พ อในก ฏ เหร ยญเน อเง น ไม ม พ.ศ

จอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต (29 มิถุนายน พ.ศ. 2424 – 18 มกราคม พ.ศ. 2487) เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 36 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี มีพระนามลำลองว่า ทูลกระหม่อมชาย หรือ ทูลกระหม่อมบริพัตร เป็นอดีต​ผู้บัญชาการกรมทหารเรือ อดีตเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ อดีตเสนาธิการทหารบก อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม อดีตเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย อดีตผู้สำเร็จราชการรักษาพระนคร เป็นอดีต​องคมนตรีตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เป็นและได้รับการขนานพระนามเป็น "พระบิดาแห่งเพลงไทยเดิม"

พระประวัติ[แก้]

ไฟล์:สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี-กรมพระนครสวรรค์วรพินิต.jpgทูลกระหม่อมบริพัตรและพระมารดา

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ประสูติเมื่อวันพุธ ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2424 ในพระบรมมหาราชวัง มีพระโสทรเชษฐภคินีพระองค์เดียว คือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร

วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2434 ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าต่างกรม มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ ดิลกจันทรนิภาพงษ์ มหามกุฏวงษ์นราธิราช จุฬาลงกรณ์นารถราชวโรรส อดุลยยศอุภโตพงษพิสุทธิ นรุตมรัตน ขัตติยราชกุมาร กรมขุนมไหสูริยสงขลา และมีพระราชพิธีมงคลการโสกันต์ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม ถึงวันที่ 2 มกราคม ร.ศ. 113

ทรงศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ทรงสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยเสนาธิการ ประเทศเยอรมนี เมื่อเสด็จกลับมารับราชการ สมเด็จพระบรมชนกนารถทรงพระราชดำริว่าพระนามกรมเดิมไม่สมพระเกียรติยศ จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เปลี่ยนพระนามกรมเป็น กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2444 พระองค์ประทับที่วังบางขุนพรหม ซึ่งเป็นวังที่มีความใหญ่โตโอ่อ่าที่สุด ประกอบกับทรงมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญต่าง ๆ มากมาย จึงได้รับการกล่าวขานอีกฉายาหนึ่งจากคนทั่วไปว่า "จอมพลบางขุนพรหม" หรือ "เจ้าฟ้าวังบางขุนพรหม" ทรงเป็นต้นราชสกุลบริพัตร

วันที่ 16 พฤศจิกายน ร.ศ. 122 ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นราชองครักษ์พิเศษ ต่อมาในวันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ ศกนั้น ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกรมทหารเรือ และวันที่ 19 มีนาคม ศกเดียวกัน ได้ทรงสาบานตนและรับพระราชทานตราตั้งเป็นองคมนตรี

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดให้เปลี่ยนคำนำพระนามเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ และในวันต่อมาพระองค์ท่านได้เข้าถือน้ำและรับตั้งเป็นองคมนตรี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ต่อมาในวันที่ 11 ธันวาคม ศกเดียวกัน อันตรงกับวันเททองหล่อพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานยศ พลเรือเอก แด่ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ ดิลกจันทรนิภาพงษ์ มหามกุฎวงษ์นราธิราช จุฬาลงกรณนารถราชวโรรส อดุลยยศอุภโตพงษ์พิสุทธิ นรุตมรัตนขัตติยราชกุมาร กรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้เลื่อนเป็น สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ ดิลกจันทรนิภาพงศ มหามกุฎวงศนราธิราช จุฬาลงกรณนาถราชวโรรส อดุลยยศอุภโตพงศพิศุทธ นรุตมรัตนขัติยราชกุมาร กรมพระนครสวรรค์วรพินิต สชีวะเชษฐสาธิษฐสุขุมาลกษัตริย์ อภิรัฎฐมหาเสนานหุษเนาอุฑฑิน จุฬินทรปริยมหาราชวรางกูร สรรพพันธุธูรราชประยูรประดิษฐาประชาธิปกปัฐพินทร์ ปรมินทรมหาราชวโรปการ ปรีชาไวยัตโยฬารสุรพลประภาพ ปราบต์ไตรรัชยยุคยุกติธรรมอรรถศาสตร อุดมอาช์วีวีรยาธยาศรัย เมตตามันตภาณีศีตลหฤทัย พุทธาทิไตรรัตนศรณธาดา มหันตเดชานุภาพบพิตร ทรงศักดินา 50000 ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2468 (นับแบบปัจจุบันตรงกับปี พ.ศ. 2469)

พ อในก ฏ เหร ยญเน อเง น ไม ม พ.ศ
วังบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

ในการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นเจ้านายพระองค์สำคัญที่ทางคณะราษฎร ผู้กระทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองต้องควบคุมองค์ไว้เป็นองค์ประกันสำคัญสูงสุด เนื่องด้วยทรงเป็นผู้รักษาพระนคร อีกทั้งยังทรงควบคุมหน่วยงานความมั่นคงต่าง ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งทหาร และตำรวจ ซึ่งในเช้าวันที่ 24 มิถุนายน นั้น พระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น) เป็นผู้นำในการบุกวังบางขุนพรหม เพื่อควบคุมพระองค์ ซึ่งทรงกำลังจะหนีทางท่าน้ำหลังวัง พร้อมกับครอบครัวและข้าราชบริพาร แต่ทว่ามีเรือตอร์ปิโดหาญทะเลของทางทหารเรือฝ่ายคณะราษฎรที่ควบคุมโดย เรือโท จิบ ศิริไพบูลย์ คอยดักอยู่ จึงยังทรงลังเล จนในที่สุดพระองค์จึงทรงยินยอมให้ทางคณะราษฎรควบคุมองค์ และเสด็จไปประทับยังพระที่นั่งอนันตสมาคม พร้อมกับเจ้านายพระองค์อื่น ๆ และบุคคลสำคัญต่าง ๆ ซึ่งก่อนเสด็จมา ได้ทรงต่อรองขอเปลี่ยนเครื่องทรงจากชุดกุยเฮง ซึ่งเป็นชุดบรรทม ก็ได้รับการปฏิเสธ หลังจากนั้นในวันต่อมา ต้องเสด็จออกจากประเทศไทยอย่างกะทันหัน โดยเสด็จไปด้วยรถไฟขบวนพิเศษ ซึ่งวิ่งตลอดไม่มีหยุดพักจนถึงปีนังวันที่ 10 กรกฎาคม และย้ายไปประทับอยู่ที่เมืองบันดุง เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย ตราบจนสิ้นพระชนม์

ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเพียงไม่กี่วันนั้น พระยาอธิกรณ์ประกาศ (หลุย จาติกวณิช) อธิบดีกรมตำรวจได้ถวายรายงานต่อพระองค์ถึงรายชื่อของบุคคลต่าง ๆ ในคณะราษฎรว่ามีท่าทีจะกระทำการกระด้างกระเดื่องประการใดประการหนึ่งต่อบ้านเมือง แต่พระองค์ไม่ทรงเชื่อ ด้วยทรงเห็นว่าบุคคลเหล่านี้ไม่น่าจะมีศักยภาพเพียงพอที่จะกระทำการใด ๆ ได้ เนื่องจากทรงคุ้นเคยกับบุคคลเหล่านี้ดี ซ้ำบางคนยังทรงชุบเลี้ยงและรู้จักมาตั้งแต่ยังเด็กด้วยซ้ำ กระทั่งวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ จอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงพ้นจากประจำการเป็นนายทหารนอกราชการ

จอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต สิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคไตและพระหทัย เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2487 ที่ตำหนักประเสบัน เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย ขณะพระชันษา 63 ปี อัญเชิญพระศพกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2491 และได้มีการพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2493

ครอบครัว[แก้]

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสกสมรสกับหม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตร (ราชสกุลเดิม ไชยันต์; 12 ธันวาคม พ.ศ. 2429 – 21 มิถุนายน พ.ศ. 2499) ภายหลังหม่อมเจ้าประสงค์สมประชวร จึงทรงรับหม่อมสมพันธุ์ บริพัตร ณ อยุธยา (ราชสกุลเดิม ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา; 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2448 – 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523) มาเป็นหม่อมอีกคน และมีพระโอรส-ธิดารวม 11 พระองค์ ดังนี้

พระโอรส-ธิดาที่ประสูติแต่หม่อมเจ้าประสงค์สม แรกประสูติเป็นหม่อมเจ้า ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทุกพระองค์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่

  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต (5 ธันวาคม พ.ศ. 2447 – 15 กันยายน พ.ศ. 2502) เสกสมรสกับหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร (ราชสกุลเดิม เทวกุล; 8 มีนาคม พ.ศ. 2452 – 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2530) มีพระธิดาองค์เดียว คือ
    • หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร (25 สิงหาคม พ.ศ. 2473 – 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556)
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง (4 มกราคม พ.ศ. 2449 – 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2533) เสกสมรสกับหม่อมเจ้าอาชวดิศ ดิศกุล (23 มีนาคม พ.ศ. 2456 – 4 ธันวาคม พ.ศ. 2518) มีโอรสบุญธรรมคนเดียว คือ
    • ฤทธิ์ดำรง ดิศกุล (สกุลเดิม บุญหลง) สมรสกับแก้วตา ดิศกุล (สกุลเดิม หังสสูต) มีบุตรสองคน
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธวงษวิจิตร (16 มีนาคม พ.ศ. 2450 – 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546)
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสิฐสบสมัย (21 กันยายน พ.ศ. 2451 – 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2517) เสกสมรสกับหม่อมเจ้าโกลิต กิติยากร (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2453 – 2 มกราคม พ.ศ. 2519) มีธิดาคนเดียว คือ
    • หม่อมราชวงศ์พิลาศลักษณ์ บุณยะปานะ (22 สิงหาคม พ.ศ. 2483 – 24 กันยายน พ.ศ. 2540) สมรสกับบัณฑิต บุณยะปานะ (6 ตุลาคม พ.ศ. 2477 – 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2536) มีบุตรธิดาสามคน
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน (21 ธันวาคม พ.ศ. 2452 – 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543) เสกสมรสกับหม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล (9 มกราคม พ.ศ. 2429 – 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507) มีโอรสธิดาสี่คน ได้แก่
    • หม่อมราชวงศ์อายุมงคล โสณกุล (31 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 – 8 สิงหาคม พ.ศ. 2528) สมรสกับอมรา เหรียญสุวรรณ (ภายหลังได้หย่ากัน)
    • หม่อมราชวงศ์ถวัลย์มงคล โสณกุล (23 มิถุนายน พ.ศ. 2483 – 13 กันยายน พ.ศ. 2533) สมรสกับคุณหญิงสนทนา โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม หงสกุล; เกิด 31 สิงหาคม 2489) มีบุตรสองคน
    • หม่อมราชวงศ์สุมาลยมงคล โสณกุล (8 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 – 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562) สมรสกับจุลเสถียร โชติกเสถียร (25 ธันวาคม พ.ศ. 2480 – 12 เมษายน พ.ศ. 2555) มีบุตรธิดาสามคน
    • หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล (เกิด 28 กันยายน พ.ศ. 2486) สมรสกับรัชนี คชเสนี (ภายหลังได้หย่ากัน) และสมรสใหม่กับคุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ทองไข่มุกข์; 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 – 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557) มีบุตรธิดาสามคน
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรกานตมณี (24 กันยายน พ.ศ. 2455 – 30 ธันวาคม พ.ศ. 2520) เสกสมรสกับหม่อมเจ้าอรชุนชิษณุ สวัสดิวัตน์ (15 มกราคม พ.ศ. 2454 – 26 ตุลาคม พ.ศ. 2512) มีโอรสธิดาสามคน ได้แก่
    • หม่อมราชวงศ์เดือนเด่น กิติยากร (เกิด 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2484) สมรสกับหม่อมราชวงศ์สฤษดิคุณ กิติยากร (11 สิงหาคม พ.ศ. 2480 – 21 กันยายน พ.ศ. 2554) มีบุตรธิดาสามคน
    • หม่อมราชวงศ์ชิษณุสรร สวัสดิวัตน์ (เกิด 25 กันยายน พ.ศ. 2490) สมรสกับหม่อมราชวงศ์พร้อมฉัตร สวัสดิวัตน์ (ราชสกุลเดิม วุฒิชัย) มีธิดาสองคน
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าน้อง (12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2462 – 4 ธันวาคม พ.ศ. 2462)
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปรียชาติสุขุมพันธุ์ (4 มิถุนายน พ.ศ. 2463 – 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2465)
    พ อในก ฏ เหร ยญเน อเง น ไม ม พ.ศ
    หม่อมสมพันธุ์ และพระโอรส-ธิดา

พระโอรส-ธิดา ที่ประสูติแต่หม่อมสมพันธุ์ แรกประสูติเป็นหม่อมเจ้า ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทุกพระองค์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่

  • อินทุรัตนา บริพัตร (เดิม พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทุรัตนา; ประสูติ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2465) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์เพื่อสมรสกับสมหวัง สารสาส (13 ตุลาคม พ.ศ. 2454 – 1 มกราคม พ.ศ. 2540; ภายหลังได้หย่ากัน) มีบุตรธิดาสามคน ได้แก่
    • ธรณินทร์ สารสาส (เกิด 20 กันยายน พ.ศ. 2496) สมรสกับสุนิตรา สารสาส (สกุลเดิม เรืองสมวงศ์)
    • สินนภา สารสาส (เกิด 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2499) สมรสกับอนันต์ ตาราไต (ภายหลังได้หย่ากัน)
    • สันติ สารสาส (ชื่อเดิม พญานินทร์; เกิด 10 สิงหาคม พ.ศ. 2507)
  • พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ (15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 – 10 เมษายน พ.ศ. 2546) เสกสมรสกับหม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา (สกุลเดิม ณ ถลาง; 14 ธันวาคม พ.ศ. 2467 – 5 กันยายน พ.ศ. 2558) มีพระโอรสธิดาสองคน ได้แก่
    • หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร (เกิด 22 กันยายน พ.ศ. 2495) สมรสกับนุชวดี บำรุงตระกูล (ภายหลังได้หย่ากัน) และสมรสใหม่กับสาวิตรี บริพัตร ณ อยุธยา (สกุลเดิม ภมรบุตร) มีบุตรสองคน
    • หม่อมราชวงศ์วโรรส บริพัตร สมรสกับพัฒนาพร นิยมศิริ (ภายหลังได้หย่ากัน) และสมรสใหม่กับวรภาทิพย์ บริพัตร ณ อยุธยา (สกุลเดิม โตเจริญ) มีบุตรธิดาสามคน
  • หม่อมเจ้าชาย (สิ้นชีพิตักษัยหลังประสูติ 3-4 วัน ในปลายรัชกาลที่ 6 จึงไม่ทันได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระองค์เจ้า)

การรับราชการ[แก้]

พ อในก ฏ เหร ยญเน อเง น ไม ม พ.ศ
ตราประจำราชสกุลบริพัตร

พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งหน้าที่ราชการสำคัญทั้งฝ่ายกลาโหมและมหาดไทยหลายรัชกาล ด้วยทรงเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถ ทรงสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าให้แก่กิจการที่ทรงรับภาระเป็นอย่างดียิ่งทั้งทางด้านการทหาร การปกครอง การสาธารณสุข การศึกษา ทรงวางรากฐานความเจริญของกองทัพเรือไทย กองทัพบก กระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย ทรงดำรงพระยศ จอมพล จอมพลเรือ นายกองเอก และนายนาวาเอก ร.น.ส.

ตำแหน่งสำคัญ[แก้]

  • เสนาธิการทหารบก (25 พฤษภาคม พ.ศ. 2446 – 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2447)
  • ผู้บัญชาการกรมทหารเรือ (25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2447 – 10 ธันวาคม พ.ศ. 2453)
  • องคมนตรี (24 ตุลาคม พ.ศ. 2453 – 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2475)
  • เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ (11 ธันวาคม พ.ศ. 2453 – 18 มิถุนายน พ.ศ. 2463)
  • เสนาธิการทหารบก (19 มิถุนายน พ.ศ. 2463 – 23 สิงหาคม พ.ศ. 2469)
  • อุปนายกสภากาชาดสยาม (12 กรกฎาคม พ.ศ. 2463 – 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475)
  • อภิรัฐมนตรีสภา (28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 – 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2475)
  • เสนาบดีกระทรวงกลาโหม (24 สิงหาคม พ.ศ. 2469 – 31 มกราคม พ.ศ. 2471)
  • เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย (1 เมษายน พ.ศ. 2471 – 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475)
  • อุปนายกสภาป้องกันพระราชอาณาจักร (7 เมษายน พ.ศ. 2471 – 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475)
  • ประธานอภิรัฐมนตรีสภาและเสนาบดีสภา (23 กรกฎาคม พ.ศ. 2472 – 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475)
  • ผู้สำเร็จราชการรักษาพระนคร (25 กรกฎาคม พ.ศ. 2472 – 11 ตุลาคม พ.ศ. 2472), (9 เมษายน พ.ศ. 2473 – 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2473), (19 มีนาคม พ.ศ. 2473 – 12 ตุลาคม พ.ศ. 2474)

ผลงานดนตรี[แก้]

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงซอได้ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ต่อมาทรงต่อเพลงกับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ จนมีฝีพระหัตถ์ดีเยี่ยม และทรงต่อเพลงกับเจ้าเทพกัญญา บูรณพิมพ์ เป็นครั้งคราว

พระองค์ทรงเครื่องดนตรีไทยได้หลายชนิด เช่น ฆ้องวงใหญ่ ระนาด ซอ ทั้งยังทรงเปียโนได้ดีอีกด้วย เมื่อพระองค์เสด็จมาประทับที่วังบางขุนพรหม ทรงมีทั้งวงปี่พาทย์และวงเครื่องสายประจำวัง

วงปี่พาทย์นั้นเริ่มแรกทรงใช้วงดนตรีมหาดเล็กเรือนนอกซึ่งเป็นของตระกูลนิลวงศ์ จากอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ต่อมาได้วงดนตรีของหลวงกัลยาณมิตตาวาส (ทับ พาทยโกศล) และจางวางทั่ว พาทยโกศล ซึ่งมีนักดนตรีและนักร้องที่มีชื่อเสียงประจำวง เช่น

  • ทรัพย์ เซ็นพานิช - ระนาดเอก
  • จ่าเอกกมล มาลัยมาลย์ - ระนาดเอก
  • สาลี่ มาลัยมาลย์ - ระนาดเอก, ฆ้องวง
  • จ่าโทฉัตร สุนทรวาทิน - ระนาดทุ้ม
  • ศิริ ชิดท้วม - ระนาดทุ้ม
  • ช่อ สุนทรวาทิน - ฆ้องวงใหญ่
  • ร้อยเอกนพ ศรีเพชรดี - ฆ้องวงใหญ่
  • จ่าสิบเอกพังพอน แตงสืบพันธุ์ - ฆ้องวงเล็ก
  • ละม้าย พาทยโกศล - เครื่องหนัง
  • จ่าสิบเอกยรรยงค์ โปร่งน้ำใจ - เครื่องหนัง
  • เทวาประสิทธิ์ พาทยโกศล - ปี่ใน, ซอสามสาย
  • เจริญ พาทยโกศล - นักร้อง
  • จ่าเอกอิน อ๊อกกังวาล - นักร้อง
  • สอาด อ๊อกกังวาล - นักร้อง
  • เทียม เซ็นพานิช - นักร้อง
  • คุณหญิงไพฑูรย์ กิตติวรรณ - นักร้อง
  • สว่าง คงลายทอง - นักร้อง

ส่วนวงเครื่องสายนั้นเป็นวงที่ทรงบรรเลงร่วมกับพระธิดา พระญาติ และผู้ใกล้ชิด มีสังวาลย์ กุลวัลกี เป็นผู้ฝึกสอนนักดนตรีและนักร้อง เช่น

  • สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต - ซอสามสาย
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง - ซอด้วง
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรกานตมณี - ซอด้วง
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธวงษวิจิตร - ซออู้
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน - ซออู้
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสิฐสบสมัย - จะเข้
  • ร่ำ บุนนาค - จะเข้
  • หม่อมสมพันธุ์ บริพัตร ณ อยุธยา - ซออู้
  • บุญวิจิตร อมาตยกุล - ซออู้
  • สุดา จาตุรงคกุล - ขลุ่ย
  • คุณหญิงแฉล้ม เดชประดิยุทธ์ - โทน, รำมะนา
  • คุณหญิงไพฑูรย์ กิตติวรรณ - นักร้อง
  • หอม สุนทรวาทิน - นักร้อง
  • เทียม กรานต์เลิศ - นักร้อง
  • สว่าง คงลายทอง - นักร้อง

ในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 นั้น วังบางขุนพรหมเป็นศูนย์กลางการประชันวงปี่พาทย์ การแสดงดนตรี และการละเล่นต่าง ๆ และเป็นที่เกิดของเพลงที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก ส่วนวงปี่พาทย์วังบางขุนพรหมนั้น ก็เป็นวงที่มีชื่อเสียงมาก และได้เข้าร่วมในการประชันวงที่วังบางขุนพรหมเมื่อปี พ.ศ. 2466 ซึ่งได้รับการตัดสินให้ชนะเลิศ เป็นต้นตำรับการขับร้องที่สืบทอดมาแต่โบราณ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต โปรดใช้เวลาว่างส่วนพระองค์ในการศึกษาวิชาดนตรี ทั้งด้านประสานเสียงและการประพันธ์เพลง จนทรงสามารถประพันธ์เพลงและทำหน้าที่เป็นวาทยากรได้อย่างคล่องแคล่ว เคยทรงเล่าประทานพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทุรัตนา พระธิดา ฟังว่า “…ถ้าพ่อเลือกได้ พ่อจะเรียนดนตรีและภาษา และจะทำงานด้านดนตรีอย่างเดียว แต่พ่อเลือกไม่ได้ เพราะพ่อบังเกิดมามียศตำแหน่ง ต้องทำงานให้ประเทศชาติ ทูลหม่อม (รัชกาลที่ 5) สั่งให้พ่อไปเรียนวิชาทหารเพื่อกลับมาปรับปรุงกองทัพไทย พ่อก็ไปเรียนวิชาทหาร บางครั้งพ่อเบื่อบางวิชาที่ต้องเรียนจนทนไม่ไหว ต้องเก็บพ็อกเก็ตมันนี่เอาแอบไปเรียนดนตรี แอบไปเรียนเพราะพวกผู้ใหญ่สมัยนั้นเห็นว่าวิชาดนตรีไม่เหมาะกับชายชาติทหาร เมื่อได้เรียนดนตรีที่พ่อรักก็สบายใจ เกิดความอดทนที่จะเรียนและทำงานที่พ่อเบื่อ…”

พระองค์ทรงเริ่มแต่งเพลงไทยสากลก่อนเพลงไทย เพลงชุดแรก ๆ มีเพลงวอลทซ์โนรีและเพลงจังหวะโพลกา เช่น เพลงมณฑาทอง เป็นต้น

พระองค์ทรงพระนิพนธ์เพลงไทยประสานเสียงแบบดนตรีสากล เช่น เพลงมหาฤกษ์ เพลงมหาชัย เพลงสรรเสริญเสือป่า เพลงสาครลั่น และทรงแยกเสียงประสานเพลงไทยสำหรับบรรเลงด้วยวงโยธวาทิต ทำให้แตรวงบรรเลงเพลงไทยได้ไพเราะ มีหลักการประสานเสียงดียิ่งขึ้น ได้ทรงประดิษฐ์เพลงแตรวงไว้หลายเพลง เช่น โหมโรงสะบัดสะบิ้ง เพลงเขมรใหญ่ เถา เพลงแขกมัสหรี เถา เพลงแขกสี่เกลอ เถา

เพลงที่พระองค์ทรงพระนิพนธ์ไว้ทั้งสำหรับวงโยธวาทิตและวงศ์ปี่พาทย์ เช่น เพลงแขกมอญบางขุนพรหม เถา (พ.ศ. 2453) เพลงพม่าห้าท่อน เถา เพลงแขกสาย เถา (พ.ศ. 2471) เพลงพ่าห้าท่อน เถา เพลงพวงร้อย เถา

พระองค์ทรงพระนิพนธ์เพลงเถาสำหรับปี่พาทย์ไว้เป็นจำนวนมาก เช่น เพลงเทวาประสิทธิ์ เถา (พ.ศ. 2471) เพลงอาถรรพ์ เถา (พ.ศ. 2471) เพลงสมิงทองเทศ เถา (พ.ศ. 2473) และภายหลังเมื่อเสด็จไปประทับที่เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซียแล้ว ยังได้ทรงพระนิพนธ์เพลงสำหรับวงปี่พาทย์ไม้แข็งขึ้นอีกหลายเพลง เช่น เพลงน้ำลอดใต้ทราย เถา (พ.ศ. 2480) เพลงนารายณ์แปลงรูป เถา (พ.ศ. 2480) และเพลงสุดถวิล เถา (พ.ศ. 2484)

ในขณะที่พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ พระองค์ทรงปรับปรุงวงดนตรีสากลของกองดุริยางค์ทหารเรือ จนสามารถบรรเลงเพลงประเภทซิมโฟนีได้ดี เป็นที่ยอมรับมาจนถึงปัจจุบัน

พระนิพนธ์[แก้]

เพลงฝรั่ง[แก้]

  • เพลงวอลทซ์ปลื้มจิตต์
  • เพลงวอลทซ์ประชุมพล
  • เพลงสุดเสนาะ
  • เพลงมณฑาทอง
  • เพลงวอลทซ์เมฆลา
  • เพลงมหาฤกษ์
  • เพลงสรรเสริญเสือป่า
  • เพลงวอลทซ์โนรี
  • เพลงสาครลั่น
  • เพลงโศรก
  • เพลงนางครวญ 3 ชั้น

เพลงไทยเดิม[แก้]

  • เพลงแขกมอญบางขุนพรหม
  • เพลงสุดสงวน 2 ชั้น
  • เพลงเขมรพวง 3 ชั้น
  • เพลงเขมรชมจันทร์
  • เพลงสารถี 3 ชั้น
  • เพลงสบัดสบิ้ง
  • เพลงทยอยนอก
  • เพลงทยอยเขมร
  • เพลงทยอยใน เถา
  • เพลงแขกเห่
  • เพลงถอนสมอ
  • เพลงแขกมัทรี
  • เพลงครอบจักรวาล เถา
  • เพลงบุหลันชกมวย 3 ชั้น
  • เพลงเขมรใหญ่ เถา
  • เพลงพม่า เถา
  • เพลงแขกสี่เกลอ เถา
  • เพลงแขกสาย เถา
  • เพลงบาทสกุณี
  • เพลงขับไม้
  • เพลงเขมรโพธิสัตว์ เถา

เพลงไทยเดิมสำหรับใช้บรรเลงพิณพาทย์โดยตรง[แก้]

  • เพลงแขกสาย เถา
  • เพลงอาถรรพ์ เถา
  • เพลงแขกสาหร่าย 3 ชั้น
  • เพลงสมิงทองมอญ เถา
  • เพลงอาเฮีย
  • เพลงสารถี 3 ชั้น

เพลงไทยเดิมซึ่งทรงพระนิพนธ์ที่เมืองบันดุง[แก้]

  • เพลงต้นแขกไทร 2 ชั้น
  • เพลงครวญหา เถา
  • เพลงกำสรวญสุรางค์
  • เพลงอักษรสำอางค์ และเพลงสุรางค์จำเรียง
  • เพลงจีนลั่นถัน
  • เพลงจีนเข้าห้อง
  • เพลงน้ำลอดใต้ทราย เถา
  • เพลงขยะแขยง 3 ชั้น
  • เพลงจีนเก็บบุปผา เถา
  • เพลงดอกไม้ร่วง
  • เพลงเทวาประสิทธิ์ เถา
  • เพลงวิลันดาโอด
  • เพลงจิ้งจกทอง เถา
  • เพลงตะนาว เถา
  • เพลงพวงร้อย เถา
  • เพลงถอนสมอ เถา
  • เพลงพระจันทรครึ่งซีก

พระยศ[แก้]

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต

รับใช้

พ อในก ฏ เหร ยญเน อเง น ไม ม พ.ศ
ไทยบริการ/สังกัดกองทัพบกสยาม กองทัพเรือสยาม กองเสือป่าชั้นยศ
พ อในก ฏ เหร ยญเน อเง น ไม ม พ.ศ
จอมพล
พ อในก ฏ เหร ยญเน อเง น ไม ม พ.ศ
จอมพลเรือ
พ อในก ฏ เหร ยญเน อเง น ไม ม พ.ศ
นายกองเอก

พระยศทหาร[แก้]

  • นายพลตรี
  • นายพลเรือเอก
  • 21 มิถุนายน 2463 – จอมพล
  • จอมพลเรือ

พระยศเสือป่า[แก้]

  • นายกองตรี
  • นายกองเอก

พระเกียรติยศ[แก้]

ธรรมเนียมพระยศของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต

พ อในก ฏ เหร ยญเน อเง น ไม ม พ.ศ

ธงประจำพระอิสริยยศ

พ อในก ฏ เหร ยญเน อเง น ไม ม พ.ศ

ตราประจำพระองค์

การทูลใต้ฝ่าพระบาทการแทนตนข้าพระพุทธเจ้าการขานรับพะยะค่ะ/เพคะ

พระอิสริยยศ[แก้]

  • 29 มิถุนายน พ.ศ. 2424 – 24 มกราคม พ.ศ. 2435 : สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์
  • 24 มกราคม พ.ศ. 2435 – 1 ธันวาคม พ.ศ. 2444 : สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมขุนมไหยสุริยสงขลา
  • 1 ธันวาคม พ.ศ. 2444 – 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 : สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต
  • 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 – 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 : สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต
  • 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 – 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 : สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต
  • 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 – 21 มีนาคม พ.ศ. 2469 : สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต
  • 21 มีนาคม พ.ศ. 2469 – 2 มีนาคม พ.ศ. 2478 : สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
  • 2 มีนาคม พ.ศ. 2478 – 18 มกราคม พ.ศ. 2487 : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนี้

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ[แก้]

พงศาวลี[แก้]

พงศาวลีของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต 16. (=24.) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 8. (=12.) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย 17. (=25.) สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี 4. (=6.) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 18. (=26.) เงิน แซ่ตัน 9. (=13.) สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี 19. (=27.) สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ 2. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 20. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว 10. สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ 21. เจ้าจอมมารดาทรัพย์ ในรัชกาลที่ 3 5. สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี 11. หม่อมน้อย ศิริวงศ์ ณ อยุธยา 1. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต 24. (=16.) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 12. (=8.) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย 25. (=17.) สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี 6. (=4.) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 26. (=18.) เงิน แซ่ตัน 13. (=9.) สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี 27. (=19.) สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ 3. สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี 28. เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) 14. สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) 29. เจ้าคุณพระราชพันธุ์นวล 7. เจ้าคุณจอมมารดาสำลี ในรัชกาลที่ 4 15. หม่อมคล้าย

เชิงอรรถ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  • น้อมรำลึก!! ๑๘ มกราคม วันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ "เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต" เจ้าฟ้านักประพันธ์ พระบิดาแห่งเพลงไทยเดิม !!
  • ธำรงศักดิ์ อายุวัฒนะ. ราชสกุลจักรีวงศ์ และราชสกุลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์บรรณกิจ, พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2544. 490 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-222-648-2
  • "ประกาศการรับพระสุพรรณบัตรเฉลิมพระนามพล" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 8 (43): 390–391. 24 มกราคม พ.ศ. 2434. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2559.
  • "พระราชพิธีมงคลการโสกันต์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 11 (41): 325–328. 6 มกราคม พ.ศ. 2437. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2559.
  • "พระบรมราชโองการ ประกาศ เปลี่ยนพระนามกรม" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 18 (35): 683–685. 1 ธันวาคม พ.ศ. 2444. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2559.
  • ""จอมพลบางขุนพรหม" หรือ "เจ้าฟ้าวังบางขุนพรหม"". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-21. สืบค้นเมื่อ 2006-10-11.
  • "แจ้งความกรมยุทธนาธิการ เรื่อง ให้นายพลเอก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และนายพลตรี สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์วรพินิต เป็นราชองครักษ์พิเศษ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 20 (35): 595. 29 พฤศจิกายน 2446. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2559.
  • "พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งผู้บัญชาการกรมทหารเรือ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 20 (48): 813. 28 กุมภาพันธ์ 2446. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2559.
  • "พระราชพิธีศรีสัจจปานกาลและตั้งองคมนตรี" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 20 (52): 879–880. 27 มีนาคม 2446. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2559.
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ คำนำพระนามพระบรมวงษานุวงษ์, เล่ม 27, ตอน ก, 30 ตุลาคม พ.ศ. 2453, หน้า 1
  • ราชกิจจานุเบกษา, บัญชีพระนามและนามองคมนตรี ที่พระราชทานสัญญาบัตรแล้ว, เล่ม 27, ตอน 0 ง, 1 มกราคม ร.ศ. 129, หน้า 2,273-4
  • พระราชทานสัญญาบัตรทหารเรือ
  • พระบรมราชโองการ ประกาศ เลื่อนแลตั้งกรมแลตั้งเจ้าพระยา
  • "พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนาพระอิสริยศเฉลิมพระอภิไธยและเลื่อนกรมพระราชวงศ์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 42 (0 ก): 378–380. 21 มีนาคม 2468. สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561.
  • ↑ ชะตาชาติ, "2475" .สารคดีทางไทยพีบีเอส: 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
  • ประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง ให้นายทหารพ้นจากประจำการ
  • สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. ราชสกุลวงศ์. พิมพ์ครั้งที่ 14, กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2554. 296 หน้า. หน้า 89-90. ISBN 978-974-417-594-6
  • "กำหนดการ ที่ ๗/๒๔๙๓ พระราชทานเพลิงศพจอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระศพพลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ และพระศพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์พระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลย ณ พระเมรุท้องสนามหลวง พุทธศักราช ๒๔๙๓" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 67(21 ง): 1525, 1540–1550. 11 เมษายน 2493. สืบค้นเมื่อ 20 กรกฎาคม 2562.
  • กิติวัฒนา (ไชยันต์) ปกมนตรี, หม่อมราชวงศ์. สายพระโลหิตในพระพุทธเจ้าหลวง. กรุงเทพฯ : ดีเอ็มดี, พ.ศ. 2551. 290 หน้า. ISBN 978-974-312-022-0
  • พระบรมราชโองการ ประกาศ ยกพระวรวงษ์เธอ เป็นพระเจ้าวรวงษ์เธอ, เล่ม 27, ตอน ก, 8 มกราคม พ.ศ. 2453, หน้า 99
  • พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า, เล่ม 44, ตอน 0ก, 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470, หน้า253
  • เนื่องในงานพระราชทานเพลิงพระศพ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสิฐสบสมัย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทยเขษม, พ.ศ. 2517. 43 หน้า.
  • ดำรงตำแหน่งหน้าที่ราชการสำคัญทั้งฝ่ายกลาโหมและมหาดไทยหลายรัชกาล
  • พระราชทานยศนายนาวาเอก ร.น.ส.
  • แจ้งความกรมยุทธนาธิการ
  • พระบรมราชโองการ ประกาศตั้งผู้บัญชาการกรมทหารเรือ
  • บัญชีพระนามและนามองคมนตรี ที่พระราชทานสัญญาบัตรแล้ว
  • ดำรงตำแหน่งองคมนตรี
  • ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
  • เสนาบดีกระทรวงทหารเรือระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
  • พระบรมราชโองการ ประกาศตั้งเสนาธิการทหารบก
  • ประกาศตั้งอุปนายกสภากาชาดสยาม
  • "พระบรมราชโองการ ประกาศ เลิกอภิรัฐมนตรีสภา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 49 (0 ก): 2618. 17 กรกฎาคม 2475. สืบค้นเมื่อ 8 มีนาคม 2562.
  • พระบรมราชโองการ ประกาศเปลี่ยนเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยและตั้งผู้รั้งตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหม
  • พระบรมราชโองการ ประกาศตั้งอุปนายกสภาป้องกันพระราชอาณาจักร
  • พระราชทานยศทหารบก
  • "พระราชทานสัญญาบัตรยศทหาร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-08-16. สืบค้นเมื่อ 2020-05-07.
  • ได้รับพระราชทานยศเสือป่านายกองตรี
  • ได้รับพระราชทานยศเสือป่านายกองเอก
  • สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมขุนมไหยสุริยสงขลา
  • สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต
  • สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
  • "จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-09-14. สืบค้นเมื่อ 2008-11-16.
  • ราชกิจจานุเบกษา, การรับพระสุพรรณบัตรเฉลิมพระนาม, เล่ม ๘ ตอนที่ ๔๓ หน้า ๓๘๗, ๒๔ มกราคม ๑๑๐
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชพิธีมงคลการโสกันต์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ, เล่ม ๑๑ ตอนที่ ๔๒ หน้า ๓๓๘, ๑๓ มกราคม ๑๑๓
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายหน้าและฝ่ายใน, เล่ม ๑๗ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๕๐๑, ๒๕ พฤศจิกายน ๑๑๙
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์, เล่ม ๔๕ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๔๐๓, ๑๘ พฤศจิกายน ๒๔๗๑
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตรารัตนวราภรณ์, เล่ม ๒๙ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๖๔๘, ๑๖ มิถุนายน ๑๓๑
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีศักดิ์รามาธิบดี, เล่ม ๓๕ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๙๘๑, ๒๘ กรกฎาคม ๒๔๖๑
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๓๐ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๙๖๒, ๓๐ พฤศจิกายน ๒๔๕๖
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๓๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๖๑๘, ๓๐ มกราคม ๒๔๖๓
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเข็มราชการแห่งเหรียญดุษฎีมาลา, เล่ม ๓๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๖๐๖, ๑๑ ธันวาคม ๒๔๖๔
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา, เล่ม ๒๐ ตอนที่ ๒๗ หน้า ๔๔๕, ๔ ตุลาคม ๑๒๒
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญจักรมาลา, เล่ม ๓๒ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๕๒๘, ๑๖ มกราคม ๒๔๕๘
  • ราชกิจจานุเบกษา, ส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไปพระราชทาน, เล่ม ๔๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๔๓๙, ๒ พฤษภาคม ๒๔๖๙
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๔, เล่ม ๒๑ ตอนที่ ๓๒ หน้า ๕๖๔, ๖ พฤศจิกายน ๑๒๓
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลปัจจุบันฝ่ายหน้า, เล่ม ๒๕ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๑๐๑๒, ๒๙ พฤศจิกายน ๑๒๗
  • ราชกิจจานุเบกษา,พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลปัจจุบัน ฝ่ายหน้า, เล่ม ๒๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๔๐๙, ๑๑ มกราคม ๑๒๙
  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ฝ่ายหน้า, เล่ม ๔๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๑๒๐, ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๖๙
  • ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวเสด็จพระราชดำเนินมาโดยทางโทรเลข, เล่ม ๑๔ ตอนที่ ๒๒ หน้า ๒๙๒, ๒๙ สิงหาคม ๑๑๖ ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๔๔ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๗๐๐, ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๐