10อ นด บ youtube ท ม คนต ดตามมากท ส ดในโลก

จำนวนผู้ติดตามแสดงถึงจำนวนผู้ชมที่ติดตามช่อง YouTube ของคุณ คุณดูจำนวนผู้ติดตามแบบเรียลไทม์และดูการเติบโตของคุณตลอดช่วงที่ผ่านมาได้ใน YouTube Analytics โดยคุณจะได้รับอีเมลและเห็นภาพเคลื่อนไหวแสดงความยินดีใน YouTube Studio เมื่อบรรลุเป้าหมาย

ดูจำนวนผู้ติดตาม

  1. ลงชื่อเข้าใช้ YouTube Studio
  2. เลือก Analytics ในเมนูด้านซ้าย
  3. ในแท็บภาพรวม ให้ค้นหาการ์ดเรียลไทม์
  4. คลิกดูจำนวนปัจจุบันเพื่อดูจำนวนผู้ติดตามตลอดช่วงที่ผ่านมา

ทำความเข้าใจจำนวนผู้ติดตาม YouTube

ผู้ชมจะดูจำนวนผู้ติดตามของคุณเป็นตัวเลขย่อได้ ระบบจะย่อจำนวนผู้ติดตามนี้ตามจำนวนผู้ติดตามที่ช่องมี

หากคุณมี จำนวนผู้ติดตามจะอัปเดตทุกๆ ครั้งที่มี ผู้ติดตามน้อยกว่า 1,000 คน ผู้ติดตามใหม่ 1 คน ผู้ติดตาม 1,000–9,999 คน ผู้ติดตามใหม่ 10 คน ผู้ติดตาม 10,000–99,999 คน ผู้ติดตามใหม่ 100 คน ผู้ติดตาม 100,000–999,999 คน ผู้ติดตามใหม่ 1,000 คน ผู้ติดตาม 1,000,000–9,999,999 คน ผู้ติดตามใหม่ 10,000 คน ผู้ติดตาม 10,000,000–99,999,999 คน ผู้ติดตามใหม่ 100,000 คน ผู้ติดตาม 100,000,000–999,999,999 คน ผู้ติดตามใหม่ 1,000,000 คน

โปรดใช้ตารางด้านล่างเพื่อทำความเข้าใจวิธีที่ระบบจะแสดงจำนวนผู้ติดตามของคุณ

เช่น หากคุณมีผู้ติดตาม ระบบจะแสดงจำนวนผู้ติดตามเป็น จำนวนผู้ติดตามครั้งถัดไปคือ 123 คน 123 124 1,234 คน 1.23 พัน 1.24 พัน 12,345 คน 1.23 หมื่น 1.24 หมื่น 123,456 คน 1.23 แสน 1.24 แสน 1,234,567 คน 1.23 ล้าน 1.24 ล้าน 12,345,678 คน 12.3 ล้าน 12.4 ล้าน 123,456,789 คน 123 ล้าน 124 ล้าน

นำบัญชีที่ปิดไปแล้วและผู้ติดตามที่เป็นสแปมออก

  • บัญชีที่ปิดไปแล้ว: บัญชีที่ครีเอเตอร์ปิดหรือถูกยกเลิกการใช้งานโดย YouTube เนื่องจากมีการละเมิดนโยบาย
  • ผู้ติดตามที่เป็นสแปม: ผู้ติดตามที่ได้มาด้วยวิธีทุจริต เช่น การซื้อผู้ติดตามผ่านบริการของบุคคลที่สาม

เราตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีและการกระทำบนช่อง YouTube อยู่เสมอ นอกจากนี้ เราอาจแก้ไขเมตริกเว็บไซต์ใน YouTube Analytics เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สอดคล้องกันของแหล่งที่มาต่างๆ ด้วย ซึ่งเป็นกระบวนการป้องกันไม่ให้เมตริกเว็บไซต์มีสแปม การละเมิด และบัญชีที่ปิดไปแล้ว เพื่อให้ YouTube เป็นพื้นที่ที่ยุติธรรมสำหรับทุกคน

จำนวนผู้ติดตามต้องเป็นไปตามความเป็นจริงเพื่อให้คุณสร้างฐานผู้ชมอย่างถูกต้อง บัญชีที่ปิดไปแล้วและผู้ติดตามที่ได้รับการระบุว่าเป็นสแปมจะไม่นำมานับรวมในยอดรวมของผู้ติดตาม และจะไม่ปรากฏในรายการผู้ติดตาม รวมถึงไม่มีผลต่อยอดดูหรือเวลาในการรับชม

ในช่วงแรก เขาลองสร้างคอนเทนต์อยู่หลายประเภท เช่น แคสต์เกม หรือวิจารณ์ประเด็นดรามาในโลกออนไลน์ แต่ก็ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไรนัก เพราะเป็นเนื้อหาที่พบเห็นได้ทั่วไป

ในปี 2016 หรือภายหลังจากทำช่อง YouTube มาได้ 4 ปี MrBeast ก็ยังมีคนกดติดตามอยู่แค่ราว 30,000 รายเท่านั้น

ในเวลาต่อมา เขาสมัครเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ก็ได้ตัดสินใจลาออก หลังจากเรียนไปได้เพียง 14 วัน..

เพราะต้องการทำช่อง YouTube อย่างเต็มตัวมากกว่า ซึ่งคุณแม่ของเขาไม่เห็นด้วย ถึงขนาดไล่คุณ Donaldson ออกจากบ้าน

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นยูทูบเบอร์ต่อไป และในระหว่างที่หมดไอเดียในการหาคอนเทนต์

เขาจึงลองทำเรื่องง่าย ๆ แต่ไม่น่าจะมีใครเคยทำมาก่อน นั่นก็คือการอัดคลิปนั่งนับเลข 1 ถึง 100,000 โดยใช้เวลาถึง 44 ชั่วโมง ซึ่งก็ต้องบอกว่าคลิปที่ลงจริง ต้องเร่งสปีดบางส่วน เพราะ YouTube ให้ลงคลิปได้ยาวสุดเพียงแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น

ที่น่าตกใจก็คือ คลิปหมดไอเดียของเขา กลับกลายเป็นไวรัลในวงกว้างขึ้นมา จนชื่อของ MrBeast เริ่มเป็นที่พูดถึงในโซเชียลมีเดีย แถมคลิปนี้มียอดวิวกว่า 26 ล้านครั้ง เลยทีเดียว..

ด้วยเหตุนี้ คุณ Donaldson จึงพอจับทางได้แล้วว่า วิดีโอและคีย์เวิร์ดลักษณะไหน ที่น่าจะได้รับความนิยม และถูกอัลกอริทึมของ YouTube แนะนำในหน้าแรก เขาจึงไล่ทำคลิปแนวดังกล่าวออกมาอีกหลายครั้ง เช่น

- อ่านทุกคำในพจนานุกรม - พูดชื่อคนดัง เช่น คุณ PewDiePie หรือคุณ Logan Paul จำนวน 100,000 ครั้ง - นั่งดูมิวสิกวิดีโอเดิม วนไป 10 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้ช่อง MrBeast เติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีคนกดติดตามครบ 1 ล้านราย ในปี 2017

พอเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง ทำให้สามารถสร้างรายได้จากค่าโฆษณาของ YouTube และจากเหล่าสปอนเซอร์ต่าง ๆ ได้ เขาจึงมีเม็ดเงินมาลงทุนในอุปกรณ์สำหรับถ่ายทำ และพัฒนารูปแบบคอนเทนต์ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ในเวลาต่อมา เขาได้จ้างเพื่อนสมัยเด็กอีก 4 คน คือคุณ Chris Tyson, คุณ Chandler Hallow, คุณ Garrett Ronalds และคุณ Jake Franklin มาเป็นทีมร่วมดำเนินรายการด้วยกัน

ซึ่งคุณ Donaldson มองว่าคลิปที่น่าจะมีโอกาสเป็นไวรัลได้ ต้องมีความเกี่ยวข้องกับเงินจริง ๆ จึงเกิดไอเดียทำคลิปแนวแจกเงินเพื่อดูรีแอ็กชัน หรือจัดการแข่งขันชิงเงินรางวัลมหาศาล โดยต้นทุนดังกล่าว ส่วนใหญ่ก็มาจากเงินสนับสนุนของสปอนเซอร์ นั่นเอง

พอเป็นเช่นนี้ เลยทำให้คลิปของ MrBeast มีคุณภาพสูงและน่าติดตามชม โดยมียอดวิวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10 ล้านครั้งต่อคลิป เลยทีเดียว ซึ่งทำให้สปอนเซอร์ยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเข้าถึงฐานคนดูจำนวนมาก

ตัวอย่างคลิปวิดีโอที่น่าสนใจของ MrBeast

- จัดแข่งขัน Squid Game ชิงเงินรางวัล 16 ล้านบาท มียอดวิวล่าสุด 281 ล้านครั้ง - จัดแข่งขันยืนอยู่ในพื้นที่วงกลมเป็นคนสุดท้าย ชิงเงินรางวัล 17 ล้านบาท มียอดวิวล่าสุด 177 ล้านครั้ง - เล่นเกมขโมยเพชร มูลค่า 3.5 ล้านบาท ผ่านระบบรักษาความปลอดภัย มียอดวิวล่าสุด 122 ล้านครั้ง - แจกเงิน 35 ล้านบาท แต่ต้องใช้ซื้อของภายใน 1 นาที มียอดวิวล่าสุด 109 ล้านครั้ง

นอกจากนั้น ยังมีคลิปประเภทอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยม เช่น การให้ทิปพนักงานร้านอาหาร หรือสตรีมเมอร์ หลักหมื่นหรือหลักแสนบาท รวมไปถึงการแจกรถยนต์ บ้าน หรือล่าสุดเป็นเกาะส่วนตัว..

สิ่งเหล่านี้ทำให้ช่อง MrBeast ในฐานะที่เป็นผู้นำของคอนเทนต์วิดีโอประเภทนี้ เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

- เดือนพฤศจิกายน ปี 2018 มีคนกดติดตามครบ 10 ล้านราย - เดือนมกราคม ปี 2021 มีคนกดติดตามครบ 50 ล้านราย - เดือนกรกฎาคม ปี 2022 มีคนกดติดตามครบ 100 ล้านราย

ในปัจจุบัน MrBeast มีคนกดติดตามอยู่ 102 ล้านราย ซึ่งสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก และสูงเป็นอันดับ 2 หากนับเฉพาะช่องของยูทูบเบอร์เท่านั้น ใกล้เคียงกับช่อง PewDiePie ที่มีคนติดตาม 111 ล้านราย

นอกจากนั้น เขายังมีช่องย่อยอื่น ๆ ได้แก่

- MrBeast Gaming มีคนกดติดตาม 28 ล้านราย - Beast Reacts มีคนกดติดตาม 18 ล้านราย - MrBeast Shorts มีคนกดติดตาม 14 ล้านราย - Beast Philanthropy มีคนกดติดตาม 9 ล้านราย - MrBeast 2 มีคนกดติดตาม 6 ล้านราย

สรุปแล้ว อาณาจักร YouTube ของคุณ Donaldson มีคนกดติดตามถึง 180 ล้านราย และมียอดวิวรวมทั้งหมดกว่า 2.6 หมื่นล้านครั้ง

ส่งผลให้ในปี 2021 นิตยสาร Forbes ได้จัดอันดับให้ MrBeast เป็นยูทูบเบอร์ที่ทำรายได้มากที่สุดในโลก ด้วยเงินมูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาท

และนอกจากช่อง YouTube แล้ว คุณ Donaldson ยังนำเงินไปต่อยอดธุรกิจเชนร้านเบอร์เกอร์ ชื่อว่า MrBeast Burger ซึ่งใช้โมเดลแบบ Virtual Kitchen หรือร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้าน

แต่ใช้ครัวของร้านอาหารที่เป็นพาร์ตเนอร์ และขายแบบดิลิเวอรีเท่านั้น จึงทำให้ขยายสาขาได้กว่า 300 แห่ง รวมทั้งมีการใช้กลยุทธ์แจกฟรีในวันเปิดตัว จนกลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์เช่นกัน

นอกจากนั้น เขายังทำกิจกรรมเพื่อสังคม ไม่ว่าจะเป็น จัดระดมทุน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในโครงการ

TeamTrees เพื่อปลูกต้นไม้ 20 ล้านต้น

ซึ่งได้รับความร่วมมือจากอินฟลูเอนเซอร์ และคนดังอย่าง คุณอีลอน มัสก์, คุณแจ็ก ดอร์ซีย์ รวมถึงจัดระดมทุน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในโครงการ

TeamSeas เพื่อเก็บขยะในทะเลและชายหาด น้ำหนัก 30 ล้านปอนด์ อีกด้วย