบถอยห่างในลีลาของนักปฏิบัติ (Practical Person) ยกเว้นเรื่องหัวใจของตัวเอง” 

นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

07

ชื่อหนังสือ : มูมิน คอมิกส์ฉบับสมบูรณ์ เล่ม 1 – 5

ผู้เขียน : ตูเว ยานซอน (Tove Jansson)

ผู้แปล : กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ 

สำนักพิมพ์ : แพรวเยาวชน

บูท: C48

“พออ่านต้นฉบับงานชุดนี้จบ สิ่งแรกที่คิดก็คือน่าทึ่งจัง คุณตูเวเก่งมาก ๆ ที่สร้างโลกแห่งจินตนาการอันแสนบริสุทธิ์ได้อย่างหมดจดขนาดนี้ นอกจากความน่ารักและความตลกขบขันแล้ว เจ้ามูมินตัวอ้วนกลมกับครอบครัวและผองเพื่อนยังให้อะไรกับเรามากมายโดยที่เราคาดไม่ถึง และเราก็อยากให้ผู้อ่านชาวไทยมีโอกาสสัมผัสกับบรรยากาศนี้เช่นกัน จึงเลือกเรื่องนี้มาตีพิมพ์

  “นี่คือคอมิกส์ชิ้นโบแดงจากนักเขียนวรรณกรรมเยาวชนระดับตำนานที่ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะการันตีได้เลยว่าใครก็ตามที่ได้อ่านจะต้องขำ หรือไม่ก็อมยิ้มไปกับครอบครัวมูมินอย่างแน่นอน สิ่งที่แฝงอยู่ในคอมิกส์ชุดนี้ไม่ได้มีแต่ความสดใสโลกสวยเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นสภาพสังคมจริงและมีแง่คิดดี ๆ มากมาย นับเป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับผู้อ่านทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง” 

สุทัตตา อรุณวงศ์สานุกูล
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

08

ชื่อหนังสือ : Morpho Didius ผีเสื้อลัดวงจร

ผู้เขียน : สุพัตรา เกริกสกุล

สำนักพิมพ์ : P.S. Publishing

บูท : J32

“Morpho Didius ผีเสื้อลัดวงจร เป็นบทกวีกึ่งนิยายขนาดสั้น วาดภาพถึงความเศร้าอย่างหาสาเหตุไม่ได้ของหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในดินแดนยูโทเปีย เธอไม่เชื่อในความรัก ไม่เชื่อในความหวัง แต่เชื่อในความขมขื่น เชื่อในความเจ็บปวดที่ห่าฝนฝากลงมา พยายามไขว่คว้าอิสรภาพด้วยการซ่อนตัวอยู่ในกรงขัง การมองโลกแบบบิด ๆ เบี้ยว ๆ แปรเปลี่ยนเมืองในอุดมคติที่เธอสร้างให้กลายสภาพเป็นดิสโทเปีย ลัดวงจรอย่างเดียวดายอยู่ในเปลวเพลิงเม็ดฝน

“เรื่องราวโดดเด่นด้วยวิธีเล่า ผู้เขียนร่ายคำดำเนินเรื่องผ่านความทรงจำที่เป็นหลักฐานของความเศร้า ฉากหลังคือโลกเสมือนที่เก็บกอดตัวเองไว้ ปะติดปะต่อกันด้วยความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวกับสิ่งของในปัจจุบัน สถานที่ในอดีต ผู้คนในอนาคต น้ำยาลบความผิด ราวตากผ้าสีน้ำตา ตึกระรานฟ้า บทสนทนากับพระเจ้า

“ตัวหนังสือที่โรยตัวอย่างบรรจงจะพาไปสำรวจสภาวะล่มสลายภายในตัวเอง มองหาประกายความหวัง ปล่อยวางทุกการกักขัง หรือเพียงสัมผัสเอนเตอร์เทนเมนต์ที่ผลิตจากการพังทลายก็ได้” 

อันตา จิตตาศิรินุวัตร
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

09

ชื่อหนังสือ : หลอน

ผู้เขียน : เอโดะงาวะ รัมโป 

ผู้แปล : พรพิรุณ กิจสมเจตน์

สำนักพิมพ์ : JLIT

บูท : I26

หลอน รวมเรื่องสั้นสยองขวัญของ เอโดะงาวะ รัมโป นักเขียนซึ่งเป็นที่รู้จักกันวงกว้างในหมู่นักอ่านชาวไทย ในฐานะบิดานักเขียนนวนิยายสืบสวนและสยองขวัญของญี่ปุ่น

“รวมเรื่องสั้นเล่มนี้สำนักพิมพ์ JLIT จึงได้คัดเลือกเฉพาะนวนิยายสยองขวัญจากปลายปากกาของ เอโดะงาวะ รัมโป เพื่อกำนัลแด่สาวกของรัมโปและแฟนคลับเรื่องสยองขวัญ ได้สัมผัสกลิ่นรสเรื่องหลอนประสาทอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเขา อันถือได้ว่าเป็นต้นธารของ J-Horror ของญี่ปุ่น 

“ลักษณะเด่นของนวนิยายสยองขวัญของรัมโปนั้นไม่ได้เป็นเรื่องผีอ่านขวัญผวาแบบเรื่องอ่านเล่นประโลมโลกทั่วไป แต่มักแฝงภูมิหลังเกี่ยวกับสังคม การเมือง วิทยาศาสตร์ จิตวิทยา ปรัชญาหรืออื่น ๆ รวมถึงจะได้เห็นถึงความรอบรู้แขนงต่าง ๆ ของรัมโป ในยุคสมัยที่องค์ความรู้ไม่ได้หาได้ง่ายดายเพียงปลายนิ้วลัดอย่างโลกยุคดิจิทัลในปัจจุบัน นอกจากนี้ความเป็นสากลและไร้กาลเวลาของแก่นเรื่องของเขาทำให้ผลงานของเขาได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ อ่านกันแพร่หลายไปทั่วโลก และมีผู้ติดตามนิยมอ่านจนถึงปัจจุบันนี้ 

“ในรวมเรื่องสั้นสยองขวัญชุด หลอน นี้ ทางสำนักพิมพ์ได้คัดสรรเรื่องสั้น 5 เรื่อง ได้แก่ วิปริตพิศวาส, ฝันกลางวัน, มรณกรรมของคนละเมอ, ขุมนรกกระจกเงา และ สิเน่หาอมนุษย์ รวมถึงมีความเรียงหนึ่งชิ้น คือ ความเรียงเรื่อง ‘ตุ๊กตา’ เพื่อแฟนนักอ่านได้สัมผัสอรรถรสในแบบฉบับของรัมโปกันอย่างเต็มอิ่ม ไม่ควรพลาดความสนุกนี้เป็นอันขาด” 

อรรถ บุนนาค
บรรณาธิการสำนักพิมพ์  

10

ชื่อหนังสือ : ชุด ส่องอคติ เล่ม 1 : ความเป็นชาติในภูมิทัศน์อคติไทย, เล่ม 2 : ความเป็นมนุษย์กับภูมิทัศน์อคติไทย

บรรณาธิการ : นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ

สำนักพิมพ์ : มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)

บูท : F29

“อคติ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นปัญหาของสังคมที่ทำให้เกิดการเหมารวม การตีตรา การหมิ่นเหยียด” 

“การเลือกปฏิบัติ โดยสะท้อนผ่านการแสดงออก ภาษา และการสื่อสาร อคติทางวัฒนธรรมนำไปสู่ความขัดแย้งและความรุนแรง ซึ่งเป็นผลมาจากทัศนคติที่มองว่าวัฒนธรรมหนึ่งดีกว่าวัฒนธรรมอื่น มีการปรากฏของอคติทางวัฒนธรรมในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น อคติทางชาติพันธุ์ อคติต่อวัย (วยาคติ) อคติทางเพศ อคติในโรงเรียน อคติทางภาษา อคติทางศาสนา เป็นต้น

“หนังสือ ส่องอคติ เล่ม 1 : ความเป็นชาติในภูมิทัศน์อคติไทย และ ส่องอคติ เล่ม 2 : ความเป็นมนุษย์กับภูมิทัศน์อคติไทย เกิดขึ้นจากความพยายามของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ในการชี้ชวนให้สังคมไทยหันมามองอคติและการตีตราที่ถูกผลิตซ้ำ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างและระบบสังคมที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำขึ้น

“บทความภายในหนังสือ 2 เล่มนี้จึงเป็นเหมือนตะเกียง ช่วยส่องให้เห็นอคติทางวัฒนธรรมและเงื่อนไขที่เป็นปัจจัยหนุนเสริมที่ทำให้สังคมไทยยังคงอยู่ในวังวนแห่งอคติ ความมุ่งหมายของหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้คือช่วยให้ผู้อ่านตระหนักรู้ถึงปัญหา พร้อมแสวงหาแนวทางที่จะลดอคติ ส่งเสริมการปฏิบัติอย่างเสมอภาค เพื่อช่วยให้มนุษย์อยู่ร่วมกันได้ภายใต้สังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม” 

จรรยา ยุทธพลนาวี
รักษาการผู้จัดการฝ่ายบริการสารสนเทศ

11

ชื่อหนังสือ : I Can Do It เชื่อสิ ฉันทำได้

ผู้เขียน : ลูอีส เฮย์ (Louise Hay)

ผู้แปล : เจนจิรา เสรีโยธิน

สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์

บูท : J16

“หลักการที่นำคุณไปพบกับ ‘โชคดี’

“หากคุณเคยคิดจินตนาการถึงเรื่องที่ปรารถนาซ้ำ ๆ เคยพูดย้ำถึงบางสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แล้วปรากฏว่าวันหนึ่งสิ่งนั้นกลับกลายเป็นจริงขึ้นมา คุณอาจประหลาดใจและคิดว่าฉันช่างโชคดีเหลือเกิน แท้จริงแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องของโชค แต่สิ่งที่คุณทำคือการย้ำสิ่งที่ต้องการให้หยั่งรากลงในจิตสำนึก ดึงดูดกระแสการเปลี่ยนแปลงให้หลั่งไหลเข้ามาสู่ชีวิตโดยไม่รู้ตัว และหากฝึกจนเชี่ยวชาญ คุณจะพบกับ ‘โชคดี’ ที่ว่านี้ได้บ่อยขึ้น ทั้งหมดนี้คือหลักการของพลังงานอย่างหนึ่ง

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้ ทุกสิ่งในโลกคือพลังงาน หากความคิดของเรามีความถี่ตรงกับสิ่งที่ต้องการ คุณก็ไม่อาจเจอกับสิ่งอื่นได้เลย นอกจากสิ่งที่คุณต้องการ นี่ไม่ใช่ปรัชญา นี่คือกฎฟิสิกส์

“หนึ่งในผู้ที่นำหลักการนี้ไปใช้จนประสบความสำเร็จคือ ลูอีส เฮย์ กูรูด้านจิตวิญญาณ เจ้าของผลงาน I Can Do It เชื่อสิฉันทำได้ เธอเปลี่ยนชีวิตที่มีต้นทุนติดลบให้ประสบความสำเร็จ กลายเป็นนักเขียน นักพูด นักสร้างแรงบันดาลใจที่เป็นแบบอย่างให้แก่ผู้คนมากมาย และถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องการใช้คำเชิงบวกลงในหนังสือเล่มเล็กเล่มนี้

“เธอใช้ชีวิตในแบบที่ทำให้เราเห็นว่าไฟในใจไม่มีวันมอดไปตามวัยที่ล่วงเลย ในวัยสาวเธออุทิศตัวทำงานช่วยเหลือผู้คน ในวัยย่าง 60 เธอก่อตั้งสำนักพิมพ์และมีผลงานขายดีระดับโลกมากมาย ในวัย 70 เธอลงเรียนเต้นรำและวาดรูป และแม้เธอจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่จิตวิญญาณและผลงานที่เธอสรรสร้างก็ยังคงโลดแล่นอยู่ต่อไปเพื่อส่งต่อแนวคิดที่บอกทุกคนว่า เพียงแค่เปลี่ยนกระบวนการคิด คุณก็เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้ เชื่อสิ คุณทำได้!” 

พร่างดาว นุประดิษฐ์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

12

ชื่อหนังสือ : นี่แหละทรราชย์ Graphic Edition : 20 บทเรียนจากศตวรรษที่ 20

ผู้เขียน : ทิโมธี สไนเดอร์ (Timothy Snyder)  

ผู้วาดภาพประกอบ : โนรา ครุก (Nora Krug)

ผู้แปล : สายพิณ ศุพุทธมงคล

สำนักพิมพ์ : Bookscape

บูท : F43

“ประวัติศาสตร์ไม่ซ้ำรอย แต่มันให้บทเรียนแก่เรา”

“คือเกริ่นนำของหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นบทเรียนจากทรราชในยุคที่ยังทิ้งรอยแผลมาถึงปัจจุบัน เราจะได้เจอนาซี, สตาลิน, โดนัลด์ ทรัมป์ และปูติน ในเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้บอกว่าการเมืองอยู่รอบตัวเรา ทรราชเป็นประเด็นที่คนต้องรู้ทุกเพศทุกวัยในฐานะพลเมือง และถ้าเราไม่เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ ทรราชก็จะไม่หายไป ประชาธิปไตยและเสรีภาพจะไม่ได้งอกงาม 

“อีกไฮไลต์หนึ่งของเล่มนี้คือ เป็นฉบับ Graphic Edition พิมพ์ 4 สีทั้งเล่ม ที่เขียนโดยนักวาดภาพประกอบมือรางวัล จึงถ่ายทอดเนื้อหาในเล่มได้เฉียบคม ทรงพลัง ย่อยประวัติศาสตร์ให้อ่านสนุกสำหรับคนทุกวัย เพื่อเรียนรู้จากอดีต เปลี่ยนแปลงปัจจุบัน และขีดเขียนอนาคตใหม่ที่ทรราชไม่มีที่ยืนในหน้าประวัติศาสตร์อีกต่อไป” 

ณัฏฐพรรณ เรืองศิรินุสรณ์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

13

ชื่อหนังสือ : นางพญาแห่งเหมันต์ (The Winter Queen) 

ผู้เขียน : บอริส อคุนิน (Boris Akunin)

ผู้แปล : สุภิดา แก้วสุขสมบัติ

สำนักพิมพ์ : River Books

บูท : D34

“เมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และนักแปลผู้เก่งกาจเรื่องการใช้ภาษาหันมาเขียนนิยาย นิยายของเขาย่อมมีความน่าสนใจในแบบฉบับของมัน และ นางพญาแห่งเหมันต์ หรือ The Winter Queen เล่มนี้ก็คือตัวอย่างนั้น” 

Boris Akunin นักเขียนชาวจอร์เจีย-รัสเซีย พาเราไปเยือนประเทศรัสเซียในสมัยศตวรรษที่ 19 ผ่านการไขคดีฆ่าตัวตายอย่างอุกอาจของหนุ่มชนชั้นสูงในสวนสาธารณะกลางเมือง เรื่องที่ดูไม่ซับซ้อนนี้กลับชักนำให้นักสืบจำเป็นหน้าใหม่นามว่า อีราสท์ แฟนโดริน เผชิญกับเหตุการณ์น่าตื่นตระหนกครั้งแล้วครั้งเล่า จนแน่ใจว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของเหตุสะเทือนขวัญนี้มีอันตรายที่น่ากลัวกว่านั้นรออยู่

“เรารู้ดีว่าวัฒนธรรมที่สวยงามของรัสเซียมีมากมาย และยิ่งรัสเซียในยุคที่ล่วงเลยมานานแล้วยิ่งไกลตัวนักอ่านไปอีก แต่เชื่อว่า บอริส อคุนิน นำบรรยากาศของสถานที่และความน่าค้นหาของตัวละครมาผูกกับพล็อตสืบสวนสอบสวนได้อย่างกลมกล่อม เสน่ห์ของนิยายนักสืบกับฉากหลังย้อนยุคเป็นตัวช่วยการันตีความสนุก และก่อนที่จะรีบเบือนหน้าหนีเพราะคำว่ารัสเซีย เราอยากกระซิบบอกอีกว่า นี่คือผลงานของนักเขียนผู้เป็นศัตรูถาวรของรัฐบาลปูติน เพราะฉะนั้นห้ามพลาด!” 

ทิมา เนื่องอุดม
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

14

ชื่อหนังสือ : เราอยู่อย่างไร เราตายอย่างนั้น (How We Live Is How We Die)

ผู้เขียน : เปมา โชดรอน (Pema Chödrön)

ผู้แปล : สดใส ขันติวรพงศ์

สำนักพิมพ์ : สวนเงินมีมา

บูท : L05

“‘อบอุ่น เป็นมิตร ราวกำลังฟังสหายสนิทบอกเล่าประสบการณ์ชีวิต ให้เราได้คิดใคร่ครวญ และนำไปปรับใช้ต่อ’ นี่คือความรู้สึกที่คลอเคลียอยู่ใกล้ใจตลอดเวลาที่อ่าน เราอยู่อย่างไร เราตายอย่างนั้น จากหน้าแรกจนหน้าสุดท้าย และเหตุผลที่เลือกแนะนำเล่มนี้ เปมา โชดรอน ภิกษุณีอเมริกันวัย 85 ปี แบ่งปันปัญญาที่ได้จากการศึกษาปฏิบัติตามสายธรรมพุทธทิเบตมาเกือบครึ่งศตวรรษ ให้เราได้ฉุกคิดและมอง ‘ความตาย’ ในมุมใหม่ ด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ เป็นกันเองอย่างยิ่ง” 

วรนุช ชูเรืองสุข
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

15

ชื่อหนังสือ : มิกกี้หมายเลขเจ็ด (Mickey 7) 

ผู้เขียน : เอ็ดเวิร์ด แอชตัน (Edward Ashton) 

ผู้แปล : สรศักดิ์ สุบงกช

สำนักพิมพ์ : Solis Book

บูท : N35

ต้องขอบอกก่อนว่า ทางสำนักพิมพ์ได้อ่าน มิกกี้หมายเลขเจ็ด จบและตามหาลิขสิทธิ์ก่อนที่จะมีการประกาศทำภาพยนตร์โดย บงจุนโฮ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ชนชั้นปรสิต (Parasite) และ ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง (Snowpiercer) ซะอีกค่ะ 

“ปกติแล้วเราสองคนตามอ่านงานไซไฟใหม่ ๆ อยู่แล้ว และ มิกกี้หมายเลขเจ็ด ก็เป็นหนึ่งในเล่มที่เราซื้อมาอ่านทางคินเดิล (Kindle) อ่านไปอ่านมาพร้อมกันสองคน (โซลิสมีกันอยู่แค่ 2 คนค่ะ) สรุปว่าอ่านจบกันเร็วมากเพราะสนุกมาก รู้เลยว่าเล่มนี้มีของ ตรงกับสไตล์ของโซลิสมาก ๆ เลยรีบติดต่อซื้อลิขสิทธิ์ ตอนนั้นก็ยังไม่มีข่าวออกมานะคะว่าจะได้ทำหนัง ยอมรับว่าตอนเห็นข่าวตกใจมาก แต่พอมาคิดดี ๆ แล้ว เอ้อ เนื้อเรื่องมันสนุกจนเหมาะกับเอาไปทำภาพยนตร์เลยแหละ

“หนังสือ มิกกี้หมายเลขเจ็ด เขียนออกมาเพื่อสร้างข้อสงสัยทางปรัชญาและการเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายผ่านการเล่าเรื่องแบบตลกร้าย เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่สิ่งที่สำคัญหรือ ‘ต้นทุน’ ในเรื่องนี้ไม่ได้หมายถึงเงิน แต่หมายถึง ‘แคลอรี่’ ถือว่าเป็น What-If ในนิยายไซไฟที่แปลกและน่าสนใจมาก

“แถมพล็อตก็ผูกปมแล้วคลายได้อย่างแนบเนียน แล้วคลายออกมาได้ในระยะเวลาที่เหมาะสม นั่นหมายถึงไม่เอื่อยและไม่เร็วเกินไปจนตามไม่ทัน ซึ่งทางเราคิดว่าเหมาะกับแฟน ๆ ของโซลิสและนักอ่านหน้าใหม่ที่อยากก้าวเข้าสู่วงการไซไฟมาก ๆ เลยค่ะ” 

สวิณี แสงสิทธิชัย
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

16

ชื่อหนังสือ : กระจกวิเศษของปุ๊บปั๊บ

ผู้เขียน : มณิศา ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา

สำนักพิมพ์ : แฮปปี้คิดส์ (Happy Kids)

บูท : C15

“ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้คือ กระจกทำให้เราได้เห็นตัวเอง ถ้าเรายิ้ม ก็ได้เห็นรอยยิ้ม เช่นเดียวกับการกระทำ ถ้าอยากให้ใครทำดีด้วย เราก็ควรทำดีต่อผู้อื่นก่อน คนรอบข้างจึงคล้ายเป็นกระจกที่ช่วยสะท้อนให้เราเห็นตัวเองด้วย

“หนังสือชุดนี้เป็นความตั้งใจที่ผู้เขียนอยากบอกทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกคนว่าของวิเศษนั้น แท้จริงแล้ว ไม่ได้เกิดจากเวทมนตร์หรือปาฏิหาริย์ใด ๆ เลย แต่เกิดจากการได้เรียนรู้และเข้าใจ รวมถึงความคิดที่ดีงามและจิตใจที่มุ่งมั่นของเรานั่นเอง” 

ชัชรินทร์ เตชะชัยวงศ์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

17

ชื่อหนังสือ : ฮันนี่ เลมอน โซดา (Honey Lemon Soda) เล่ม 12

ผู้เขียน : มายู มูราตะ (Mayu Murata)

ผู้แปล : สิมิลัน อาศัยพานิชย์ 

สำนักพิมพ์ : บงกชคอมมิคส์

บูท : O40

“ฮันนี่ เลมอน โซดา เป็นผลงานการ์ตูนของ อ.มายู มูราตะ ที่เคยสร้างความประทับใจมาแล้วจากเรื่อง SHOOTING STAR ☆ LENS ชูตติ้งสตาร์ ☆ เลนส์ และ สาวมือใหม่ หัวใจลองรัก ซึ่งเรื่อง ฮันนี่ เลมอน โซดา นี้ฮิตติดอันดับขายดีในญี่ปุ่นจนนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ 

“เรื่องรักใส ๆ วัยมัธยมที่อ่านแล้วชุ่มชื่นหัวใจ แม้ปัญหาการถูกกลั่นแกล้งของอุกะจะทำให้รู้สึกหดหู่อยู่บ้าง แต่ด้วยพลังแห่งความพยายามของเธอทำให้การดำเนินเรื่องสนุก ชวนลุ้นและน่าเอาใจช่วย ยิ่งได้เห็นฉากน่าประทับใจของไคที่คอยช่วยเหลืออุกะอยู่เสมอก็ทำเอาใจฟูขึ้นมาเลยทีเดียว

“เรื่องราวความสนุกสดใสที่แตกฟองหวานซ่าเหมือนน้ำโซดา เล่ม 12 เล่มใหม่ล่าสุดมาพร้อมการ์ดสะสมสุดพิเศษ แฟน ๆ ของหนุ่มเลมอนห้ามพลาดกันนะ!” 

P’B
บรรณาธิการสำนักพิมพ์ 

18

ชื่อหนังสือ : Happiness From Scratch ความสุขไม่สำเร็จรูป

ผู้เขียน : เสาวลักษณ์ เชื้อคำ

สำนักพิมพ์ : แสงแดด

บูท : K16

“Happiness From Scratch ความสุขไม่สำเร็จรูป เป็นพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มใหม่ที่เราภูมิใจนำเสนอ จุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้เกิดจากว่า KRUA.CO (เจ้าของเดียวกับสำนักพิมพ์แสงแดด) ผลิตคอนเทนออนไลน์สอนทำอาหารต่าง ๆ จนวันหนึ่งเราเริ่มเห็นพวกคอนเทนต์สอนทำซอสเอย นมข้นหวานเอย เนยโฮมเมดเอย ล้วนได้รับเสียงตอบรับที่ดี แล้วก็ค่อย ๆ เห็นว่าเทรนด์ของการ ‘ตื่นรู้’ เกี่ยวกับอาหารที่กินลงไปมีมากขึ้น คนเริ่มสนใจเลือกช้อยส์โฮมเมดมากกว่าอาหารอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ซึ่งตรงมาก ๆ กับจุดยืนของ KRUA.CO และเป็นสิ่งที่เราอยากสนับสนุนผู้บริโภคสุด ๆ 

“เราเลยคิดจะรวบรวมสูตรผลิตภัณฑ์อาหารโฮมเมดต่าง ๆ ที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นแยม ครีมชีส เส้นพาสต้า ไส้กรอก ลูกชิ้น ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ โยเกิร์ต มาเชียร์ให้ผู้อ่านได้ลองลงมือทำ แต่ไม่ได้แค่อยากให้ทำตามสูตรแล้วจบ เราอยากเปิดโลกความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารนั้น ๆ ให้ผู้อ่านด้วย เพื่อให้เขาเข้าใจว่าทำไมเราต้องลงทุนเคี่ยวนมข้นหวานเองแทนที่จะเดินไปซื้อง่าย ๆ ในซูเปอร์มาร์เก็ต โดยที่สุดแล้วเราอยากจะให้ผู้อ่าน ที่ได้อ่านหนังสือและลงมือปรุงอาหารเหล่านี้ขึ้นมาเอง พบความสุขที่ยั่งยืนจากการลดวิถีชีวิตแบบสำเร็จรูปลงนั่นเอง” 

วรรณแวว หงษ์วิวัฒน์
บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์

19

ชื่อหนังสือ : Ultraman

ผู้เขียน : นิ้วกลม

สำนักพิมพ์ : KOOB

บูท : I08

“ชีวิตช่วงนี้ของทุกคน ‘ไม่ง่าย’​ เปรียบไปก็คล้ายการวิ่งระยะไกลที่ต้องเจอปัญหาอุปสรรค​ มีช่วงท้อใจ หนังสือเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการไม่ยอมแพ้ และไฟลุกโชนที่จะข้ามอุปสรรค​ปัญหา​ ในแง่หนึ่งมันคือหนังสือเล่าถึงประสบการณ์​วิ่งอัลตร้าเทรล 100 กิโลเมตร​ แต่ในอีกแง่ มันชวนผู้อ่านทุกคนดึงศักยภาพ​สูงสุดในตัวออกมา” 

สราวุธ​ เฮ้​ง​สวัสดิ์​
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

20

ชื่อหนังสือ : Sasi’s Sketchbook Thailand Diary BANGKOK : เพราะคิดถึง จึงอยากบันทึกเก็บไว้

ผู้เขียน : ศศิ วีระเศรษฐกุล

สำนักพิมพ์ : Fullstop

บูท : E42

“BANGKOK” 

“บางกอก หนังสือบันทึกการเดินทางด้วยภาพวาดสีน้ำและลายมือ เน้นเดิน เน้นกิน เน้นวาดรูป เน้นเที่ยวซอกแซกในกรุงเทพฯ แบบศศิ ที่ไม่เหมือนใครในโลก เป็นหนังสือภาพวาดที่ชาวกรุงเทพฯ ควรมีไว้ทุกบ้าน

“ไม่ใช่สิ ชาวไทยควรมีทุกบ้านเลย 

“ไม่ใช่สิ ชาวโลกทุกคนควรมีเลย !!!” 

สมคิด เปี่ยมปิยชาติ
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

21

ชื่อหนังสือ : DEAR INDIA มาหาภารตะ

ผู้เขียน : ปาราวตี

สำนักพิมพ์ : Salmon

บูท : G39

“แม้ภายนอกจะดูเป็นหนังสือบันทึกการเดินทางทั่ว ๆ ไป แต่สำหรับเราแล้ว DEAR INDIA มาหาภารตะ เป็นหนังสือลูกครึ่ง กึ่งการเดินทาง กึ่งบันทึกประสบการณ์ชีวิต เพราะในเล่มรวบรวมเรื่องราวในอินเดียของผู้เขียน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางไปเป็นนักท่องเที่ยว และครั้งถัด ๆ ไปที่มุ่งหน้าไปเพราะติดใจ ทั้งเล่มเลยตลบอบอวลไปด้วยประสบการณ์กินอยู่หลับนอนกับคนท้องถิ่น การจับพลัดจับผลูรู้จักกับคนแปลกหน้า (ที่มีหลากหลายสาขาวิชาชีพมาก) รวมถึงมีเรื่องราวในช่วงที่ปาราวตีไปหางานทำ ผสมกับการสอดแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับอินเดีย ที่จะทำให้เรารู้จักทั้งคนและประเทศอินเดียกันแบบพอหอมปากหอมคอ

“นอกจากนี้ เราเชื่อว่า DEAR INDIA มาหาภารตะ จะทำให้คนที่ติดอยู่กับที่ ลังเลว่าจะออกเดินทางดีมั้ยต้องคิดดูใหม่ บางทีอาจจะนึกครึ้มอยากลองทักทายกับคนแปลกหน้าระหว่างทางดูบ้าง และไม่แน่ว่า หลังจากอ่านจบ อาจจะคลิกซื้อตั๋วเดินทาง โดยมีจุดหมายปลายทางเป็นการไปพบคนที่ดินแดนภารตะแบบปาราวตีก็เป็นได้” 

ปฏิกาล ภาคกาย
บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์

22

ชื่อหนังสือ : รัฐสยดสยอง

ผู้เขียน : ภัทรนิษฐ์ สุรรังสรรค์

สำนักพิมพ์ : มติชน

บูท : I48

“หนังสือเล่มนี้พาผู้อ่านท่องไปในเส้นทางแปลกประหลาดที่ไม่คุ้นเคย เมื่อรัฐสยามสมัยรัชกาลที่ 4 – 5 ที่มักปรากฏเพียงภาพของความเจริญศิวิไลซ์ กลับปกปิดความสยดสยองไว้ในพื้นที่ลับ ไม่ว่าจะเป็นซากศพ ความโสโครก โรคระบาด และการลงทัณฑ์ทรมาน โดยมีเหล่าผู้จัดการความสยดสยองทำหน้าที่เก็บกวาดไม่ให้ความน่ากลัวและอุจาดออกสู่สายตาสาธารณชน ด้วยข้อมูลที่ลงลึกและอรรถรสอันเข้มข้น ทำให้คำอธิบายการเข้าสู่ภาวะศิวิไลซ์ของสยามที่เคยรับรู้มาพลิกกลับ เราได้รู้ว่าประวัติศาสตร์นั้นไม่ได้มีเพียงแค่ด้านสว่าง แต่ยังมีด้านที่มืดมิดและปิดลับรอไขความกระจ่างอยู่” 

ปิยวัฒน์ สีแตงสุก
บรรณาธิการเล่ม

23

ชื่อหนังสือ : เมืองต้องมนตร์ คนขโมยหนังสือ

ผู้เขียน : ฟุกะมิโดริ โนวากิ

ผู้แปล : สุริยงวรวุฒิ สิริวิวัฒน์กุล

สำนักพิมพ์ : ไดฟุกุ

บูท : L04

“เมื่อเด็กสาวผู้เกลียดการอ่าน ได้รับมรดกเป็นคลังเก็บหนังสือหายากที่ใหญ่ที่สุดในเมืองโยมุนางะ มรดกล้ำค่าที่ผู้คนจ้องจะขโมย เธอต้องผจญภัยเข้าไปในหนังสือเล่มที่ถูกขโมยไปเพื่อหาหัวขโมยให้เจอ ก่อนที่เมืองทั้งเมืองจะต้องคำสาปและกลายเป็นเมืองในหนังสือ เช่น บางทีทั้งเมืองก็กลายเป็นเมืองสีขาวราวหิมะ บางครั้งผู้คนก็กลายร่างเป็นสัตว์นานาชนิด บางครั้งกลายเป็นเมืองที่หนังสือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย มีโรงพิมพ์แอบพิมพ์หนังสืออยู่ใต้ดินและถูกตำรวจล่า สัจธรรมถูกตั้งคำถามด้วยคำสาปแปลกประหลาด

“ในเรื่องมีเรื่องซ้อนหลายเรื่องให้ติดตามหลายรสชาติ สนุกสนาน มีตัวเอกพาเราไปเจอกับจิ้งจอก ดอกไม้ สารพัดสิ่ง แม้จะมีเรื่องราวเหนือจินตนาการ อ่านแล้วหยุดไม่ได้ มีรางวัลติดไม้ติดมือ เช่น ได้เข้าชิงรางวัลฮนยะไทโช (Japan Bookseller Awards) เป็นหนึ่งในสิบเล่มที่ร้านหนังสือทั่วประเทศโหวตว่าอยากขายที่สุดแห่งปีประจำปี 2021 และได้รับรางวัลที่ 3 คิโนะคุนิยะเบสต์ (KinoBest) 2021” 

อลีน เฉลิมชัยกิจ
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

24

ชื่อหนังสือ : มนุษย์กาญ่า (Homo Gaia)

ผู้เขียน : สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ 

สำนักพิมพ์ : Salt Publishing

บูท : E35

“หนังสือที่ชวนกลับมาฟื้นสัมพันธ์กับสรรพชีวิตรอบตัวที่ดูเหมือนว่ายิ่ง ‘มนุษย์ฉลาด’ (โฮโม เซเปียนส์) พัฒนาไปมากเท่าไร เรายิ่งตัดขาดจาก ‘กาญ่า’ หรือแนวคิดทางนิเวศวิทยาที่มองว่าโลกทั้งใบเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวกันที่ประกอบไปด้วยสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการตอบสนอง พึ่งพาอาศัยกัน ในวันที่เรากำลังเผชิญกับวิกฤตทางธรรมชาติที่อาจเร่งด่วนเกินแก้ไข หากเรายังใช้ชีวิตและมีแนวคิดแบบเดิมที่ไม่ได้มองว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติทั้งหมด

“ท่ามกลางเทคโนโลยี ข้อมูล และความรู้มากมาย การฟื้นสัมพันธ์กับธรรมชาติจะเป็นอีกหนทางที่ทำให้มนุษย์กลับมารับรู้ และรู้สึกถึงความจริงที่ว่าเราล้วนเป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่ง และความรู้สึกเชื่อมโยงนั้นเองจะทำให้เกิดความรัก และอยากดูแลรักษา ‘กาญ่า’ ที่เราล้วนเป็นส่วนหนึ่งเสมอมา” 

สฤณี อาชวานันทกุล
ผู้ร่วมก่อตั้งสำนักพิมพ์

25

ชื่อหนังสือ : ปฤษฎางค์ กระดูกสันหลังแขวนคอ : ชีวิตและการลี้ภัยในยุคสมบูรณาญาสิทธิ์ของพระองค์เจ้าปฤษฎางค์

ผู้เขียน : ทามารา ลูส (Tamara Loos)

ผู้แปล : ไอดา อรุณวงศ์

สำนักพิมพ์ : อ่าน

บูท : J34

“หนังสือเล่มนี้เป็นงานวิชาการประวัติศาสตร์ที่เขียนโดย ทามารา ลูส ศาสตราจารย์แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอร์เนล ผู้ศึกษาค้นคว้าเรื่องเมืองไทยมานานกว่า 25 ปี ด้วยความสนใจพื้นฐานของเธอต่อเรื่องอาณานิคม สิทธิสตรีและเพศสถานะ จึงทำให้ประวัติศาสตร์ไทยในช่วงยุคสมัยรัชกาลที่ 5 กลายมาเป็นวัตถุดิบในการค้นคว้าที่สอดคล้องกัน 

“งานเขียนชิ้นสำคัญก่อนหน้านี้ของเธอคือ Subject Siam : Family, Law and Colonial Modernity in Thailand ก็เป็นงานศึกษาประวัติศาสตร์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ปรับมาจากวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเธอ ซึ่งเขียนในรูปแบบงานวิชาการตามขนบและได้รับการยกย่องอย่างสูง (อยู่ระหว่างแปลและจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์อ่าน) ในขณะที่เล่ม ปฤษฎางค์ฯ นี้ เป็นงานที่เขียนด้วยลีลาภาษาและชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่อยู่นอกขนบหรือต่างไปจากงานเล่มก่อนหน้า แม้จะยังคงรักษาความเข้มงวดรัดกุมในแง่วิธีวิทยาของการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ไว้เช่นเดิม

“การเล่าเรื่องด้วยลีลาที่ต่างไปเช่นนี้ ทำให้หนังสือวิชาการประวัติศาสตร์เล่มนี้ลงจากหิ้งมาสนทนากับผู้อ่านทั่วไปได้ การอาศัยเรื่องราวความสัมพันธ์ในระดับบุคคลมาเป็นแกนในการดำเนินเรื่อง ก็ทำให้ผู้อ่านส่องสำรวจประเด็นหรือถ้อยคำนามธรรมอันใหญ่โตอย่าง อาณานิคม สากลนิยม อำนาจ ชาตินิยม กษัตริย์นิยม ได้อย่างถึงเลือดถึงเนื้อ ถึงรายละเอียดอันซับซ้อน และถึงชีวิตที่จับต้องได้ ทั้งยังดึงดูดเราไว้ได้ด้วยเหตุที่มันเป็นชีวิตหรือชะตากรรมของเจ้าชายนอกคอกผู้หนึ่ง ซึ่งเรื่องราวของเขายังคงเป็นตำนานปริศนาอยู่ในหน้าที่ถูกฉีกขาดหายไปของประวัติศาสตร์ไทย และที่สำคัญคือ การดึงดูดเราไว้ด้วยชั้นเชิงการเขียนที่เฉียบแหลม คมคาย กล้าหาญ ของนักวิชาการเฟมินิสต์ผู้นี้ ทำให้เรื่องราวในสมัยรัชกาลที่ 5 นี้ยังสนทนากับรัชสมัยปัจจุบันได้ด้วยเช่นกัน” 

ไอดา อรุณวงศ์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv แปลภาษาอาหรับ-ไทย lmyour แปลภาษา ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค Google Translate การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 หยน อาจารย์ ตจต เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 บบบย ศัพท์ทหารบก แปลภาษาจีน การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ขุนแผนหลวงปู่ทิม มีกี่รุ่น ชขภใ ตม.เชียงใหม่ เซ็นทรัลเฟสติวัล พจนานุกรมศัพท์ทหาร รหัสจังหวัด อําเภอ ตําบล รหัสประจำจังหวัด 77 จังหวัด สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม หนังสือราชการ ตัวอย่าง ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด อเวนเจอร์ส ทั้งหมด แปลภาษา มาเลเซีย ไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค ่้แปลภาษา Egp G no Reconguista Google map ขุนแผนหลวงปู่ทิมรุ่นแรก ข้อสอบภาษาไทยพร้อมเฉลย ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ค้นหา ประวัติ นามสกุล จองคิว ตม เชียงใหม่ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ดีแม็กมือสองราคาไม่เกิน350000 ตัวอย่างรายงานการประชุมสั้นๆ