ว ธ การเผยแผ พระพ ทธศาสนา ม อะไรบ าง

ข่าวสารในเครือข่าย อปท. จังหวัด

18 ธันวาคม 2561

วิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์ในสมัยพุทธกาล ที่ข้าพเจ้าสังเกตุได้ มีดังนี้

๑.รุกเข้าเมืองใหญ่คือแคว้นมคธ โดยปราบชฎิล ๓ พี่น้อง ให้มาเป็นสาวก แล้วจึงธรรมยาตราเข้าเมือง

๒.ให้พระสงฆ์ที่รู้ธรรมวินัยแล้ว จาริกไปทุกทิศทาง เพื่อประกาศคำสอน

๓.ปราบคนสำคัญที่มีอุปนิสัยในเหตุการณ์สำคัญ ๆ

ดังนั้นพุทธบริษัทท่านใดสนใจวิธีไหน พอใจวิธีไหน ก็สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมครับ

ว ธ การเผยแผ พระพ ทธศาสนา ม อะไรบ าง

ว ธ การเผยแผ พระพ ทธศาสนา ม อะไรบ าง

ว ธ การเผยแผ พระพ ทธศาสนา ม อะไรบ าง
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นพระอรหันต์แล้ว ได้เสด็จไปโปรดพระปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี พระองค์ตรัสธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เป็นปฐมเทศนาแก่พระปัญจวัคคีย์ เมื่อจบพระธรรมเทศนา ดวงตาเห็นธรรมอันปราศจากธุลีมลทิน จึงเกิดขึ้นแก่พระโกณฑัญญะ จนทำให้บรรลุเป็นพระโสดาบัน พระโกณฑัญญะจึงกราบทูลขออุปสมบทในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ซึ่งนับเป็นพระสงฆ์องค์แรกในโลก และพระรัตนตรัยจึงเกิดขึ้นในโลกเช่นกันในวันนั้น ต่อมา พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมอื่น ๆ เพื่อโปรดพระปัญจวัคคีย์ที่เหลืออีก 4 องค์ จนบรรลุเป็นพระโสดาบันทั้งหมด หลังจากพระปัญจวัคคีย์บรรลุเป็นพระโสดาบันหมดแล้ว พระองค์ทรงแสดงธรรมอนัตตลักขณสูตร ซึ่งทำให้พระปัญจวัคคีย์บรรลุเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น

ว ธ การเผยแผ พระพ ทธศาสนา ม อะไรบ าง
ต่อจากนั้น พระองค์ได้เสด็จไปแสดงธรรมโปรดพระยสะและพวกอีก 54 ท่าน จนบรรลุเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด ในครั้งนั้นจึงมีพระอรหันต์รวมทั้งพระองค์ด้วยทั้งสิ้น 61 พระองค์ พระพุทธเจ้าจึงพระดำริให้พระสาวกออกประกาศศาสนา จนกระทั่งย่างเข้าพรรษาที่ 45 พระชนมายุ 80 ปี ก็ทรงประชวรและทรงดับขันธปรินิพพานหลังจากพุทธปรินิพพานแล้ว เหล่าสาวกของพระพุทธเจ้าก็ได้สืบทอดพระพุทธศาสนาติดต่อกันไม่ขาดสาย หลังพุทธปรินิพพาน 100 ปี จึงแตกเป็นนิกายย่อย โดยนิกายที่สำคัญคือ เถรวาทและมหายาน แม้บางครั้งพระพุทธศาสนาจะได้รับความกระทบกระเทือนมัวหมอง มีภัยทั้งภายนอกและภายใน เหล่าสาวกก็ได้ช่วยกันชำระสะสางให้บริสุทธิ์ถูกต้องเป็นแบบแผนเดียวกัน การกระทำเช่นนี้ เรียกว่า “สังคายนาพระธรรมวินัย” ซึ่งกระทำกัน 3 ครั้งในช่วงสามศตวรรษ ครั้นถึงสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
ว ธ การเผยแผ พระพ ทธศาสนา ม อะไรบ าง
พระพุทธศาสนาก็เริ่มรุ่งเรืองขึ้นเต็มที่จนมีเดียรถีร์เข้ามาปลอมบวชปะปนกับพระสงฆ์หากินอยู่ทั่วไป เป็นเหตุให้พระธรรมวินัยเปลี่ยนไปมาก พระโมคคัลลีบุตรติสเถระจึงรวบรวมพระอรหันต์ทำสังคายนาขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ราว พ.ศ. 235 เมื่อทำสังคายนาเสร็จสิ้นพระเจ้าอโศกมหาราชและพระโมคคัลลีบุตรติสเถระก็จัดพระสมณทูตเป็น 9 สายส่งไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาดังนี้ สายที่ 1 คณะพระมัชณันติกเถระ ไปรัฐกัศมี-คันธาระ (อัฟกานิสถาน) สายที่ 2 คณะพระมหาเทวเถระ ไปสหมณฑล (แคว้นไมซอร์) สายที่ 3 คณะพระรักขิตเถระ ไปวนาสี ( ตอนเหนือเมืองบอมเบย์) สายที่ 4 คณะพระธัมมรักขิตเถระ ไปอปรันตประเทศ สายที่ 5 คณะพระมหาธัมมรักขิตเถระ ไปมหารัฏฐะต้นแม่น้ำโคธาวารี สายที่ 6 คณะพระมหารักขิตตเถระ ไปโยนกประเทศ (ประเทศอิหร่านหรือที่กรีกปกครอง) สายที่ 7 คณะพระมัชฌิมเถระ ไปเนปาล (เชิงขาหิมาลัย) สายที่ 8 คณะพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ ไปสุวรรณภูมิ สายที่ 9 คณะพระมหินทเถระ ไปศรีลังกา

โดยสายที่ 8 พระโสณะและพระอุตระเถระได้เดินทางไปยังสุวรรณภูมิประเทศหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน (ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนามและอินโดนีเซีย) ทำให้ไทยได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธจากอินเดียมาตั้งแต่สมัยนั้น หลังจากสมัยพุทธกาล พุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองถึงที่สุดในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ต่อมาระหว่าง พ.ศ. 1300 – 1700 คณะสงฆ์อ่อนแอลง รวมทั้งถูกศาสนาอื่นต่อต้านและบีบคั้น กอปรกับถูกชนชาติมุสลิมเข้ารุกรานและทำลายวัดวาอารามตลอดจนพระสงฆ์ ในที่สุดในช่วงปี พ.ศ. 1700 พุทธศาสนาจึงเสื่อมลงและสูญหายไปจากอินเดียในที่สุด แต่ผลจากการที่ส่งสมณะทูตออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระเจ้าอโศกมหาราช จึงยังผลให้พระพุทธศาสนาไปรุ่งเรืองอยู่ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และบริเวณใกล้เคียง

ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 10 – 18 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจักรวรรดิที่รุ่งเรืองทางด้านพุทธศาสนาและศิลปะอยู่สองแห่ง ความเชื่อสำคัญในยุคนี้เป็นแบบมหายาน จักรวรรดิที่มีอิทธิพลทางใต้บริเวณหมู่เกาะ คือ อาณาจักรศรีวิชัย ส่วนทางเหนือ คือ อาณาจักรขอมหรือเขมรโบราณ ที่มีการสร้างรูปพระโพธิสัตว์มาก

ว ธ การเผยแผ พระพ ทธศาสนา ม อะไรบ าง

https://nooornchurue.wordpress.com/2013/09/11/การเผยแผ่พระพุทธศาสนา/

ว ธ การเผยแผ พระพ ทธศาสนา ม อะไรบ าง