ว ธ ท าความสะอาดรองเท าผ าใบ ม อสอง

วีธีทำความสะอาดรองเท้าผ้าใบ 7 ขั้นตอนที่ถูกต้องในการขจัดคราบสกปรก เปลี่ยนให้สนีกเกอร์คู่โปรดดูเหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่อยู่เสมอ พร้อมช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานยิ่งขึ้น

เรียกว่าเป็นไอเทมที่ทุกคนต้องมีไว้ใส่เลยก็ว่าได้ สำหรับ สนีกเกอร์ (Sneaker) หรือ รองเท้าผ้าใบ ที่ปัจจุบันกลายเป็นแฟชั่นยอดฮิตและได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความที่ใส่ง่าย สวมสบาย เท่เข้าได้กับทุกชุดทุกสไตล์ ทำให้รู้สึกอยากจะหยิบมาใส่ทุกวัน

พอใส่ไปนานวันเข้าของมันต้องมีสกปรกและเสื่อมสภาพบ้างเป็นเรื่องธรรมดา จะซื้อใหม่บ่อย ๆ คงไม่ไหว เดี๋ยวนี้รองเท้าผ้าใบแต่ละคู่ราคาพุ่งแรงแพงเหลือเกิน เลยต้องหยิบคู่เก่ามาซัก ตาก ปัดฝุ่นให้ดูน่าใส่อีกครั้ง แต่ทว่าหลายคนไม่ทราบวิธีการทำความสะอาดรองเท้าผ้าใบที่ถูกต้อง ส่งผลให้เกิดคราบสกปรกฝังลึกและเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ สุดท้ายต้องซื้อใหม่อยู่ดี

กระปุกดอทคอมเลยนำ 7 วีธีทำความสะอาดรองเท้าผ้าใบที่ถูกต้อง มาให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้ทำความเข้าใจกันครับ

ทำความเข้าใจกับวัสดุรองเท้าเป็นอันดับแรก

ยิ่งใส่ใจรายละเอียดรองเท้าของตัวเองมากเท่าไหร่ ยิ่งดูแลทำความสะอาดง่ายมากขึ้นเท่านั้น รองเท้าผ้าใบแต่ละคู่จะใช้วัสดุหลักไม่เหมือนกัน ทำให้การดูแลแตกต่างกันออกไป ฉะนั้นควรทำความเข้าใจวัสดุของคู่ที่ใส่ จะได้หาวิธีดูแลให้เหมาะสมถูกต้อง

ผ้าแคนวาส (Canvas) : ผ้าเนื้อละเอียดที่หนาและมีความทนทานสูง เปื้อนคราบสกปรกง่าย แต่ก็ทำความสะอาดได้ไม่ยาก

หนังสัตว์ (Leather) : วัสดุชนิดนี้ต้องได้รับการดูแล ทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้เสร็จ และต้องหยิบมาใส่บ่อย ๆ ด้วยกันหนังเสื่อมสภาพ

ตาข่าย (Mesh) : จับล้างน้ำ ลงเครื่องปั่น ทำความสะอาดขัดถูได้อย่างอิสระ ดูแลง่าย แต่ต้องตากให้แห้งทันทีป้องกันกลิ่นอับชื้น

ยาง (Rubber) : วัสดุที่ทนทาน เปื้อนยาก และทำความสะอาดง่ายที่สุด เอาผ้าเช็ดก็ออกแล้ว ระวังแค่รอยขีดข่วน บาดลึกหรือคราบสีเท่านั้น

หนังกลับ (Suede) : หนังชนิดนี้ทำความสะอาดยากมาก ๆ และเสี่ยงเกิดกลิ่นเหม็นอับ เป็นไปได้ตอนใส่ควรระวังให้มากที่สุด

1. ถอดทุกอย่างออกก่อน

เนื่องจากขี้เกียจผูกเชือกรองเท้า ใส่พื้นใหม่ยุ่งยาก หลายคนจึงติดนิสัยไม่ยอมปลดเชือก ถอดพื้นรองเท้าออกตอนทำความสะอาด ส่งผลให้ปัด ล้าง เช็ด ถู ได้ไม่ทั่วทุกซอกทุกมุม ซักแล้วก็ยังมีคราบสกปรกหลงเหลืออยู่ เรื่องนี้แก้ง่าย ๆ แค่ปลดออกซะ แล้วจะเจอทางสว่างเอง

2. เคาะฝุ่นออก

โปรดจำไว้เลยไม่ว่าหยิบมาใส่หรือไม่ใส่ ฝุ่นและสิ่งสกปรกก็เข้าไปสะสมตามซอกรองเท้าได้ตลอดเวลา อย่างแรกควรเริ่มต้นด้วยการเคาะเอาฝุ่นออกเสียก่อน จากนั้นก็ใช้แปรงรองเท้าขนนุ่มหรือแปรงสีฟันเก่าปัดเบา ๆ ให้ทั่ว ขั้นตอนนี้จะช่วยป้องกันปัญหาคราบติดฝังลึกจนล้างไม่ออก

3. ใช้น้ำยาทำความสะอาด

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรองเท้าส่วนใหญ่จะเป็นแบบโฟมและน้ำยา ไม่มีอะไรมากแค่ทำตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด รองเท้าหนังควรใช้แปรงขนแข็ง, รองเท้าผ้าใบ ตาข่าย หนังกลับ ใช้แปรงปัดขนนุ่ม จากนั้นใช้ผ้าสะอาดเช็ดวน ๆ เป็นวงกลม และทำซ้ำอีกครั้งหากมีคราบฝังลึก

4. รีบทำให้แห้ง

เมื่อซักเสร็จแล้วอย่ารอช้ารีบนำมาเข้ากระบวนการอบแห้งทันที เพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้น สาเหตุหลักของเชื้อราและกลิ่นไม่พึงประสงค์ ตัวเลือกที่เหมาะสมคือ การวางตากในอุณหภูมิห้องตรงที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก หรือใช้ผ้าขนหนูไมโครไฟเบอร์ค่อย ๆ เช็ดไปเรื่อย ๆ ก่อน แล้วค่อยตากก็ได้

5. เก็บในที่ที่เหมาะสม

พอแห้งสนิทก็ควรเก็บเข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อย กันฝุ่นละอองเกาะติด และหลีกเลี่ยงการปล่อยตากแดด โดนลมนาน ๆ เพราะจะทำให้สีซีดไว หนังและพื้นยางเสื่อมสภาพ

6. ใส่ถุงเท้าด้วย

ภาพจาก andersphoto / Shutterstock.com

หลายคนนึกไม่ถึงว่า ‘เหงื่อเท้า’ นี่แหละ ตัวสร้างคราบสกปรกให้พื้นด้านในและขอบรองเท้า บางคนเหงื่อเยอะไหลซึมออกมาเป็นคราบด้านนอกเลยก็มี อย่างน้อยการใส่ถุงเท้าก็ช่วยป้องกันคราบเหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง จัดเป็นวิธีทำความสะอาดด้วยเหมือนกัน

วัสดุของรองเท้ามือสองแต่ละคู่ย่อมแตกต่างกันแน่นอน บางคู่เป็นหนังแก้ว บางคู่หนังกลับ เพราะฉะนั้นเบื้องต้นต้องเช็คให้ดีแล้วใช้น้ำยาทำความสะอาดให้ถูกประเภทด้วย อย่างผ้าใบรองเท้ามือสองประเภทพลาสติกหรือหนังประเภทต่างๆ สามารถใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดทำความสะอาดเบื้องต้นได้ ส่วนหนังแก้ว สามารถใช้น้ำยาเช็ดกระจกฉีดพรมให้ทั่วและเช็ดทำความสะอาด และหนังกลับถ้าอยากให้กลับมาดูเหมือนใหม่อีกครั้ง ดูคลาสสิกแบบวินเทจก็สามารถใช้กระดาษทรายมาขัดถูทำความสะอาดได้ แต่ก็ต้องเลือกเบอร์กระดาษทรายด้วย

2.อยากให้สะอาดจริงๆต้องนำไปต้มก่อนน่ะค่ะ

ทุกท่านต้องคิดว่าต้มไปแล้วมันจะไม่เปื่อย สีจะไม่ลอกออกหมดก่อนเหรอ ทำตามวิธีต่อไปนี้น่ะค่ะ รับรองว่ารองเท้าที่ท่านรักไม่เกิดปัญหาแน่นอนค่ะ ก่อนอื่นเลยก็ต้องต้มน้ำร้อนให้เดือดก่อนคะ แล้วนำรองเท้ามือสองที่เราซื้อมาเช็ดและทำความสะอาดภายนอกก่อน รอจนน้ำเย็นลงสักพักน่ะค่ะ แล้วเทน้ำร้อนที่ไม่เดือดจัดลงไปในกะละมังค่ะ นำรองเท้าลงไปแช่ทิ้งไว้สักพักประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นให้นำมาซักทำความสะอาดปกติ แล้วนำไปผึ่งแดด (ไม่ต้องจัดมาก) เพื่อฆ่าเชื้อโรคอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูสภาพรองเท้าที่ซื้อมาก่อนว่า วัสดุเป็นแบบไหน ถ้าเป็นแบบหนังก็ไม่สามารถนำมาแช่น้ำร้อนได้ แนะนำให้เปลี่ยนเป็นการเช็ดทำความสะอาด แล้วนำมาตากแดดผึ่งลมแทนค่ะ

3.หากเราไม่อยากนำไปต้ม ก็สามารถเช็ดฆ่าเชื่อได้ค่ะ

ในกรณีนี้รองเท้าต้องมีสภาพที่ค่อนข้างใหม่ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดโดยรอบคะ และตอนนี้เขามีน้ำยาทำความสะอาดรองเท้าผ้าใบ สนีคเกอร์แล้วน่ะค่ะ ถ้าได้ตัวนั้นยิ่งดีใหญ่เลยค่ะ เช็ดทำความสะอาดได้ดีทีเดียว ส่วนด้านในรองเท้า ถ้าสามารถนำแผ่นรองรองเท้ามาทำความสะอาดได้ด้วยก็ยิ่งดี หรือทางที่ดีซื้อเปลี่ยนใหม่ก็เข้าท่าคะ ในส่วนของการเช็ดด้านในรองเท้าให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ หรือที่เราใช้ก็คือ Dettol ผสมน้ำตามสัดส่วนและใช้สำลีชุบเช็ดทำความสะอาดให้ทั่ว หลังจากนั้นนำไปตากแดด ผึ่งลมในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อฆ่าเชื้อโรคอีกครั้ง

ซึ่งทั้งสองวิธีที่นำมาฝากข้างต้นก็สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแม้จะใส่ไม่บ่อยหรือนานๆ ใส่ทีก็ต้องหมั่นดูแลรักษาทำความสะอาดอยู่บ่อยครั้งเพราะเชื้อโรคมีอยู่รอบๆ ตัว ส่วนการดูแลทำความสะอาดก็ควรคำนึงถึงวัสดุของรองเท้าด้วย เพราะรองเท้าบางชนิดไม่สามารถนำมาแช่น้ำซักทำความสะอาดได้ รองเท้าผ้าใบมือสองถ้าดูแลรักษาทำความสะอาดดีอายุการใช้งานก็จะนานยิ่งขึ้นค่ะ