เผยแพร่: 28 ส.ค. 2554 12:52 โดย: MGR Online
หลังจากที่ซัมซุง ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่จากแดนกิมจิ ได้ทำการเปิดตัว ซัมซุง กาแล็กซี่ แท็บ 7 นิ้ว (Samsung Galaxy Tab 7") ซึ่งเป็นแท็บเล็ตแอนดรอยด์ตัวแรกลงสู่ตลาด และจากประสบการณ์ดังกล่าวคาดว่าซัมซุงคงได้รับรู้ถึงความต้องการที่มีความแตกต่างระหว่างตลาดสมาร์ทโฟนและตลาดแท็บเล็ตเพื่อตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคให้ตรงใจมากยิ่งขึ้นจนกลายเป็นซัมซุง กาแล็กซี่ แท็บ 10.1 (Samsung Galaxy Tab 10.1)
จุดเด่นที่เห็นได้ชัดสำหรับแท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุดของซัมซุง นั่นคือ น้ำหนักของตัวเครื่องที่มีน้ำหนักเบาประมาณ 565 กรัม นอกจากนี้การดีไซน์ตัวเครื่องมีความบางมาก เพียงแค่ 8.6 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นแท็บเล็ตที่มีความบางที่สุดในโลกในตอนนี้
สำหรับ Samsung Galaxy Tab 10.1 มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ Honeycomb ที่ทางกูเกิลได้ประกาศว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกพัฒนาเพื่อการใช้งานในรูปแบบแท็บเล็ตโดยเฉพาะ ซึ่งเครื่องที่รีวิวเป็นแอนดรอยด์ 3.1 ความละเอียดจอ 800 x 1280 พิกเซล มีกล้องหน้าและกล้องหลัง
นอกจากนี้เครื่องตัวเครื่องยังรองรับทั้ง 2G และ 3G ที่เครือข่าย Quad Band ทำให้สามารถใช้งานได้กับทุกโอเปอเรเตอร์ แต่ในประเทศไทยทางซัมซุงได้ทำตลาดร่วมกับเอไอเอส พร้อมแพกเกจพิเศษโดยเฉพาะ
**Feature On Samsung Galaxy Tab 10.1**
Galaxy Tab 10.1 มาพร้อมกับอินเตอร์เฟส TouchWiz UX ที่ทางซัมซุงพัฒนาขึ้นมาเองแทนที่จะใช้อินเตอร์เฟส Honeycomb เหมือนกับแอนดรอยด์แท็บเล็ตตัวอื่นๆ ในหน้าจอหลักสามารถจัดเรียงวิดเจ็ต, แอปฯ ชอตคัต หน้าหลักทั้งหมดจะมี 5 หน้า
ด้านขวาล่างจะมีปุ่มลัดการเปิด-ปิดไวไฟ จีพีเอส ปุ่มเสียงที่สามารถตั้งสั่นได้ ระบบหมุนหน้าจอ มีโหมดปรับแสงหน้าจอที่ตั้งเป็นออโตได้ ปุ่มตั้งค่าอื่นๆ และ การแจ้งเตือนอื่นๆ ล่างซ้ายเป็นปุ่มคำสั่งการทำงาน ได้แก่ ปุ่ม ย้อนกลับ โฮม แอปฯที่ใช้งานล่าสุด และสกรีน แคปเจอร์
Mini App สังเกตที่ด้านล่างจะมีลูกศรขึ้นอยู่ ส่วนนี้จะเรียกว่า Mini App ถ้าสัมผัสตรงส่วนนี้จะมีแอปพลิเคชันเสริมแสดงผลขึ้นมา ซึ่งจะมีทั้งหมด 6 แอปฯ ได้แก่ Task Manager, Calendar, World Clock, Mini Pen Memo, Calculator และ Music
ในหน้าจอหลักของ Galaxy Tab 10.1 จะเลื่อนจากซ้าย-ขวา เพื่อเปลี่ยนหน้า ซึ่งถ้าหากผู้ใช้สัมผัสที่แอปฯ ใดแอปฯ หนึ่งค้างเอาไว้ จะเป็นคีย์ลัดสำหรับวางแอปพลิเคชันลงบนหน้าจอหลักได้
Samsung Apps เป็นแอปพลิเคชันที่ทางซัมซุงพัฒนาขึ้นมาเอง เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ระดับสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตสามารถเข้าดาวน์โหลดแอปฯ ได้ทันที โดยจะมีหัวข้อหลักๆ คือแอปยอดนิยม แบ่งตามหมวดหมู่แอปพลิเคชัน
Social Hub บริการแอปพลิเคชันเสริมสำหรับผู้ชื่นชอบการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทั้งทวิตเตอร์ (Twitter) และเฟซบุ๊ก (Facebook) ซึ่งสามารถฟีดทวีต หรือสถานะล่าสุดบนเฟซบุ๊ก
อีบุ๊ก ใน Samsung Galaxy Tab 10.1 มีแอปพลิเคชันที่รองรับการอ่านอีบุ๊ก (Ebook) มาให้ได้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สำหรับไฮไลท์ข้อความ ปากกาสำหรับเน้นจุดข้อความสำคัญๆ และมีคำสั่งที่จะให้ตัวแอปพลิเคชันอีบุ๊กอ่านข้อความในหนังสือด้วยเสียงแก่ผู้ใช้อีกด้วย ส่วนแอปพลิเคชันสามารถอ่านได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
ฟังก์ชันกล้องถ่ายรูป อินเตอร์เฟสมีการปรับเปลี่ยนโฉม แบ่งส่วนการควบคุมออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งซ้ายและฝั่งขวา บริเวณตรงกลางเป็นพื้นที่สำหรับดูมุมมองของภาพ สามารถใช้นิ้วสัมผัสที่ชัตเตอร์ได้ (มีฟีเจอร์ Touch to Focus ทำให้การโฟกัสภาพมีความแม่นยำ)
แถบฝั่งขวามีปุ่มสลับโหมดกล้องถ่ายภาพและวิดีโอ ปุ่มชัตเตอร์กล้อง และอัลบั้มภาพอยู่ด้านล่าง
แถบฝั่งซ้ายจะประกอบไปด้วยแฟลช ที่สามารถเลือกได้ทั้งออโต เปิด-ปิดแฟลช โหมดสลับกล้องหน้า-กล้องหลัง สามารถเลือกปรับชูตติ้งโหมด ตั้งเวลาก่อนถ่ายภาพ และไอคอนสำหรับปรับแต่งโหมดการถ่ายภาพด้วยกล้อง
กล้องวิดีโอ แบ่งส่วนการควบคุมออกเป็น 2 ฝั่งเช่นกัน ฝั่งซ้ายมีโหมดแฟลช โหมดเปลี่ยนถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้า สามารถปรับสมดุลแสงขาว แอฟเฟกต์ต่างๆ เลือกความละเอียดของภาพ
Photo Editor เป็นแอปพลิเคชันจากซัมซุงเอง ใช้สำหรับตกแต่งภาพ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกภาพจากอัลบั้มที่มีอยู่ หรือจะเลือกที่จะถ่ายภาพใหม่ ซึ่งรูปที่ถูกเลือกจะนำมาใส่แอฟเฟกต์ ครอปภาพ ตกแต่งสี ปรับโหมดภาพได้
เว็บบราวเซอร์ ในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.1 (Honeycomb) ส่วนของเว็บเบราว์เซอร์จะใช้เป็นโครม เอชทีเอ็มเอล (Chrome HTML) ผู้ใช้สามารถซิงค์บุ๊คมาร์กจากโครม เบราว์เซอร์ (Chrome Browser) บนพีซีมาลงในแท็บเล็ต บราวเซอร์ได้อีกด้วย จุดอื่นๆคือตัวเบร์าวเซอร์ใช้งานอะโดบี แฟลชได้ (Adobe Flash) ซูมเข้า-ออกแบบมัลติทัชได้
Music App แอปฯ สำหรับฟังเพลงอินเตอร์เฟสเรียบง่ายผู้ใช้งานสามารถเลือกเล่นเพลงจากอัลบั้ม ศิลปิน แนวเพลง หรือโฟลเดอร์ หน้าจอขณะฟังเพลงกดให้สุ่มเพลง เลื่อนฟังเพลงก่อนหน้า ถัดไป หรือเล่นเพลงซ้ำได้
คีย์บอร์ด ใน Galaxy Tab 10.1 มีให้ผู้ใช้งานเลือกได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยไม่ต้องโหลดเพิ่มจากแอนดรอยด์ มาร์เก็ต
สเปกเครื่องภายใน Galaxy Tab 10.1 ใช้หน่วยประมวลผลดูอัลคอร์ 1 GHz ARM Cortex-A9 proccessor ชิปกราฟิกเป็น Tegra 2 T20 หน่วยความจำภายในมีตั้งแต่ 16/32/64 GB รุ่นที่ทดสอบเป็นรุ่น 16 GB RAM 1GB ไม่มีสล็อตใส่ไมโครเอสดีการ์ด
ผลการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน Quadrant Advance ได้ 2129 คะแนน ในส่วนของ SmartBench 2011 ได้ไป 2390 คะแนนในส่วนของ Productivity Index ด้าน Game Index ได้ 2376 คะแนน สำหรับการทดสอบด้วย Multitouch Tester รองรับจุดสัมผัสพร้อมกันทั้งสิ้น 10 จุด
ในขณะเดียวกันหน่วยการประมวลผลภาพด้วย NenaMark 1 และ Nenamark 2 ได้ 20.0 เฟรมต่อวินาที และ 27.6 เฟรมต่อวินาที ตามลำดับ
**Design & Specifications of Samsung Galaxy Tab 10.1**
Samsung Galaxy Tab 10.1 มีขนาดหน้าจอ 10.1 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 800 x 1280 พิกเซล ขนาดรอบตัวเครื่อง 256.7 x 175.3 x 8.6 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวเครื่องทั้งหมดอยู่ที่ 565 กรัม รุ่นที่ทำการทดสอบเป็น 3G/WiFi
ด้านหน้า - กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์ Three-axis gyro sensor
ด้านหลัง - มาพร้อมความละเอียดกล้อง 3 ล้านพิกเซล มีระบบออโตโฟกัส และแอลอีดี แฟลช ถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 720p มีโลโก้ซัมซุงอยู่ตรงกลาง
ด้านล่าง - มี port 30 พิน สำหรับชาร์จแบตเตอรี่เครื่อง
มีลำโพงแฝงอยู่ที่ด้านซ้ายและขวา
ด้านซ้าย - มีปุ่มเปิดปิดเครื่อง ปุ่มปรับความดังของเสียง พอร์ตหูฟังขนาดมาตรฐาน และสล็อตใส่ซิมการ์ด 3G
บทสรุป
หลังจากที่เคยออกแท็บเล็ต Galaxy Tab 7 นิ้ว แต่คราวนี้ทางซัมซุงมาพร้อมกับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโฉมแท็บเล็ตของตัวเองชนิดหน้ามือ-หลังมือเลยทีเดียว สำหรับราคาเปิดตัวของ Galaxy Tab 10.1 ราคารุ่น 16GB 3G ราคาอยู่ที่ 18,900 บาท ขณะที่รุ่นที่สามารถใช้ได้เฉพาะ WiFi ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 14,900 บาท
ซึ่งในส่วนนี้อาจจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคต้องเลือกระหว่างจะใช้แท็บเล็ตแบบไอโอเอส หรือแท็บเล็ตที่เป็นแอนดรอยด์ ซึ่่งเทียบราคากันแล้ว ราคาของฝั่ง Galaxy Tab 10.1 ราคาถูกกว่ากันอยู่เล็กน้อย ที่สำคัญคือสามารถใช้งานได้กับซิมการ์ดขนาดมาตรฐาน
จุดที่ Galaxy Tab 10.1 แตกต่างจากแท็บเล็ตรุ่นอื่นคืออินเตอร์เฟส ที่ทางซัมซุงตัดสินใจที่จะไม่ใช้ Honeycomb UI และเลือกที่จะพัฒนาอินเตอร์เฟสของตัวเองที่มีการปรับปรุงโฉม TouchWiz UX ซึ่งสีสันมีความคล้ายคลึงกับ TouchWiz รุ่นก่อนๆที่พัฒนาลงสมาร์ทโฟน ส่วนความละเอียดหน้าจอเป็น PLS TFT ที่มีความละเอียด 800x1280 พิกเซล ภาพที่ให้มีสีสันที่คมชัด ไม่แพ้ AMOLED ที่เคยเป็นจุดขายของซัมซุงก่อนหน้านี้
ด้านการใช้งานมัลติมีเดีย มาพร้อมกล้องหน้า-กล้องหลัง โดยที่กล้องหน้าความละเอียดที่ 2 ล้านพิกเซล และกล้องหลังมีความละเอียด 3 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 720p และสามารถดูไฟล์วิดีโอระดับ Full HD ได้อีกด้วย
ความจุแบตเตอรี่ที่ทางซัมซุงให้มาอย่างจุใจถึง 7,000 mAH ดังนั้นปัญหาเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างการใช้งานคงไม่มีปัญหา เนื่องจากแบตเตอรี่ระดับ 7,000 mAH สามารถใช้งานจริงได้ไม่ต่ำกว่า 9 ชั่วโมงเลยทีเดียว