ป ายเต อนอ นตรายจากไฟฟ าท ต ควบค ม

ป ายเต อนอ นตรายจากไฟฟ าท ต ควบค ม
ป ายเต อนอ นตรายจากไฟฟ าท ต ควบค ม

  • อบรมความปลอดภัย
    • เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย
      • จป บริหาร
      • จป หัวหน้างาน
      • จป เทคนิค
      • คปอ
    • หลักสูตรตามกฎหมาย
      • พนักงานใหม่ 6 ชม.
      • ดับเพลิงขั้นต้น
      • การทำงานในที่อับอากาศ
      • การทำงานกับสารเคมี
      • การทำงานกับปั้นจั่น 4 ผู้
      • การทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า
    • การทำงานบนที่สูง
      • ที่สูง ผู้ปฏิบัติงาน
      • ที่สูง เสาส่งสัญญาณ
      • โรยตัวทำงานบนที่สูง
    • หลักสูตรทั่วไป
      • ปฐมพยาบาล
      • การทำงานกับนั่งร้าน
      • การขับรถยก (โฟคลิฟท์)
      • ผู้เฝ้าระวังไฟ
      • อันตรายจากเสียงดัง
  • ตรวจรับรอง
    • ตรวจเครน ปจ.1 ปจ.2
    • ตรวจสอบระบบไฟฟ้า
    • ตรวจระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้
    • ตรวจสอบระบบดับเพลิง
    • บริการตรวจสอบอาคารประจําปี
    • ฉีดพ่นฆ่าเชื้อโควิด19
  • สินค้า
  • บริการช่วยเหลือ
  • Newsroom
  • Privacy Notice

ภัยอันตรายจากไฟฟ้า

ป ายเต อนอ นตรายจากไฟฟ าท ต ควบค ม

แม้ว่าอันตรายจากไฟฟ้าจะพบได้น้อยกว่าอันตรายจากน้ำร้อนลวก หรือ บาดเจ็บจากของร้อน แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความรุนแรง และอันตรายจากไฟฟ้านั้นเสี่ยงต่อชีวิตมากจริง ๆ วันนี้เราจึงมาแนะนำ ภัยอันตรายจากไฟฟ้า รวมถึงวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างไรให้ปลอดภัย เผื่อเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายจากไฟฟ้า เราจะได้ช่วยเหลือคนอื่นได้ทัน

เมื่อมีเหตุเกิดเพลิงไหม้เรามักจะได้ยินข้อสันนิษฐานว่ามีเหตุ มาจากไฟฟ้าลัดวงจร ภาวะหรือสาเหตุการลัดวงจรคือกระแสไฟฟ้าไหลครบวงจรโดยไม่ผ่านเครื่องใช้ ไฟฟ้า (LOAD) การลัดวงจรของไฟฟ้ามีมากมายหลายสาเหตุ สาเหตุหลักเกิดจากการใช้ไฟฟ้าที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ได้มีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ปรากฏการณ์ที่พบได้บ่อย คือ

1.1 ฉนวนไฟฟ้าชำรุดและเสื่อมสภาพ อาจเนื่องมาจากอายุการใช้งานนาน สภาพแวดล้อมมีความร้อนสูง ใช้พลังงานไฟฟ้าเกินพิกัดทำให้เกิดความร้อนภายในสายหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า

1.2 มีสิ่งก่อสร้าง ต้นไม้ หรือสิ่งอื่น ๆ ไปพาดทับหรือสัมผัสสายไฟฟ้า เกิดการขัดสี จนฉนวนชำรุด ลวดตัวนำ ภายในสายสัมผัสกันเองจนเกิดการลุกไหม้

1.3 สายไฟฟ้าหลุด หรือขาดลงพื้น ทำให้กระแสไฟฟ้ากระจายอยู่ในบริเวณนั้น หากพื้นผิวบริเวณนั้นเปียกชื้น อันตรายต่อผู้สัญจรยิ่งสูงตามไปด้วย

เป็นภาวะที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายมีผลทำให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็ง จนไม่สามารถสะบัดให้หลุดได้ ปริมาณของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกายทำให้เสียชีวิต หรือพิการไฟฟ้าดูดในบางกรณี เป็นการดูดที่ผู้ประสบเหตุไม่ได้สัมผัสกับไฟฟ้าโดยตรงก็ได้ เช่นจับตัว ผู้สัมผัสไฟฟ้า หรือใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าใต้แนวไฟฟ้า แรงสูงก็เคยมีกรณีให้เป็นตัวอย่างมาแล้ว ปกติพื้นดินเป็นส่วนหนึ่งของวงจรไฟฟ้า มีแรงดันทางไฟฟ้าเป็นศูนย์ ดังนั้น เมื่อเราสัมผัส ส่วนใดใดที่มีแรงดันไฟฟ้าขณะที่ร่างกายยืนอยู่บนพื้นดิน กระแสไฟฟ้าก็จะไหลผ่านร่างกายลงดินครบวงจร เราจึงถูกไฟฟ้าดูด การถูกไฟฟ้าดูดจากการสัมผัส สามารถแยกแยะตามลักษณะของการสัมผัสได้เป็น 2 แบบคือ

2.1 การสัมผัสโดยตรง(Direct Contact)คือการที่ส่วนร่างกายสัมผัสถูกส่วนที่มีไฟฟ้าโดยตรง เช่น สายไฟฟ้ารั่ว เพราะฉนวนชำรุดแล้วมีบุคคลเอามือไปจับหรือจากการที่เด็กเอาโลหะหรือตะปูแหย่ เข้าไปในปลั๊ก(เต้ารับไฟฟ้า)

2.2 การสัมผัสโดยอ้อม(Indirect Contact) ลักษณะนี้ บุคคลไม่ได้สัมผัสส่วนที่มีไฟฟ้าโดยตรง แต่เกิดจากการที่ บุคคลไปสัมผัสกับส่วนที่ปกติไม่มีไฟฟ้า เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่มีไฟฟ้าเนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ๆ รั่ว ไฟฟ้าจึงปรากฏ อยู่บนพื้นผิวของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ๆ เมื่อบุคคลไปสัมผัสจึงถูกไฟฟ้าดูด

กระแสไฟฟ้าที่จะไหลผ่านร่างกายมนุษย์ อันดับแรกจะขึ้นอยู่กับจุดหรืออวัยวะที่สัมผัสกับกระแสไฟฟ้า และไหลผ่านร่างกายไปสู่อวัยวะอีกส่วน ดังนั้นจึงเป็นส่วนสำคัญสำหรับการใช้อวัยวะหรือการใช้มือขวาเป็นมือหลัก เป็นมือถนัด เพราะจะเป็นการลดความเสี่ยงในการไม่ให้มีกระแสไหลผ่านหัวใจ ที่เป็นฝั่งซ้ายมือนั้นเอง จากการวิจัยหาทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้าที่จะผ่านร่ายกาย ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่จะไหลผ่านเข้าสู่ร่ายการมนุษย์ของแต่ละคนจะไม่เท่ากันจะขึ้นอยู่กับสภาพที่แวดล้อมต่าง และที่สำคัญคือ อิมพีแดนซ์ภายในร่ายกายของแต่ละคน ดังภาพที่ประกอบ

เผยแพร่เมื่อ: 12/07/2564...., เขียนโดย คุณวุฒิพงศ์ ปัทมวิสุทธิ์ ที่ปรึกษาและวิทยากรอิสระ...,

เรื่อง อันตรายและการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า

ในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า กับอุปกรณ์และบริภัณฑ์ไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานและบุคลากรผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับไฟฟ้า จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในข้อกำหนดกฎหมาย ความรู้ทางทฤษฎีไฟฟ้า การป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า เพื่อเป็นพื้นฐานที่จำเป็น สำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ บริภัณฑ์ไฟฟ้า ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้า ช่างเทคนิค วิศวกร ในองค์กร และรวมถึงการติดตาม และควบคุม ตรวจสอบ การทำงานของช่างผู้รับเหมาที่เข้ามาทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า ให้มีความปลอดภัยในการทำงาน และใช้งานได้อย่างปลอดภัย

การเกิดอันตรายจากไฟฟ้า จะแบ่งตามลักษณะของอันตรายได้ 2 ประเภทคือ อันตรายที่เกิดกับบุคคล และอันตรายที่เกิดกับทรัพย์สิน รวมถึงอาจมีผลกระทบที่เกิดต่อเนื่องจากอุบัติเหตุจากไฟฟ้า ทั้งบุคคล ทรัพย์สินและชุมชนหรือสาธารณะ

ข้อแรก อันตรายจากไฟฟ้าที่เกิดกับบุคคล แบ่งออกได้ดังนี้ 1.1 อันตรายจาก ไฟฟ้าดูด (Electric Shock)คือการมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านส่วนต่างๆของร่างกาย โดยที่ไฟฟ้าจะดูดเราได้ก็ต่อเมื่อร่างกายสัมผัสส่วนที่มีไฟฟ้า 2 จุด และ 2 จุดนั้นมีแรงดันไฟฟ้าต่างกัน ทำให้ร่างกายเป็นส่วนหนึ่งของวงจรไฟฟ้า โดยความรุนแรงของอันตรายจากไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับ - แรงดันไฟฟ้าระหว่างจุดสัมผัส 2 จุด - ขนาดของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกาย - ระยะเวลาที่สัมผัสกับไฟฟ้า - เส้นทางที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย - ความต้านทานของร่างกาย ณ ขณะสัมผัสไฟฟ้า

การสัมผัสส่วนที่มีกระแสไฟฟ้า แบ่งการสัมผัสออกเป็น 2 แบบ คือ

  1. การสัมผัสโดยตรง ( Direct Contact ) ความหมายคือร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งไปสัมผัสกับตัวนำไฟฟ้าที่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าแล้ว หรือไปสัมผัสกับบริภัณฑ์ไฟฟ้าที่ไปสัมผัสกับตัวนำไฟฟ้าที่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าแล้วทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายไปครบวงจรที่แหล่งจ่ายไฟฟ้า
  2. สัมผัสโดยอ้อม ( Indirect Contact ) ความหมายคือร่างกายส่วนใสส่วนหนึ่งไปสัมผัสกับบริภัณฑ์ไฟฟ้าที่มีกระแสไฟฟ้ารั่วไหล ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายครบวงจรลงดิน

ป ายเต อนอ นตรายจากไฟฟ าท ต ควบค ม

1.2 อันตรายจาก ประกายไฟจากการอาร์ก (Arc Blast) การอาร์กเป็นการปล่อยประจุไฟฟ้าออกสู่อากาศในรูปของแสง เกิดขึ้นเมื่อมีแรงดันไฟฟ้าตกคร่อมช่องว่างระหว่างสายตัวนำมีค่าสูงเกินค่าความคงทนของไดอิเล็กทริก (dielectric strength) ของอากาศ และมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอากาศ ทำให้เกิดดังนี้

ป ายเต อนอ นตรายจากไฟฟ าท ต ควบค ม

  1. รังสีความร้อน และแสงจ้า ทำให้เกิดอันตรายกับบุคคลที่ปฏิบัติงานหรืออยู่ใกล้
    1. โลหะหลอมละลาย สร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์
    2. แผลไหม้จากการอาร์ก (Arc Burns) ความรุนแรงของแผนไหม้มี 3 ระดับดังนี้ - ความรุนแรงระดับ 1 หนังกำพร้าผิวนอกถูกทำลายแผงบวมแดง - ความรุนแรงระดับ 2 หนังกำพร้าตลอดทั้งชั้นและหนังแท้ส่วนตื้นๆ ถูกทำลายผิวหนังอาจหลุดลอดเห็นเนื้อแดง น้ำเหลืองซึม การรักษาไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นขึ้นได้ - ความรุนแรงระดับ 3 หนังกำพร้าและหนังแท้ทั้งหมด รวมทั้งต่อมเหงื่อ และเซลประสาทถูกทำลาย ผิวหนังทั้งชั้นหลุดลอกเห็นเนื้อแดงหรือเนื้อไหม้เกรียม บาดแผลประเภทนี้จะไม่หายเอง จำเป็นต้องรักษาให้ถูกวิธี อาจเกิดมีการดึงรั้งของแผลทำให้ข้อยึดติด เมื่อหายแล้วจะเป็นแผลเป็น บางรายจะพบแผลเป็นที่มีลักษณะนูน ถือเป็นบาดแผลที่ร้ายแรง

1.3 อันตรายจาก การระเบิดจากการอาร์ก (Arc Blast) เมื่อเกิดจากการอาร์กขึ้นในพื้นที่จำกัด เมื่ออากาศได้รับความร้อนจากอาร์กก็จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว อาจมีอุณภูมิสูงและความดันที่มีพลังงานสูง ทำให้บุคคลได้รับอันตรายจากการกระเด็น กระแทกกับของแข็ง หรือทำให้ตกจากที่สูง

ป ายเต อนอ นตรายจากไฟฟ าท ต ควบค ม

ข้อสอง อันตรายจากไฟฟ้าที่มีผลกับทรัพย์สิน แบ่งออกได้ดังนี้ 2.1 ไฟฟ้าลัดวงจร (Short Circuit) คือการที่มีจุด 2 จุดในวงจรไฟฟ้ามาสัมผัสกัน มี 2 กรณี

  1. การสัมผัสระหว่างสายไฟฟ้ากับสายไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้า
    1. การสัมผัสระหว่างสายไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้ากับดินหรือสายดิน

สาเหตุของไฟฟ้าลัดวงจร อาจเกิดจากฉนวนไฟฟ้าชำรุดหรือเสื่อมสภาพ แรงดันที่ใช้เกินขนาดหรือมีกระแสไฟฟ้าเกินขนาดของสายไฟฟ้า และอาจเกิดจากการที่ตัวนำไฟฟ้าที่มีแรงดันต่างกันสัมผัสกันหรือ ตัวนำไฟฟ้าสัมผัสกับดินหรือสายดิน เมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจรแล้วจะมีผลให้ สายไฟฟ้าหรือเครื่องใช้อุปกรณ์ บริภัณฑ์ไฟฟ้าชำรุดเสียหาย อาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ ทรัพย์สินเสียหาย และบุคคลที่อยู่ในที่เกิดเหตุได้รับอันตรายบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้

แนวทางในการป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร - เลือกอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งที่ได้มาตรฐานและติดตั้งตามมาตรฐานที่กำหนด - มีการตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้าอยู่เป็นประจำ - ดูแลบำรุงรักษา ทำความสะอาดเครื่องใช้ บริภัณฑ์ไฟฟ้าตามรอบระยะเวลา - เลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับรองมาตรฐาน มอก. หรือ มาตรฐานสากลอื่นๆ - ศึกษาและใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างถูกวิธี ตามคู่มือที่ผู้ผลิดหรือวิศวกรกำหนด

เมื่อเกิดเพลิงไหม้ที่สายไฟฟ้า เครื่องใช้หรือบริภัณฑ์ไฟฟ้า การดับเพลิงไหม้ที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรจะต้องดำเนินการดังนี้ - ตัดแหล่งจ่ายไฟฟ้าออกถ้าทำได้ - แจ้งเหตุเพลิงไหม้ยังหน่วยดับเพลิงในพื้นที่ หรือ โทรศัพท์แจ้งเหตุไฟไหม้ ขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่หมายเลข 199 - ใช้ถังดับเพลิง ชนิด Class C (Electrical Equipment) ที่เหมำสมกับเพลิงไหม้ที่เกิดกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังมีกระแสไฟฟ้าอยู่ - ในกรณีที่เป็นไฟฟ้าแรงสูง หม้อแปลง เสาไฟฟ้า ให้แจ้งการไฟฟ้าพื้นที่ การไฟฟ้านครหลวง แจ้งโทร 1130 และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโทร 1129

2.2 การเกิดเพลิงไหม้ เนื่องจากความร้อนจากบริภัณฑ์ไฟฟ้า ยังเกิดจากอีกหลายสาเหตุดังนี้ - ความร้อนจากการใช้งานเกินกำลังของเครื่องใช้ไฟฟ้า - ความร้อนจากการใช้งานตามปกติของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดความร้อน - ความร้อนจากการต่อสายไฟฟ้าไม่แน่น ไม่ได้มาตรฐาน - ขาดการตรวจสอบและบำรุงรักษา - การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าพร้อมกันหลายเครื่องในเต้ารับหรือสายพ่วงเดียวกัน - ผู้ปฏิบัติงานขาดความรู้ความสามารถในการซ่อมบำรุงษา - การติดตั้งไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า

วิธีป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า วิธีป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรม การจัดให้มีข้อบังคับในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้าเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญ โดยนายจ้างเป็นผู้ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้ลูกจ้างมีความปลอดภัย นายจ้างต้องจัดให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า โดยให้มีมาตรฐานไม่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า พ.ศ. 2558

สำหรับแนวทางการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ามีดังนี้ 1. การป้องกันการสัมผัสโดยตรง การป้องกันสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้ - ติดตั้งเครื่องปลดวงจรไฟฟ้าอัตโนมัติเมื่อไฟฟ้ารั่ว เบรกเกอร์จะไม่สามารถตัดวงจรได้เนื่องจากไฟฟ้าดูดได้ สำหรับไฟบ้าน 220 โวลต์ กระแสจะผ่านร่างกายประมาณ 0.22 แอมแปร์ หรือ 200 มิลลิแอมแปร์ ดังนั้นจึงต้องมีอุปกรณ์ตัดไฟฟ้ารั่วอัตโนมัติมาร่วมทำงานด้วยโดยใช้อุปกรณ์ประเภท RCD (Residual Current Devices) ทำหน้าที่ตัดกระแสไฟฟ้ารั่วได้ ซึ่งจะตัดวงจรเมื่อมีกระแสไฟฟ้ารั่วเกินมาตรฐานที่กำหนด - ใช้การหุ้มฉนวนส่วนที่มีไฟ (Insulation of Live Parts) เช่นสายไฟ หรือส่วนที่มีโอกาสสัมผัสส่วนทองแดงหรือโลหะที่มีไฟฟ้าได้ - ป้องกันโดยวิธีใช้สิ่งกั้น หรืออยู่ภายในตู้ (Barrier or Enclosures) จะต้องทำการล็อกไม่ให้เข้าถึงได้ง่าย - ป้องกันโดยใช้รั้วหรือสิ่งกีดขวาง (Fence or Obstacles) ทำการปิดกั้นไม่ให้ผ่านเข้าถึงได้ - ติดตั้งอยู่ในระยะที่เอื้อมไม่ถึง (Placing Out or Reach) เช่นนำสายไฟฟ้า ไว้สูงจากพื้นดิน หรือห่างจากอาคารในระยะที่เอื้อมไม่ถึง - ใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล (Personnel Protective Equipment) ให้ผู้ปฏิบัติงาน สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล เช่น ถุงมือยางพร้อมถุงมือหนัง รองเท้านิรภัย หมวกนิรภัย

2. การป้องกันการสัมผัสโดยอ้อม การป้องกันสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้ - บริภัณฑ์ไฟฟ้าให้ทำการต่อสายดินและต้องมีเครื่องปลดวงจรไฟฟ้าอัตโนมัติ การต่อสายดินอย่างเดียวโดยไม่ติดตั้งเครื่องปลดวงจรไฟฟ้ารั่วอัตโนมัติ กรณีถ้ามีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลจะรั่วไหลลงดิน เมื่อเราสัมผัสบริภัณฑ์ที่มีไฟฟ้ารั่วก็จะไม่ไหลผ่านร่างกายเรา ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัย แต่กระแสไฟจะรั่วไหลลงดินไปเรื่อย ๆ ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าได้ ดังนั้นถ้าติดตั้งคู่กับเครื่องปลดวงจรไฟฟ้าอัตโนมัติ จะทำให้ตัดออกจากระบบไฟฟ้าทันทีเมื่อกระแสรั่วไหลเกินกว่าค่าที่กำหนดไว้ โดยมาตรฐานประเทศไทยอยู่ที่ 30 มิลลิแอมป์ - ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทฉนวน 2 ชั้น (Double Insulation) เครื่องใช้ประเภท 2 จะไม่มีสายดินแต่จะมีการออกแบบพิเศษให้มีความหนาของฉนวนมากกว่าปกติหรือมีฉนวนหนา 2 ชั้น โดยต้องมีเครื่องหมาย Double Insulation แสดงที่ผลิตภัณฑ์

ป ายเต อนอ นตรายจากไฟฟ าท ต ควบค ม

- ใช้แผ่นฉนวนไฟฟ้าปูพื้นเวลาปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้า ถ้าต้องปฏิบัติงานในพื้นที่มีแรงดันไฟฟ้ามากกว่า 50 โวลต์ - ป้องกันโดยการใช้สิ่งของปิดกั้นส่วนที่เป็นโลหะของอุปกรณ์ บริภัณฑ์ไฟฟ้า - ใช้แยกระบบไฟฟ้าออกจากกัน (Isolation) หรือ ระบบที่ไม่ต่อลงดิน โดยแยกระบบออกจากกันโดยไม่มีส่วนต่อเนื่องทางไฟฟ้าร่วมกัน - โดยใช้เครื่องใช้ที่ใช้แรงดันไฟฟ้าต่ำที่ไม่เกิน 50 โวลต์ เช่น สว่านไร้สาย ระบบส่องสว่างที่ใช้แรงดันจากแบตเตอรี่ - ใช้วิธีจำกัดขนาดกระแสที่ไหลผ่านร่างกาย ให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อบุคคล เช่น ระบบป้องกันไฟดูดในเครื่องเชื่อมไฟฟ้า - ถ้าร่างกายเปียกชื้นไม่ควรแตะต้องหรือสัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สวิตช์ไฟฟ้า ที่เป่าผม หรือส่วนที่เป็นโลหะของบริภัณฑ์ไฟฟ้า

3. ระยะปลอดภัยในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้า - ระยะห่างต่ำสุดตามแนวนอน ระหว่างสายไฟฟ้ากับสิ่งก่อสร้าง เมื่อสายไฟฟ้าไม่ได้ยึดติดกับสิ่งก่อสร้าง (อ้างอิงจากมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย พ.ศ. 2556 วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ)

ป ายเต อนอ นตรายจากไฟฟ าท ต ควบค ม

- ระยะห่างระหว่างสายกับผู้ปฏิบัติงาน/เครื่องมือกล มาตรฐานระยะห่างที่ปลอดภัยของการทำงานใกล้สายไฟฟ้าแรงสูงสำหรับบุคคลหรือผู้ที่ปฏิบัติงานรวมถึงอุปกรณ์หรือเครื่องมือกลทุกชนิด เช่น ปั่นจั่นรถเครน หรือวัตถุที่ถืออยู่ในมือ จะต้องอยู่ห่างจากส่วนที่มีไฟฟ้าแรงสูงไม่น้อยกว่าระยะดังต่อไปนี้ (อ้างอิงจาก การไฟฟ้านครหลวง)

ป ายเต อนอ นตรายจากไฟฟ าท ต ควบค ม

- ระยะห่างที่ปลอดภัยของการทำงานใกล้สายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่มีฉนวนหุ้มทั้งในแนวดิ่งและแนวระดับสำหรับนั่งร้าน (อ้างอิงจากประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยในการทำงานก่อสร้างว่าด้วยนั่งร้าน)

ป ายเต อนอ นตรายจากไฟฟ าท ต ควบค ม

บทส่งท้าย การใช้งานหรือการทำงานกับบริภัณฑ์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า จะเกิดความปลอดภัย ต้องเริ่มจากการเลือกซื้อเลือกใช้อุปกรณ์ทีมีมาตรฐาน มีการใช้งานและการออกแบบติดตั้งโดย ช่างเทคนิคและวิศวกรที่มีความรู้ความสามารถ มีการตรวจสอบบริภัณฑ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ ผู้ที่ติดตั้งหรือซ่อมบำรุงต้องปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ตามข้อกำหนดขั้นต่ำด้านความปลอดภัยรวมถึงการใช้อุปกรณ์การป้องกันอันตรายตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน จะทำให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัยห่างไกลจากอุบัติเหตุต่างๆ

สามารถติดตาม OHSWA Meet the Professional: Safety Engineer for Jor Por Series เรื่อง “พื้นฐานความปลอดภัยด้านไฟฟ้าที่เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยต้องรู้” ในเรื่องต่อไป

EP.2 : กฎหมายความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า ที่จป. ต้องรู้ (ส.ค. 2564)

EP.3 : PPE สำหรับงานไฟฟ้า (ก.ย. 2564)

EP.4 : การตรวจสอบระบบไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับ จป. (ต.ค. 2564)

EP. 5 : มาตรฐานทางไฟฟ้าและมาตรฐานเครื่องใช้ไฟฟ้า ในสถานประกอบกิจการ (พ.ย. 2564)

EP.6 : เครื่องมือวัดทางไฟฟ้าเบื้องต้น สำหรับ จป. (ธ.ค. 2564)

ข้อมูลอ้างอิง (Reference source)

  • กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการและดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า พ.ศ. 2558 กระทรวงแรงงาน
  • ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดสาขาอาชีพ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะซึ่งต้องดำเนินการโดยผู้ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ คู่มือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ 1 (ภาคความรู้) สำนักพัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน