ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น (เช่น มีเพศสัมพันธ์ฉุกเฉินที่ไม่มีการป้องกัน, ลืมรับประทานยาคุมกำเนิดในเม็ดต้น ๆ ของแผง หรืออื่น ๆ) หากเป็นผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดชนิดที่รับประทานต่อเนื่องวันละ 1 เม็ด (หรือเรียกว่ายาคุมธรรมดาตามที่ผู้ถามระบุมา) ทุกวันจนหมดแผงแล้วขึ้นแผงใหม่ (ชนิด 28 เม็ด ซึ่งมีเม็ดแป้ง 7 เม็ด) หรือหยุด 7 วันก่อนขึ้นแผงใหม่ (ชนิด 21 เม็ด) ถ้าได้รับประทานอย่างสม่ำเสมอและอย่างต่อเนื่องแล้ว ยามีประสิทธิภาพป้องกันการตั้งครรภ์ไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์เวลาใดแม้เป็นช่วงที่รับประทานเม็ดแป้ง (หรือช่วงหยุด 7 วัน) โดยไม่ต้องเสริมด้วยการคุมกำเนิดวิธีใด ๆ (ซึ่งรวมถึงไม่ต้องรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน) หากผู้ถามไม่ได้รับประทานยาคุมกำเนิดชนิดแผงอยู่ก่อนและประสงค์จะเริ่มใช้การคุมกำเนิดวิธีดังกล่าว สามารถเริ่มต้นในวันที่รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน (หรือเริ่มต้นในวันใด ๆ แต่ต้องไม่ได้ตั้งครรภ์) โดยเริ่มรับประทานเม็ดที่เป็นตัวยาฮอร์โมนและให้งดการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 7 วันหลังจากเริ่มต้นรับประทานยา หรือหากจะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนั้นให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัย (หลีกเลี่ยงการใช้ยาคุมฉุกเฉินซ้ำอีก) อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง “ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม” โดยคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ที่ http://tinyurl.com/y7zovld5 และเรื่อง “ความรู้ทั่วไปเรื่องยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน” ได้ที่ http://tinyurl.com/yaseu3oa Reference: - Keywords: ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน,ยาคุมกำเนิดชนิดแผง หลังจากนี้ หากจะมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ ก็ควรใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด แผ่นแปะคุมกำเนิด เป็นต้น ซึ่งจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% ในขณะที่ยาคุมฉุกเฉินนั้น จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 58%-95% ค่ะ ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ในประเทศไทยมักพบบ่อยในชื่อการค้าว่าโพสตินอร์, มาดอนน่า, แมรี่พิงก์ มีจำนวน 2 เม็ด แต่ละเม็ดมียาลีโวนอร์เจสเตรล 0.75 มิลลิกรัม และแบบใหม่ 1 เม็ด ซึ่งจะมีลีโวนอร์เจสเตรล 1.5 มิลลิกรัม มีประสิทธิภาพดีไม่แตกต่างจากแบบ 2 เม็ด แต่ให้ความสะดวกกว่าไม่ต้องแบ่งเวลากิน เป็นการวิธีการคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์ในกรณีฉุกเฉินเพื่อลดโอกาสท้อง เช่น ไม่ได้คุมด้วยวิธีใดๆ เลย คุมแล้วพลาด ไม่ตั้งใจจะมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น วิธีการกินที่ถูกต้อง คือ กินยาให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ โดยกินพร้อมกันทั้งสองเม็ด หรือกินทีละเม็ดห่างกัน 12 ชม. หรือภายใน 120 ชม. 5 เหตุผลที่ไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแทนวิธีการคุมกำเนิดปกติ
รู้หรือไม่ว่า… สิทธิประโยชน์อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเลือกในการคุมกำเนิด คือการใช้ยาฝังคุมกำเนิดและห่วงอนามัย โดยประชาชนไทยเพศหญิงที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ทุกสิทธิ ที่อยู่ในภาวะหลังคลอด หรือต้องการคุมกำเนิด และผู้หญิงทุกช่วงวัยหลังยุติการตั้งครรภ์ สามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่ รพ.รัฐและ รพ.เอกชนที่เข้าร่วมระบบ 30 บาท หรือสอบถามเพิ่มเติมที่สายด่วน สปสช. โทร.1330 ดูรายละเอียดสถานบริการสุขภาพที่มีบริการคุมกำเนิด ยาฝัง ห่วงอนามัย ได้ที่ : https://rsathai.org/healthservice 2 คำถามยอดฮิตที่พบบ่อย โดยลุงหมอเรืองกิตติ์ 1. เพิ่งกินยาคุมฉุกเฉินเมื่อ 2 วันก่อน แล้ววันนี้มีเพศสัมพันธ์อีกควรกินอีกไหม? คำตอบ ความจริงคือ ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน 1 ชุด เมื่อกินแล้วจะไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ครอบคลุมการร่วมเพศเกิน 1 ครั้ง พูดง่ายๆ คือจะป้องกันจากการมีเพศสัมพันธ์ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้น ต้องกินยาคุมฉุกเฉินอีกครั้ง แต่หมอขอแนะนำว่าครั้งต่อไปถ้าวางแผนจะมีเพศสัมพันธ์กัน ควรใช้ถุงยางอนามัย หรืองดเพศสัมพันธ์รอจนกว่าผู้หญิงจะกินยาเม็ดคุมกำเนิดแบบ 21 หรือ 28 เม็ด หรือได้ฉีดยาคุมกำเนิดแล้ว เหตุผลก็เป็นเพราะวิธีดังกล่าวมีประสิทธิภาพป้องกันได้ดีกว่านั่นเอง ทั้งนี้ ยาคุมฉุกเฉินจะมีฤทธิ์ยับยั้ง หรือชะลอการเจริญของถุงรังไข่หรือการแตกของถุงรังไข่ หากกินช่วงตกไข่พอดีจะป้องกันไม่ได้ หรืออาจโชคดีไม่ท้องเนื่องจากร่วมเพศหลังการตกไข่ไปแล้วมากกว่า 24 ชั่วโมง ถ้ามีเพศสัมพันธ์ 2 ครั้งภายในหนึ่งวันสามารถ จะกินยาคุมฉุกเฉิน 1 ครั้งหลังจากนั้น กรณีที่ไม่มีประจำเดือนมาตามปกติภายในสามสัปดาห์หลังกินยา ควรตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ตั้งครรภ์ 2. มีอะไรกับแฟนเมื่ออาทิตย์ก่อน แบบไม่ใส่ถุงยาง พอมีอะไรกันเสร็จแล้วเราก็ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินแบบใหม่ที่มีเม็ดเดียวมา กินหลังจากนั้น 30 นาที แต่ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้วประจำเดือนยังไม่มา จะท้องไหม ? คำตอบ ผู้หญิงหนึ่งร้อยคนที่มีเพศสัมพันธ์หนึ่งครั้ง (แบบที่ว่าไม่ได้ป้องกันอะไรเลย) ก็จะพบการตั้งครรภ์ 8 คน แต่ถ้าใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีการตั้งครรภ์ลดเหลือ 1-3 คน แต่ควรใช้เฉพาะฉุกเฉินเท่านั้น อย่าใช้คุมกำเนิดระยะยาว เป็นประจำ หรือซ้ำๆ บ่อยๆ อันนี้ลุงหมอขอเน้นนะครับ เพราะยาจะช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ให้น้อยลงเท่านั้น ยิ่งใช้เร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้ผล เหมือนผู้ที่ถามมารายนี้กินเร็วหลังมีเพศสัมพันธ์ 30 นาที สามารถใช้ได้ภายใน 5 วันหรือ 120 ชั่วโมงหลังเพศสัมพันธ์ได้ผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 52-94% |