เพื่อไม่ให้ทำงานมากเกินไป โดยตัวยาจะออกฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันในร่างกายให้อ่อนแอลง ลดการต่อต้านอวัยวะที่ได้รับการปลูกถ่ายใหม่ ช่วยให้อวัยวะดังกล่าวไม่ถูกทำลาย ซึ่งสามารถนำไปใช้กับผู้ป่วยหลายโรค เช่น โรคภูมิต้านทานตนเอง อย่างโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคลูปัส อีกทั้งยังใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็งและป้องกันการต่อต้านอวัยวะใหม่ Show
แพทย์จะพิจารณาให้ใช้ยาแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละโรค เนื่องจากยากดภูมิคุ้มกันแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม มีทั้งรูปแบบยารับประทานและยาฉีด เช่น
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ถึงประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา เนื่องจากยากดภูมิคุ้มกันบางชนิดอาจทำให้ทารกเกิดความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด คำเตือนในการใช้ยากดภูมิคุ้มกันเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
ผลข้างเคียงจากการใช้ยากดภูมิคุ้มกันการใช้ยากดภูมิคุ้มกันแต่ละกลุ่มจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ต่างกันไป เช่น ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น นอกจากนี้ อาจทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอกว่าปกติ จึงป้องกันการติดเชื้อได้น้อยลงและยังยากต่อการรักษาให้หายดี โดยสัญญาณของการติดเชื้อที่พบได้ คือ มีไข้ ปวดหลังส่วนหลัง ปัสสาวะลำบาก เจ็บขณะปัสสาวะปัสสาวะบ่อยครั้ง อ่อนเพลียหรืออ่อนล้าอย่างผิดปกติ อย่างไรก็ตาม หากพบความผิดปกติอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ หรือมีอาการแย่ลงหลังรับประทานยากดภูมิคุ้มกันชนิดใดก็ตามควรหยุดใช้ยา แล้วแจ้งให้แพทย์ทราบทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนและรับการรักษาที่เหมาะสม ยากดภูมิคุ้มกัน หรือ ยากดภูมิต้านทาน หรือ ยากดภูมิคุ้มกันต้านทานโรค (Immunosuppressants หรือ Immunosuppressive agents) คือ กลุ่มยาที่ใช้เพื่อกดหรือลดความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกัน/ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรค/ระบบภูมิต้านทานในร่างกาย จึงมักใช้รักษาโรคต่างๆที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานมากจนผิดปกติ ยากดภูมิคุ้มกันแบ่งได้เป็นกี่กลุ่ม?ยากดภูมิคุ้มกัน (ยาฯ) ทั่วไปแบ่งได้เป็นกลุ่มๆ ดังนี้ ก. ยาฯกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids): เช่น ยาเพรดนิโซโลน (Prednisolone) ข. ยาฯกลุ่มที่เป็นพิษต่อเซลล์ (Cytotoxic drugs, คือยาที่หยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ เช่น หยุดยั้งการแบ่งตัวของเซลล์): เช่นยา อะซาไธโอพรีน (Azathioprine), เล็ฟฟลูโนไมด์ (Leflunomide), 6-เมอร์แคปโตพิวรีน, (6-Mercaptopurine), เมโธเทรกเซท (Methotrexate), ไซโคลฟอสฟาไมด์ (Cyclophosphamide), ไมโคฟีโนเลต โมฟิทิล (Mycophenolate Mofetil), คลอแรมบิวซิล (Chlorambucil) ค. ยาฯกลุ่มยับยั้งแคลซินูริน (กลุ่มยายับยั้งแคลซินูริน/Calcineurin inhibitors, เป็นยาที่ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด ที-ลิมโฟไซต์ /T-lymphocye ซึ่งมีหน้าที่คอยกำจัดสิ่งแปลกปลอมของร่างกาย ทำงานได้ลดลง): เช่นยา ไซโคลสปอริน (Cyclosporin), ทาโครลิมัส (Tacrolimus) ง. ยาฯยับยั้ง Mammalian Target of Rapamycin (mTOR, เป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้ง Mammalian Target of Rapamycin ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้เซลล์มะเร็งเพิ่มจำนวนรุกล้ำเข้าร่างกายและดื้อต่อยาต้านมะเร็ง เช่น ดื้อต่อยาเคมีบำบัด): เช่นยา ไซโรลิมัส (Sirolimus), เอเวอโรลิมัส (Everolimus) จ. ยาฯกลุ่ม Immunosuppressive antibodies (ยากดภูมิคุ้มกันที่ได้มาจาก สารภูมิต้านทาน): เช่นยา แอนติไทโมไซต์โกลบูลิน(Antithymocyte Globulin, ATG), มิวโรโมแนบ (Muromonab-CD3, OKT3), บาซิลิซิแมบ (Basiliximab), ดาคลิซูแมบ (Daclizumab), นาทาลิซูแมบ (Natalizumab), อินฟลิซิแมบ (Infliximab), อะดาลิมูแมบ (Adalimumab), เซอร์โทลิซูแมบ (Certolizumab), อีทาเนอร์เซ็บต์ (Etanercept) ฉ. ยาฯกลุ่มต้านมะเร็ง ที่ชื่อว่า โมโนโคลนอลแอนตีบอดี (Monoclonal antibodies, ยาสารภูมิต้านทานที่ได้จากเซลล์สร้างภูมิต้านทานเพียงชนิดเดียว เช่น จาก Myeloma cells): เช่นยา อะเลมทูซูแมบ (Alemtuzumab), ริทูซิแมบ (Rituximab), โอฟาทูมูแมบ (Ofatumumab), เบวาซิซูแมบ (Bevacizumab), ซิทูซิแม็บ (Cetuximab), พานิทูมูแมบ (Panitumumab), ทราสทูซูแมบ (Trastuzumab) ช. ยาฯอื่นๆ: เช่น ยาอะนาคินรา (Anakinra, ยารักษาโรคข้อรูมาตอยด์) ยากดภูมิคุ้มกันมีจำหน่ายในรูปแบบใด?ยากดภูมิคุ้มกัน ทั่วไปมีจำหน่ายในรูปแบบ:
อนึ่ง: อ่านเพิ่มเติม เรื่องรูปแบบของยาต่างๆที่มีจำหน่ายในปัจจุบันได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง “รูปแบบยาเตรียม” ยากดภูมิคุ้มกันมีข้อบ่งใช้อย่างไร?ทั่วไปยากดภูมิคุ้มกันมีข้อบ่งใช้/สรรพคุณ เช่น
มีข้อห้ามใช้ยากดภูมิคุ้มกันอย่างไร?ทั่วไปมีข้อห้ามใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น
มีข้อควรระวังการใช้ยากดภูมิคุ้มกันอย่างไร?มีข้อควรระวังการใช้ยากดภูมิคุ้มกันทั่วไป เช่น
การใช้ยากดภูมิคุ้มกันในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรเป็นอย่างไร?การใช้ยากดภูมิคุ้มกัน(ยาฯ)ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ทั่วไปควรเป็นดังนี้ เช่น
การใช้ยากดภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุควรเป็นอย่างไร?การใช้ยากดภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุ ทั่วไปควรเป็นดังนี้ เช่น
การใช้ยากดภูมิคุ้มกันในเด็กควรเป็นอย่างไร?เนื่องจากวัยเด็ก(นิยามคำว่าเด็ก)เป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตของร่างกาย และระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ยังไม่เต็มที่ ทำให้ขนาดการใช้ยาต่างๆรวมถึงยากดภูมิคุ้มกัน(ยาฯ), กระบวนการของร่างกายที่จัดการกำจัดยาต่างๆ อาการไม่พึงประสงค์จากยาต่างๆที่เกิดขึ้นแตกต่างไปจากผู้ใหญ่ ซึ่งมีตัวอย่างของการใช้ยากดภูมิคุ้มกันในเด็ก เช่น
อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยากดภูมิคุ้มกันมีอะไรบ้าง?อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา/ ผลข้างเคียง จากการใช้ยากดภูมิคุ้มกัน(ยาฯ) ทั่วไปเช่น
สรุปทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ "ยา" ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยากดภูมิคุ้มกัน) ยาแผนโบราญทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆ เสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิด ควรต้องปฏิบัติตาม ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน |