ม าเสพนาง สายเหน อ ศ ษย คร บาศร

วันนี้ (5 ก.พ.) สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ดำเนินมาเป็นวันที่ 95 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด ต่างแต่งกายด้วยชุดดำเรียบร้อยจำนวนมาก เดินทางมาต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ เพื่อขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยเจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูให้ประชาชนเดินแถวเข้าตั้งแต่เวลา 04.50 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี

ด้าน นางสุดา เชื้อรอด อายุ 61 ปี เดินทางมาพร้อมด้วยเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง ได้แก่ นางประคอง เฉลิมฉัตร อายุ 71 ปี และ นางจิ๋ว มั่นหมาย อายุ 64 ปี จากบ้านพักในอำเภออ้อมน้อย จังหวัดสมุทรสาคร บอกว่า ตัวเองเดินทางมาเป็นครั้งที่ 2 หลังจากตื้นตันตอนมาครั้งแรก อีกทั้งการเดินทางมาก็สะดวก ครั้งนี้จึงพาเพื่อนบ้านมากราบสักการะในหลวง รัชกาลที่ ๙ ด้วยกัน โดยออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่ 04.00 น. มาถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวงประมาณ 06.00 น. และใช้เวลารอเพียงไม่นานก็ได้ขึ้นไปกราบพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ

“เคยรับเสด็จฯพระองค์ท่านเมื่อปี พ.ศ. 2513 ครั้งนั้นพระองค์ท่านเสด็จฯ มาเยี่ยมราษฎรที่ จังหวัดกาญจนบุรี โดยได้เสด็จฯ ไปกับสมเด็จย่า แต่ตอนนั้นยังเด็กมากจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่จำได้ว่าเป็นครั้งเดียวที่มีโอกาสได้รับเสด็จฯ และได้เห็นพระองค์ท่านใกล้มากจึงรู้สึกประทับใจพระองค์มาตลอดที่ทรงช่วยเหลือประชาชนในทุกๆ เรื่อง โดยส่วนตัวยังได้น้อมนำแนวพระราชดำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้กับตัวเอง คือ มีน้อยใช้น้อย ไม่สุรุ่ยสุร่าย และหากมีโอกาสต้องหยิบยื่นความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นนอกจากนี้ ยังส่งต่อคำสอนเหล่านี้ไปถึงลูกหลานด้วย” นางสุดากล่าว

ดีเอสไอสนธิกำลัง ป.ป.ส.-ศรภ.-ทหาร จับ 4 พ่อค้าไอซ์รายใหญ่เครือข่ายเรือนจำ พร้อมของกลาง 20 กิโลกรัม มูลค่า 16 ล้าน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด 4 ราย ได้แก่ 1. นายยุทธ จันแก้ว อายุ 60 ปี 2. นายศักยศรณ์ บุญทรัพย์ทวีกุล หรือนายประดิษฐ์ จันแปงเงิน อายุ 57 ปี 3. นายเพ็ชร มังคลาด อายุ 60 ปี และ 4. นายวิชิต เทพอำ อายุ 31 ปี ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ไอซ์) โดยผิดกฎหมาย พร้อมของกลางยาไอซ์ 20 กิโลกรัม มูลค่า 16 ล้านบาท รถยนต์ 4 คัน โทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก 7 รายการ

สืบเนื่องจากข้อมูลการข่าวระบุว่า เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดและอาวุธสงครามรายใหญ่ลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาซุกซ่อนใน กทม. โดยลักลอบขนยาไอซ์ครั้งละ 100-200 กิโลกรัม เพื่อรอจำหน่ายราคากิโลกรัมละ800,000 บาท และขายอย่างต่ำ 20 กิโลกรัม

กระทั่งเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม เวลาประมาณ 19.40 น. เจ้าหน้าที่สำนักปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) และเจ้าหน้าที่ทหาร โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองพลทหารราบที่ 9 ผสานกำลังทำการสืบสวนและใช้สายแฝงตัวติดตามกลุ่มดังกล่าวจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 รายพร้อมของกลางได้ที่โรงแรมและห้างสรรพสินค้าย่านรัชดาภิเษก กทม. และห้างสรรพสินค้า ย่านถนนราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี

ต่อมาทำการสืบสวนขยายผลเข้าตรวจค้นตามจุดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พร้อมอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาเพิ่ม เช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 26 ไร่ รถยนต์ 2 คัน และจักรยานยนต์ 1 คัน

รู้กันในวงการสุดยอด “เครื่องรางของขลัง” ที่เป็นที่สุด...ความนิยมประดุจดั่งพระเครื่องเบญจภาคี...ใครมีไว้ครอบครองนั่นหมายถึงสุดยอดแห่งความเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร

“ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ” ...วัดสาวชะโงก อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งอาจจะแทนได้ด้วย “ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋” วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี ใครมีไว้ครอบครองนั้นขึ้นชื่อลือชาเรื่อง คงกระพัน เมตตา โชคลาภ ทำมาค้า ขายดีเยี่ยม ใส่แล้วเหลือกินเหลือใช้แบบไม่ต้องร้องขอแต่ประการใด

อันดับสอง “เขี้ยวเสือ”...หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ “ลิง”...หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือจะทดแทนด้วย “หนุมาน” หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน เกาะเกร็ด จ.นนทบุรี...“ขุนกระบี่ วานรฤทธิไกร หนึ่งในสยาม” ก็พอว่ากันได้

“เบี้ยแก้”...หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ใกล้ๆนี่เองจังหวัดนนทบุรี ว่ากันว่าทดแทนกันได้ด้วย “เบี้ยแก้”...หลวงปู่รอด วัดนายโรง ก็ยังไหวเพราะแลกวิชากันกับหลวงปู่บุญ ตบท้ายด้วย “ตะกรุด”...หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง จังหวัดนนทบุรี ที่ลือเลื่องในพุทธานุภาพยิ่งนัก

ม าเสพนาง สายเหน อ ศ ษย คร บาศร
ม้าเสพนาง..แกะด้วยเขี้ยวเสือไฟ.

“ม้าเสพนาง”...อีกเครื่องรางของขลังสายเมตตามหานิยม เสน่ห์รุนแรง ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดมหาเสน่ห์...วัวเสพนาง หนูกินน้ำนมแมว วัวกินน้ำนมเสือ

แต่โบราณนานมา “ม้าเสพนาง” น่าจะมีจุดเริ่มมาจากพม่าแล้วแผ่ขยายมายังล้านนา ขลังถึงขนาดที่ว่า ชายใดจะไปเที่ยวหากพกติดตัวไปด้วย จักต้องได้สาวนั่นปะไร

“ใครมีไว้บูชา...หญิงเห็นหญิงรัก ชายเห็นชายรัก มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น เกิดเมตตารักใคร่...สมหวัง เรื่องความรัก ชีวิตครอบครัวมีความสุขความเจริญ ไปที่แห่งหนตำบลใดก็มีคนให้ความอนุเคราะห์อุ้มชู ไม่อดอยากยากไร้...คนอยากพูดคุย อยากรู้จัก มีเสน่ห์ดีนักแล...”

ที่กล่าวถึงกันก็มี ม้าเสพนาง ครูบาชัยชนะ...

ผ้ายันต์ม้าเสพนาง อิ๋นม้ามหา-เสน่ห์ หลวงพ่อกอย...อิ๋นคู่

ม าเสพนาง สายเหน อ ศ ษย คร บาศร
“อาณาจักร เครื่องรางของขลัง” เล่ม 2 หาซื้อได้ที่ซีเอ็ด.

ม้าเสพนางเผด็จศึกบันลือโลก หลวงพ่อกอย แต่ที่ขึ้นชื่อลือชา...นับเป็นของแปลกน่าศึกษา เขียนบันทึกไว้ในหนังสือ “อาณาจักร เครื่องรางของขลัง” เล่ม 2 ของ รองศาสตราจารย์นิพัทธ์ จิตรประสงค์ พณ.บ.เกียรตินิยม “ดีมาก” MBA อดีตคณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็มี...

ม าเสพนาง สายเหน อ ศ ษย คร บาศร
ม้าเสพนาง...แกะกะลาตาเดียว.

ภาพเขียนม้าเสพนาง...เขียนลงสีในผ้าเช็ดหน้า ครูบาวัง วัดบ้านเด่น จังหวัดตาก ... “ม้าเสพนางแกะด้วยเขี้ยวเสือไฟ” จากที่เดียวกัน ที่ถือเป็นเสน่ห์มหานิยมต่างจากทั่วไปที่เป็นรูปวาดพร้อมลงอักขระยันต์ ทั้งลงสี...ขาวดำ นอกจากนี้ ยังมี “ม้าเสพนางแกะสลักจากกะลาตาเดียวลงชาดปิดทอง”...แบบพกติดตัวอีกด้วย

เล่าสืบต่อๆกันมา...ว่ากันว่า ต้นตำนาน “ม้าเสพนาง” มาจากครอบครัวหนึ่งมีลูกสาวเลี้ยงม้าตัวผู้อยู่หนึ่งตัว ลักษณะงามยิ่งนัก หญิงสาวดูแลม้าทุกวัน และแล้วอาชาหนุ่มก็ตกหลุมรักนาง เรื่องเล่ามีต่อไปว่า “ความรัก”...ที่เกิดขึ้นลุกลามบานปลายจนถึงขั้นคนกับสัตว์มีอะไรกัน

ความทราบถึง “พ่อ” ด้วยความโกรธและอับอายมาก จึงบันดาลโทสะฆ่าม้ารูปงามนั้นตายตกไปในชาตินี้ แต่ไม่น่าเชื่อว่า...หญิงสาวผู้เป็นลูกก็กลับกลั้นใจ ตายตกตามอาชาหนุ่มผู้เป็นที่รักไปด้วยกัน

นี่เองกระมัง ที่ทำให้ “ม้าเสพนาง” เป็นวิชาที่ใช้ในเรื่อง ตัณหา กามารมณ์ มหาเสน่ห์อย่างรุนแรง ถึงที่สุด เมื่อรู้อย่างนี้ กระนั้นแล้ว “ผู้ใช้”...ควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีศีลธรรมประจำใจ

ม าเสพนาง สายเหน อ ศ ษย คร บาศร
รศ.นิพัทธ์ จิตรประสงค์.

“เครื่องรางของขลัง”...เป็นของดีที่มีมาแต่โบราณ รศ.นิพัทธ์ บอกว่า เป็นของที่ครูบาอาจารย์ได้ทำไว้เพื่อเอาไปใช้ได้โดยเฉพาะ นับตั้งแต่พกติดตัว บูชาอยู่กับบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย หรือร้านค้า ฯลฯ

ประเภทติดตัว คุ้มครอง ก็มี... เบี้ยแก้ ปลัดขิก ตะกรุด ผ้ายันต์ เสือ สิงห์ ลิง หนุมาน หมากทุย ราหูอมจันทร์ ประคำ แหวน ทว่า...ยังมีเครื่อง รางของ ขลังอีกมากมายที่น่าสนใจ ใคร่ศึกษาหาความรู้ อาทิ ไม้ครู เชือกคาดเอว หวาย จิ้งจกสองหาง กลอง ของทนสิทธิ์ต่างๆ

อาณาจักรนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ยากที่จะเรียนรู้ได้จบสิ้น ลองไปหาหนังสือ “อาณาจักรเครื่องรางของขลัง” มาศึกษากันพลางๆก่อนก็ได้ เพราะรวบรวมเอาไว้เยอะพอดู จนอาจกล่าวได้ว่าครบทุกชนิดเท่าที่จะเล่นหากันอยู่ในประเทศไทย...แล้วคุณอาจอยากจะมีติดตัวไว้สักชิ้น เพื่อ...พิสูจน์ปาฏิหาริย์! ศรัทธา ความเข้มขลัง.