สมเด็จพระญาณวชิโรดม นามเดิม วิริยังค์ บุญฑีย์กุล ฉายา สิรินฺธโร (7 มกราคม พ.ศ. 2463 – 22 ธันวาคม พ.ศ. 2563) เป็นสมเด็จพระราชาคณะฝ่ายธรรมยุติกนิกาย อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมมงคลเถาบุญญนนทวิหาร Show ประวัติ[แก้]ชาติกำเนิด[แก้]สมเด็จพระญาณวชิโรดม เดิมชื่อ วิริยังค์ บุญฑีย์กุล เป็นบุตรของขุนเพ็ญภาษชนารมย์ กับมั่น บุญฑีย์กุล (หรือ อุบาสิกามั่น; ถึงแก่กรรมปี พ.ศ. 2520) เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2463 ณ สถานีรถไฟปากเพรียว จังหวัดสระบุรี ต่อมาย้ายมาตั้งหลักปักฐานที่บ้านใหม่สำโรง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา มีพี่น้อง 7 คน ได้แก่
ก่อนบวช[แก้]วันหนึ่งขณะที่ท่านอายุประมาณ 13 ปี เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งชวนให้ไปวัดเป็นเพื่อน ขณะที่รอเพื่อนไปต่อมนต์ (ท่องบทสวดมนต์) กับหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ท่านก็รออยู่ด้วยความเบื่อหน่ายเพราะไปตั้งแต่ 2 ทุ่มกลับเที่ยงคืน จะกลับบ้านเองก็ไม่ได้เพราะเส้นทางเปลี่ยวและกลัวผี ได้แต่คิดอยู่ในใจว่า "ตั้งแต่นี้ต่อไปไม่มาอีกแล้ว ๆ ๆ" ไม่ช้าก็เกิดความสงบขึ้น ตัวหายไปเลยเบาไปหมด เห็นตัวเองมี 2 ร่าง ร่างหนึ่งเดินลงศาลาไปยืนอยู่ที่ลานวัด มีลมชนิดหนึ่งพัดหวิวเข้าสู่ใจ รู้สึกเย็นสบายเป็นสุขอย่างยิ่งถึงกับอุทานออกมาเองว่า "คุณของพระพุทธศาสนา มีถึงเพียงนี้เทียวหรือ" แล้วเดินกลับไปที่ร่างกลับเข้าตัว พอดีเป็นเวลาเลิกต่อมนต์ จึงเล่าให้กับพระอาจารย์กงมาฟัง พระอาจารย์ก็ว่า "เด็กนี่ เรายังไม่ได้สอนสมาธิให้เลยทำไม จึงเกิดเร็วนัก" ตั้งแต่นั้นมาก็จึงเรียนรู้เกี่ยวกับการทำสมาธิ ต่อมาวันหนึ่งท่านทำงานหนักเกินตัวจึงล้มป่วยเป็นอัมพาต บิดาพยายามหาหมอมารักษาแต่ก็รักษาไม่ได้ แพทย์แผนปัจจุบันบอกว่าหมดหวังในการรักษา ท่านได้แต่นอนอธิษฐานอยู่ในใจว่า "ถ้ามีผู้ใดมารักษาให้หายจากอัมพาตได้ จะอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น" ไม่นานก็ปรากฏว่ามีชีปะขาวตนหนึ่งมาถามบิดาของท่านว่า "จะรักษาลูกให้เอาไหม" บิดาก็บอกว่า "เอา" ชีปะขาวก็เดินมาหาท่านซึ่งนอนอยู่ พร้อมทั้งกระซิบถามว่าอธิษฐานดังนั้นจริงไหม ท่านก็ตอบว่าจริง จึงให้พูดให้ได้ยินดัง ๆ หน่อย ท่านก็พูดให้ฟัง ชีปะขาวก็เอาไพรมาเคี้ยว ๆ แล้วก็พ่นใส่ตัวของท่านแล้วก็จากไป เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นปรากฏว่าท่านรู้สึกว่าจะกระดิกตัวได้ ทดลองลุกขึ้นเดินก็ทำได้เป็นที่อัศจรรย์ใจ 7 โมงเช้าปรากฏว่าชีปะขาวมายืนหลับตาบิณฑบาตอยู่ที่ประตูบ้าน ท่านจึงนำอาหารจะไปใส่บาตร ชีปะขาวกลับขอให้ท่านพูดถึงคำอธิษฐานของท่านให้ฟัง เมื่อพูดแล้วจึงยอมรับบาตร แล้วบอกให้ท่านไปหาที่ใต้ต้นมะขาม วัดสว่างอารมณ์ เมื่อไปถึงชีปะขาวก็ให้พูดคำอธิษฐานให้ฟังอีก แล้วก็พาเดินไปหลังวัด คว้าเอามีดอันหนึ่งออกไปตัดหางควายมาชูให้ดู แล้วก็ต่อหางคืนไปใหม่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับถามว่า "ลุงเก่งไหม" ท่านก็ตอบว่า "เก่ง" ลุงจะสอนคาถาให้ แต่ต้องท่องทุกวันเป็นเวลา 10 ปีจึงใช้ได้ ท่านก็ได้เรียนคาถานั้น แล้วก็บอกว่าพรุ่งนี้ให้เตรียมใส่บาตร วันรุ่งขึ้นปรากฏว่าไม่พบตาชีปะขาวแล้ว ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ไม่เคยพบกับตาชีปะขาวอีกเลย บรรพชา[แก้]สมเด็จพระญาณวชิโรดม (วิริยังค์ สิรินฺธโร) บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2478 ขณะอายุ 16 ปี บรรพชา ณ วัดสุทธจินดาวรวิหาร ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา โดยพระธรรมฐิติญาณ (สังข์ทอง นาควโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบรรพชาได้ 10 วัน ก็ตามพระอาจารย์กงมาออกธุดงค์ ตามป่าเขาลำเนาไพรเพื่อแสวงหาที่วิเวก เมื่อพบที่สงบก็จะหยุดอยู่ทำความเพียร แม้บางครั้งอดอาหารกันอยู่หลายวัน บางครั้งเจอสัตว์ร้าย เจออันตรายหรือหนทางอันยาวไกล เช่นในบางวันเดินธุดงค์ข้ามเขาเกือบ 50 กิโลเมตร ก็ไม่ย่อท้อ โดยถือคติที่ว่ารักความเพียร รักธรรมะมากกว่าชีวิต ครั้งหนึ่งเมื่อออกจากดงพญาเย็นพบโจรกลุ่มหนึ่งมีอาวุธครบมือมาล้อมไว้ พระอาจารย์กงมาได้เทศน์สั่งสอนโจร มีอยู่ตอนหนึ่งเทศน์ว่า "พวกเธอเอ๋ย แม้พวกเธอจะมาหาทรัพย์ ตลอดถึงการผิดศีลของพวกเธอนั้นก็เพื่อเลี้ยงชีวิตนี้เท่านั้น แต่ชีวิตนี้ก็ไม่ใช่ของพวกเธอเลย มันจะสิ้นกันไม่รู้วันไหน เป็นเช่นนี้ทุกคน ถึงพวกเธอจะฆ่าไม่ฆ่าเขาก็ตาย เธอก็เหมือนกันมีความดีเท่านั้นที่ใคร ๆ ฆ่าไม่ตาย อย่างเรานี้จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่อนาทรร้อนใจ เพราะความดีเราทำมามากแล้ว" ปรากฏว่าพวกโจรวางมีดวางปืนทั้งหมดน้อมตัวลงกราบพระอาจารย์กงมาอย่างนอบน้อม หัวหน้าโจรมอบตัวเป็นศิษย์และได้บวชเป็นตาผ้าขาวถือศีล 8 เดินธุดงค์ไปด้วยกันจนกระทั่งหมดลมหายใจในขณะทำสมาธิ อุปสมบท[แก้]สมเด็จพระญาณวชิโรดม (วิริยังค์ สิรินฺธโร) อุปสมบทเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 ขณะอายุ 20 ปี อุปสมบท ณ วัดทรายงาม บ้านหนองบัว อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี โดยพระปัญญาพิศาลเถร (หนู ฐิตปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาทองสุข สุจิตโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อได้เดินธุดงค์ติดตามพระอาจารย์กงมาไปในที่ต่าง ๆ เป็นเวลา 8 ปี วันหนึ่ง พระอาจารย์กงมาพาท่านเดินธุดงค์จากจังหวัดจันทบุรีไปจังหวัดสกลนคร เพื่อไปพบพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลวงพ่อวิริยังค์ได้รับเลือกให้เป็นอุปัฎฐากอยู่ในพรรษา 4 ปี นอกพรรษา 5 ปี รวมเป็น 9 ปี ได้เดินธุดงค์ร่วมกับพระอาจารย์มั่น เรียนธรรมะอันลึกซึ้ง ได้จดคำสอนของหลวงปู่มั่นบางตอนไว้ (ปกติท่านห้ามผู้ใดจดเด็ดขาด เมื่ออ่านให้ท่านฟังภายหลังท่าน กลับรับรองว่าใช้ได้) ต่อมาท่านได้เผยแพร่คำสอนนี้แก่สาธารณชน ในหนังสือที่ชื่อว่า "มุตโตทัย" เจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นพระมหาเถระที่ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงมีพระราชหฤทัยศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง การศึกษา[แก้]เมื่อปี พ.ศ. 2477 ขณะอายุ 13 ปี ได้บวชเป็นชีปะขาว เนื่องจากการบวชศึกษาตั้งแต่อายุยังน้อย จบชั้นประถมปีที่ 4 หลังจากนั้นบรรพชาแล้วศึกษาจบนักธรรมชั้นตรี นอกจากนั้นเป็นเวลาปฏิบัติกรรมฐาน เดินธุดงค์ตลอดระยะเวลาบรรพชาและอุปสมบท มรณภาพ[แก้]เมื่อวันศุกร์ ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2563 สมเด็จพระญาณวชิโรดม ได้เข้ารับการรักษาอาการอาพาธ ณ โรงพยาบาลกรุงเทพ คณะแพทย์ผู้ดูแลรักษาได้ให้การรักษาอย่างใกล้ชิดร่วมกับการทำกายภาพบำบัด อาการเริ่มดีขึ้นสลับกับคงที่ตามลำดับมา จนกระทั่งวันเสาร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ได้มีอาการทรุดลงและได้มรณภาพด้วยอาการสงบด้วยโรคชรา ในวันอังคาร ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 07.32 น. สิริอายุได้ 100 ปี 11 เดือน 15 วัน 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานโกศมณฑปแทนโกศไม้สิบสอง เพื่อประกอบเกียรติยศ ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปยังอาคารบุญญาวาส วัดธรรมมงคลเถาบุญนนทวิหาร เขตพระโขนง พระราชทานน้ำหลวงสรงศพสมเด็จพระญาณวชิโรดม วิริยังค์ สิรินธโร หลังจากที่ทรงพระราชทานน้ำหลวงสรงศพเสร็จแล้ว เจ้าพนักงานสุกรรมศพ(มัดตราสังข์)ลงสู่หีบ จากนั้นเชิญไปประดิษฐานหลังโกศพระราชทาน ในการนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณสมเด็จพระสังฆราช(อัมพร อมฺพโร) เสด็จมาประทานน้ำสรงศพ และทรงปลงธรรมสังเวช ประทาน แด่สมเด็จพระญาณวชิโรดม(วิริยังค์ สิรินธฺโร) ในการนี้ด้วย การบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน 7วัน 50วัน 100วัน พระราชทานศพ เจ้าประคุณสมเด็จฯ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี เป็นผู้แทนพระองค์ในการบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทาน และทรงรับการบำเพ็ญกุศลครบรอบ 1ปี การถึงแก่มรณภาพของ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ด้วย อนึ่ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ เชิญดอกไม้สดมาบูชาเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่วันที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯมรณภาพ จนถึงการบำเพ็ญพระราชกุศลออกเมรุ พระราชทานเพลิงศพ การพระราชทานเพลิงศพ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2565 วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ผู้แทนพระองค์ในการบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน ในการออกเมรุพระราชทานเพลิงศพ วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ในการบำเพ็ญพระราชกุศล ออกเมรุพระราชทานเพลิงศพ และในเวลา 17:30น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ ณ. เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส โดยทรงทอดผ้าไตรถวายแด่ สมเด็จพระราชาคณะและพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป พระสงฆ์บังสุกุล ทรงหลั่งทักษิโณทก จากนั้นเสด็จพระดำเนินขึ้นเมรุ ทรงหยิบกระทงข้าวตอกดอกไม้จากเจ้าพนักงานพระราชพิธี วางหน้าโกศศพ และทรงหยิบธูปเทียนดอกไม้จันทน์ ทรงจุดไฟที่ตำรวจวังชูถวาย พระราชทานเพลิงศพ ทรงคม จากนั้นทรงวางดอกไม้จันทน์พระราชทาน ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากนั้นเสด็จลงจากเมรุ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้นายกรัฐมนตรีและคณะผู้ดำเนินงาน การศพเจ้าประคุณสมเด็จฯ เฝ้าถวายของที่ระลึกและทรงมีพระราชปฏิสันถารกับผู้เข้าเฝ้า ถึงเวลาสมควร เสด็จพระราชดำเนินกลับ ในการนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณสมเด็จพระสังฆราช(อัมพร อมฺพโร) เสด็จไปในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ด้วย วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานผ้าไตรและภัตตาหารสามหาบในการเก็บอัฐิธาตุเจ้าประคุณสมเด็จฯ โดยมีการถ่ายทอดสดพิธีพระราชทานเพลิงศพ ผ่านทาง สถานวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เพจ วัดธรรมมงคลเถาบุญญนนทวิหาร และ เพจ สถาบันพลังจิตตานุภาพ โดยในพิธีมีพระสงฆ์ ศิษยานุศิษย์และประชาชน เข้าร่วมพิธี ณ.วัดเทพศิรินทราวาส นับหมื่นคน และได้มีกำหนดให้จัดพิธีวางดอกไม้จันทน์ ณ. วัดธรรมมงคลเถาบุญนนทวิหาร รวมถึง สถานบันพลังจิตตานุภาพตามสาขาต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยพร้อมเพรียงกัน ช่อไม้จันทน์ สำหรับในงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระญาณวชิโรดม(วิริยังค์ สิรินธฺโร)นั้น ได้มีการจัดทำ ช่อไม้จันทน์ขึ้นโดยทำจาก แผ่นไม้จันทน์ฉลุลาย ใช้เทคนิคการซ้อนลายไม้ประกอบเป็นช่อ โดยกึ่งกลางช่อเป็นรูปดอกบัว พื้นหลังเป็นลายกระหนกเปลวเป็นรัศมี เหนือยอดดอกบัวเป็นสัญลักษณ์อุณาโลม จัดทำถวายจำนวน 9 ช่อ ออกแบบและจัดทำ โดย ครูช่างจักรกริศษ์ สุขสวัสดิ์ (ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี 2564) สมณศักดิ์[แก้]
นับเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏฝ่ายวิปัสสนาธุระ รูปแรกของฝ่ายธรรมยุติกนิกาย และรูปที่สองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ผลงาน[แก้]
ผลงานการสร้างวัดในประเทศไทย[แก้]
การสร้างวัดในต่างประเทศ
ด้านการบริหารและการปกครองคณะสงฆ์
ผลงานการประพันธ์[แก้]
ปริญญากิตติมศักดิ์[แก้]
อ้างอิง[แก้]
|